ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaos Legion : Damian and Derpentious

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : สาส์นรับคำท้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 147
      0
      14 ส.ค. 53


                  สามวันต่อมา  หลังจากที่เวนเดอรัสเดินทางกลับเดอเพนเทียสได้ไม่นาน  สาส์นฉบับหนึ่งก็ถูกส่งถึงพระหัตถ์โดยระบุว่ามาจากเดเมี่ยน

    มิตรไมตรีที่ท่านมอบ...
    เราจักตอบแทนด้วยความวิบัติแห่งเดอเพนเทียส

    เมเดียส

                  เวนเดอรัสสรวลดังลั่นเมื่ออ่านจบ  ดวงเนตรวาววับด้วยความชอบใจ

                  เป็นอย่างที่คิดไว้  นอกจากไม่เกรงกลัวแล้วเมเดียสยังตอบรับคำท้าจากเขาอย่างห้าวหาญ  สมกับเป็นกษัตริย์ผู้ไม่เคยสยบแทบเท้าใคร  แต่เขานั่นแหล่ะจะเป็นคนแรกที่ทำให้หมอนั่นหมอบศิโรราบด้วยน้ำมือของเขา  แค่คิดเวนเดอรัสก็กระสันต์อยากจะออกศึกเสียวันนี้พรุ่งนี้  คิดได้ดังนั้นก็หันไปสั่งการกับเสนาบดี

                  "มอนซาส  ท่านจงสั่งการให้แม่ทัพระดมพล 5000 นายให้พร้อมเตรียมออกศึกภายในสองวัน  ยามพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่สาม  เราจะออกเดินทางไปประชิดชายแดนเดเมี่ยน


    ...............................................................


                  อีกฟากหนึ่งทางเดเมี่ยน  เสียงปะทะของดาบดังสนั่นหวั่นไหวมาจากลานประลองซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตหวงห้ามของพระราชฐานชั้นในด้านหลังปราสาท  เหล่านางกำนัลยืนรายร้อมหญิงสาวสองคนซึ่งต่างบรรดาศักดิ์กำลังประลองดาบกันอย่างเอาจริงเอาจัง  ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบและฝ่ายหนึ่งกำลังเสียเปรียบ  และในที่สุดฝ่ายได้เปรียบที่มีชั้นเชิงดีกว่าก็เป็นฝ่ายกำชัยชนะเมื่อดาบกระเด็นหลุดจากมือของฝ่ายตรงข้าม

                  "พินเซล  การ์ดเจ้ายังไม่แกร่งพอนะ  ข้อมือก็อ่อนเกินไป  อย่าลืมกลับไปปรับปรุงด้วยล่ะ"

                  "ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงชี้แนะเพคะ"  นางกำนัลพินเซลถอนสายบัวก่อนจะก้มลงเก็บดาบแล้วถอยออกไป 

                  กลุ่มสตรีที่ล้อมรอบอยู่ล้วนเป็นนางกำนัลของเมเดียสทั้งสิ้น  ในเดเมี่ยน  นางกำนัลและข้าหลวงรับใช้ทุกคนจะต้องใช้ดาบเป็น  ไม่มีใครยกเว้น  ซึ่งต่างจากเมืองอื่นๆตรงที่สตรีเพศแทบจะไม่มีสิทธิได้จับดาบเลย

                  "ต่อไปตาเจ้า  ยูเรส"

                  "เพคะ"  เจ้าของนามขานรับก่อนไปยืนประจำที่  แต่การประลองครั้งใหม่ยังไม่ทันได้เริ่มก็มีเสียงแทรกจากผู้ที่เพิ่งมาถึง

                  "ฝ่าบาทเสด็จมาอยู่ที่นี่เอง  หม่อมฉันตามหาแทบแย่"  เสียงเปรยจากวิเรีย  แม่นมประจำพระองค์

                  "ตามหาเราทำไม  หรือว่าท่านจะขอร่วมประลองด้วย"

                  "อุ๊ย  ฝ่าบาททรงตรัสเรื่อยเปื่อย  หม่อมฉันแก่แล้วนะเพคะ  อย่าว่าแต่ประลองเลย  แค่ถือดาบหม่อมฉันก็ไม่มีแรงแล้ว"

                  "เราล้อเล่นน่า  ท่านนม"  เมเดียสแย้มพระโอฐน้อยๆ  "แล้วท่านมีธุระอะไร"

                  "ได้เวลาเสวยพระกระยาหารแล้ว  เชิญเสด็จเถอะเพคะ"

                  "เรายังไม่หิว  ให้นางกำนัลยกไปเก็บที่โรงครัวเถอะ"

                  "แต่ฝ่าบาทยังไม่เสวยอะไรเลยตั้งแต่เช้า  เดี่ยวพระวรกายจะทรุดนะเพคะ"

                  "เวลาแบบนี้เราทานอะไรไม่ลงหรอก"

                  หญิงชราถอนใจ  "นี่เราต้องทำสงครามกับเดอเพนเทียสจริงๆเหรอเพคะ"

                  "มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้  ในเมื่อเดอเพนเทียสประกาศสงครามอย่างชัดแจ้งขนาดนั้น  เดเมี่ยนก็ต้องตั้งรับ  มิเช่นนั้นเขาจะมาว่าเอาได้ว่าเราขี้ขลาดตาขาว"

                  "บ้านเมืองสงบสุขมานานก็ต้องมาเกิดสงครามขึ้นจนได้  ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเดอเพนเทียสด้วยแล้ว..."  วิเรียเปรยพลางถอนหายใจอย่างนึกปลง  "ฝ่าบาทไม่ทรงหวั่นพระทัยบ้างหรือเพคะ"

                  เมเดียสโบกมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไป  ก่อนตรัส  "หวั่นใจสิ  อำนาจของเดอเพนเทียสทำให้หลายประเทศใกล้เคียงต้องตกเป็นเมืองขึ้นเพราะความพ่ายแพ้ในการศึกมาแล้ว  กษัตริย์เวนเดอรัสก็เป็นคนที่น่ากลัว  แต่เราก็เชื่อมั่นในกองทัพของเรา  ตราบใดที่เรายังปกครองอยู่  ทหารของเราจะไม่มีวันแพ้"

                  เกิดความเงียบขึ้นอึดใจ  ความเงียบที่ทำให้ฮึกเหิมจากดำรัสที่แน่วแน่ของผู้เป็นกษัตริย์  และความเงียบที่ทำให้รู้สึกหดหู่เมื่อตระหนักว่าสงครามครั้งนี้จะต้องสูญเสียเลือดเนื้อไปมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะหรือไม่ก็ความพ่ายแพ้อดสู

                  "หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องฝ่าบาท"  วิเรียพูดขึ้นทำลายความเงียบ  "ศึกครั้งนี้ฝ่าบาทอย่าทรงออกไปร่วมเลยนะเพคะ"

                  พระขนงของเมเดียสขมวด  จ้องอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ  ก่อนถามกลับ  "ทำไม"

                  "ฝ่าบาทเป็นถึงกษัตริย์ปกครองประเทศ  ไปจำเป็นต้องออกไปรบด้วยตัวพระองค์เอง  อีกอย่าง  แม้ภาระหน้าที่ที่ฝ่าบาทแบกรับจะเป็นเยี่ยงชาย  แต่กายท่านก็เป็นหญิง  เรื่องรบควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชายชาติทหารจะดีกว่า"

                  "ก็ความรับผิดชอบไม่ใช่หรือที่ทำให้เราต้องนั่งบัลลังก์ปกครองประเทศ  และความรับผิดชอบอีกนั่นแหล่ะที่ผลักดันให้เราต้องมีส่วนร่วมในสงคราม"  เมเดียสตรัส  "อย่างไรก็ตาม  เราจะต้องรบเคียงข้างกับทหาร"

                  "แต่ฝ่าบาทเป็นรัชทายาทองค์เดียวที่เหลืออยู่  ถ้าสิ้นฝ่าบาทไปเดเมี่ยนจะเป็นอย่างไรล่ะเพคะ"

                  พระพักตร์ของเมเดียสเคร่งขึ้นทันที  "ท่านนม  ท่านพูดแบบนี้แสดงว่าไม่มั่นใจในตัวเรางั้นสิ"

                  "เอ่อ..หม่อมฉันไม่ได้..."

                  "การรักตัวกลัวตายไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ปกครอง  จะปกครองคนทั้งประเทศต้องมีใจที่เข้มแข็งกล้าหาญ  โดยเฉพาะในยามที่ข้าศึกบุกประชิดเมืองเช่นนี้  ความขี้ขลาดไม่ใช่วิสัยของผู้นำ  ผู้นำที่ดีก็ต้องมีความเสียสละ"

                  หญิงชรามองบุคคลที่ตนเลี้ยงมากับมือตรงหน้า  แต่ใจกลับหวนไปนึกถึงบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งล่วงลับไปแล้ว  "ฝ่าบาททรงเหมือนเสด็จพ่อของฝ่าบาทมาก  ถ้าพระองค์ยังอยู่พระองค์ก็คงจะตรัสเช่นนั้นเหมือนกัน"

                  เมเดียสแค่นยิ้มอย่างเศร้าสร้อย  "เราก็อยากให้ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่เหมือนกัน  ถ้ามีพวกท่าน  บางทีเราก็คงไม่ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งเช่นนี้"

                  ก่อนหน้านี้สามปี  เดเมี่ยนยังถูกปกครองด้วยพระราชาแอเรียส  มีพระราชินีเมเดียล่าเคียงข้างบัลลังก์  และมีพระธิดาเมเดียสที่แสนงดงามและน่ารัก  แต่ความโศกสลดของคนทั้งประเทศก็ต้องมาเยือนเมื่อพระราชาแอเรียสสิ้นพระชนม์ในสนามรบ  ส่วนพระราชินีเสียพระทัยมากจนล้มป่วยและตรอมใจตายตามพระสวามีไปไม่นาน  ทิ้งไว้แต่พระธิดาให้เผชิญกับความอ้างว้างและโดดเดี่ยวตั้งแต่พระชนม์มายุเพียง 15 ชรรษา

                  เมเดียสเติบโตมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อพสกนิกรและประเทศชาติบ้านเมือง  ด้วยความที่ยังเยาว์วัยและเป็นอิสตรีจึงต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงต่อประเทศอื่นๆเพื่อป้องกันไม่ให้ชาติเหล่านั้นเหิมเกริมจนกล้ามารุกรานโดยง่าย  แต่ถึงเมเดียสจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิง  พระองค์ก็สามารถปกครองประเทศจนเจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้

                  แต่อุปสรรคของเมเดียสไม่ได้มีเพียงแค่การที่พระองค์เป็นหญิงพรือความเยาว์วัย  แต่มีอีกอย่างที่มีผู้รู้น้อยคนคือ "คำสาป"  คำสาปที่ติดตัวพระองค์มาถึงสามปี  คำสาปที่พ่อมดผู้ทรงฤทธิ์ผู้หนึ่งสาปเธอไว้เพราะความโกรธแค้นเจ็บใจที่ถูกพระองค์ปฏิเสธและเหยียดหยาม  เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่สร้างความอัปยศให้แก่ราชวงค์จนไม่อาจลบล้างได้มาจนถึงปัจจุบัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×