คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 : ชมรมบาสฯชาย
รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ แดดทอแสงอ่อนๆลอดผ่านม่านหน้าต่างที่พริ้วไหวแผ่วเบาตามสายลม ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากห้วงนิทราที่แสนสบายบนเตียงนุ่ม
เจสสิก้าลืมตาขึ้นช้าๆเพื่อปรับใช้ชินกับแสง มือเอื้อมสะเปะสะปะควานหานาฬิกาที่หัวเตียง ขยี้ตาด้วยความงัวเงียก่อนตาจะเบิกโพลงด้วยความตกใจ
"เจ็ดโมงครึ่ง! ตายแล้ว! ตายแน่!" เสียงอุทานพร้อมกับตลบผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะลุกพรวดขึ้นในทันที "โอ๊ย! สายป่านนี้แล้วหรอเนี่ย เมื่อคืนก็ดันลืมตั้งนาฬิกาปลุกอีก"
แต่ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำก็หันขวับไปมองอีกเตียงซึ่งว่างเปล่า ที่นอนถูกเก็บอยู่ในสภาพดีแล้วก็พาลนึกโมโห
หนอย เจ้าบ้า ก่อนไปจะช่วยปลุกซักนิดก็ไม่มี เมื่อคืนที่อุตส่าห์คิดว่าเป็นคนดีมีน้ำใจสงสัยต้องถอนคำพูดซะแล้ว
ฮึ้ย! น่าโมโหชะมัด
......................................................
ออดเข้าเรียนดังขึ้น เจสสิก้าวิ่งมาถึงหน้าห้องเรียนทันเส้นยาแดงผ่าแปดด้วยอาการเหนื่อยหอบ พอเดินเข้ามาในห้องก็สบตากับชายหนุ่มคู่กรณีที่หันมามองพอดี รอยยิ้มที่มุมปากกับเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอนั่นดูแล้วเหมือนจงใจเยาะเย้ยชัดๆ แถมยังหันกลับไปคุยกับเพื่อนต่อเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อีก แบบนี้มันน่าโมโหนัก
"อรุณสวัสดิ์คริส" แมคกิลส่งเสียงทักอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
"อรุณสวัสดิ์ แมค" เจสสิก้าทักตอบแต่ไม่ได้หันไปมองเพราะตาเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่อีกคน
หญิงสาวเดินตรงไปที่โต๊ะของราล์ฟซึ่งอยู่ติดกับเธอ ก่อนจะหยุดยืนมองหน้าชายหนุ่มอย่างหาเรื่องจนเจ้าตัวหยุดการสนทนากับกลุ่มเพื่อนแล้วหันมามองเธออย่างท้าทาย
"นายมันคนไม่มีน้ำใจ ไหนๆก็อยู่ห้องเดียวกันจะช่วยปลุกซักนิดก็ไม่ได้ ฉันเลยต้องเกือบมาสายแบบนี้" เจสสิก้าต่อว่าทันที
ราล์ฟเลิกคิ้ว ตอบอย่างไม่ยี่หระ "เรื่องอะไรฉันต้องปลุกนายล่ะ ไม่ใช่หน้าที่ฉันซักหน่อย นาฬิกาปลุกของนายก็มีนี่ทำไมไม่ใช้"
"ก็เมื่อคืนฉันลืมตั้งนี่" เจสสิก้าตอบ อารมณ์ยังไม่หายขุ่นมัว "ก่อนนายจะออกไปเห็นฉันยังไม่ตื่นก็แทนที่จะปลุกกลับไม่ปลุก นายจงใจแกล้งฉันใช่มั้ย"
"ใครไปแกล้งนาย นายทำตัวนายเองนะ ช่วยไม่ได้" ราล์ฟยักไหล่ตอบอย่างไม่แคร์
"นี่ๆ นักเรียนใหม่ ยังไงให้ผมไปช่วยปลุกให้ทุกเช้าก็ได้นะ เอาแบบจูบปลุกอย่างในเรื่องเจ้าหญิงนิทราเป็นไง เจ้าราล์ฟมันไม่ถนัดเล่นบทเจ้าชายหรอก แต่ผมนี่สิไม่มีปัญหา" ลุค หนึ่งในก๊วนเกลอของราล์ฟพูดหยอกเย้าพลางส่งสายตาเจ้าชู้ เรียกเสียงหัวเราะฮาจากทั้งกลุ่ม
"ไม่จำเป็น!" เจสสิก้าพูดเสียงเย็น ปรายตามองคนพูดสลับกับราล์ฟอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรต่ออาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้อง เจสสิก้าจำต้องล่าถอยไปนั่งที่โต๊ะตัวเองข้างๆราล์ฟอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
"คริส นายมีปัญหาอะไรกับราล์ฟหรอ" อลิเซีย หญิงสาวที่นั่งข้างๆเธออีกด้านหนึ่งกระซิบถาม
"ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องไร้สาระ" เจสสิก้าตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวที่คนถามสังเกตได้ชัดจึงไม่กล้าซักอะไรต่อ
การเรียนในช่วงเช้าของวันแรกดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน แมคกิลและกลุ่มเพื่อนมาชวนเจสสิก้าไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารโดยชวนอลิเซียไปด้วย
โรงอาหารของเซนต์มาร์ติเนทกว้างขวางขนาดจุคนได้ไม่ต่ำกว่าหกร้อย กำแพงเป็นกระจกใส ติดแอร์ บนเพดานมีทีวีติดตั้งอยู่ตามมุมต่างๆหลายเครื่อง รอบๆเป็นซุ้มอาหารหลายซุ้ม มีอาหารให้เลือกนานาชนิด ส่วนตรงกลางเป็นที่วางโต๊ะตัวยาวสำหรับรับประทานอาหารกว่าร้อยโต๊ะ
เจสสิก้าและพรรคพวกเลือกนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่ แม้จะไม่สบอารมณ์นักเมื่อเห็นว่ากลุ่มของราล์ฟนั่งอยู่โต๊ะข้างๆพาลจะทำให้เธอทานอาหารไม่ลง แต่ก็ต้องจำใจนั่งเพราะโต๊ะอื่นๆดูท่าจะเต็มหมด
ระหว่างรับประทานอาหารเจสสิก้าก็ชำเลืองมองไปที่โต๊ะข้างๆ กลุ่มชายล้วนของราล์ฟพูดคุยเฮฮากันอย่างสนุกสนาน ดูท่าแล้วคงจะสนิทสนมกันมาก หลายคนในกลุ่มหน้าตาดี แต่ละคนตัวสูงใหญ่ ถ้ามีคนบอกว่าทั้งหมดนั่นเป็นทีมบาสเกตบอลเธอก็คงจะเชื่อ ส่วนนายราล์ฟ... เธอเผลอมองพิจารณาชายหนุ่มอย่างลืมตัว ผมสั้นสีทองสว่างดูสลวย คิ้วเข้มโก่ง ตาสีเขียวมรกตดึงดูดสายตายากถอดถอนเมื่อได้สบ จมูกโด่งรั้นนิดๆ ริมฝีปากบาง โครงหน้าเรียวไร้ฝ้ากระ รูปร่างสูงโปร่ง มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยอย่างคนเล่นกีฬาแต่ไม่ถึงกับบึกบึน ผิวขาวและใสกว่าเด็กผู้ชายทั่วไป ลักษณะท่าทางแบบนี้คงทำให้ผู้หญิงหลงเสน่ห์มานักต่อนัก แล้วเธอล่ะ เธอหลงเสน่ห์ตานี่ด้วยหรือเปล่า?
เจสสิก้าหน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวสมอง ไม่มีทาง เธอไม่มีทางไปหลงเสน่ห์คนพรรค์นั้นเด็ดขาด แต่ใบหน้าหล่อเหลายามหัวเราะยิ้มแย้มนั่นดูดีและน่าคบกว่าตอนกวนโมโหตั้งเยอะ อย่างน้อยระหว่างเธอกับเขาก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่มันจะเป็นไปได้รึเปล่านะ
"แมคกิล เย็นนี้มีประชุมสภานักเรียนตอนสี่โมงตรงนะ อย่าลืมล่ะ" เจมส์ รองประธานนักเรียนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกับราล์ฟบอกข้ามโต๊ะมายังฝั่งของเจสสิก้า แม้อยู่คนละฝั่งแต่ไม่ต้องถึงกับตะโกนก็ได้ยินเพราะโต๊ะอยู่ห่างกันไม่มาก
"เรื่องอะไรเหรอครับ" แมคกิลที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนถามกลับ
"งบประมาณของชมรม" เจมส์ตอบ "แล้วอย่ามาสายล่ะ"
"ครับ" แมคกิลตอบรับ
"ชมรมเหรอ ว่าแต่ที่โรงเรียนนี้มีชมรมอะไรบ้างล่ะ" เจสสิก้าถามอย่างสนใจ เนื่องจากเธอเป็นนักเรียนใหม่จึงยังไม่รู้ว่าที่นี่มีชมรมอะไรบ้าง
"คริสเป็นนักเรียนใหม่คงยังไม่ทราบ ที่นี่มีชมรมให้เลือกหลากหลาย แบ่งเป็นหมวดๆก็มีชมรมสังคม ชมรมวิชาการ ชมรมกีฬา แล้วก็ชมรมนันทนาการ แล้วแต่ละหมวดก็มีแยกย่อยไปอีก ยอดล่าสุดตอนนี้รวมทั้งหมดก็ยี่สิบเอ็ดชมรมแล้ว" แมคกิลบอก
"แล้วถ้าจะตั้งชมรมเองล่ะ ได้มั้ย"
"ได้สิ ทุกๆปีก็มีคนมาขอตั้งชมรมเพิ่มโดยจะต้องยื่นเรื่องต่อสภานักเรียน จะต้องนำเสนอแผนการ ขั้นตอนการดำเนินงาน จำนวนสมาชิกในชมรมไม่ต่ำกว่าหกคน แล้วก็ต้องรวบรวมรายชื่อนักเรียนในโรงเรียนที่สนับสนุนการก่อตั้งชมรมนั้นๆให้เกินครึ่งของจำนวนนักเรียนทั้งหมดในโรงเรียน จากนั้นทางสภานักเรียนก็จะมาประชุมกันอีกทีว่าจะให้ผ่านการอนุมัติหรือไม่"
"โอ้โห ยุ่งยากจังแฮะ จะตั้งชมรมแต่ละทีเนี่ย" เจสสิก้าบ่น
"ใช่ครับ กฎระเบียบของที่นี่เข้มงวดมาก ดังนั้นแต่ละปีจะมีชมรมใหม่ที่ผ่านการอนุมัติจากสภานักเรียนไม่เคยเกินหนึ่งชมรมเลยซักครั้งและบางปีก็ไม่มีชมรมไหนผ่านการอนุมัติเลย"
"อะไรจะเข้มงวดขนาดนั้น เชื่อแล้วล่ะว่าระบบสภานักเรียนของที่นี่ใหญ่และมีความสำคัญมากจริงๆ" เจสสิก้าเปรย
"แล้วคริสสนใจหมวดไหนล่ะ ที่นี่เค๊าบังคับนะว่าทุกคนจะต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยหนึ่งชมรม ยกเว้นพวกคนในสภานักเรียนที่ไม่ต้องเข้าชมรมเพราะมีตำแหน่งในสภานักเรียนอยู่แล้ว" ลาล่า เพื่อนสาวอีกคนของแมคกิลเอ่ยถาม
"คงจะเป็นหมวดกีฬา ชมรมบาสฯก็น่าสนใจนะ แล้วทีมบาสฯของที่นี่ก็มีชื่อเสียงติดหนึ่งในสามประเภททีมโรงเรียนของระดับประเทศด้วย" เจสสิก้าตอบ
"ชมรมบาสฯ?" ไบรอันทวนถามเหมือนไม่แน่ใจ "นายจะเข้าชมรมบาสฯชายหรอ"
"ใช่ ทำไมเหรอ"
"ถ้างั้นนายก็คงจะต้องไปปรึกษาพวกนั้นแล้วล่ะ" เขาบอกพลางชี้ไปที่โต๊ะข้างๆ
"หา!? หมายความว่า....." เจสสิก้าเริ่มกังวล ขอให้ไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเถอะ
"ก็พวกนั้นทั้งกลุ่มอยู่ชมรมบาสฯหมดเลยน่ะสิ" จิมมี่ตอบให้แทน "อ้อ ยกเว้นเจมส์คนนึงเพราะเขาเป็นรองประธานนักเรียน ไม่ต้องมีชมรม"
เฮ้อ... คิดแล้วเชียว ในที่สุดก็หนีไม่พ้นตานั่นจนได้ ก็คิดอยู่หรอกนะว่าตัวสูงใหญ่แบบนั้นคงจะต้องอยู่ชมรมกีฬาไม่ชมรมใดก็ชมรมหนึ่ง แต่ทำไมมาเฉพาะเจาะจงต้องเป็นชมรมบาสฯด้วยนะ แถมยังอยู่กันหมดทั้งกลุ่มอีก ...เจสสิก้าคิดอย่างหนักใจ
"อย่างราล์ฟน่ะเป็นหนึ่งในสองของเด็กเกรดสิบที่ได้เป็นตัวจริงไปลงแข่งขันระดับประเทศเชียวนะ อีกคนก็ริค หัวส้มๆแดงๆนั่นน่ะ นอกนั้นก็เป็นเกรดสิบเอ็ดกับสิบสองซะส่วนใหญ่" จิมมี่บอกพลางชี้ไปที่ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆราล์ฟ
"จริงน่ะ" เจสสิก้าอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ "เพิ่งเกรดสิบเนี่ยนะได้เป็นตัวจริงแล้ว"
"ราล์ฟเขาซี๊กับรุ่นพี่เกรดสิบสองประธานชมรมด้วยนะ อย่างหมอนั่นช่วยพานายเข้าชมรมได้สบายๆ" ไบรอันบอก
"แล้วอย่างนี้นายไม่หนักใจแย่เหรอ เห็นว่านายกับราล์ฟไม่ค่อยกินเส้นกันด้วยนี่" อลิเซียถาม
"ไอ้หนักใจก็หนักใจอยู่หรอก แต่เรื่องสมัครเข้าชมรมไม่น่ามีปัญหา ถ้าฉันจะเข้าก็จะสมัครเข้าด้วยตัวเอง ไม่มีทางพึ่งหมอนั่นโดยใช้เส้นแน่ จะมีปัญหาก็แต่พวกนั้นจะยอมรับฉันในฐานะสมาชิกใหม่รึเปล่านี่สิ" เจสสิก้าถอนหายใจเฮือกอย่างหนักใจ
"ผมว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ พวกราล์ฟเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถ้าคริสผ่านการคัดเลือกจากประธานชมรมอย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะมีน้ำใจนักกีฬา ยอมรับคริสในฐานะสมาชิกชมรม" แมคกิลบอกอย่างมีเหตุมีผล
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ" เจสสิก้าเอ่ยอย่างปลงๆ "จริงสิ แล้วพวกนายอยู่ชมรมอะไรกันบ้างล่ะ
"ฉันกับไบรอันอยู่ชมรมอเมริกันฟุตบอล" จิมมี่ที่ตัวสูงใหญ่พอๆกับไบรอันบอก ก่อนจะยีหัวคนข้างๆแล้วพูดต่อ "เจ้านี่ได้เป็นถึงควอเตอร์แบ็คตัวเต็งของทีมเชียวล่ะ"
"เจ๋งนี่ แสดงว่านายต้องเก่งมากเลยล่ะสิ" เจสสิก้าเอ่ยชม ระบายยิ้มอย่างจริงใจโดยเจ้าตัวไม่รู้เอาซะเลยว่ารอยยิ้มแบบนี้แหล่ะที่ทำหนุ่มๆหวั่นไหวมานักต่อนักแล้ว ทำเอาคนถูกชมเขินๆไปเหมือนกัน
"ฉันอยู่ชมรมการแสดง" ลาล่าที่จัดว่าหน้าตาเข้าขั้นสวยบอก
"ส่วนฉันอยู่ชมรมหนังสือพิมพ์" อลิเซียบอกบ้าง
สำหรับแมคกิลเจสสิก้าคงไม่ต้องถาม เพราะเขาเป็นคณะกรรมการนักเรียนที่ไม่ต้องมีชมรม
คนอื่นๆเค๊ามีชมรมเป็นของตัวเองหมดแล้ว คงเหลือแต่เธอนี่แหล่ะ จะเข้าชมรมที่อยากเข้าทั้งทีก็ต้องมานั่งหนักใจกับสมาชิกในชมรมที่คิดว่าอาจะเป็นปัญหาสำหรับเธออีก เฮ้อ... หรือว่าเธอควรจะเลิกทิฐิ เริ่มญาติดีตีสนิทกับนายราล์ฟนั่นซะทีนะ แต่คนกวนประสาทพรรค์นั้นคงจะยากหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็อย่ามีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นระหว่างเธอกับนายนั่นก็แล้วกัน
ความคิดเห็น