ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอลวัน หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 16 : ทะเลาะวิวาท

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 49



                   ก๊อก  ก๊อก

                   เสียงเคาะประตูในเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนประตูจะถูกเปิด  ตามมาด้วยชายร่างสูงหัวสีส้มเหลือบแดงที่ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงหิ้วใบหนึ่ง

                   "อรุณสวัสดิ์"  ชายที่เข้ามาใหม่เอ่ยทักคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเพียงลำพังในห้อง

                   "มาทำไมแต่เช้าวะ"  ราล์ฟทักตอบ

                   "นั่นคำทักทายเพื่อนฝูงของนายเรอะ"  ริคย้อน  "ไอ้เรารึอุตส่าห์ไปซื้ออาหารเช้ามาฝาก  เห็นว่าขาเจ็บคงจะหากินลำบาก  ในเมื่อไม่เอาก็ไม่เป็นไร  งั้นฉันเอาไปให้ไอ้ดิ๊กกี้(สุนัข)ที่หลังหอกินแทนก็ได้วะ"  พูดจบก็ทำท่าจะหันหลังกลับ  ราล์ฟรีบเรียกไว้ทันที

                   "เฮ้ยๆๆ  เดี๋ยวสิวะ  ซื้อมาให้คนกินไหงจะเอาไปให้หมากินเฉยเลย  นายนี่"  ราล์ฟต่อว่า

                   "ก็คนที่ตั้งใจจะซื้อให้มันดันไม่เอานี่หว่า  ฉันก็เลยต้องเอาไปให้หมาแทน  ไอ้ดิ๊กกี้คงดีใจน่าดู  ถือเป็นการให้ทานไปในตัวด้วย"  ริคยียวนตอบ

                   "ไอ้เพื่อนไม่รักดี  ใครว่าฉันไม่เอาวะ  ยังไม่ได้พูดซักคำว่าไม่เอา"  ราล์ฟเถียง

                   "ก็ดูที่นายทักตอบซิ  มันน่ามั้ยล่ะ"

                   "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเพื่อนที่แสนดี"  ราล์ฟเอ่ยประชด  "พอใจยังวะ"

                   "เออ"  ริคตอบอย่างเสียไม่ได้  ก่อนจะหยิบโต๊ะพับตัวเตี้ยแบบญี่ปุ่นที่วางพิงอยู่มุมห้องมากางออกตั้งแล้วนั่งลงกับพื้นโดยมีราล์ฟลงมานั่งตาม

                   "ซื้ออะไรมากินวะ"  ราล์ฟเอ่ยถามขณะที่ช่วยริคหยิบอาหารกล่องสามกล่องออกมาจากถุง

                   "สปาเกตตีทูน่า"  ริคตอบ  ก่อนจะลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็น

                   "สปาเกตตี?  โห  หรูจริงว่ะเพื่อน"

                   "ได้แค่นี้ก็บุญแล้วโว้ย!  ตกลงจะกินหรือไม่กิน  ถ้าไม่กินจะได้เอาไปบริจาคส่วนของนายให้ไอ้ดิ๊กกี้มัน!"  ริคพูดเสียงดุพร้อมกับกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะ

                   "กินครับกิน  โห่  แค่ล้อเล่นแค่เนี๊ยะต้องดุด้วย"  ราล์ฟรีบพูด  "หือ?  ซื้อมาตั้งสามกล่องกลัวฉันไม่อิ่มรึไง"

                   ริคไม่ตอบแต่เปลี่ยนมาถามเรื่องอื่นแทน  "แล้วรูมเมทนายไปไหนล่ะ"

                   "อาบน้ำอยู่"  ราล์ฟตอบ  ก่อนจะนึกได้  "อ้อ  แสดงว่าอีกกล่องที่เหลือก็....."

                   ยังไม่ทันที่ราล์ฟจะพูดจบเจสสิก้าก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี  ร่างเพรียวอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงสามส่วนสีน้ำตาล  อวดต้นคอ  เรียวแขนและเรียวขาขาวเนียน  บวกกับกลิ่นสบู่โชยอ่อนๆ  เล่นเอาชายผู้เป็นแขกของห้องมองตาค้างแทบกลืนน้ำลาย  ส่วนราล์ฟ  เขาเห็นจนชินแล้วจึงรู้เฉยๆ

                   "อ้าว  ริค  อรุณสวัสดิ์  มาแต่เช้าเลยนะ"  เจสสิก้ายิ้มทัก

                   คนถูกทักยังคงมองตาค้าง  จนเพื่อนต้องแกล้งกระแอมเพื่อเรียกสติให้กลับมา  "ฮะแฮ่ม!"

                   "อะ...อรุณสวัสดิ์"  ริคทักตอบเก้อๆ

                   "ตามสบายนะ"  เจสสิก้าซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวกล่าวด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะเอาผ้าขนหนูไปตากที่ระเบียงด้านนอกโดยมีสายตาของริคมองตาม 

                   ราล์ฟกระซิบเพื่อเตือนสติเพื่อน  "เฮ้ย  นั่นผู้ชายนะโว้ย  อย่าเผลอตัวเชียวนะ  ท่องไว้  ผู้ชาย  ผู้ชาย"

                   "เออ  รู้แล้วน่ะ"  ริคกระซิบตอบ  "เฮ้อ...ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่ะว่าอ้อนแอ้นเพรียวบางแบบนั้นจะเป็นผู้ชายไปได้  ถ้าบอกว่าเป็นทอมจะยังน่าเชื่อกว่าอีก"

                   "ยังไงก็เป็นไปแล้ว"  ราล์ฟเตือน  "ยังไงนายก็อย่าไปเผลอใจชอบเจ้านั่นเข้านะโว้ย  ฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นโฮโม"

                   "พูดง่ายแต่ทำยากนี่หว่า"  ริคเถียงกลับเสียงเบา

                   "กระซิบกระซาบอะไรกันน่ะ  นินทาฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย"  เจสสิก้าที่เดินกลับมาแกล้งถามล้อๆ  หารู้ไม่ว่าเธอพูดถูกเผง

                   "เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก  มากินอาหารเช้าด้วยกันสิ  ฉันชื้อมาเผื่อนายด้วยนะ"  ริครีบเปลี่ยนเรื่อง

                   "เผื่อฉันเนี่ยนะ?"  เจสสิก้าแทบไม่อยากเชื่อ 

                   "มานั่งกินเถอะน่า  เจ้าริคอุตส่าห์ซื้อมาเผื่อ  ถ้าไม่กินมันจะเสียใจแย่"  ราล์ฟเอ่ยชวน

                   เจสสิก้านั่งลงแต่โดยดีแม้จะแปลกใจด้วยความคิดไม่ถึงว่าราล์ฟจะออกปากชวนด้วยตัวเอง  เธอรู้สึกเกรงใจจึงคิดจะจ่ายเงินค่าอาหารคืนให้ริคแต่ชายหนุ่มยืนยันไม่ยอมรับท่าเดียวจนเธอต้องยอมในที่สุด

                   "ขอบใจนะริค  นายนี่มีน้ำใจจัง"  เธอกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงใจทำเอาเจ้าตัวเป็นปลื้ม  "สปาเกตตีทูน่าเหรอ  น่ากินจังนะ" 

                   "แค่อาหารง่ายๆน่ะ  โทษนะที่หาของหรูกว่านี้ไม่ได้"  ริคบอก

                   "ไม่หรอก  เท่านี้ก็ดีแล้วล่ะ  ฉันชอบออก  เวลาอยู่ที่บ้านก็ให้แม่บ้านทำให้กินบ่อยๆ"  เจสสิก้าพูดตามความรู้สึก  ไม่ได้แสแสร้งแกล้งชมเพื่อเอาใจเลยแม้แต่น้อย

                   แค่อาหารง่ายๆ?  โทษนะที่หาของหรูกว่านี้ไม่ได้?  เฮอะ!  ไอ้เพื่อนตัวดี  เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยนะเฟ้ย  ทีกับเขากลับบอกว่า ได้แค่นี้ก็บุญแล้ว 

                  ราล์ฟกระแนะกระแหนเพื่อนในใจอย่างอดไม่ได้  นึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ

                   ริคยิ้มปลื้ม  "คริสชอบก็ดีแล้ว  ไม่เหมือนบางคน  บ่นนู่นบ่นนี่  พอบอกจะเอาไปให้หมากินแทนเท่านั้นแหล่ะ  รีบคว้าคืนเลย"

                   "นายหมายถึงใครวะ  ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง"  ราล์ฟแกล้งเฉไฉอย่างไม่ยอมรับ

                   เจสสิก้าหัวเราะ  วันนี้เป็นเช้าที่ทำให้เธอแปลกใจพอสมควร  แต่ก็รู้สึกโล่งอกที่พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนกันได้  ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยคิดเลยว่าระหว่างพวกเธอจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ 

                   เช้าวันนั้นทั้งสามคนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน  หลังจากนั้นก็นั่งพูดคุยเรื่องต่างๆอยู่ภายในห้อง 406 ท่ามกลางบรรยากาศครื้นเครงและเสียงหัวเราะ


    ......................................................


                   เวลาบ่ายแก่ๆหลังจากที่ริคขอตัวกลับเพราะต้องไปซ้อมบาส  ราล์ฟนั่งๆนอนๆอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย  ส่วนเจสสิก้ากำลังง่วนอยู่กับของในตู้เย็น

                   ต้องซื้อนมมาเก็บใส่ตู้เย็นไว้ซักหน่อยแล้ว  อ้อ  แล้วก็แยมกับขนมปังด้วย 

                   เจสสิก้าคิดระหว่างสำรวจของขาดในตู้เย็น  จากนั้นจึงลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในตู้เสื้อผ้าเพื่อจะลงไปซื้อของ

                   "ราล์ฟ  ฉันจะลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทหน้าโรงเรียน  นายจะฝากซื้ออะไรมั้ย"  เธอหันไปถามรูมเมทที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

                   ราล์ฟส่ายหน้าโดยไม่ได้หันมามอง  ทำให้เจสสิก้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ 

                   คนเค๊าถามจะหันมาตามมารยาทไม่ได้รึไงนะ 

                   เธอถอนหายใจแล้วหันหลังเดินไปที่ประตู

                   "ขอโค้กกระป๋องนึงกับฮอทดอกสองอันก็แล้วกัน"  ราล์ฟตะโกนไล่หลังก่อนที่เจสสิก้าจะก้าวออกจากประตูห้อง  เธอหันมามองชายหนุ่มอย่างแปลกใจเล็กน้อย  ก่อนจะออกจากห้องไป

                   ไหนว่าไม่เอาไง  บอกมาตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง  ทำเป็นเก๊กอยู่ได้ 

                   เธอบ่นในใจขณะเดินไปที่ลิฟต์

                   เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นักเรียนส่วนใหญ่จึงกลับบ้าน  พวกที่อยู่จะเป็นพวกที่ทำกิจกรรมของชมรม  หรือไม่ก็นั่งคุยนั่งเล่นตามบริเวณโรงเรียน 

                   ระหว่างทางไปยังมินิมาร์ทหน้าโรงเรียนจะต้องผ่านโรงยิมและสนามฟุตบอล  เมื่อเจสสิก้าเดินผ่านแถวนั้นโดยเฉพาะบริเวณสนามฟุตบอลที่พวกชมรมฟุตบอลกำลังอยู่ในขณะซ้อม  มีสายตาหลายคู่ที่มองมา  เจสสิก้าไม่สนใจ  พยายามเดินเลยผ่านโดยไม่หันไปมอง  ระหว่างนั้นก็มีเสียงแซวเสียงผิวปากดังไล่หลังมา  เนื่องจากเวลานี้เจสสิก้าอยู่ในชุดธรรมดาไมใช่เครื่องแบบนักเรียนชายจึงทำให้คนอื่นๆมองว่าเป็นผู้หญิง 

                   เจสสิก้าซื้อของกินและเครื่องดื่มไว้สำหรับเก็บเข้าตู้เย็น  โดยที่ไม่ลืมที่จะซื้อโค้กกระป๋องกับฮอทดอกสองไม้ให้พ่อคนขี้เก๊กด้วย  จากนั้นก็เดินกลับเข้าโรงเรียน  แต่ระหว่างขากลับที่เดินผ่านสนามฟุตบอลอีกครั้งก็มีผู้ชายตัวใหญ่ล่ำหุ่นนักกีฬาจำนวนหนึ่งผละออกมาจากสนามแล้วมาขวางหน้าเธอไว้

                   "น้องๆ  อยู่ปีอะไรจ๊ะ  ทำไมพี่ไม่เคยเห็นหน้าเราเลย"  ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น

                   "เป็นนักเรียนใหม่ใช่มั้ย  รู้จักทั่วโรงเรียนรึยังล่ะ  ให้พวกพี่พาชมโรงเรียนเอามั้ย"  อีกคนพูดขึ้นพลางส่งสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม

                   "ไม่จำเป็น  ขอบคุณ"  เจสสิก้าพูดเสียงห้วน  "อีกอย่าง...ผมเป็นผู้ชาย  กรุณาเข้าใจไว้ด้วย!" 

                   หลังจากเจสสิก้าพูดจบ  ชายหนุ่มทั้งสามคนก็นิ่งอึ้งไปซักพักก่อนที่จะพากันหัวเราะเสียงดัง 

                   "ผู้ชาย?  โห  จะโกหกทั้งทีน่าจะหาข้ออ้างที่มันน่าเชื่อหน่อยนะน้อง"

                   "ใช่  รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น  หน้าก็หวานเสียงก็หวานอย่างนี้นะผู้ชาย  ถึงแม้อกจะแบนไปหน่อยก็เถอะ  แต่ไม่เป็นไรพวกพี่ไม่ถือ" 

                   ((**เวลาปกติถ้าอยู่ในโรงเรียนเจสสิก้าจะเอาผ้าพันหน้าอกไว้เพื่อปกปิดส่วนเกิน))

                   ทั้งสามยังพากันหัวเราะไม่หยุด  เจสสิก้านึกรำคาญ  สงบสติอารมณ์เพราะไม่อยากมีเรื่อง  พยายามแทรกตัวออกมาจากวงล้อม

                   "อ๊ะ  เดี๋ยวสิ!  จะรีบไปไหนล่ะน้อง  อยู่คุยกันก่อนสิ"  ชายคนที่สามพูดพร้อมกับฉวยโอกาสจับแขนข้างซ้ายของเจสสิก้า  ขณะที่แขนขวาของเธอถือถุงหิ้วอยู่

                  "ปล่อย"  เจสสิก้าพูดเสียงเย็น  พยายามระงับความโกรธอย่างสุดความสามารถ

                   "คงจะอยู่เกรดสิบหรือไม่ก็เกรดสิบเอ็ดสินะ  พวกเราเกรดสิบสอง  คุณวุฒิสูงกว่าน้อง  ดังนั้นเคารพเชื่อฟังรุ่นพี่หน่อยสิ"

                   "บอกให้ปล่อย!"  เจสสิก้าเสียงเข้มขึ้น  จ้องตาคนที่ยังคงถือโอกาสจับแขนเธออย่างอาฆาต

                   "น่านะ  ไปกับพวกพี่เถอะ  พวกพี่ใจดีจะตาย  เดี๋ยวจะสอนอะไรดีๆให้"  ชายอีกคนเชยคางเธอขึ้นอย่างถือสิทธิ์

                   "ไม่ปล่อยใช่มั้ย!" 

                   ความอดทนของเจสสิก้าขาดผึง  ขาดคำเธอก็ใช้แขนข้างขวาที่เป็นอิสระเหวี่ยงถุงฟาดเข้าที่หน้าของชายที่เชยคางเธอจนหน้าสะบัดไปตามแรง  เซจนเกือบทรงตัวไม่อยู่  จากนั้นก็ทิ้งถุงลงกับพื้น  คว้าหมับเข้าที่แขนของชายหนุ่มอีกคนที่จับแขนซ้ายของเธออยู่แล้วหมุนตัวบิดแขนของชายหนุ่มไขว้หลังทันที 

                   "โอ๊ยยย!"  ผู้ถูกกระทำร้องด้วยความเจ็บปวด  ก่อนจะล้มหน้าทิ่มคลานกับพื้นเพราะแรงถีบของเจสสิก้าจากด้านหลัง

                   "หนอย...ไอ้เด็กบ้า!"  ชายหนุ่มอีกคนที่ถูกถุงหิ้วฟาดใส่หน้า  เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองถูกทำร้ายก็พุ่งไปหาตัวการทันที

                   เจสสิก้าก้มหลบวืด  คว้าคอเสื้อของคู่ต่อสู้ให้โน้มลงมาแล้วเข่าเข้าที่ท้องเต็มรัก  ใช้โอกาสระหว่างที่ชายหนุ่มงอตัวกุมท้องพลิกตัวอ้อมไปด้านหลังแล้วประสานมือทุบไปที่ท้ายทอยจุดเส้นประสาทที่อ่อนที่สุดในร่างกายจนผู้เคราะห์ร้ายสลบเหมือด

                   "แก!  จะมากไปแล้วนะ!" 

                   อีกคนที่เหลือพุ่งหมัดเข้าใส่แต่เจสสิก้าใช้แขนปัดออกไปได้อย่างรวดเร็ว  แขนอีกข้างสวนหมัดพุ่งเข้าที่ท้องของคู่ต่อสู้อย่างแรงจนตัวงอ  แล้วเสยอีกหมัดเข้าที่ปลายคางจนชายหนุ่มกระเด็นหงายหลัง

                   เจสสิก้าหอบฮั่ก  ตะคอกใส่คนทั้งสามที่นอนกองกับพื้นอย่างเหลืออด  "ทีนี้เชื่อรึยังว่าเป็นผู้ชาย!  หนอย  เห็นว่าตัวเล็กกว่าแล้วจะมารังแกกันง่ายๆรึไง  ไม่มีทาง!  รุ่นพี่ก็รุ่นพี่เถอะวะ!  ทำตัวเหมือนสวะไม่เป็นตัวอย่างที่ดีก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ความเคารพนับถือจากรุ่นน้อง!"

                   เสียงเอะอะที่ไม่ไกลจากสนามฟุตบอลนักทำให้คนบริเวณนั้นหันมามอง  รวมทั้งคนในโรงยิมที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้ยินเสียงด้วยจึงพากันกรูออกมาดูเหตุการณ์  หนึ่งในนั้นคือริคที่วิ่งออกมาพร้อมกับพรรคพวกในชมรมบาสฯ  ทั้งหมดยืนมองด้วยความตกตะลึง  ภาพชายสามคนที่ล้มอยู่กลางพื้น  หนึ่งในนั้นสลบเหมือดคาที่  มีร่างบางที่ดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงยืนอยู่ท่ามกลางร่างของชายทั้งสาม  ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

                   "แก....."  เสียงครางแผ่วเบา  คนที่ถูกเจสสิก้าถีบจนล้มลงกับพื้นตั้งหลักลุกขึ้นได้ก็พุ่งเข้าหาเจสสิก้าที่ยืนหันหลังให้ทันที              

                   "คริส!  ระวัง!"  ริคตะโกนเรียก  ก่อนเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดเสียวจากพวกผู้หญิงไม่กี่คนที่ยืนดูอยู่รอบนอกจะดังตามมา

                   เจสสิก้าที่ไม่ทันระวังมัวแต่หันไปมองคนที่มารุมล้อมมุงดูอย่างตื่นๆได้ยินเสียงร้องเตือนก็จะหันขวับไปข้างหลัง  แต่ช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีจึงโดนคู่ต่อสู้ล๊อกคอจากด้านหลัง  ริครีบวิ่งเข้าไปช่วย  แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเข้าไปถึงตัวเจสสิก้าก็ยกขากระทืบเท้าของอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วศอกไปที่ท้องของคู่ต่อสู้ด้านหลัง  แขนที่ล๊อกคออยู่คลายออกเปิดโอกาสให้เจสสิก้าหมุนตัวออกมาได้  เธอคว้าเข้าที่คอเสื้อของอีกฝ่ายที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวยกทุ่มข้ามไหล่  หลังของชายร่างใหญ่กระแทกพื้นดังพลั่ก  เจ็บจุกจนลุกไม่ขึ้น 

                   หญิงสาวยืนมองชายทั้งสามที่หมดสภาพด้วยสายตาเย็นชาปนสะใจเล็กๆ  หนึ่งในสองนอนคว่ำหน้าหมดสติ  ที่เหลือนอนคู้ตัวเกลือกกลิ้งกับพื้น  ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด  ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น  ผลตอบแทนที่ได้รับคงจะทำให้ชายทั้งสามคนเข็ดหลาบไปอีกนาน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×