ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaos Legion : Damian and Derpentious

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 13 : คำปฏิเสธ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 49


                  แสงแดดยามสายสาดส่องลงมาบนพื้นหญ้าสีเขียวสด  ม้าสามตัวกำลังก้มลงกินน้ำจากลำธารที่ไหลพาดผ่านจากป่าด้านหลังไปจนสุดทางยาวเบื้องหน้า  ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง  แต่ไร้วี่แววชายคนที่สามที่ร่วมคณะเดินทางมาตั้งแต่เมื่อกลางดึก



                  ร่างระหงส์ที่นอนสลบไสลอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เริ่มรู้สึกตัว  ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความอบอุ่นของไอแดดและความสงบร่มรื่นของบรรยากาศ  ความสว่างไสวของแสงรอบด้านทำให้ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าที่ดวงเนตรจะปรับให้ชิน  ภาพแรกที่ต้องคลองจักษุคือทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าโล่งกว้างติดธารน้ำใส  ผิดไปจากทุกรุ่นอรุณที่ต้องเห็นภาพห้องสี่เหลี่ยมกว้างยามที่ตื่นจากบรรทม



                  ความผิดแปลกไปจากเดิมทำให้ประสาทสัมผัสตื่นตัวเต็มที่  พยายามจะขยับพระวรกายลุกขึ้นก็ต้องล้มพรืดลงไปนอนกองกับพื้นหญ้า  ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าทั้งข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทของพระองค์ถูกมัดเชือกไว้อย่างแน่นหนา  เรียกความแปลกพระทัยขึ้นทันที  สมองนึกทบทวนเหตุการณ์ที่มาที่ไปที่เกิดขึ้นก่อนจะตระหนกเมื่อรับรู้ถึงสภาพของพระองค์เอง



                  ระหว่างนั้นอยู่ๆผลไม้หลากชนิดก็ถูกโยนลงมากองตรงหน้าพร้อมกับเงาร่างของคนที่เข้ามาบดบังแสงอาทิตย์  เมเดียสเงยพระพักตร์ขึ้นดูก่อนจะขยับถอยกรูดเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน



                  \"ตื่นแล้วเรอะ  กว่าจะตื่นได้ก็เล่นเอาตะวันตรงหัวเลยนะ  เป็นถึงจ้าวซะเปล่า  นอนขี้เซาแบบนี้บริวารที่ไหนจะอยากเคารพนับถือ\"  เจ้าของร่างสูงใหญ่ตรัสด้วยน้ำเสียงดูแคลน



                  เมเดียสกัดฟันกรอด  ก็เพราะยาสลบที่อีกฝ่ายใช้กับพระองค์ไม่ใช่รึไงถึงได้เป็นแบบนี้



                  \"เวนเดอรัส!  เจ้าจับข้ามาทำไม!\"



                  \"ผลไม้นั่นกินซะ  เดี๋ยวจะได้มีแรงเดินทางต่อ\"  เวนเดอรัสไม่ตอบคำถาม  แต่ขยับพระพักตร์ไปที่กองผลไม้บนพื้นที่พระองค์เพิ่งไปเก็บมาจากป่าแทน



                  \"เดินทาง?  เจ้าจะพาข้าไปไหน\"  



                  \"วังหลวงของเดอเพนเทียส\"  พระองค์ตอบสั้นๆก่อนจะหันหลังเดินกลับไป



                  \"เดี๋ยว!  เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะว่าเจ้าจับข้ามาทำไม!\"



                  เวนเดอรัสหยุดก่อนหันมายิ้มเยาะ  \"เดี๋ยวเจ้าก็รู้\"



                  \"เจ้า!\"  เมเดียสฉุนกึก  ทั้งเคียดแค้นและชิงชังกับการการกระทำของอีกฝ่าย  \"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ  ไม่อย่างั้นข้าจะให้ทหารของข้าตัดหัวเจ้าซะ\"



                  เวนเดอรัสสรวลในลำคออย่างเป็นต่อ  \"อย่ามาขู่ข้าซะให้ยากเลย  อย่าลืมนะว่าตอนนี้เจ้ากำลังอยู่ในสถานะอะไร  และที่นี่ก็เป็นชายแดนเดอเพนเทียส  คำสั่งของเจ้าไม่มีผลต่อข้าเลยแม้แต่น้อย  อ้อ  แล้วจะบอกให้เอาบุญ  ทหารในวังของเจ้าจะไม่มีใครตามมาทั้งนั้น  อย่างหวังเลยว่าจะมีคนมาช่วยเจ้าได้  ดังนั้นอย่าคิดหนีซะให้ยาก  สภาพแบบนั้นเจ้าคงไปไหนไม่รอดหรอก  หากอยากเดินทางต่อด้วยอวัยวะครบ 32 ก็จงทำตัวว่าง่ายซะ\"



                  พระพักตร์นวลของเมเดียสซีดเผือด  ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทำให้เวนเดอรัสยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ  ก่อนที่พระองค์จะหันหลังเดินจากไปโดยไม่ใส่ใจกับคำกร่นด่าไล่หลังของเมเดียสแม้แต่น้อย



                  \"ปล่อยข้า!  ข้าเป็นถึงเจ้าเหนือหัวแห่งเดเมี่ยนเจ้าจะทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้นะ!  กลับมาปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!  เจ้าคนไร้มารยาท!  เจ้าคนป่าเถื่อน!  กลับมา!\"



                  เมเดียสหอบฮั่ก  ตะเบ็งจนเสียงแหบเสียงแห้งก็ไร้ผล  อีกฝ่ายไม่หันกลับมาเลยซักนิด  พระองค์ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้นพระทัยอยู่เพียงลำพังใต้ต้นไม้ต้นนั้น



                  ยังไงข้าก็จะหาทางหนีให้ได้  คอยดู!





                                                                    .........................................................





                  \"เราทำแบบนี้จะดีหรือพะยะค่ะ\"  เคอร์เทียสเอ่ยถามเวนเดอรัสที่เดินเข้ามาสมทบกับพวกเขาสองคน



                  \"ทำไม\"  



                  \"ก็เอ่อ...ถึงเมเดียสจะถูกเราจับมาในฐานะเชลย  แต่พระองค์ก็เป็นถึงเจ้าเหนือหัวซ้ำยังเป็นสตรีเพศ  อย่างน้อยเราน่าจะให้เกียรติ์พระองค์มากกว่านี้\"



                  \"ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้นางก็จะหนีได้น่ะสิ  อย่าลืมสิว่านางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา  ข้าเคยประมือกับนางมาแล้วพิษสงไม้น้อยเลยทีเดียว  ที่ไม่จับล่ามโซ่ผูดติดกับข้าม้าให้ม้าลากไปเองก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว\"



                  \"ท่านเวนเดอรัส  หม่อมฉันขอถามอะไรพระองค์อย่างนึงได้มั้ยพะยะค่ะ\"  คาลเอ่ยขึ้นบ้าง



                  \"เจ้าจะถามอะไร\"  เวนเดอรัสหันมาจ้องคู่สนทนา  สายพระเนตรคมกริบที่แฝงด้วยความดุดันยิ่งทำให้อีกฝ่ายกล้าๆกลัวๆที่จะถามออกไป



                  \"เอ่อ...ถ้าหม่อมฉันพูดไปแล้วฝ่าบาทอย่าพิโรธนะพะย่ะค่ะ\"



                  \"วะ  เจ้านี่  ตกลงเจ้าจะถามอะไรกันแน่\"



                  \"ท่านเมเดียสทรงสิริโฉมงดงามราวเทพธิดาถึงเพียงนั้น  ฝ่าบาทไม่ทรงหวั่นไหวบ้างหรือพะย่ะค่ะ\"



                  เวนเดอรัสหรี่พระเนตรจ้องอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ  ก่อนจะสรวลออกมาดังลั่น  \"ข้าน่ะเรอะจะหวั่นไหว  ไม่มีทาง  อยู่ในวังก็มีแต่สาวงามมากหน้าหลายตารายล้อมข้าทั้งนั้น  ต่อให้เจอสาวที่งามกว่าเมเดียสอีกหลายเท่าก็ไม่ทำให้ข้าหวั่นไหวได้หรอก\"



                  ทั้งคาลและเคอร์เทียสมองเจ้าเหนือหัวของตนเองด้วยความทึ่ง  จริงอยู่ว่านางสนมในวังก็ล้วนเป็นสาวงามที่พร้อมพลีกายถวายใจให้พระองค์ทั้งสิ้น  แต่พระองค์กลับไม่เคยหลงใหลใครเป็นพิเศษ  พวกนางเป็นเพียงแค่ของเล่นแก้เหงา  สำหรับพระองค์แล้วหน้าที่และความรับผิดชอบย่อมมาก่อนเสมอ  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเลยซักครั้งที่พระองค์จะมีความรักดั่งหนุ่มสาวทั่วไป  พวกเขารู้ดีเพราะเป็นเพื่อนเล่นของพระองค์มาตั้งแต่เด็กๆ  เห็นพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนกระทั่งเจริญพระชนม์พรรษากลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์ในปัจจุบัน  ไม่เคยมีสาวคนไหนเลยที่จะสามารถทำให้น้ำแข็งที่เกาะกินจิตใจของพระองค์อยู่หลอมละลายลงไปได้เลย  อยากจะรู้นักว่าผู้หญิงคนไหนจะสามารถพิจิตใจของพระองค์ได้  ขนาดเมเดียสที่ว่างดงามกว่าสาวงามทุกคนที่เคยเห็นแล้วยังทำให้พระองค์หวั่นไหวไม่ได้  แล้วใครกันที่จะทำได้  



                  องครักษ์ทั้งสองมัวแต่จมอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิดของตัวเอง  ไม่ทันสังเกตแววตาอ่อนโยนของเวนเดอรัสยามที่พระองค์ทอดมองร่างที่ขยับตัวอย่างอึดอัดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก  ความพยายามที่จะพยุงตัวเองขึ้นยืนแล้วก็ต้องล้มลุกคลุกคลานลงไปกับพื้นทำให้พระองค์กระตุกยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว  ก่อนอาการทั้งหมดจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบพระเนตรตอบ  แววตาเคียดแค้นชิงชังที่ส่งมาทำให้พระองค์ตอบกลับด้วยความเย็นชาดูแคลนไม้แพ้กัน





                                                                    .........................................................





                  เวลาเดียวกันนั้นทางฝั่งเดเมี่ยน  ร่างสูงในชุดทหารองค์รักษ์ควบม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าของป่าทึบแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมืองหลายร้อยไมล์  บริเวณนั้นทั้งแถบไม่มีบ้านช่องและผู้คนอาศัยอยู่เลย  ความเงียบเชียบและวังเวงรอบด้านเรียกเลือดในกายของผู้มาถึงให้เย็นเฉียบ  ทั้งหวาดเกรงและขยาดต่อสถานที่ที่น่าขนลุกแห่งนี้  แต่เขาจะไม่หันกลับไปตราบใดที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนตั้งใจไว้



                  แม้แต่ม้าที่เขาขี่ก็เกิดอาการอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อเขาควบไปใกล้ป่ามากขึ้น  มันร้องเสียงดังโหยหวน  ส่ายหัวไปมาและหมุนตัวอย่างกระสับกระส่ายตามลักษณะของสัตว์ที่ตื่นกลัว  เมื่อมันเริ่มไม่ยอมอยู่ใต้การบังคับเขาจึงตัดสินใจลงจากหลังม้าโดยที่จะไม่ลืมผูกมันไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง  ก่อนจะเดินด้วยเท้าแทน



                  ทันทีที่เขาเดินมาหยุดอยู่ที่ชายป่าลมแรงก็พัดกรรโชกออกมาจากด้านในจนเศษใบไม้และฝุ่งละอองปลิวว่อนลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ  เขาหลับตายกมือขึ้นป้องศีรษะทันที  ผ่านไปครู่หนึ่งลมก็สงบลง  บรรยากาศรอบด้านกลับมาเงียบวังเวงเหมือนเดิม



                  แฮร์เรสเขม้นมองเข้าไปในป่า  ลึกเข้าไปด้านในทั้งมืดและทึบจนไม่อาจจะเห็นอะไรได้  ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่าที่รู้สึกว่าต้นไม้สูงใหญ่ขยับไหวเอนราวกับมีชีวิต  เพียงแค่ครั้งแรกที่เขามาเหยียบที่นี่ก็แน่ใจว่าความเลื่องลือของมันไม่ต่างอะไรกับที่เคยได้ยินมาเลย  สมกับที่มีคนขนามนามที่แห่งนี้ไว้ว่า \'ป่าอาถรรพ์\'  เพราะนอกจากบรรยากาศที่ชวนขนหัวลุกแล้ว  ยังกลับแฝงด้วยไอมนต์ลึกลับบางอย่างที่ทำให้ไม่มีใครสามารถเหยียบย่างเข้าไปข้างในได้เลยแม้แต่คนเดียว  แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าความลับที่ถูกซ่อนไว้ในป่าอาถรรพ์แห่งนี้คืออะไร  และนี่คือจุดประสงค์ที่ทำให้เขามาที่นี่



                  \"ท่านพ่อมดราอูล!  ข้าแฮร์เรสหัวหน้าองครักษ์ขององค์เมเดียสมีเรื่องสำคัญมากจะมาขอความช่วยเหลือจากท่าน  หากท่านได้ยินเสียงข้าได้โปรดออกมาพบข้าด้วย\"



                  แฮร์เรสตะโกนเข้าไปในป่า  เสียงของเขาก้องกังวาลอย่างไม่น่าเชื่อยามเมื่อคลื่นเสียงวิ่งตรงผ่านเข้าไปข้างใน  เศษใบไม้ทุกใบบนพื้นถูกลมพัดปลิวลอยเข้าไปตามเสียงด้วย  ก่อนจะเงียบหายไปพร้อมๆกับการล่วงหล่นของเศษใบไม้เหล่านั้นตกลงมากองบนพื้นอย่างสงบนิ่งตามเดิม



                  น่าแปลก  ทั้งๆที่ป่าแห่งนี้ดูเป็นป่ารกทึบที่อุดมสมบูรณ์แต่กลับไม่มีวี่แววของสัตว์แต่ละชนิดอาศัยอยู่เลย  ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง  ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง  หรือว่าที่นี่จะไม่มีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอาศัยอยู่เลย



                  พลันความคิดของเขาก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงขยับของพุ่มไม้ตรงหน้า  แฮร์เรสขยับมือขึ้นกำกระชับด้ามดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวให้มั่นเพื่อเตรียมพร้อมหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล  ก่อนลมหายใจจะสะดุดเมื่อเห็นภาพของเสือดำตัวโตที่ย่างกรายออกมาเชื่องช้าจากพุ่มไม้นั้น  ขนทั้งตัวของมันเป็นสีดำมันปลาบ  ดวงตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับสีขน  และขนาดตัวที่ใหญ่พอๆกับเสือโคร่งตัวยักษ์  ลักษณะของมันดูไม่เหมือนเสือดำทั่วไปที่เขาเคยพบเห็น  แม้ภายนอกจะดูไม่แตกต่างนัก  แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกของเขาถึงบอกว่ามันไม่ใช่เสือดำธรรมดา



                  แฮร์เรสก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยอัตโนมัติ  ก่อนจะยืนตัวแข็งทื่อเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้เขาภายในรัศมีที่มันสามารถกระโดดขย้ำคอเขาได้สบายๆ  พอดูจากระยะประชิดแบบนี้แล้ว  ความสูงของมันเท่าเอวของเขาเลยทีเดียว



                  เสือดำตัวนั้นหยุดจ้องตาเขานิ่ง  มันกำลังยืนเผชิญหน้ากับแฮร์เรสเหมือนจะสำรวจท่าทีของเขา  มือของแฮร์เรสที่กำดาบอยู่ยังคงกระชับแน่นไม่ปล่อย  เขาเองก็รอดูท่าทีของมันเช่นกัน



                  และอยู่ๆเจ้าสัตว์หน้าขนตัวสีดำตรงหน้าก็อ้าปากแยกเขี้ยวคำราม  เสียงของมันทุ้มกังวาลและน่ากลัวจนทำให้หัวใจเต้นรัว  แฮร์เรสผงะถอย  ชักดาบออกมาจากฝักเตรียมตั้งรับการกระโจนของมันทันที  ดูจากความใหญ่โตของมันแล้วเขาไม่มั่นใจเลยว่าจะล้มมันได้  แต่เขาก็ต้องสู้  ตราบใดที่ยังไม่ได้พบกับคนที่เขาต้องการพบเขาจะไม่มีวันกลับเด็ดขาด



                  และแล้ว.....



                  บ้าน่า....



                  แฮร์เรสขมวดคิ้ว  เขาสาบานเลยว่าเห็นเจ้าเสือนั่นมันเสยะยิ้มให้เขา  นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ  เสือจะยิ้มได้ยังไง  แต่...ให้ตายเถอะ!  มันยิ้มจริงๆ!



                  ทันใดนั้นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อเสือดำตรงหน้าแปรเปลี่ยนเป็นร่างของมนุษย์  ขนมันปลาบของมันกลายสภาพเป็นชุดคลุมยาวสีดำ  ขนที่หัวก็ยืดยาวกลายเป็นผมสยายลงไปจนจรดกลางหลัง  แต่ดวงตาสีดำสนิทก็ยังคงเดิม



                  พ่อมดราอูล.....



                  \"ข้านับถือในความกล้าหาญของเจ้า  แฮร์เรส\"  พ่อมดหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มบาง



                  \"ที่แท้เสือดำตัวนั้นก็เป็นท่านเองหรอกเหรอ\"  แฮร์เรสพูดพลางถอนใจ  ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักตามเดิม  \"ท่านทำให้ข้าใจหายใจคว่ำหมดรู้มั้ย\"



                  \"แต่เจ้าก็ไม่หนีไม่ใช่เหรอ  แถมยังตั้งท่าสู้อีก  นั่นแหล่ะที่ทำให้ข้านับถือเจ้า\"



                  \"แล้วเหตุใดท่านถึงไม่ปรากฏตัวออกมาแบบธรรมดาเล่า\"  เขาพูดด้วยความรู้สึกขายหน้า  ที่เมื่อครู่แสดงความขลาดกลัวต่อหน้าอีกฝ่าย



                  \"ข้าจะได้แน่ใจว่าเจ้าคู่ควรที่จะได้พบข้าไงล่ะ\"



                  \"งั้นข้าต้องขอบคุณท่านสินะที่ให้เกียรติ์ข้า\"  แฮร์เรสพูดแกมประชด



                  ราอูลกระตุกยิ้มอย่างไม่ถือสา  \"ที่เจ้ามาหาข้าถึงที่คงไม่ได้มาเพื่อเรื่องแค่นี้หรอกนะแฮร์เรส\"



                  องครักษ์หนุ่มนึกขึ้นได้  รู้สึกตัวว่าตนเองทำกิริยาไม่เหมาะสมทั้งๆที่ตั้งใจจะมาขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายแท้ๆ  



                  เขาก้มหัวอย่างนอบน้อม  \"ข้าขอโทษที่เสียมารยาทต่อท่าน\"



                  \"ไม่เป็นไรข้าไม่ถือ\"  ราอูลตอบ  \"เจ้าว่าธุระของเจ้ามาดีกว่า  มีเรื่องอะไรจะให้ข้าช่วย  คงจะสำคัญมากถึงได้มาไกลถึงที่นี่\"



                  \"สำคัญมาก  เพราะมันเกี่ยวกับความปลอดภัยของท่านเมเดียส\"



                  \"เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์\"  ราอูลตั้งใจฟังมากขึ้น



                  \"ท่านเมเดียสถูกเวนเดอรัสลักพาตัว  ตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้  ข้าอยากให้ท่านไปช่วยพระองค์\"



                  ราอูลนิ่งอึ้ง  ทั้งใจหายระคนแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยิน  ตอนที่เกิดเรื่องเขากำลังนั่งสมาธิตัดขาดจากโลกภายนอกทำให้ไม่รู้ตัว  โดยไม่ต้องถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ  เขาเรียกลูกแก้วสีขาวใสขนาดกลางให้ลอยปรากฏตรงหน้า  ทันทีที่โบกมือภาพเหตุการณ์ย้อนหลังก็ปรากฏอยู่ในลูกแก้ว



                  ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของทั้งคู่เริ่มตั้งแต่ที่เวนเดอรัสบุกรุกเข้ามาในห้องกลางดึกแล้วลักพาตัวร่างของเมเดียสที่หมดสติออกไปจากวัง  ภาพม้าสามตัววิ่งอ้อมเข้าป่าตัดผ่านออกไปจนเข้าเขตชายแดนเดอเพนเทียส  ภาพที่ทั้งหมดหยุดพักอยู่ที่ริมแม่น้ำ  และสุดท้ายคือภาพร่างของเมเดียสที่ถูกพันธนาการแขนและขาด้วยเชือกนอนไม่ได้สติอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่



                  \"บัดซบ  เวนเดอรัสมันกล้าทำกับพระองค์ถึงขนาดนี้  นี่มันเกินไปแล้ว\"  แฮร์เรสสบดทันทีที่ภาพในลูกแก้วจางหายไป  เขากัดฟันกรอด  โกรธจัดจนตัวสั่นเทิ้ม



                  ราอูลไม่ได้พูดอะไร  เขาเพียงแค่ยืนนิ่ง  ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง



                  \"ท่านราอูล  ท่านต้องไปช่วยท่านเมเดียสนะ  ข้าขอร้อง\"  แฮร์เรสหันมาพูดกับพ่อมดราอูลด้วยท่าทีร้อนรน



                  \"ข้าทำไม่ได้\"  เขาพูดออกมาหลังจากเงียบไปนาน



                  \"ได้โปรดเถอะ  ข้ายินดีทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง  ขอเพียงแต่ท่านไปช่วยท่านเมเดียส  พาพระองค์กลับมาเดเมี่ยนอย่างปลอดภัย\"



                  \"ข้าไม่สามารถทำตามที่เจ้าขอได้\"



                  \"ข้าไม่เชื่อ!\"  น้ำเสียงของแฮร์เรสเริ่มแฝงด้วยความไม่พอใจ  \"ท่านเป็นถึงพ่อมด  เรื่องแค่นี้ท่านต้องทำได้อยู่แล้ว\"



                  \"ใช่  ข้าทำได้  แต่ข้าจะไม่ทำ\"



                  \"ทำไม!?\"  



                  \"มันเป็นลิขิตของทั้งสองคน  โชคชะตากำหนดไว้แล้วไม่ว่าใครก็ฝืนมันไม่ได้แม้แต่ตัวข้าเองก็ตาม\"



                  \"ท่านพูดอะไร  ข้าไม่เข้าใจ\"



                  \"มันเป็นเรื่องระหว่างเมเดียสกับเวนเดอรัส  ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่เข้าใจ  ชะตาของพวกเขาเกี่ยวโยงกันมาตั้งแต่อดีตชาติ  และชาตินี้พวกเขาจะต้องชดใช้เวรกรรมที่ทั้งคู่เคยสร้างร่วมกันไว้  ไม่ว่าข้าหรือเจ้าไม่อาจไปขัดขวางลิขิตของคนคู่นี้ได้  หากฝืนที่จะทำ  ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา  และข้าเชื่อว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่\"



                  \"ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูดหรอกนะ  แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านเมเดียสต้องเผชิญกับอันตรายเพียงลำพังแน่\"



                  \"ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า  แฮร์เรส  แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน  หากเจ้าเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้แล้วมันไม่เป็นผลดีต่อเจ้าแน่\"



                  \"ข้าไม่กลัวตาย!\"  เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  \"ข้ายินดีแลกชีวิตของตัวข้าเองกับท่านเมเดียส\"



                  \"ความจงรักภักดีของเจ้าเมเดียสจะระลึกถึงเสมอ  แต่ชีวิตก็เป็นของใครของมัน  ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแลกชีวิตกับอีกคนได้  ชะตาลิขิตไว้แล้ว  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องยอมรับมัน\"



                  \"แล้วจะให้ข้านิ่งดูดายปล่อยให้ท่านเมเดียสทนทุกข์ทรมานอยู่แบบนี้น่ะเหรอ\"



                  ราอูลนิ่งเงียบ  การที่ไม่ตอบเป็นการแสดงการยอมรับในคำพูดของอีกฝ่าย  ทำให้แฮร์เรสยิ่งโกรธ



                  \"ก็ได้!  ถ้าท่านไม่ช่วยข้าก็จะไม่ตื๊อ  ข้าจะเป็นคนไปช่วยท่านเมเดียสเอง!\"



                  องครักษ์หนุ่มหันหลังกลับ  เดินไปที่ม้าที่ผูกไว้  ก่อนก้าวขึ้นขี่แล้วควบบึ่งออกไปด้วยความเร็ว



                 \"ข้าเตือนเจ้าแล้วนะแฮร์เรส  จำคำพูดข้าไว้ให้ดี\"  ราอูลพึมพำเสียงเบา  แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินคำพูดของเขาก็ตาม



                  พ่อมดราอูลเป็นพ่อมดดำผู้ทรงอิทธิฤทธิ์  หยั่งรู้ทั้งอดีต  ปัจจุบัน  และอนาคต  เขาจึงรับรู้โชคชะตาที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลสำคัญแห่งเดเมี่ยน  แต่เขาตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้  หากเป็นเรื่องอื่นเขายินดีช่วย  แต่แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาไม่อาจเข้าไปยุ่ง  เพราะเหตุใดไม่อาจมีใครล่วงรู้ได้นอกจากเจ้าตัว  



                  แม้พ่อมดราอูลเลือกที่จะนิ่งเฉย  แต่ถึงอย่างนั้นความกังวลก็ไม่อาจลบเลือนไปจากสีหน้าของเขาได้ในเวลานี้





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×