ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Pain In Memory ลางรัก แรงอดีต

    ลำดับตอนที่ #2 : จูบจอมปลอม

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 47




                    \"เธอเตรียมตัวจัดกระเป๋าเดินทางไว้ซัก 2-3 วัน  อาทิตย์หน้าเราต้องไปต่างประเทศ  มีการประชุมกับสาขาใหญ่ที่เยอรมัน  เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ\"  กฤษณะพูดเมื่อเดินออกจากห้องทำงานพร้อมอริญญาที่มารอก่อนเลิกงานซักพัก





                    \"รับทราบค่ะ\"





                    \"ไปทานข้าวเย็นต้วยกันนะนัท  วันนี้ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด\"  อริญญาแทรกขึ้นมา  รีบพูดดักไว้ก่อนที่หญิงสาวจะบอกปัด  ณัฐถกาได้แต่ตอบรับคำชวนอย่างจำใจ





                    ร้านอาหารที่ทานกันนั้นเป็นแบบกึ่งร้านอาหารเย็นกับร้านเหล้าสำหรับคน_วัยทำงานที่ต้องการสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานก่อนกลับบ้านโดยเฉพาะ





                    ขณะที่ณัฐถกาจดจ่ออยู่กับเมนูอาหารตรงหน้า  ซักพักเธอก็รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมาทางหล่อน  เมื่อเงยหน้าก็พบกับอริญญาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์  ส่งยิ้มหวานมาให้  หญิงสาวไม่พูดอะไรมาก  หากเอียงคอถาม





                    \"ไม่มีอะไรหรอก  เพียงแต่คิดว่านัทนี่สวยจริงๆด้วยน้า  ดูโต๊ะรอบๆเราซิมองเธอกันใหญ่  น่าอิจฉาจัง\"  อริญญากระซิบบอกพลางพยักเพยิดหน้าให้หันไปมองรอบข้าง  ตัวคนพูดเองคงไม่รู้ว่าคนอื่นๆก็มองตนอยู่เช่นกัน





                    สวยเหรอ!  อิจฉาเหรอ!  ณัฐถกาคิดในใจ  อยากหัวเราะเยาะตัวเอง  ไม่ได้มีเพียงร่างเล็กตรงหน้าหรอกที่พูดกับเธอแบบนี้  ตรงกันข้าม  เธอได้ยินบ่อยซะจนเอียนเลยล่ะ  ทุกคนคงไม่รู้หรอกว่าความสวยที่อิจฉากันมันนำความหายนะมาให้เธอ  เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในร่างกายเธอเลยทีเดียว  บอกอย่างไม่ต้องคิดว่า เธอรังเกียจมัน!





                    นักกวีชาวฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า  \'ศิลปินสามารถทำให้อสูรร้ายกลายเป็นสิ่งสวยงามและน่าพิศมัย\'  คำกล่าวนี้ไม่ต่างอะไรกับตัวตนของเธอเลย  เธอนี่ล่ะคืออสูรร้ายหน้าตาอัปลักษณ์ที่ทุกคนเห็นเพียงเปลือกนอกว่าสวยงามซึ่งได้ถูกซาตานรังสรรค์ขึ้นเองกับมือ





                    \"แต่ฉันอิจฉาเธอมากกว่านะ..ริน\"  มันเป็นคำตอบที่มาจากใจจริงเลยทีเดียว





                    \"คุณไม่ต้องไปอิจฉาใครหรอก..ริน  คุณเองก็สวย  เก่งก็เก่ง  แถมยังมีคนรักที่ดีมากๆแบบผมอีก  มีแต่คนเขาจะอิจฉาคุณ\"  กฤษณะแทรกขึ้นอย่างหยอกเย้า





                    \"แหวะ  นายเนี่ยนะคนดีมากๆ  เอาแต่ใจจะตาย\"





                    \"เดี๋ยวเถอะ!!\"





                    ณัฐถกาได้แต่ยิ้มขื่นๆเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า  ความสุขที่เธอไม่เคยมี  นี่ล่ะคือสิ่งที่เธออิจฉามากที่สุด!!!





                    อริญญาหันมาบอกณัฐถกา  \"สั่งอะไรเบาๆดื่มไปก่อนละกัน  เดี๋ยวป่านกับโยก็คงใกล้จะถึงแล้ว\"





                    \"อ๊ะ  พูดถึงก็มาพอดีเลย  พวกนายนี่ตายยากชะมัด\"  กฤษณะพูดเมื่อเหลือบไปเห็นเพื่อนทั้งสอง  ก่อนทักขึ้นอย่างเป็นมงคล





                    \"นัทจำสองคนนี้ได้ใช่มั๊ย\"  อริญญาหันไปถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งเงียบ  





                    หญิงสาวพยักหน้าตอบและเอ่ยทักทั้งสอง  \"สวัสดี..ประพฤติ,  โยธกา\"





                    \"คุณสบายดีใช่มั้ย\"  ประพฤติถามพลางเพ่งพินิจอีกฝ่ายเป็นพิเศษ





                    \"ฉันสบายดี  ขอบคุณมาก\"  ณัฐถกาสบตาพร้อมกับกล่าวตอบ





                    เหมือนกับการทักทายกันธรรมดาตามประสาคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนาน  หากหญิงสาวอีกคนที่มาด้วยกันกลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่างออกไปจากคำพูดทักทายปกติของทั้งณัฐถกาและป่าน  มีอะไรที่ผิดแปลกไปจากนั้น?  หรือเธออาจคิดมากไปเอง...





                    หัวข้อสนทนาผลัดเปลี่ยนไปเรื่อย  มีทั้งเรื่องงาน  เรื่องไร้สาระของทุกคน  จนกระทั่งมาจบลงที่ความทรงจำเก่าๆสมัยมัธยม





                    \"ออกจากโรงเรียนแล้วเธอไปทำอะไรน่ะ\"  โยธกาหันไปถามณัฐถกา  แววตาเริ่มฉ่ำได้ที่เมื่อดื่มเข้าไปมากพอควร





                    \"ไปอเมริกาน่ะ\"





                    \"เรียนต่อเหรอ\"  อริญญาถามต่ออย่างสนใจ  





                    หญิงสาวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ  อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น





                    \"ดึกมากแล้ว  เธอกลับกับพวกเราละกัน  เดี๋ยวให้กฤษขับไปส่ง  บ้านเธออยู่ไหนล่ะ\"  อริญญาพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าดึกพอสมควรแล้ว





                    \"ไม่เป็นไร  ฉันกลับเองได้\"





                    \"ให้กฤษมันไปส่งแหละดีแล้ว  นัท  รูปร่างหน้าตาแบบคุณอย่าคิดว่าไม่อันตรายนะ\"  ประพฤติท้วง





                    \"บ้านเธออยู่ไหนล่ะ\"  ไม่ได้คิดอยากไปส่งซักนิด  แต่อย่างน้อยกฤษณะก็คิดตรงกันกับที่ประพฤติพูดล่ะ





                    \"อพาร์ตเมนท์เรืองกิจ  10/2  ลาดพร้าว 32\"  เธอบอกที่อยู่ไปเมื่อเห็นว่าค้านไปก็ไม่มีประโยชน์  ทุกคนยืนยันหนักแน่น  ((ที่อยู่สมมติ))





                    \"แล้วโยธกาล่ะ?\"  ณัฐถกาหันไปหญิงสาวร่างเล็กฟุบหน้าลงกับโต๊ะ





                    \"ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวผมจัดการเอง  พวกคุณกลับเถอะ\"  ประพฤติตอบ







    # --------------------------------------------------- #







                    \"กฤษ  จะถึงบ้านฉันแล้วนี่\"  อริญญาหันไปเตือนชายร่างสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย





                    \"อ๊ะ  ลืมไปซะสนิทว่าต้องไปส่งคนอื่นก่อน  มันชินน่ะ\"  กฤษณะพูด  





                    ไม่หรอก..มันอาจเป็นความจงใจที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไม  เขาอาจอยากแกล้งหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง  ที่ให้มองผ่านกระจกหลังกี่ครั้งณัฐถกาก็ยังนั่งขดตัวลงกับเบาะรถ  ร่างที่เพรียวบางอยู่แล้วยิ่งดูเล็กบางลงอย่างน่าประหลาด  หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา  ความคิดคงห่างไกลจากปัจจุบันเต็มที  ก็ดูซิ..ขนาดเขาขับเลยบ้านหญิงสาวมาได้ซักพักเจ้าตัวยังไม่รู้เลย  จนรินรู้สึกตัวท้วงขึ้นเนี่ยแหละถึงได้ได้สติกับเขา





                    \"งั้นเดี๋ยวผมไปส่งรินที่บ้านแล้วย้อนกลับไปส่งณัฐภกาอีกที\"





                    \"ไม่เป็นไร  เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับไปเองจะได้ไม่ต้องย้อนกลับไปกลับมา\"  ณัฐถการีบแย้ง  เธอไม่ต้องการอยู่กับกฤษณะเพียงลำพัง  บรรยากาศมันดูน่าอึดอัดสำหรับหล่อน





                    \"ไม่ได้นะ  มาถึงนี่แล้วจะต้องไปต่อแท็กซี่อีกทำไม\"  ประโยคหลังหันกลับไปกำชับชายผมแดงอีกที  \"ถึงบ้านฉันแล้ว  กฤษ  อย่าลืมล่ะ  ไปส่งให้ถึงบ้านนะ  ห้ามปล่อยให้กลับเองเด็ดขาด\"





                    \"เอาน่า..เดี๋ยวไปส่งให้ถึงห้องเลยดีมั้ย\"  





                    คงแค่หยอกเล่น  ไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงๆหรอกใช่มั้ย  แค่คิดณัฐถกาก็ขนลุกทั้งตัวแล้ว





                    ในขณะที่ความกดดันกำลังแทรกเข้ามาในบรรยากาศภายใน  กฤษณะก็หยุดรถกะทันหัน  อีกฝ่ายมองไปด้านหน้าก็ไม่เห็นว่ามีอะไรมาทำให้ต้องหยุด





                    \"จอดทำไม  รถเสียเหรอ\"  แม้น้ำเสียงเรียบเฉย  แต่ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็อดที่จะแสดงความกังวลออกมาไม่ได้





                    \"มานั่งข้างหน้านี่\"





                    \"หือ?\"





                    \"มานั่งข้างหน้านี่!  ฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอ\"





                    \"ไร้สาระ  นั่งตรงไหนก็เหมือนกัน\"  น้ำเสียงหญิงสาวชักไม่พอใจ  ยิ่งจอดรถไว้นานก็ยิ่งดึกลงทุกทีๆ





                    \"ถ้าไม่..ฉันก็จะจอดอยู่ตรงนี้ล่ะ  แล้วแถวนี้ก็ไม่มีแท็กซี่ผ่านซะด้วยสิ\"  เขาเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะคล้ายผ่อนคลายเต็มที่





                    \"แต่นายบอกยูว่าจะไปส่งฉันให้ถึงบ้าน\"  เสียงห้วนแข็งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้  





                    \"เอ๋..ฉันกับนายงั้นเหรอ  แล้วคุณกับดิฉันมันหายไปไหนซะล่ะ\"  ชายร่างสูงแกล้งพูดไปคนละเรื่อง  แต่ที่จริงเขาก็รำคาญคำสุภาพของร่างบางมานานแล้วล่ะ  พูดต่อด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างแรงในความรู้สึกของร่างบาง  \"ก็ถ้าเธอขึ้นมานั่งข้างหน้าล่ะก็  คืนนี้ถึงบ้านแน่!\"





                    ณัฐถกาเม้มปากอย่างขัดใจ  ออกจากรถก้าวไปนั่งเบาะหน้าอย่างกระแทกกระทั้น  กระชากประตูรถปิดส่งท้ายปังใหญ่!





                    \"ก็แค่นี้\"  





                    ณัฐถกาสะกดความโมโหที่พลุ่งพล่านแทบไม่อยู่  เมื่อน้ำเสียงอีกฝ่ายบอกชัดว่าเขาทำตัวยุ่งยากไปเอง  ซึ่งดูยังไงมันก็ขัดกับสีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงว่าตนได้รับชัยชนะครั้งใหญ่!





                    แต่การกวนประสาทของอีกฝ่ายไม่หยุดลงง่ายๆแค่นั้น  เมื่อร่างสูงเอื้อมมือมาปลดเกียร์เพื่อออกรถ  แสดงชัดว่าจงใจปัดมาโดนตัวเธอ! ณัฐถกากระถดตัวหนี  พยายามบีบกายให้ชิดประตูรถฝั่งตัวเองให้มากที่สุด  ท่าทางนี้กลับสร้างความหมั่นไส้ให้อีกฝ่ายมากขึ้น  เขาเอื้อมมือซ้ายอ้อมมาโอบหลังเบาะที่ณัฐถกานั่งเพียงต้องการเห็นหญิงสาวนั่งตัวตรง  หลังตรง  ตัวแข็งทื่อ  ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าให้ขยับยังไงก็หนีไม่พ้นมือเขาอยู่แล้ว





                    ณัฐถกาผ่อนลมหายใจเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถด้านหน้าของอพาร์ทเมนต์  เธอกล่าวขอบคุณและรีบก้าวลงจากรถโดยไม่เหลียวมามองอีกฝ่ายซักนิด  มารู้ตัวอีกทีก็เห็นกฤษณะเดินตรงมาหาเธอที่อยู่หน้าลิฟท์ซะแล้ว





                    \"ตามมาทำไม?  รีบกลับไปดีกว่า  ดึกมากแล้ว\"  ณัฐถกาจงใจละสรรพนาม  ในอารมณ์ที่คุกรุ่นอย่างนี้หล่อนไม่คิดจะพูดจาสุภาพกับใครทั้งนั้น  แม้คนที่ยืนอยู่ข้างๆจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายเธอก็ตาม





                    \"ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่งเธอให้ถึงห้องน่ะ\"  กฤษณะแสร้งทำเสียงจริงจัง





                    \"ไม่ต้อง!  แค่ขึ้นลิฟท์ไม่กี่ชั้นคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรอก\"





                    \"มันก็ไม่แน่\"  กฤษณะเถียงและเดินนำหน้าเข้าไปยืนในลิฟท์  





                    เมื่อลิฟท์มาถึง  หญิงสาวอยากจะหันหลังกลับไปขึ้นบันไดให้รู้แล้วรู้รอดไป  แต่หล่อนไม่คิดว่าจะแสดงอะไรที่ดูว่าเป็นการกลัวชายร่างสูงตรงหน้านี้เด็ดขาด  เธอจึงตัดสินใจเดินตามเข้าไป





                    \"ชั้นไหนล่ะ?\"





                    \"17\"





                    ณัฐถกาพยายามยืนให้ห่างจากอีกฝ่ายมากที่สุด  ซึ่งมันก็ได้แค่อยู่คนละมุมลิฟท์เท่านั้น  ก้มหน้าลงมองปลายเท้าของตัวเอง  อึดอัดบอกไม่ถูก  ความรู้สึกเดียวกับตอนอยู่ในรถไม่มีผิด  หากแต่ในรถยังพอมีเสียงวิทยุคลอเบาๆ  ส่วนในลิฟท์นี่ถ้ากลืนน้ำลายดังก็คงได้ยิน





                    \"เธออยู่กับใครน่ะ\"  กฤษณะตัดสินใจทำลายความเงียบ





                    \"คนเดียว\"





                    \"แล้วคนอื่นๆในครอบครัวเธอล่ะ\"  ชายร่างสูงได้รับความเงียบเป็นคำตอบ  \"รู้มั้ย  ฉันเกลียดคนที่ไม่มองหน้าเวลาฉันพูดด้วย  และยิ่งถามไม่ตอบนี่ยิ่งเกลียดสุดๆเลย!!\"  เขาพูดและสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับยกแขนขึ้นท้าวผนังลิฟท์  บีบให้อีกฝ่ายติดอยู่ในมุมลิฟท์





                    ณัฐถการีบเงยหน้าขึ้น  โต้ตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชาพอกัน  \"แล้วรู้มั้ย  ฉันจะไม่มองหน้าคนที่ฉันไม่คิดอยากจะพูดด้วยเลยซักนิด  และจะตอบคำถามกับคนที่ฉันอยากจะตอบเท่านั้น!!\"  ก่อนเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เกินความจำเป็น  \"แล้วก็ช่วยถอยออกไปด้วย  ฉันอึดอัด!!\"





                    กฤษณะรู้สึกฉุนขึ้นมากับท่าทีที่ไม่ยอมอ่อนข้อของหญิงสาวตรงหน้า  เขาแกล้งเบียดตัวชิดเข้าไปเพิ่มมากขึ้น





                    \"อืม..ที่พูดมาเนี่ยเป็นคำขอร้องรึเปล่า\"





                    ณัฐถกาไม่ตอบกลับด้วยคิดว่าอาจไม่เป็นการดีกับตัวหล่อนเท่าไหร่  และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกไป  หากภายในมันเกร็งไปทั่วทั้งร่าง  หัวใจเต้นดังจนเกรงว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน  เวลายาวนานราวกับผ่านไปหลายชั่วโมง  เหงื่อออกแต่มือกลับเย็น





                    เธอรู้สึกโล่งอกเมื่อลิฟท์จอด  หญิงสาวแทบจะพุ่งออกมาตั้งแต่ประตูลิฟท์ยังไม่เปิดดี  สาวเท้ายาวๆตรงไปยังห้องของตน  ขณะที่อีกฝ่ายเดินทอดน่องตามหลังมา





                    \"ขอบคุณ  ราตรีสวัสดิ์\"





                    แต่ก่อนที่ณัฐถกาจะทันได้ปิดประตูห้องใส่หน้าอีกฝ่าย  กฤษณะก็ถือวิสาสะดันประตูให้เปิดค้างไว้  





                    \"ไม่ชวนเข้าไปดื่มอะไรหน่อยเรอะ\"





                    \"ดึกมากแล้ว  ฉันง่วงนอน\"





                    \"เธอนี่มารยาทดีจริงนะ\"  พูดจบชายหนุ่มก็ดันตัวเองเข้ามา  \"งั้นขอเข้าไปล้างหน้าแทนละกัน  ฉันรู้สึกมึนๆ\"





                    \"นายไม่มึนและก็ไม่เมาด้วย  เชิญกลับไปได้แล้ว!!\"  น้ำเสียงอีกฝ่ายชักจะหมดความอดทนลงทุกที





                    \"โอเค  งั้นก็..ราตรีสวัสดิ์\"  พูดพร้อมกับคว้าร่างบางมากอดพลางบดขยี้ริมฝีปากอย่างหมั่นไส้  รำคาญกับความเฉยชาราวกับไม่รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น  อยากจะรู้นักว่าสีหน้าจะยังคงเดิมหรือไม่   มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบและต้องการเอาชนะอย่างเด็กๆ





                    ณัฐถกากำมือแน่นระงับอาการสั่นและผลักฝ่ายตรงข้ามออกไปทันที





                    \"นายควรจะนึกถึงรินเอาไว้ให้มากกว่านี้ก่อนทำอะไรลงไป\"  เสียงเย็นเยียบกว่าธรรมดาหลายเท่านัก  ยิ่งกดดัน  ยิ่งต้อนให้จนมุม  ใบหน้างามยิ่งกระด้างและเฉยชาเพิ่มเป็นเท่าตัว  





                    ณัฐถกากระแทกประตูปิดใส่หน้าอีกฝ่ายจนกฤษณะถอยหลังแทบไม่ทัน  ในความโมโหหงุดหงิดชายร่างสูงกลับรับรู้ได้ถึงรสสัมผัสนุ่มนวลจากริมฝีปากอิ่มชื้นที่ยังหลงเหลือความรู้สึกอยู่จางๆ  แปลกใจตัวเองเหมือนกัน  ในหัวขาวโพลนไปหมด  มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถอนริมฝีปากออกจากร่างบางแล้ว





                    \"บ้าที่สุด!!\" ณัฐถกาสบถหลังจากปิดประตูห้องแล้ว  หลังพิงกำแพงอย่างหมดแรง  หล่อนยกมือปาดไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ราวกับต้องการให้หายไปจากริมฝีปาก  ทั้งๆที่รู้ว่ามันช่วยอะไรไม่ได้มาก







    To be continued...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×