ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอลวัน หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 : จุดเริ่มต้นของมิตรภาพ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 49



                  R..R..R..R.....

                  "คอนเนลลี่พูดครับ"

                  "อา  นี่เจสเองนะคะ"

                  "อ้าว  ว่าไงหลานรัก  ที่โรงเรียนใหม่เป็นไงบ้างล่ะ"

                  "ก็ดีค่ะ  ตอนนี้เริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่แล้วก็โรงเรียนใหม่แล้ว"

                  "งั้นก็ดีแล้ว  แล้วได้เจอเรย์บ้างรึยัง"

                  "เจอแล้วค่ะ  ตอนแรกเจสเกือบจำไม่ได้แน่ะ"

                  "หึหึ  ตอนแรกอาก็เกือบจำหมอนั่นไม่ได้เหมือนกัน  อืม...แล้วเรื่องานล่ะถึงไหนแล้ว  มีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่า"

                  "ยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะ  ตอนนี้เจสกำลังหาข้อมูลของโรเจอร์จากพวกเพื่อนๆ  คิดว่าอีกไม่นานน่าจะคืบหน้า"

                  "ดี  แล้วระวังตัวด้วยล่ะ  อย่าประมาทอย่าทำอะไรวู่วามเด็ดขาดเชียวนะ  มีอะไรก็ปรึกษาเรย์หรือโทรมาปรึกษาอาได้ทุกเมื่อ"

                  "อาไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ  เจสจะรอบคอบและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด"

                  "อย่างนี้อาค่อยสบายใจหน่อย  แล้วที่โทรมานี่มีเรื่องนี้เรื่องเดียวหรอ"

                  "อ้อ  เปล่าค่ะ  เจสจะโทรมาบอกว่าที่หออนุญาตให้นักเรียนลากลับบ้านได้ทุกเสาร์-อาทิตย์  เจสเลยจะกลับไปอยู่กับอา  พรุ่งนี้เช้าอาให้คนมารับเจสที่โรงเรียนนะคะ"

                  "จริงสิ  อาเกือบลืมอีกเรื่องไปสนิท  ว่าจะโทรไปบอกเจสอยู่เหมือนกัน  พอดียุ่งๆอยู่เลยไม่ได้โทร"

                  "มีอะไรเหรอคะ"

                  "มีงานด่วนทางราชการเข้ามา  อาต้องไปประสานงานกับตำรวจที่ชิคาโก้หนึ่งอาทิตย์  ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า  ถ้าเจสกลับมาบ้านก็ไม่ได้อยู่กับอา  อาขอโทษนะ"

                  "ไม่เป็นไรหรอกค่ะอา  ยังไงงานราชการก็ต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว  เจสเข้าใจค่ะ"

                  "แล้วตกลงเราจะกลับมารึเปล่า  ยังไงที่นี่ก็ยังมีป้าเมย์กับคนใช้อยู่  ถ้ากลับมาจะได้บอกให้คนขับรถไปรับตอนเช้า"

                  "อืม...ในเมื่ออาไม่อยู่งั้นเจสก็ไม่กลับดีกว่าค่ะ  อยู่ที่นี่มีเพื่อน  เจสจะได้ไม่เหงา"

                  "ตามใจ  ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ"

                  "อาก็เหมือนกันนะคะ  เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ  ระวังตัวด้วยล่ะ  เจสเป็นห่วง"

                 "มือชั้นนี้แล้วไม่พลาดอยู่แล้วน่า"

                  "ค่า... พ่อ CIA คนเก่ง  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอาของเจสคนนี้เก่งแค่ไหน"

                  "ฮ่าๆ  ถูกแล้ว"

                  "งั้นแค่นี้นะคะ  อาจะได้มีเวลาพักผ่อน  พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องแต่เช้านี้"

                  "โอเค  โชคดีนะเจส"

                  "โชคดีค่ะอา"

                  เจสสิก้าวางหูโทรศัพท์แล้วล้มตัวนอนบนเตียง 

                  งั้นเสาร์อาทิตย์นี้เธอก็ต้องอยู่หอสินะ

                  เจสสิก้าคิดพลางหันไปมองเตียงอีกฝั่ง

                  แล้วหมอนั่นจะอยู่ที่หอรึเปล่านะ... ขออย่าให้อยู่เล๊ย  จะได้ไม่ต้องทนเจอหน้าให้อึดอัดตลอดสองวันเต็ม

                  แกร๊ก

                  เสียงเปิดประตูทำให้เจสสิก้าลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมอง  ริคพยุงราล์ฟเข้ามาในห้องแล้วพาไปนั่งที่โซฟา  เจสสิก้ามองที่หัวเข่าของชายหนุ่มที่ถูกปิดด้วยผ้าพันแผลแล้วเห็นใจ

                  ท่าทางจะเจ็บแฮะ

                  "นายไม่เป็นไรมากแน่นะ  ลุกเดินในห้องไหวรึเปล่า"  ริคถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

                  "สบายมากน่า  ตอนนี้แค่ปวดแผลนิดหน่อย  พอหายปวดก็เดินวิ่งได้ตามปกติ"  ราล์ฟพูดอย่างวางฟอร์ม

                  ริคส่ายหน้าในความอวดเก่งของเพื่อน  แกล้งดีดนิ้วลงไปที่แผลเบาๆจนราล์ฟร้องเสียงหลง

                  "โอ๊ย!  ทำบ้าอะไรวะ  เจ็บนะโว้ย"

                  "หมั่นไส้โว้ย  เจ็บแล้วยังทำเก่ง  ยังไงก็อย่าฝืนแล้วกัน  แล้ววันหยุดนี้ห้ามนายออกไปไหนเด็ดขาด  นอนพักอยู่ในห้องนั่นแหล่ะ  ส่วนเรื่องซ้อมไม่ต้องเป็นห่วง  นายหยุดซ้อมไปเลยอาทิตย์นึง  ฉันจะบอกโค้ชกับกัปตันให้เอง"  ริคบอกเป็นเชิงบังคับ

                  "เฮ้ย  ให้นั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้องแบบนี้ทั้งเสาร์-อาทิตย์ฉันก็เป็นง่อยตายสิวะ"

                  "เออ  เป็นง่อยตายในห้องไปเลยยิ่งดี  ดีกว่าลากสังขารไปตายคาสนามว่ะ  มันน่าสมเพช"  ริคประชดอย่างเอือมระอา

                  "อ้าว  ไอ้เพื่อนเวร  แช่งฉันเรอะ"  ราล์ฟโมโหจนลืมตัว  ยกขาข้างที่เจ็บหมายจะเตะเพื่อนตัวดีซักป้าบ  แต่ก็ต้องร้องโอดครวญเมื่อกระทบกระเทือนแผลจนรู้สึกเจ็บ

                  "ฮ่าๆ  สมน้ำหน้า  ไอ้คนไม่รู้จักเจียมสังขาร"  ริคหัวเราะเยาะ 

                  ราล์ฟที่ไม่อาจตอบโต้ได้ในเวลานี้ได้แต่เข่นเขี้ยวอย่างเจ็บใจ  "เออ  ฝากไว้ก่อนเหอะ  หายดีเมื่อไหร่จะเอาคืน"

                  เจสสิก้าที่แกล้งทำเป็นนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแต่คอยชำเลืองมองมาที่ชายหนุ่มทั้งสองคนตลอดก็อดขำไม่ได้  พยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มความสามารถ  แต่อยู่ๆริคก็หันมาทางเธอจึงต้องแสร้งปั้นหน้าเฉย

                  "คริสโตเฟอร์" 

                  "หือม์?  เรียกคริสก็ได้"  เธอขานรับ

                  "คริส  ตอนนี้เจ้านี่คงทำอะไรไม่ค่อยสะดวกนัก  ยังไงก็ฝากดูแลมันหน่อยล่ะ" 

                  เจสสิก้าหันไปมองราล์ฟแวบหนึ่งก่อนจะจำใจพยักหน้าให้ริคอย่างช่วยไม่ได้  ริคยิ้มรับให้เธออย่างขอบคุณ  เท่าที่เธอได้เห็นมา  บรรดาเพื่อนๆในกลุ่มของราล์ฟ  ริคคงจะนิสัยดีและดูเป็นมิตรมากที่สุด

                  "งั้นฉันไปนะ  อย่าลืมที่บอกล่ะ  ที่สำคัญพยายามอย่าให้แผลถูกน้ำเด็ดขาด  ถ้านายกลัวกลิ่นตัวเหม็นไม่อยากเช็ดตัวอย่างเดียว  เวลาอาบน้ำก็นั่งยกขาขึ้นแผลจะได้ไม่ถูกน้ำ"  ริคหันกลับไปลาเพื่อนแต่ยังไม่วายตักเตือน

                  "เออน่า  จะไปก็ไปซะที  ฉันไม่ใช่เด็กๆนะโว้ยที่จะต้องมาจำจี้จ้ำไช"  ราล์ฟเอ่ยไล่อย่างรำคาญ

                  "ไม่ใช่ก็เหมือนล่ะวะ"  ริคสวนกลับ  ก่อนจะหลบขาข้างที่ไม่เจ็บของเพื่อนที่ตวัดมาใกล้ได้อย่างหวุดหวิด

                  "เอ๊ะ  นายนี่วอนซะแล้ว  ออกไปเลยไป"

                  "เออ  ไปก็ได้วะ  ไม่ต้องไล่"  ริคหัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปที่ประตูโดยที่ไม่ลืมจะหันมาลาเจสสิก้า  "ไปนะคริส"

                  เจสสิก้าไม่ตอบแต่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  จากนั้นริคก็เปิดประตูออกไป  เธอรู้สึกโล่งใจไปเปราะนึง  อย่างน้อยเพื่อนในกลุ่มราล์ฟก็มีคนนึงที่ดูท่าจะเป็นคนดีและยอมญาติดีกับเธอด้วย

                  ราล์ฟลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินกระเผลกไปทางตู้เสื้อผ้า  เจสสิก้ารีบเดินไปหาทันที  ตอนนี้ราล์ฟกำลังบาดเจ็บที่ขา  คงจะทำอะไรๆไม่สะดวก  ถ้าเธอใช้โอกาสนี้ในการยื่นมือเข้าช่วยบางทีเธอกับเขาก็อาจจะญาติดีกันได้และได้เป็นเพื่อนกันในที่สุด

                  "นายอยู่เฉยๆเหอะ  เจ็บอยู่ไม่ใช่หรือไง  จะเอาอะไรเดี๋ยวฉันหยิบให้"  เธอพูดกับเขา

                  ราล์ฟยืนนิ่งไม่ตอบ  มองเธอด้วยสีหน้าบ่งบอกความฉงน  เจสสิก้าจึงอธิบายให้ชายหนุ่มหายข้องใจ

                  "ไหนๆเพื่อนนายก็ฝากฝังให้ฉันช่วยดูแลนายแล้ว  ในเมื่อรับปากไปแล้วมันก็ช่วยไม่ได้  แล้วฉันก็ไม่ใช่คนใจไม้ใส้ระกำด้วยที่ปล่อยให้คนเจ็บทำนู่นทำนี่เองต่อหน้าต่อตาโดยไม่ยื่นมือช่วยเหลือ" 

                  ราล์ฟเลิกคิ้วมองเธออย่างเหลือเชื่อ 

                  "ว่าไงล่ะ  จะเอาอะไร"  เธอถามซ้ำ

                  "ผ้าขนหนูกับชุดนอน" 

                  เจสสิก้าผละจากราล์ฟตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าของชายหนุ่ม  เลือกหยิบชุดนอนและผ้าขนหนูมาผืนหนึ่งก่อนเดินมายื่นส่งให้ราล์ฟ 

                  "ขอบใจ"  ราล์ฟเอ่ยขอบคุณก่อนจะหันหลังเดินไปที่ห้องน้ำ  แต่พอเจสสิก้าจะช่วยพยุงเขาก็ปฏิเสธ  เธอจึงเดินไปเปิดประตูห้องน้ำให้แทน

                  เมื่อชายหนุ่มเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินกลับมาที่เตียง  หยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมานอนอ่านฆ่าเวลา  ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด 

                  ราล์ฟเดินออกมาจากห้องน้ำในเวลาต่อมาหลังจากที่เจสสิก้าหลับไปได้ไม่นานนัก  ชายหนุ่มเดินกระเผลกไปนั่งที่เตียงของตนเอง  เผลอยิ้มนิดๆเมื่อเห็นเจสสิก้านอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจโดยมีหนังสือวางคว่ำอยู่ที่อก 

                  ชายหนุ่มนั่งมองเธอพลางครุ่นคิดในใจ 

                  ที่จริงหมอนี่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร  ท่าทางจะเป็นคนดีซะด้วยซ้ำ  เขาเองก็ไม่ได้เกลียดอะไรเจ้านี่นักหรอกนะ  ตอนแรกก็แค่ไม่พอใจที่ถูกแบ่งห้องทั้งๆที่เขาได้ครองห้องนี้คนเดียวมาตลอดเท่านั้นเอง  ก็เลยไปมีอคติกับเขาทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้  แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วเรื่องที่ถูกแบ่งห้อง  กลับรู้สึกเฉยๆ  บางทีการมีรูมเมทอาจจะดีกว่าอยู่คนเดียวก็เป็นได้  เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายเขาควรจะเลิกอคติแล้วเลิกมองหมอนี่ในแง่ร้ายซะที  แต่เรื่องความสงสัยในตัวหมอนี่นั้นเขาไม่อาจเลิกได้  ในเมื่อสิ่งที่เขาสงสัยมันค่อนข้างจะชัดเจนในความรู้สึก  แล้วถ้าเป็นอย่างที่เขาสงสัยจริง  หมอนี่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรล่ะ?

                  ราล์ฟเดินไปหยุดอยู่ที่ขอบเตียงของเจสสิก้า  ก่อนจะพูดกับตัวเองในใจ

                  คริสโตเฟอร์  นายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่

                  เขายืนนิ่งมองเธออยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะตัดสินใจปลุก

                  "คริส!"

                  เจสสิก้าลืมตาขึ้นเพราะเสียงเรียกเนื่องจากเธอยังหลับไม่สนิทเท่าไหร่ 

                  "หือม์....."  หันไปมองข้างๆเตียงเห็นชายหนุ่มยืนอยู่จึงลุกขึ้นนั่ง  แล้วเอ่ยถามเพราะคิดว่าราล์ฟมีเรื่องให้ตนช่วย  "มีอะไร?  นายจะเอาอะไรเหรอ"

                  "เปล่า  ฉันแค่มาปลุกนายให้ไปอาบน้ำ  ฉันว่านายคงไม่อยากนอนทั้งชุดนักเรียนหรอกนะ"  ชายหนุ่มบอก

                  "อ๊ะ  จริงสิ"  เจสสิก้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังอยู่ในชุดนักเรียน  "ขอบใจนะที่ปลุก"

                  "ไม่เป็นไร"  ราล์ฟตอบก่อนจะเดินไปที่เตียงของตัวเอง 

                  เจสสิก้าอดแปลกใจไม่ได้ที่ราล์ฟพูดดีกับเธอมากขึ้น  ไม่เย็นชาเหมือนตอนแรกๆ  และถ้าหูไม่ฝาดเมื่อกี๊เธอได้ยินราล์ฟเรียกเธอว่าคริส  นับว่าเป็นเรื่องดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาพัฒนาขึ้น  แสดงว่าการพยายามทำดีของเธอได้ผล 

                  หวังว่าต่อไปนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคงจะดีขึ้นกว่านี้นะ 

                  เธอคิดระหว่างที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูและชุดนอนในตู้เสื้อผ้าของตัวเอง  ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×