ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 : ลักพาตัว
              กลางดึกสงัดห่างออกไปทางชายแดนเดเมี่ยน  ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนหารือกันอยู่เงียบๆท่ามกลางกองไฟขนาดย่อม  บริเวณรอบด้านเงียบสงบไร้วี่แววของกระโจมนับพันหลังและทหารมากมายที่เคยพักแรมอาศัยอยู่  เหลือเพียงชายฉกรรจ์สามคนที่สวมอาภรณ์และผ้าคลุมหน้าสีดำสนิท
              \"พวกที่เหลือไปถึงไหนแล้ว\"
              \"นกพิราบสื่อสารเพิ่งนำข่าวมาบอกว่าพวกนั้นเดินทางไปถึงเดอเพนเทียสแล้วพะยะค่ะ\"
              \"ทำไมฝ่าบาทถึงให้พวกนั้นล่วงหน้าไปก่อนล่ะพะย่ะค่ะ  น่าจะอยู่รอเสด็จกลับพร้อมๆกันหลังจากที่เสร็จเรื่อง\"
              \"ถ้าไปพร้อมกันทั้งหมดมันก็จะเสียเวลาในการเดินทางน่ะสิ  คาล  ถ้าได้ตัวมันมาแล้วพวกเราต้องเดินทางกลับอย่างรวดเร็วและเงียบที่สุด\"
              \"หม่อมฉันเข้าใจแล้ว\"
              เวนเดอรัสหันไปหาองครักษ์อีกคน  \"ดับไฟกองนั่นซะ  จากนั้นก็เริ่มงานเลย\"
              เคอร์เทียสนำถังน้ำที่เตรียมไว้สาดเข้าใส่กองเพลิงจนมันดับมอด  ก่อนจะโยนถังเปล่าทิ้งไว้ข้างชายป่า  แสงที่ให้ความสว่างก่อนหน้านั้นดับวูบลง  เหลือเพียงความสลัวท่ามกลางความมืดยามราตรี  เขาเดินมาขึ้นขี่ม้าของตนโดยอีกสองคนที่เหลือประจำที่บนหลังม้ารออยู่ก่อนแล้ว  และทั้งหมดก็ควบม้าฝ่าความมืดไปอย่างเงียบกริบ  มุ่งตรงไปยังพระราชวังเดเมี่ยน
                                                                .........................................................
              ในห้องบรรทมของเมเดียสที่มืดสนิท  ร่างบนแท่นบรรทมกำลังอยู่ในห้วงนิทรารมย์ที่แสนสบาย  พระพักตร์แย้มยิ้มอย่างเปี่ยมสุขเมื่อทรงพระสุบินถึงช่วงเวลาเมื่อยังทรงพระเยาว์
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              \"ท่านแม่!  ท่านแม่!  รู้มั้ยว่าวันนี้หนูไปเจออะไรมา\"
              เด็กสาวหัวยุ่งวิ่งเข้ามาในพระตำหนักกลางสวนที่ซึ่งมีพระราชินีประทับอยู่
              \"อย่าวิ่งอย่างนั้นสิจ๊ะเมเดียส  ลูกเป็นถึงราชนิกุลไม่ควรทำตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพารนะ\"  ราชินีเมเดียล่าตรัสสอนกับพระธิดาองค์น้อย
              เมเดียสย่นพระนาสิกอย่างขัดใจ  \"ท่านแม่อ่ะ  ไม่สนใจฟังลูกเลย\"
              \"โทษทีจ้ะลูกรัก  ว่ามาสิว่าลูกไปเจออะไรมา\"  พระองค์ทำท่าสนพระทัยมากขึ้น  ทำให้พระธิดาน้อยยิ้มร่า
              เมเดียสชูสิ่งที่พระองค์แอบซ่อนอยู่ข้างหลังให้ราชินีทอดพระเนตร  ลูกกระรอกตัวเล็กกำลังดิ้นรนหาอิสระภาพอยู่ในอุ้งพระหัตถ์
              \"ลูกกระรอก!\"  ราชินีเมเดียล่าอุทาน
              \"ใช่เพคะ  หนูเจอมันที่หลังสวน  วิ่งไล่จับอยู่ตั้งนานแน่ะกว่าจะได้\"  เมเดียสตรัสอย่างภูมิใจในผลงานของพระองค์
              \"ปล่อยมันไปเถอะลูก\"
              \"ไม่เอา  หนูจะเอามันไปใส่กรงไว้ดูเล่น\"
              \"แต่มันน่าสงสารออกนะ\"
              \"จะสงสารไปทำไม  ก็มันเป็นแค่สัตว์\"
              \"ฟังนะลูกรัก\"  ราชินีตรัสอย่างอ่อนโยน  โอบธิดาของพระองค์เข้ามาใกล้  \"จะคนหรือสัตว์ต่างก็รักชีวิตและต้องการอิสรภาพด้วยกันทั้งนั้น  กระรอกตัวนี้ยังเล็กอยู่  ลูกนำมันมาเลี้ยงก็เท่ากับพรากมันไปจากแม่ของมัน  ถ้าเป็นลูก  ลูกจะทนได้มั้ยถ้ามีคนมาพรากลูกไปจากแม่น่ะ\"
              เมเดียสส่ายพระพักตร์อย่างแรง  โผเข้ากอดพระมารดาแน่น  พระอัสสุชนเริ่มคลอหน่วง  \"ไม่เอานะ  หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น  หนูจะอยู่กับแม่\"
              \"เห็นมั้ย  ขนาดลูกยังทนไม่ได้  แล้วลูกกระรอกตัวนี้จะทนได้หรือจ๊ะ\" 
              \"หนูเข้าใจแล้ว  หนูจะเอามันไปปล่อยที่เดิมเดี๋ยวนี้เลยเพคะ\"
              ร่างเล็กวิ่งหายไปทางท้ายสวน  หลังจากนั้นไม่นานร่างเดิมก็วิ่งกลับเข้ามาหาพระมารดาที่ประทับรออยู่ที่เดิม
              \"หนูปล่อยมันไปแล้วเพคะ\"  ตรัสพลางแบพระหัตถ์ทั้งสองที่ว่างเปล่าให้ราชินีทอดพระเนตร
              พระโอษฐ์ของราชินีแย้มยิ้มอ่อนหวานพลางลูบเกศายุ่งของเมเดียส  \"ดีมากจ้ะเมเดียสลูกรัก\" 
              \"ท่านแม่คะ  แม่ของเจ้าลูกกระรอกตัวนั้นจะโกรธหนูมั้ยคะที่หนูแย่งลูกมันมา\"  เมเดียสตรัสด้วยสีพระพักตร์ที่เศร้าสลด
              \"ไม่หรอกจ้ะ  ก็ลูกนำลูกของมันไปคืนแล้วนี่\"  พระองค์ตรัสตอบ  \"จำไว้นะจ๊ะว่าสัตว์ทุกชนิดน่ะมีความรักความผูกพันต่อกันไม่ต่างกับมนุษย์  เราในฐานะผู้ที่เข้มแข็งกว่าก็ไม่ควรจะไปทำลายและขัดขวางความรักของผู้ที่อ่อนแอหรือด้อยกว่า  ความรักเป็นสิ่งสวยงาม  เราควรเชิดชูสรรเสริญ  ไม่ใช่ทำลาย\"
              \"เหมือนความรักที่ท่านแม่มีต่อท่านพ่อใช่มั้ยคะ\"
              \"ใช่จ้ะ  แต่ความรักระหว่างพ่อกับแม่แตกต่างจากความรักระหว่างแม่กับลูกนะจ๊ะ\"
              \"ต่างกันยังไงคะ\"  เอียงพระศอถามอย่างใคร่รู้  พระเนตรสีฟ้าเป็นกระกายแวววาว
              ราชินีแย้มพระโอษฐ์อย่างเอ็นดู  \"ไว้ถ้าลูกโตขึ้นลูกจะเข้าใจเองจ้ะ\"
              พระพักตร์ของเมเดียสงอง้ำอย่างขัดใจ  \"ทำไมต้องรอให้โตก่อนด้วยล่ะ  รู้ตอนนี้ไม่ได้เหรอ\"
              \"ก็เพราะลูกในวัยนี้ยังไม่เหมาะจะมีความรักแบบหนุ่มสาวน่ะสิจ๊ะ  ถ้าลูกโตพอจะมีความรักแบบนั้นเมื่อไหร่ลูกก็จะเข้าใจความหมายของมันเองโดยไม่ต้องให้ใครมาบอก\"
              \"แล้วหนูจะรู้ได้ยังไงว่าหนูจะมีความรักแบบนั้น\"
              \"หัวใจไงลูก  เมื่อลูกมีความรักเมื่อไหร่หัวใจของลูกจะกระซิบบอกลูกเอง  เพียงแต่ลูกต้องเปิดใจแล้วรับฟังเสียงของมัน  แล้วลูกก็จะรู้ว่าลูกกำลังมีความรัก\"
              \"หัวใจพูดได้ด้วยเหรอคะ\"  ตรัสถามอย่างไร้เดียงสา  ก่อนจะเอาพระกรรณของพระองค์ไปแนบกับพระอุระของพระมารดาหมายจะฟังเสียง
              ราชินีเมเดียล่าทรงสรวลอย่างเอ็นดู  โอบกอดธิดาตัวน้อยไว้อย่างรักใคร่  \"พูดได้สิจ๊ะ  แต่เราจะไม่ได้ยินเสียงพูดของหัวใจคนอื่นหรอก  เราจะได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเองเท่านั้น\"
              \"งั้นทำไมหนูถึงไม่ได้ยินเสียงพูดของหัวใจหนูเลย\"
              \"ก็มันยังไม่ถึงเวลานี่จ๊ะ\"  พระองค์ตรัส  \"แม่บอกแล้วไง  ถ้าลูกโตขึ้นแล้วมีความรักเมื่อไหร่  หัวใจมันจะบอกลูกเอง\"
              \"งั้นหนูจะรอวันนั้นค่ะ\"
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              ภาพในความทรงจำยังแจ่มชัดเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เอง  พระอัสสุชนของเมเดียสซึมอยู่ที่หางพระเนตร  ก่อนจะไหลรินออกมาช้าๆ  พระองค์รู้สึกตัวตื่นจากบรรทมแล้วแต่ยังไม่ลืมพระเนตรเพราะกลัวว่าภาพในห้วงสุบินนั้นจะเลือนหายไป  พระพักตร์ของพระราชินีเมเดียล่าที่แสนงดงาม  ความอ่อนโยนใจดีที่ยังตราตรึงอยู่ในพระทัยจนมิอาจลืมเลือนไปได้  เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ไม่มีพระมารดาอันเป็นที่รักอีกต่อไปแล้วก็ไม่อาจหักห้ามตนไม่ให้กรรแสงได้
              ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่พระทัยของเมเดียสจะสงบ  พระอัสสุชนหยุดไหลแล้ว  พระเนตรลืมขึ้นช้าๆ  กระพริบถี่ๆเพื่อไล่หยดน้ำที่ยังคงเกาะพราวอยู่บนพระโลมาจักษุ  พระองค์ทอดพระเนตรมองฝ่าความมืดเพื่อหวังคาดการณ์เวลาว่าขณะนี้ก้าวเข้าสู่วันใหม่หรือยัง  แต่เมื่อสายพระเนตรถูกปรับให้ชินกับความมืดแล้ว  ภาพเงาคนเบื้องบนที่เข้ามาในคลองจักษุก็ต้องทำให้พระองค์เบิ่งพระเนตรกว้าง
              \"เจ้า.....!\"
              บุคคลลึกลับในความมืดยกมือขึ้นปิดโอษฐ์ของเมเดียสก่อนที่พระองค์จะทันได้ร้องตะโกน  มืออีกข้างกดพระวรกายของเมเดียสที่กำลังดิ้นพล่าน
              \"อื้อ!\"  เสียงตะโกนไม่อาจหลุดรอดออกมาจากโอษฐ์  เป็นได้แค่เสียงครางไม่ได้ศัพท์ในพระศอ  พระองค์พยายามเพ่งมองเงาคนตรงหน้าเพื่อหวังจะทอดพระเนตรให้ชัดว่าคนที่บังอาจหมิ่นพระองค์เป็นใคร  แต่เมื่อใบหน้าของชายเบื้องบนแจ่มชัดในคลองจักษุก็เรียกความหวาดกลัวและแปลกพระทัยขึ้นฉับพลัน  โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในพระวรกายเย็นเฉียบ  สายพระเนตรเริ่มพร่าเลือน  พระหัตถ์ที่ยกขึ้นจับแขนของอีกฝ่ายตกลู่ลงบนแท่นบรรทมอย่างสิ้นเรี่ยวแรง  และสติสัมปชัญญะทุกอย่างก็ดับวูบลง
              เวนเดอรัสยกผ้าที่อาบยาสลบออกจากพระนาสิกของเมเดียส  พระองค์ทอดพระเนตรมองร่างที่สลบไสลบนแท่นบรรทม  ก่อนจะยกหลังพระหัตถ์ขึ้นไล้พระพักตร์ที่งดงามหมดจด  ทรงประทับนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะอุ้มร่างไร้สติของเมเดียสขึ้นแล้วเดินออกไปทางประตู
              \"ได้ตัวนางแล้ว  รีบไปกันเถอะ\"  เวนเดอรัสตรัสกับคาลและเคอร์เทียสที่ยืนดูลาดเลาอยู่ที่หน้าประตู  ก่อนจะก้าวข้ามร่างองครักษ์สองร่างที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นหน้าประตูห้องบรรทม  แล้วผู้บุกรุกทั้งสามคนก็เดินหายเข้าไปในความมืดของระเบียงทางเดิน
                                                                .........................................................
              \"ฮ้าว..ว..ว... โอย  มึนหัวชะมัด\"
              \"เมื่อคืนแอบไปกินเหล้ามาอีกล่ะสิ\"
              \"นิดหน่อยว่ะ\"
              \"ระวังนะโว้ย  ถ้าเอ็งเผลอหลับยามเมื่อไหร่หัวจะขาดไม่รู้ตัว\"
              \"เออ  ไม่หรอกน่า\"
              ทหารองครักษ์สองคนเดินมาทางห้องบรรทมของเจ้าเหนือหัวในยามเช้าตรู่เพื่อจะเปลี่ยนเวรกับทหารยามกะกลางคืน  แต่เมื่อมาถึงที่หมายก็ต้องตกใจเมื่อพบร่างของเพื่อนนอนกองไม่ได้สติอยู่บนพื้นบริเวณหน้าประตู
              \"เฮ้ย!  นี่มันอะไรกันวะ\"
              \"ตื่นโว้ย!  ตื่น!  พวกแกมาหลับกันอย่างงี้ได้ไงวะ\"
              ทหารคนหนึ่งนั่งลงเขย่าร่างทั้งสอง  แต่ต้องรู้สึกผิดปกติเมื่อเรียกยังไงสองคนนี้ก็ไม่รู้สึกตัว
              \"อย่างงี้ไม่ได้เรียกว่าหลับแล้วนะ\"
              \"แย่แล้ว!\"  คนที่นั่งปลุกเพื่อนโพล่งขึ้นมาทันทีเมื่อคิดได้  หันไปสั่งกับทหารองครักษ์อีกคนทันที  \"รีบเข้าไปดูท่านเมเดียสเร็ว!\"
              ทหารอีกคนเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที  หากในยามปกติถ้าเขาพรวดพราดเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้คงไม้พ้นโทษถูกประหาร  แต่บุคคลสูงศักดิ์ที่จะสามารถเอาผิดเขาได้กลับไร้วี่แววภายในห้อง
              \"ท่านเมเดียสหายไป!\" 
              เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังขึ้นในยามเช้าตรู่  ข่าวการหายตัวไปขององค์เหนือหัวแห่งเดเมี่ยนถูกแพร่กระจายจนข้าราชบริพารทั้งหลายรับรู้โดยทั่วกัน 
              ขณะนี้ภายในพระราชวังเดเมี่ยนเริ่มอลม่านวุ่นวายเมื่อทุกคนพากันวิ่งวุ่นหาตัวเมเดียสกันจ้าละหวั่น  ทั่งทั้งพระราชวังเต็มไปด้วยเหล่าทหารและข้าราชบริพารที่วนเวียนไปมาอย่างขวักไขว่  ผ่านไปนานก็ยังไม่มีใครพบตัวพระองค์
              แฮร์เรสกำหมัดแน่น  จิตใจว้าวุ่นและรุ่มร้อนเมื่อบุคคลสำคัญที่สุดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  เขาครุ่นคิดอย่างสับสน  ก่อนจะหันไปสั่งกับทหารใต้บังคับบัญชา
              \"ส่งม้าเร็วไปที่ชายแดนด่วนที่สุด  พบเห็นอะไรผิดปกติให้มารายงานข้า!\"
              คำสั่งของหัวหน้าองครักษ์ได้รับการปฏิบัติตามโดยทันทีทันใด  แฮร์เรสรออย่างกระวนกระวายใจ  ภาวนาให้สิ่งที่ตนคิดไม่เป็นความจริง 
              ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่ม้าเร็วจะกลับมา  พร้อมกับคำรายงานในสิ่งที่แฮร์เรสกังวล
              \"ทหารของเดอเพนเทียสหายไปหมดแล้ว  ไม่มีใครหลงเหลือซักคนขอรับ\"
              \"มัน..ต้องเป็นมันแน่ๆ\"
              ระหว่างนั้นเองที่พระนมของเมเดียสวิ่งฝ่าเข้ามาในวงล้อมพร้อมกับชูกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นโบกไปมา  นางเข้ามาหาแฮร์เรสก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขาอย่างร้อนรน
              \"ข้าพบสาส์นนี้บนแท่นบรรทมของท่านเมเดียส\"
              หัวหน้าองครักษ์หนุ่มคลี่สาส์นนั้นออกอ่านทันที  ไม่แปลกใจเลยที่เห็นตราประจำราชวงศ์เดอเพนเทียสประทับอยู่ด้านบนของสาส์น  ก่อนจะอ่านออกเสียงดังๆให้ทุกคนได้ยิน
              \"ตอนนี้เมเดียสอยู่ในมือข้า  หากไม่อยากให้กษัตริย์ของพวกเจ้ามีอันเป็นไปก็อย่าส่งทหารตามมา  ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่รับรองความปลอดภัยของเมเดียส.....เวนเดอรัส\"
              เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันทีเมื่อแฮร์เรสอ่านจบ  พระนมวิเรียถึงกับเป็นลมล้มพับลงไป  ข่าวร้ายครั้งนี้สร้างความวิตกกังวลและเสียขวัญให้กับทุกคนจนไม่อาจสงบจิตใจลงได้
              แฮร์เรสกัดฟันกรอด  เป็นอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด  ขณะนี้องค์เหนือหัวเมเดียสกำลังตกอยู่ในอันตราย  และเขาอยากจะกระโจนเข้าไปในคอกม้าแล้วควบม้าเบิ่งตามไปโดยทันที  แต่ข้อความที่อีกฝ่ายขู่ไว้ไม่อาจทำให้เขาทำตามใจตนเองได้เนื่องจากเป็นห่วงสวัสดิภาพของพระองค์  แล้วเขาจะทำยังไงถึงจะช่วยพระองค์ที่กำลังอยู่ในเงื้อมือของศัตรูที่ร้ายกาจและอันตรายที่สุดได้
              \"พวกที่เหลือไปถึงไหนแล้ว\"
              \"นกพิราบสื่อสารเพิ่งนำข่าวมาบอกว่าพวกนั้นเดินทางไปถึงเดอเพนเทียสแล้วพะยะค่ะ\"
              \"ทำไมฝ่าบาทถึงให้พวกนั้นล่วงหน้าไปก่อนล่ะพะย่ะค่ะ  น่าจะอยู่รอเสด็จกลับพร้อมๆกันหลังจากที่เสร็จเรื่อง\"
              \"ถ้าไปพร้อมกันทั้งหมดมันก็จะเสียเวลาในการเดินทางน่ะสิ  คาล  ถ้าได้ตัวมันมาแล้วพวกเราต้องเดินทางกลับอย่างรวดเร็วและเงียบที่สุด\"
              \"หม่อมฉันเข้าใจแล้ว\"
              เวนเดอรัสหันไปหาองครักษ์อีกคน  \"ดับไฟกองนั่นซะ  จากนั้นก็เริ่มงานเลย\"
              เคอร์เทียสนำถังน้ำที่เตรียมไว้สาดเข้าใส่กองเพลิงจนมันดับมอด  ก่อนจะโยนถังเปล่าทิ้งไว้ข้างชายป่า  แสงที่ให้ความสว่างก่อนหน้านั้นดับวูบลง  เหลือเพียงความสลัวท่ามกลางความมืดยามราตรี  เขาเดินมาขึ้นขี่ม้าของตนโดยอีกสองคนที่เหลือประจำที่บนหลังม้ารออยู่ก่อนแล้ว  และทั้งหมดก็ควบม้าฝ่าความมืดไปอย่างเงียบกริบ  มุ่งตรงไปยังพระราชวังเดเมี่ยน
                                                                .........................................................
              ในห้องบรรทมของเมเดียสที่มืดสนิท  ร่างบนแท่นบรรทมกำลังอยู่ในห้วงนิทรารมย์ที่แสนสบาย  พระพักตร์แย้มยิ้มอย่างเปี่ยมสุขเมื่อทรงพระสุบินถึงช่วงเวลาเมื่อยังทรงพระเยาว์
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              \"ท่านแม่!  ท่านแม่!  รู้มั้ยว่าวันนี้หนูไปเจออะไรมา\"
              เด็กสาวหัวยุ่งวิ่งเข้ามาในพระตำหนักกลางสวนที่ซึ่งมีพระราชินีประทับอยู่
              \"อย่าวิ่งอย่างนั้นสิจ๊ะเมเดียส  ลูกเป็นถึงราชนิกุลไม่ควรทำตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพารนะ\"  ราชินีเมเดียล่าตรัสสอนกับพระธิดาองค์น้อย
              เมเดียสย่นพระนาสิกอย่างขัดใจ  \"ท่านแม่อ่ะ  ไม่สนใจฟังลูกเลย\"
              \"โทษทีจ้ะลูกรัก  ว่ามาสิว่าลูกไปเจออะไรมา\"  พระองค์ทำท่าสนพระทัยมากขึ้น  ทำให้พระธิดาน้อยยิ้มร่า
              เมเดียสชูสิ่งที่พระองค์แอบซ่อนอยู่ข้างหลังให้ราชินีทอดพระเนตร  ลูกกระรอกตัวเล็กกำลังดิ้นรนหาอิสระภาพอยู่ในอุ้งพระหัตถ์
              \"ลูกกระรอก!\"  ราชินีเมเดียล่าอุทาน
              \"ใช่เพคะ  หนูเจอมันที่หลังสวน  วิ่งไล่จับอยู่ตั้งนานแน่ะกว่าจะได้\"  เมเดียสตรัสอย่างภูมิใจในผลงานของพระองค์
              \"ปล่อยมันไปเถอะลูก\"
              \"ไม่เอา  หนูจะเอามันไปใส่กรงไว้ดูเล่น\"
              \"แต่มันน่าสงสารออกนะ\"
              \"จะสงสารไปทำไม  ก็มันเป็นแค่สัตว์\"
              \"ฟังนะลูกรัก\"  ราชินีตรัสอย่างอ่อนโยน  โอบธิดาของพระองค์เข้ามาใกล้  \"จะคนหรือสัตว์ต่างก็รักชีวิตและต้องการอิสรภาพด้วยกันทั้งนั้น  กระรอกตัวนี้ยังเล็กอยู่  ลูกนำมันมาเลี้ยงก็เท่ากับพรากมันไปจากแม่ของมัน  ถ้าเป็นลูก  ลูกจะทนได้มั้ยถ้ามีคนมาพรากลูกไปจากแม่น่ะ\"
              เมเดียสส่ายพระพักตร์อย่างแรง  โผเข้ากอดพระมารดาแน่น  พระอัสสุชนเริ่มคลอหน่วง  \"ไม่เอานะ  หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น  หนูจะอยู่กับแม่\"
              \"เห็นมั้ย  ขนาดลูกยังทนไม่ได้  แล้วลูกกระรอกตัวนี้จะทนได้หรือจ๊ะ\" 
              \"หนูเข้าใจแล้ว  หนูจะเอามันไปปล่อยที่เดิมเดี๋ยวนี้เลยเพคะ\"
              ร่างเล็กวิ่งหายไปทางท้ายสวน  หลังจากนั้นไม่นานร่างเดิมก็วิ่งกลับเข้ามาหาพระมารดาที่ประทับรออยู่ที่เดิม
              \"หนูปล่อยมันไปแล้วเพคะ\"  ตรัสพลางแบพระหัตถ์ทั้งสองที่ว่างเปล่าให้ราชินีทอดพระเนตร
              พระโอษฐ์ของราชินีแย้มยิ้มอ่อนหวานพลางลูบเกศายุ่งของเมเดียส  \"ดีมากจ้ะเมเดียสลูกรัก\" 
              \"ท่านแม่คะ  แม่ของเจ้าลูกกระรอกตัวนั้นจะโกรธหนูมั้ยคะที่หนูแย่งลูกมันมา\"  เมเดียสตรัสด้วยสีพระพักตร์ที่เศร้าสลด
              \"ไม่หรอกจ้ะ  ก็ลูกนำลูกของมันไปคืนแล้วนี่\"  พระองค์ตรัสตอบ  \"จำไว้นะจ๊ะว่าสัตว์ทุกชนิดน่ะมีความรักความผูกพันต่อกันไม่ต่างกับมนุษย์  เราในฐานะผู้ที่เข้มแข็งกว่าก็ไม่ควรจะไปทำลายและขัดขวางความรักของผู้ที่อ่อนแอหรือด้อยกว่า  ความรักเป็นสิ่งสวยงาม  เราควรเชิดชูสรรเสริญ  ไม่ใช่ทำลาย\"
              \"เหมือนความรักที่ท่านแม่มีต่อท่านพ่อใช่มั้ยคะ\"
              \"ใช่จ้ะ  แต่ความรักระหว่างพ่อกับแม่แตกต่างจากความรักระหว่างแม่กับลูกนะจ๊ะ\"
              \"ต่างกันยังไงคะ\"  เอียงพระศอถามอย่างใคร่รู้  พระเนตรสีฟ้าเป็นกระกายแวววาว
              ราชินีแย้มพระโอษฐ์อย่างเอ็นดู  \"ไว้ถ้าลูกโตขึ้นลูกจะเข้าใจเองจ้ะ\"
              พระพักตร์ของเมเดียสงอง้ำอย่างขัดใจ  \"ทำไมต้องรอให้โตก่อนด้วยล่ะ  รู้ตอนนี้ไม่ได้เหรอ\"
              \"ก็เพราะลูกในวัยนี้ยังไม่เหมาะจะมีความรักแบบหนุ่มสาวน่ะสิจ๊ะ  ถ้าลูกโตพอจะมีความรักแบบนั้นเมื่อไหร่ลูกก็จะเข้าใจความหมายของมันเองโดยไม่ต้องให้ใครมาบอก\"
              \"แล้วหนูจะรู้ได้ยังไงว่าหนูจะมีความรักแบบนั้น\"
              \"หัวใจไงลูก  เมื่อลูกมีความรักเมื่อไหร่หัวใจของลูกจะกระซิบบอกลูกเอง  เพียงแต่ลูกต้องเปิดใจแล้วรับฟังเสียงของมัน  แล้วลูกก็จะรู้ว่าลูกกำลังมีความรัก\"
              \"หัวใจพูดได้ด้วยเหรอคะ\"  ตรัสถามอย่างไร้เดียงสา  ก่อนจะเอาพระกรรณของพระองค์ไปแนบกับพระอุระของพระมารดาหมายจะฟังเสียง
              ราชินีเมเดียล่าทรงสรวลอย่างเอ็นดู  โอบกอดธิดาตัวน้อยไว้อย่างรักใคร่  \"พูดได้สิจ๊ะ  แต่เราจะไม่ได้ยินเสียงพูดของหัวใจคนอื่นหรอก  เราจะได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเองเท่านั้น\"
              \"งั้นทำไมหนูถึงไม่ได้ยินเสียงพูดของหัวใจหนูเลย\"
              \"ก็มันยังไม่ถึงเวลานี่จ๊ะ\"  พระองค์ตรัส  \"แม่บอกแล้วไง  ถ้าลูกโตขึ้นแล้วมีความรักเมื่อไหร่  หัวใจมันจะบอกลูกเอง\"
              \"งั้นหนูจะรอวันนั้นค่ะ\"
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
              ภาพในความทรงจำยังแจ่มชัดเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เอง  พระอัสสุชนของเมเดียสซึมอยู่ที่หางพระเนตร  ก่อนจะไหลรินออกมาช้าๆ  พระองค์รู้สึกตัวตื่นจากบรรทมแล้วแต่ยังไม่ลืมพระเนตรเพราะกลัวว่าภาพในห้วงสุบินนั้นจะเลือนหายไป  พระพักตร์ของพระราชินีเมเดียล่าที่แสนงดงาม  ความอ่อนโยนใจดีที่ยังตราตรึงอยู่ในพระทัยจนมิอาจลืมเลือนไปได้  เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ไม่มีพระมารดาอันเป็นที่รักอีกต่อไปแล้วก็ไม่อาจหักห้ามตนไม่ให้กรรแสงได้
              ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่พระทัยของเมเดียสจะสงบ  พระอัสสุชนหยุดไหลแล้ว  พระเนตรลืมขึ้นช้าๆ  กระพริบถี่ๆเพื่อไล่หยดน้ำที่ยังคงเกาะพราวอยู่บนพระโลมาจักษุ  พระองค์ทอดพระเนตรมองฝ่าความมืดเพื่อหวังคาดการณ์เวลาว่าขณะนี้ก้าวเข้าสู่วันใหม่หรือยัง  แต่เมื่อสายพระเนตรถูกปรับให้ชินกับความมืดแล้ว  ภาพเงาคนเบื้องบนที่เข้ามาในคลองจักษุก็ต้องทำให้พระองค์เบิ่งพระเนตรกว้าง
              \"เจ้า.....!\"
              บุคคลลึกลับในความมืดยกมือขึ้นปิดโอษฐ์ของเมเดียสก่อนที่พระองค์จะทันได้ร้องตะโกน  มืออีกข้างกดพระวรกายของเมเดียสที่กำลังดิ้นพล่าน
              \"อื้อ!\"  เสียงตะโกนไม่อาจหลุดรอดออกมาจากโอษฐ์  เป็นได้แค่เสียงครางไม่ได้ศัพท์ในพระศอ  พระองค์พยายามเพ่งมองเงาคนตรงหน้าเพื่อหวังจะทอดพระเนตรให้ชัดว่าคนที่บังอาจหมิ่นพระองค์เป็นใคร  แต่เมื่อใบหน้าของชายเบื้องบนแจ่มชัดในคลองจักษุก็เรียกความหวาดกลัวและแปลกพระทัยขึ้นฉับพลัน  โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในพระวรกายเย็นเฉียบ  สายพระเนตรเริ่มพร่าเลือน  พระหัตถ์ที่ยกขึ้นจับแขนของอีกฝ่ายตกลู่ลงบนแท่นบรรทมอย่างสิ้นเรี่ยวแรง  และสติสัมปชัญญะทุกอย่างก็ดับวูบลง
              เวนเดอรัสยกผ้าที่อาบยาสลบออกจากพระนาสิกของเมเดียส  พระองค์ทอดพระเนตรมองร่างที่สลบไสลบนแท่นบรรทม  ก่อนจะยกหลังพระหัตถ์ขึ้นไล้พระพักตร์ที่งดงามหมดจด  ทรงประทับนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะอุ้มร่างไร้สติของเมเดียสขึ้นแล้วเดินออกไปทางประตู
              \"ได้ตัวนางแล้ว  รีบไปกันเถอะ\"  เวนเดอรัสตรัสกับคาลและเคอร์เทียสที่ยืนดูลาดเลาอยู่ที่หน้าประตู  ก่อนจะก้าวข้ามร่างองครักษ์สองร่างที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นหน้าประตูห้องบรรทม  แล้วผู้บุกรุกทั้งสามคนก็เดินหายเข้าไปในความมืดของระเบียงทางเดิน
                                                                .........................................................
              \"ฮ้าว..ว..ว... โอย  มึนหัวชะมัด\"
              \"เมื่อคืนแอบไปกินเหล้ามาอีกล่ะสิ\"
              \"นิดหน่อยว่ะ\"
              \"ระวังนะโว้ย  ถ้าเอ็งเผลอหลับยามเมื่อไหร่หัวจะขาดไม่รู้ตัว\"
              \"เออ  ไม่หรอกน่า\"
              ทหารองครักษ์สองคนเดินมาทางห้องบรรทมของเจ้าเหนือหัวในยามเช้าตรู่เพื่อจะเปลี่ยนเวรกับทหารยามกะกลางคืน  แต่เมื่อมาถึงที่หมายก็ต้องตกใจเมื่อพบร่างของเพื่อนนอนกองไม่ได้สติอยู่บนพื้นบริเวณหน้าประตู
              \"เฮ้ย!  นี่มันอะไรกันวะ\"
              \"ตื่นโว้ย!  ตื่น!  พวกแกมาหลับกันอย่างงี้ได้ไงวะ\"
              ทหารคนหนึ่งนั่งลงเขย่าร่างทั้งสอง  แต่ต้องรู้สึกผิดปกติเมื่อเรียกยังไงสองคนนี้ก็ไม่รู้สึกตัว
              \"อย่างงี้ไม่ได้เรียกว่าหลับแล้วนะ\"
              \"แย่แล้ว!\"  คนที่นั่งปลุกเพื่อนโพล่งขึ้นมาทันทีเมื่อคิดได้  หันไปสั่งกับทหารองครักษ์อีกคนทันที  \"รีบเข้าไปดูท่านเมเดียสเร็ว!\"
              ทหารอีกคนเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที  หากในยามปกติถ้าเขาพรวดพราดเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้คงไม้พ้นโทษถูกประหาร  แต่บุคคลสูงศักดิ์ที่จะสามารถเอาผิดเขาได้กลับไร้วี่แววภายในห้อง
              \"ท่านเมเดียสหายไป!\" 
              เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังขึ้นในยามเช้าตรู่  ข่าวการหายตัวไปขององค์เหนือหัวแห่งเดเมี่ยนถูกแพร่กระจายจนข้าราชบริพารทั้งหลายรับรู้โดยทั่วกัน 
              ขณะนี้ภายในพระราชวังเดเมี่ยนเริ่มอลม่านวุ่นวายเมื่อทุกคนพากันวิ่งวุ่นหาตัวเมเดียสกันจ้าละหวั่น  ทั่งทั้งพระราชวังเต็มไปด้วยเหล่าทหารและข้าราชบริพารที่วนเวียนไปมาอย่างขวักไขว่  ผ่านไปนานก็ยังไม่มีใครพบตัวพระองค์
              แฮร์เรสกำหมัดแน่น  จิตใจว้าวุ่นและรุ่มร้อนเมื่อบุคคลสำคัญที่สุดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  เขาครุ่นคิดอย่างสับสน  ก่อนจะหันไปสั่งกับทหารใต้บังคับบัญชา
              \"ส่งม้าเร็วไปที่ชายแดนด่วนที่สุด  พบเห็นอะไรผิดปกติให้มารายงานข้า!\"
              คำสั่งของหัวหน้าองครักษ์ได้รับการปฏิบัติตามโดยทันทีทันใด  แฮร์เรสรออย่างกระวนกระวายใจ  ภาวนาให้สิ่งที่ตนคิดไม่เป็นความจริง 
              ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่ม้าเร็วจะกลับมา  พร้อมกับคำรายงานในสิ่งที่แฮร์เรสกังวล
              \"ทหารของเดอเพนเทียสหายไปหมดแล้ว  ไม่มีใครหลงเหลือซักคนขอรับ\"
              \"มัน..ต้องเป็นมันแน่ๆ\"
              ระหว่างนั้นเองที่พระนมของเมเดียสวิ่งฝ่าเข้ามาในวงล้อมพร้อมกับชูกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นโบกไปมา  นางเข้ามาหาแฮร์เรสก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขาอย่างร้อนรน
              \"ข้าพบสาส์นนี้บนแท่นบรรทมของท่านเมเดียส\"
              หัวหน้าองครักษ์หนุ่มคลี่สาส์นนั้นออกอ่านทันที  ไม่แปลกใจเลยที่เห็นตราประจำราชวงศ์เดอเพนเทียสประทับอยู่ด้านบนของสาส์น  ก่อนจะอ่านออกเสียงดังๆให้ทุกคนได้ยิน
              \"ตอนนี้เมเดียสอยู่ในมือข้า  หากไม่อยากให้กษัตริย์ของพวกเจ้ามีอันเป็นไปก็อย่าส่งทหารตามมา  ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่รับรองความปลอดภัยของเมเดียส.....เวนเดอรัส\"
              เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันทีเมื่อแฮร์เรสอ่านจบ  พระนมวิเรียถึงกับเป็นลมล้มพับลงไป  ข่าวร้ายครั้งนี้สร้างความวิตกกังวลและเสียขวัญให้กับทุกคนจนไม่อาจสงบจิตใจลงได้
              แฮร์เรสกัดฟันกรอด  เป็นอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด  ขณะนี้องค์เหนือหัวเมเดียสกำลังตกอยู่ในอันตราย  และเขาอยากจะกระโจนเข้าไปในคอกม้าแล้วควบม้าเบิ่งตามไปโดยทันที  แต่ข้อความที่อีกฝ่ายขู่ไว้ไม่อาจทำให้เขาทำตามใจตนเองได้เนื่องจากเป็นห่วงสวัสดิภาพของพระองค์  แล้วเขาจะทำยังไงถึงจะช่วยพระองค์ที่กำลังอยู่ในเงื้อมือของศัตรูที่ร้ายกาจและอันตรายที่สุดได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น