ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaos Legion : Damian and Derpentious

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14 : หนี!

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 49


                  แสงแดดที่ร้อนระอุแผดเผาร่างบนหลังม้าให้รู้สึกหน้ามืดตาลาย  พระวรกายที่ฝืนประทับให้ตั้งตรงอยู่นานเริ่มเมื่อยล้า  แต่ยามใดที่เผลอเอนทิ้งน้ำหนักลงไปก็จะกลายเป็นพระองค์พิงซบพระอุระของคนข้างหลังทันที  ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงต้องฝืนประทับเกร็งบนหลังม้ามาตลอดการเดินทางหลายชั่วโมง



                  เวนเดอรัสที่ประทับซ้อนหลังอีกฝ่ายอยู่บนหลังม้าก้มพระพักตร์ลงมองร่างที่กึ่งๆอยู่ในอ้อมแขนของพระองค์แล้วหยักยิ้มอย่างระอา  ความหยิ่งทะนงถือตัวของเมเดียสมีมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก  เท่าที่สังเกตอีกฝ่ายท่าทางจะอ่อนล้าไม่น้อยแต่ก็ยังฝืนนั่งตัวตรง  เมื่อใดที่เผลอเอนหลังลงมาปะทะกับอกเขาเจ้าตัวก็จะเด้งกลับโดยอัตโนมัติ  แรกๆเขาเอ่ยปากให้อีกฝ่ายพิงลงมาบนอกเขาได้เลยโดยไม่ต้องเกรงใจ  แต่ดูเหมือนยิ่งพูดกลับยิ่งยั่วยุให้อีกฝ่ายนั่งตัวแข็งยิ่งกว่าเดิมแม้จะเผลอเอนลงมาบ้างเป็นบางครั้ง  เป็นแบบนี้มาหลายครั้งจนเขาเลิกที่จะใส่ใจ    



                  ตลอดการเดินทางหลายชั่วโมงทั้งสองพระองค์ทรงประทับอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกันโดยเวนเดอรัสประทับนั่งซ้อนหลังของเมเดียส  แขนทั้งสองข้างที่ถือบังเหิยนไว้เสมือนกับกักร่างของพระองค์ไว้ในอ้อมแขนของเวนเดอรัส  แต่ก็เป็นการป้องกันไม่ให้พระองค์ตกจากหลังม้าไปด้วยในตัว  เพราะข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทของพระองค์ยังคงถูกมัด  ทำให้ประทับได้ไม่ถนัดนัก  หากไม่มีอ้อมแขนของเวนเดอรัสกันไว้ล่ะก็พระองค์คงตกจากหลังม้าไปนานแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ยังไม่วางใจ  พระหัตถ์กำขนบนแผงคอม้าไว้แน่นเพื่อเป็นการป้องการอีกทาง



                  ในที่สุดเวนเดอรัสก็ทนเห็นความดื้อรั้นเกินตัวของเมเดียสไม่ไหว  รั้งร่างของอีกฝ่ายให้เอนลงมาพิงกับพระอุระของพระองค์  ในขณะที่เมเดียสยังคงฝืนพระองค์เองไว้



                  \"เจ้าจะทำอะไร\"  



                  \"ไม่ทำอะไรหรอกน่า  แค่ให้เจ้ายืมอกเท่านั้น\"  ตรัสพลางพยายามรั้งร่างอีกฝ่ายลงมาให้ได้แต่เมเดียสก็คงฝืนไว้อยู่



                  \"ข้าไม่ต้องการ\"  พระองค์ตรัสตอบเสียงแข็ง



                  \"อย่ามาทำดื้อด้านกับข้าในเวลานี้นะ  ข้ารู้ว่าเจ้าเมื่อย  บอกให้เอนลงมาก็เอนลงมาดีๆ\"



                  เมเดียสทำเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ  แต่ก็ยอมเอนหลังลงมาตามแรงรั้งในที่สุด  เพราะพระองค์เองก็เริ่มฝืนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน



                  \"ยอมเชื่อซะตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง  มัวท่ามากอยู่ได้\"



                  เมเดียสได้แต่รับฟังและนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ  ไม่มีแรงแม้แต่จะต่อปากต่อคำแล้ว  เวลานี้ทั้งอ่อนเพลียและเมื่อยล้าเต็มทน  และในที่สุดเมื่อความสบายตัวเกิดขึ้นความง่วงงันก็เข้าครอบงำ  พระองค์จึงเผลอหลับไปในอ้อมอกของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว





                                                                    .........................................................





                  ความมืดเริ่มโรยตัวเข้าแทนที่แสงสว่าง  เวนเดอรัสตัดสินใจหยุดการเดินทางไว้ชั่วคราว  เลือกทำเลแถวโคนต้นไม้ใหญ่เป็นที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้  อีกสององครักษ์ผู้ร่วมเดินทางก็เลือกโคนต้นไม้ต้นถัดไปเป็นที่พักผ่อนเช่นกัน



                  เวนเดอรัสปลุกเมเดียสก่อนจะพาพระองค์ลงมาจากหลังม้า  เขาอุ้มพระองค์ไปประทับที่โคนต้นไม่ก่อนจะจูงม้าไปอีกทางแล้วผูกมันไว้กับกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง  หลังจากนั้นจึงเดินกลับมาทิ้งตัวเอนลงนอนประทับใกล้ๆกับเมเดียส



                  \"เจ้าหิวไหม\"  เวนเดอรัสตรัสถาม  \"ถ้าหิวก็บอก  เสบียงเรายังมีอีกเหลือเฟือ\"



                  \"ไม่  ข้าอยากกลับประเทศของข้ามากกว่า\"  เมเดียสเบือนพระพักตร์หนีไปอีกทาง  ตอบเสียงเหยียดๆ  



                  \"ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย  เราเดินทางมาไกลเกินครึ่งทางแล้ว  ข้าไม่วกกลับไปให้เสียเวลาหรอก\"



                  พระองค์หันมาสบพระเนตรอีกฝ่ายอย่างท้าทาย  \"ถ้างั้นก็ปล่อยข้าไว้ที่นี่ตามลำพัง  ข้าจะเดินกลับเอง\"  



                  \"เดินกลับ?  ด้วยสภาพนี้เนี่ยนะ\"  



                  \"ใช่  ยังไงมันก็ยังดีกว่าไปเดอเพนเทียสกับเจ้าก็แล้วกัน\"



                  \"ถ้าเจ้าไปถึงเดอเพนเทียสเมื่อไหร่แล้วเจ้าจะชอบ\"



                  \"ไม่มีวัน\"



                  \"ก็ต้องดูกันต่อไป\"  พระองค์ตรัสอย่างอารมณ์ดี





                                                                    .........................................................





                  กลางดึกคืนนั้นเวนเดอรัสถูกปลุกขึ้นมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดเนื่องจากไม่ชอบใจที่ถูกรบกวนระหว่างพักผ่อน  และคนที่ปลุกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน  แต่เป็นเมเดียสที่ประทับอยู่ข้างๆเขานั่นเอง



                  \"มีอะไรอีกล่ะ\"  ตรัสถามเสียงห้วน  ลืมพระเนตรขึ้นมองแต่ยังไม่ลุก



                  \"ข้า...เอ่อ...ข้า.....\"



                  พระองค์ทำเสียงจิจ๊ะในลำคออย่างนึกรำคาญ  ลุกขึ้นนั่งทันที  \"มีอะไรก็พูดมา  มัวอ้ำอึ้งอยู่ได้\"



                  \"เอ่อ...ข้า...ข้าอยากจะไปทำธุระส่วนตัวหน่อย\"



                  อีกฝ่ายตรัสเสียงเบาราวกระซิบทำให้พระองค์ได้ยินไม่ถนัด  \"อะไรนะ?\"



                  \"ข้าอยากไปทำธุระส่วนตัว!  ข้าปวดฉี่น่ะ!  ปวดฉี่!  ทีนี้ได้ยินชัดรึยัง!\"  เมเดียสตะคอกใส่  พระพักตร์แดงก่ำ  



                  คนยิ่งอายๆอยู่ยังมาให้พูดซ้ำอยู่ได้



                  เวนเดอรัสอึ้งไปชั่วครู่  ก่อนจะหลุดสรวลออกมาดังลั่น  ทำให้เมเดียสยิ่งเขินหนักไปกันใหญ่



                  \"เจ้าคนไร้มารยาท  บังคับให้ข้าพูดแล้วมาหัวเราะเยาะได้ยังไง  ข้าเป็นสตรีนะ!\"



                  \"โทษทีๆ  ก็ข้าไม่ได้ยินจริงๆนี่นา  ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะปลุกข้ากลางดึกเพราะเรื่องแบบนี้\"  เวนเดอรัสตัดกลั้วหัวเราะ



                  \"แล้วจะให้ข้าไปได้หรือยัง  หรือว่าจะให้ข้าปล่อยราดซะตรงนี้เลยฮึ\"  พระองค์ตวัดเสียงประชดประชัน



                  \"รอเดี๋ยวๆ\"  เวนเดอรัสตรัสก่อนจะตะโกนปลุกองครักษ์ที่นอนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นถัดไป  \"คาล!  ช่วยพาเมเดียสไป...เอ่อ...ไปทำธุระส่วนตัวหน่อย\"



                  คาลตื่นขึ้นมององค์เหนือหัวของตนสลับกับผู้เป็นเชลยสูงศักดิ์อย่างงงๆก่อนจะลุกขึ้นแต่โดยดี



                  \"แล้วจะให้ข้าไปด้วยสภาพนี้น่ะเหรอ\"  เมเดียสตรัสพลางชูข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทที่ยังคงถูดมัดให้ดู



                  \"อ้อ  ลืมไป\"



                  เวนเดอรัสก้มลงไปแก้เชือกที่ข้อพระบาทให้



                  \"แล้วมือล่ะ\"



                  \"คงไม่จำเป็นหรอกมั้ง  เจ้าไม่ได้มือเดินนี่  อีกอย่าง  ข้ามัดมือเจ้าไว้ข้างหน้า  ไม่ใช่ข้างหลัง  แค่นี้ก็น่าจะทำอะไรๆได้นะ\"  พระองค์ตรัส  คำว่า \'อะไรๆ\' ที่พระองค์เน้นส่งผลให้อีกฝ่ายพระพักตร์แดงฉ่า



                  \"เจ้านี่มัน!.....\"  ตรัสได้แค่นั้นเพราะนึกคำด่าทอไม่ออก  ก่อนจะกระฟัดกระเฟียดลุกขึ้นเดินไปหาคาลที่ยืนรออยู่



                  \"คุมไว้ให้ดีนะคาล  อย่าให้คลาดสายตา\"  พระองค์ตรัสเตือนองครักษ์ของตน



                  คาลพยักหน้ารับ



                  \"สภาพแบบนี้คิดว่าข้าจะหนีไปไหนได้รึไง!\"  เมเดียสตวัดเสียงห้วนพลางชูข้อพระหัตถ์ที่ถูกมัดแน่นหนา  พระพักตร์บึ้งตึง  ก่อนจะเดินตามองครักษ์หนุ่มไป



                  คาลเดินนำมาจนถึงพุ่มไม้พุ่มหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของพวกเขานัก  รอบข้างเป็นพื้นที่โปร่ง  มีเพียงพุ่มไม้เล็กๆประปราย  ดูยังไงก็โจ่งแจ้งเกินไปอยู่ดี



                  คาลกระแอมก่อนจะพูดขึ้น  \"ตรงนี้แหล่ะ\"



                  \"ตรงนี้เนี่ยนะ!?\"  พระองค์ตรัสเสียงสูงพลางมองไปรอบๆ  \"ไม่เอาหรอก  หาที่ที่มันมิดชิดกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง  ข้าเป็นผู้หญิงนะ\"



                  \"แล้วท่านจะเอาตรงไหน\"  



                  \"ตรงนั้น\"  พระองค์ชี้เข้าไปในป่า



                  \"ในป่าเลยเหรอ\"



                  \"แล้วเจ้าคิดว่าคนอย่างข้าสมควรจะทำอะไรแบบนั้นในที่โล่งโจ้งต่อหน้าฟ้าดินหรือไง\"



                  คาลเกาหัวแกรกๆ  



                  เอายังไงก็เอาวะ  อีกฝ่ายก็เป็นถึงเจ้าเหนือหัวนี่นา  ที่แบบนี้อาจจะไม่เหมาะสมจริงๆก็ได้



                  \"งั้นก็เสด็จตามหม่อมฉันมา\"



                  องครักษ์หนุ่มเดินนำเข้ามาในป่า  ห่างจากจุดที่พักพอสมควร  ก่อนจะพามาหยุดที่พุ่มไม้หนาทึบ



                  \"หวังว่าตรงนี้คงจะเหมาะ\"



                  เมเดียสพยักพระพักตร์  \"ก็ยังดีกว่าที่เมื่อกี๊ล่ะนะ\"



                  \"ท่านรีบๆทำธุระของท่านให้เสร็จเถอะ  ปล่อยให้ท่านเวนเดอรัสรอนานจะทรงกริ้ว\"



                  \"แล้วไม่แก้มัดที่มือให้ข้าหน่อยเหรอ  ข้าปลดชุดไม่ถนัดน่ะ\"  พระองค์หันมาถาม



                  \"ขออภัย  ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้  ท่านเวนเดอรัสไม่อนุญาต\"  คาลตอบด้วยความประหม่า



                  \"ว้า.....\"  พระองค์แสร้งถอนใจ  ก่อนจะปรายตามองอีกฝ่ายพลางแย้มโอษฐ์หวาน  \"ถ้างั้น...มาช่วยข้าถอดทีสิ\"



                  คาลถอยหลังกรูด  ใบหน้าแดงเรื่อ  ส่ายหน้าเป็นพัลวัน  \"ขะ..ข้ามิบังอาจ!\"



                  เมเดียสสวรลเสียงเบา  ก่อนตรัสต่อ  \"ข้าล้อเล่นหรอกน่า\"



                  \"ทะ..ท่านรีบเข้าเถอะ  หายไปนานเดี๋ยวท่านเวนเดอรัสจะสงสัย\"



                  \"เจ้าก็หันไปสิ  ไม่งั้นข้าจะทำธุระของข้าได้ยังไง\"



                  คาลกลับหลังหันทันทีอย่างว่าง่าย  แม้เวนเดอรัสจะสั่งไม่ให้เขาคลาดสายตา  แต่ถ้าให้มาจ้องกันระหว่างนี้ล่ะก็เห็นทีคงไม่ไหว



                  เมเดียสเดินเข้าไปหลังพุ่มไม้พลางตะโกนออกไป  \"อย่าแอบดูล่ะ\"



                  \"ไม่แน่นอน  ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย\"  เขาตะโกนกลับมา



                  ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อเมเดียสแน่ใจแล้วว่าคาลไม่ได้หันกลับมา  พระองค์ก็สอดส่ายสายตาบนพื้นเพ่งมองหาสิ่งของบางอย่างในความมืดจนในที่สุดก็เจอก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือ  พระองค์เก็บขึ้นมาก่อนจะกลับออกไปทางที่คาลยืนรออยู่  พระองค์ย่องเข้าไปทางด้านหลังชายหนุ่มอย่างเงียบกริบ  พอกะระยะได้แล้วก็เงื้อมือเอาก้อนหินฟาดเข้าที่ท้ายทอยอีกฝ่ายเต็มแรงจนเจ้าตัวหมดสติล้มลงไป



                  เมเดียสมองร่างที่นอนสลบอยู่บนพื้นเพราะฝีมือตนเองด้วยความภาคภูมิใจ  ก่อนจะลากร่างที่สลบไสลนั้นเข้าไปหลบหลังพุ่มไม้  พระองค์ชะโงกพระพักตร์ออกมาทอดพระเนตรไปทางที่พัก  เมื่อเห็นเหตุการณ์ภายนอกยังคงปกติก็รีบหันกลับมาแล้วออกตัววิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามทันที



                  ผ่านไปครู่ใหญ่คนทั้งคู่ก็ยังไม่กลับมาซักทีจึงรู้สึกผิดสังเกต  เวนเดอรัสหันไปมองทางด้านหลังที่เงียบผิดปกติแล้วไว้วี่แววของสิ่งมีชีวิต  เขาตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปยังทางที่คนทั้งคู่หายเข้าไปทันที



                  พอมาถึงที่เกิดเหตุเขาก็เห็นร่างขององครักษ์นอนหมดสติอยู่หลังพุ่มไม้  พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น



                  พระองค์ถอนใจพลางส่ายพระพักตร์  \"ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้  คาลนะคาล  เวลาอยู่กับผู้หญิงทีไรไม่รู้จักระวังตัวซะเลย\"



                  พระองค์ลากร่างองครักษ์คนสนิทออกมายังบริเวณที่พัก  เคอร์เทียสที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเห็นก็ประหลาดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น



                  \"นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือพะย่ะค่ะ\"  เขาถามอย่างงงงัน



                  \"ก็แม่ตัวดีน่ะสิ  หนีไปแล้ว  แถมยังฝากรอยรักไว้กับเจ้านี่เต็มแรงเลย\"  พระองค์ตรัสติดตลก  ท่าทางของเวนเดอรัสที่ยังสบายพระทัยทำให้เคอร์เทียสยิ่งแปลกใจ



                  \"หนีไปแล้ว!?  แล้วทำไมเราไม่รีบตามไปล่ะพะย่ะค่ะ\"



                  \"ไม่ต้องรีบก็ได้  เมเดียสหนีเข้าไปในป่านั่น  ป่านนี้ก็คงยังไปไหนไม่ไกลหรอก\"



                  \"ทำไมฝ่าบาทถึงแน่ใจเช่นนั้นล่ะพะย่ะค่ะ\"



                  \"เจ้าลืมแล้วเหรอว่าเหตุใดข้าจึงเลือกที่จะเดินทางอ้อมป่าแทนที่จะตัดผ่านป่าซึ่งใกล้กว่ามาก\"



                  เคอร์เทียสขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเอออออย่างนึกขึ้นได้



                  \"ใช่  ในป่าทั้งรกและทึบ  มีเส้นทางเดียวที่สามารถจะผ่านเข้าไปได้คือบริเวณที่เป็นถนนเก่า  แต่มันทั้งวกวนและอ้อมไปอ้อมมาผู้คนจึงเลิกใช้เส้นทางนั้น  แล้วถ้าไม่ใช่ผู้ชำนาญทางรับรองได้วนอยู่ในนั้นไม่มีทางหาทางออกเจอแน่นอน\"



                  \"แต่ถึงอย่างนั้นก็อันตรายนะพะย่ะค่ะ  กลางค่ำกลางคืนแบบนี้อาจจะไปเจอสัตว์ป่าดุร้ายเข้า\"



                  \"ถ้าเจอซะได้ก็ดี  จะได้ถูกสั่งสอนซะให้เข็ด\"  แม้พระองค์จะตรัสเช่นนั้นแต่ก็เตรียมม้าอย่างทันทีทันใด  



                  \"ให้หม่อมฉันไปช่วยอีกแรงไหมพะยะค่ะ\"  เคอร์เทียสอาสา



                  \"ไม่ต้องหรอก  เจ้าอยู่เฝ้าคาลที่นี่  ทำให้เจ้านั่นฟื้นขึ้นมา  ข้าไปไม่นานก็จะกลับ\"  



                  พระองค์ตรัสอย่างมั่นใจก่อนจะควบม้าบึ่งฝ่าความมืดเข้าไปในป่าด้วยความเร็ว







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×