ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaos Legion : Damian and Derpentious

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11 : แผนสำรอง

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 48


                  ระหว่างที่เหล่าทหารของควาญย่าห์ที่มีจำนวนมากกว่ากำลังก้าวเข้ามานั้นเอง  เมเดียสฉวยโอกาสที่ตากาลอสเผลอไม่ทันระวังตัวก็กระโจนเข้าไปประชิดที่ด้านหลังพร้อมด้วยอาวุธดาบที่แนบอยู่ข้างพระศอ  



                  \"ทุกคนอย่าขยับ!\"  เมเดียสตวาดลั่น  \"หยุดอยู่ตรงนั้นแหล่ะ  อย่าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว  ไม่งั้นเจ้าเฒ่าหัวงูนี่ตาย\"



                  ได้ผล  ทหารทุกคนชะงักงันอยู่กับที่เพราะสถานการณ์กำลังเสียเปรียบเมื่อกษัตริย์คนสำคัญของพวกเขาตกอยู่ในเงื้อมือของฝ่ายเดเมี่ยน  บรรดาองครักษ์ของเมเดียสพากันชักอาวุธแล้วเดินมายืนล้อมรอบพระองค์เพื่อคุ้มกัน  ทั้งหมดพากันถอยหลังเดินไปทางประตูพร้อมทั้งลากตากาลอสที่อยู่ใต้คมดาบของเมเดียสไปด้วย



                  ตากาลอสพิโรธที่ได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกพระองค์  \"เจ้า!  บังอาจ!\"



                  \"เงียบ!  ไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ\"  เมเดียสขู่  \"ความจริงตัดทิ้งก็ดีเหมือนกันนะ  ลิ้นของคนตระบัดสัตย์เช่นเจ้าจะเก็บไว้ทำไมในเมื่อไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นประโยชน์เลยซักนิด\"



                  \"ยะ..อย่านะ!\"  ตากาลอสเสียงสั่นด้วยความกลัว  \"เจ้าอยากได้อะไรข้าจะให้ทุกอย่าง  ปล่อยข้าไปเถอะ\"



                  \"ตากาลอส  เจ้ามันน่าสมเพช\"  เมเดียสทอดพระเนตรมองด้วยความเดียดฉันท์  \"ข้าปล่อยเจ้าแน่  แต่จะปล่อยก็ต่อเมื่อพวกข้าออกนอกกำแพงเมืองไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น\"



                  \"อะไรนะ!\"



                  \"อย่าคิดดิ้นจะดีกว่า  ไม่งั้นหากข้าพลาดทำดาบบาดถูกคอท่านจะมาหาว่าข้าโหดเหิ้ยมไม่ได้\"



                  ตากาลอสหยุดดิ้นเนื่องจากกลัวคำที่อีกฝ่ายขู่  เขายอมถูกลากออกไปแต่โดยดีโดยมีทหารองครักษ์ของพระองค์ตามมาห่างๆ



                  \"ขึ้นไป!\"  เมเดียสสั่งผู้ที่ตกเป็นเชลยให้ขึ้นรถม้าของพระองค์ที่จอดอยู่หน้าพระราชวัง  ก่อนพระองค์จะก้าวขึ้นตามไปประทับอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงข้าม  แล้วชะโงกพระเศียรออกไปสั่งกับหัวหน้าองครักษ์  \"ออกรถเร็ว!\"



                  รถม้าออกวิ่งอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยทหารองครักษ์บนหลังม้าที่ตามเสด็จ  เมเดียสทอดพระเนตรไปนอกหน้าต่างมองบรรดาทหารของควาญย่าห์ที่พยายามเดินตามรถม้ามาห่างๆ  พระองค์ทอดถอนพระทัยอย่างโล่งอกที่พ้นระยะอันตรายมาได้  ก่อนหันมาเผชิญหน้ากับตากาลอสอีกครั้ง  ดาบเล่มเดิมยังคงจ่ออยู่ที่พระศออีกฝ่าย  



                  \"นั่งเฉยๆ  อย่าตุกติกนะ  พอรถม้าพ้นอาณาเขตของกำแพงเมืองไปแล้วข้าถึงจะปล่อยเจ้าลง\"



                  \"ถึงวันนี้พวกเจ้าจะรอดไปได้ก็ต้องพบจุดจบอยู่ดี  ควาญย่าห์จะต้องยกกองทัพไปถล่มเดเมี่ยนหลังจากนี้แน่!\"  



                  \"ข้ากำลังจะหารือกับเจ้าเรื่องนี้อยู่พอดี\"  พระองค์ตรัสพลางยิ้มอย่างเป็นต่อ  \"ที่จริงถ้าเจ้ายอมรักษาคำพูดตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมาตกที่นั่งลำบากอย่างนี้หรอก  เจ้ามันหาเรื่องเอง  ช่วยไม่ได้\"



                  \"นี่เจ้าเป็นใครกันแน่  คงไม่ได้เป็นแค่นางกำนัลธรรมดาๆหรอกใช่มั้ย\"



                  \"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก\"  พระองค์บอกปัด  \"สิ่งที่เจ้าต้องรู้มีเพียงคำพูดต่อไปนี้ที่ข้าจะบอกเจ้า  จงจำไว้ให้ดีและทำตามที่ข้าบอก  ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปเสวยสุขกับบรรดาสนมของเจ้าแน่\"



                  \"เจ้าต้องการอะไร!\"



                  \"ง่ายๆ  ทำตามข้อเสนอเดิมที่เราตกลงกันไว้  ในเมื่อเจ้าแพ้ก็ต้องทำตามเงื่อนไข  และจะไม่มีสงครามระหว่างเราเกิดขึ้น  ไม่ใช่ว่าเดเมี่ยนจะกลัวเจ้าหรอกนะ  เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าเราเพิ่งจะชนะประเทศมหาอำนาจอย่างเดอเพนเทียส  นับประสาอะไรกับประเทศกระจอกๆที่เคยถูกพวกเราโค่นมาแล้วอย่างควาญย่าห์  หากไม่อยากต้องเสียเวลา  เสียทหาร  และเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ล่ะก็  ยกเลิกการก่อสงครามซะ  แล้วก็ไปบอกประเทศราชที่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าด้วย\"  



                  \"อย่าลืมว่าประเทศราชอื่นๆอีกหลายประเทศที่จงรักภักดีต่อเดเมี่ยนยังมีอยู่อีกเยอะ  แม้พวกเจ้าจะรวบรวมพรรคพวกมาได้ก็จริง  แต่เพียงแค่ข้าสั่งการให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามาช่วย  พวกเจ้าจะไม่มีทางสู้ได้แน่  ถือว่าข้าเมตตาต่อเจ้ามากแล้วที่เตือนล่วงหน้า  เดเมี่ยนแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุข  พวกเรารักสงบ  แต่ผลร้ายของผู้ที่มารุกรานพวกเราจะไม่ได้ตายดีแบบเดอเพนเทียสแน่  จำคำข้าไว้ให้ดี  เจ้ากษัตริย์เฒ่า!\"



                  เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ประทับนิ่งแต่พระวรกายสั่นยังเงียบก็ตวาดออกไปอีกครั้ง



                  \"ว่ายังไงเล่า!\"



                  \"ขะ..ข้ารับปาก  ควาญย่าห์จะจงรักภักดีต่อเดเมี่ยน  ไม่คิดก่อกบฏอีกต่อไปแล้ว  ข้าสะ..สาบานด้วยเกียรติ์ของกษัตริย์แห่งควาญย่าห์\"  ตากาลอสระล่ำระลักบอกด้วยความหวาดหวั่นพระทัย  ความคิดที่จะต่อกรด้วยหายไปหมดเมื่อทอดพระเนตรเห็นสายตาจริงจังของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าพวกเขาเอาจริง  ไม่ใช่แค่การขู่



                  \"งั้นก็ดี\"



                  รถม้าแล่นด้วยความเร็วจนผ่านพ้นประตูเมืองไปได้ระยะหนึ่ง  ก่อนที่เมเดียสจะหันมายิ้มเยาะให้ตากาลอสแล้วผลักพระองค์ให้ตกจากรถม้าจนร่างของพระองค์หล่นลงมากลิ้งกับพื้นไม่เป็นท่า



                  \"จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดีล่ะ  เจ้าเฒ่าหัวงู!\"



                  ดำรัสเยาะเย้ยถากถางที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไปจนไกลลับตา  ตากาลอสทรงลุกขึ้นยืนด้วยความทุลักทุเล  ตามพระวรกายมีบาดแผลที่เกิดจากการครูดไปกับพื้นดินและกรวดหิน  พระองค์ได้แต่มองตามรถม้าของศัตรูด้วยความเจ็บแค้นแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้



                  \"ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีนะพะยะค่ะ\"  ทหารองครักษ์ที่ควบม้าตามาถึงพระองค์คนแรกเอ่ยถาม  ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยตามมา



                  \"เออสิวะ!  นี่พวกแกมัวทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้ข้าต้องโดนพวกมันจับเป็นตัวประกันเอาได้  เท่านั้นยังไม่พอ  ข้ายังถูกพวกนั้นมันดูหมิ่นเหยียดหยามเอาอีก  รู้ถึงไหนอายถึงนั่น  ข้าอับอายขายหน้าจนไม่รู้จะเสนอหน้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เมืองอื่นได้ยังไง  คอยดูนะ  กลับเข้าวังเมื่อไหร่ข้าจะสั่งตัดหัวพวกเจ้าให้หมด!\"



                  \"ขะ..ขอภัยฝ่าบาท  ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิด\"  องครักษ์คนหนึ่งร้องขอชีวิต



                  \"ฝ่าบาทจะให้พวกหม่อมฉันตามไปแก้แค้นพวกมันเดี๋ยวนี้เลยไหมพะยะค่ะ  ถ้าควบม้าด้วยความเร็วหม่อมฉันมั่นใจว่าจะต้องไปทันพวกมันแน่\"  อีกคนทูลขึ้นเพื่อหวังจะเรียกคะแนน



                  \"เจ้าโง่!  เจ้าจะถูกตัดหัวก่อนเป็นคนแรกเลยคอยดู\"  พระองค์ตวาดลั่น  \"ลงมาจากม้าเดี๋ยวนี้\"



                  องครักษ์คนเมื่อครู่อ้าปากค้างด้วยความงุนงง  อุตส่าห์เสนอว่าจะไปแก้แค้นให้กลับกลายเป็นว่าต้องถูกตัดหัวเร็วขึ้น  เขาลงจากม้าทั้งๆที่ยังตั้งตัวไม่ถูก  ก่อนที่ตากาลอสที่ก้าวขึ้นม้าตัวนั่นแทนที่แล้วควบกลับเข้าเมือง



                  \"เอ่อ..แล้วฝ่าบาทจะเอายังไงกับเจ้าพวกนั้นล่ะพะยะค่ะ\"



                  \"ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!  พอกันที!  แค่นี้ข้าก็เสียหน้ามาพอแล้ว!\"  พระองค์ตรัสด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  \"และเจ้า!  ในฐานะที่ถาม  เจ้าจะถูกตัดหัวเป็นรายที่สอง  เตรียมตัวไว้ให้ดี!\"



                  \"ฝะ..ฝ่าบาท.....\"  องครักษ์อีกคนหน้าซีดเผือด  ควบม้าตามกษัตริย์แห่งควาญย่าห์ไปด้วยอาการเหมือนคนวิญญานหลุดออกจากร่าง





                                                                    ...............................................................





                  \"พวกมันคงไม่ตามมาแล้วจริงๆด้วย\"  เมเดียสตรัสขึ้นขณะที่ชะโงกพระพักตร์ออกมาทอดพระเนตรไปทางด้านหลัง



                  \"ทั้งเรื่องการประลองทั้งเรื่องเงื่อนไขน่าหวาดเสียวนั่นเป็นแผนของฝ่าบาทงั้นเหรอ\"  แฮร์เรสพูดหลังจากควบม้าเข้ามาใกล้  \"ฝ่าบาทเกือบทำให้หม่อมฉันหัวใจวายแล้วนะพะยะค่ะ\"



                  พระองค์สรวลอย่างอารมณ์ดี  \"แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ\"  



                  \"แต่กว่าจะได้ผลก็เล่นเอาเหนื่อยน่ะสิฝ่าบาท  ตากาลอสก็ดันไม่รักษาคำพูด  ดีนะที่ฝ่าบาททรงมีไหวพริบแก้สถานการณ์ได้ทัน  ไม่อย่างนั้นป่านนี้พวกเราคงกลายเป็นผีพลัดถิ่นไปแล้ว\"



                  \"ที่จริงข้าก็ไม่คิดหรอกว่าตากาลอสมันจะรักษาคำพูด  ข้าพอจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนพรรค์เจ้าเล่ห์พอที่จะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ\"



                  \"ฝ่าบาทรู้!?\"  แฮร์เรสร้องเสียงหลง  \"รู้แล้วก็ยังจะเสี่ยงเข้าไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูงั้นหรือ\"



                  \"เอาน่า  ยังไงข้าก็คิดแผนสำรองเผื่อไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว  และตอนนี้มันก็นำพวกเราให้หนีออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย  สงครามก็ไม่เกิด  ควาญย่าห์ก็ยังเป็นประเทศราชของเราต่อไป  นับว่าแผนบุกเข้าถ้ำเสือครั้งนี้ได้ผลเกินคาด  แถมยังมีเสือเฒ่าติดไม้ติดมือมาส่งถึงนอกกำแพงเมืองด้วย\"  พระองค์ตรัสกลั้วหัวเราะ



                  \"หม่อมฉันกลุ้มกับความมุทะลุของฝ่าบาทเหลือเกิน\"  เขาถอนใจเฮือกอย่างแรง



                  \"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของประเทศชาติแล้วก็เป็นห่วงตัวข้า  ยังไงก็ต้องขอบใจเจ้ามาก\"



                  แฮร์เรสเกิดอาการประหม่าโดยไม่รู้ตัว  \"มะ..หม่อมฉันเพียงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น  ไม่ต้องขอบอกขอบใจกันหรอกพะยะค่ะ\"



                  \"ข้ารู้น่า\"  พระองค์ย่นพระนาสิกอย่าขัดใจ  ก่อนจะสะบัดพระพักตร์กลับเข้าไปในเกวียนแล้วตะโกนออกมา  \"ข้าจะนอนพักซักงีบ  ถ้าแวะพักแรมเมื่อไหร่ก็ปลุกข้าด้วยละกัน\"



                  แฮร์เรสไม่ได้ตอบกลับไป  เขาควบม้าเงียบๆอยู่ข้างรถม้าซึ่งด้านในมีร่างงามที่น่าหลงใหลในสายตาของบุรุษเพศบรรทมอยู่  ตอนที่เมเดียสบอกข้อเสนอสุดท้ายแก่เฒ่าตากาลอสนั่น  เขาแทบอยากจะกระโจนเข้าไปอาสาเป็นผู้ประลองเสียเอง  หรือไม่ก็ยุติการประลองไปซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว  หากพระองค์กลายเป็นฝ่ายแพ้  เขาไม่อยากจะนึกต่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์



                  หัวหน้าองครักษ์หนุ่มครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ  บางอย่างที่ทำให้ตัวเขาเองต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความลุ่มหลงที่มิอาจไขว่คว้าเอื้อมถึง



                  เจ้าของร่างบอบบางนั้นคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทั้งตัวพระองค์ไม่ว่าจะเป็นพระพักตร์ที่งดงามราวกับเทพธิดา  ดวงเนตรที่เปล่งประกายสดใสดั่งท้องฟ้ายามอากาศปลอดโปล่ง  ริมโอษฐ์ที่เอื้อนเอ่ยเสียงหวานเจื้อยแจ้วดั่งนกร้องขับขาน  ดำรัสวาจาที่บางครั้งสร้างความสบายใจและบางครั้งก็สร้างความระคายหูให้แก่ผู้ฟัง  หรือแม้แต่เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ดูบอบบาง  น่าปกป้องน่าทะนุถนอม  ทั้งหมดนี้ล้วนสะกดใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นและรู้จักพระองค์ให้ลุ่มหลงมัวเมาในสิเน่หาที่พระองค์เองไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเลยแม้แต่น้อย





                                                                    ...............................................................





                  คณะเดินทางของเมเดียสและทหารองครักษ์กลับมาถึงเดเมี่ยนอันเป็นดินแดนบ้านเกิดในอีกสองวันต่อมา  ทั้งอุปราชและบรรดาเสนาบดีเมื่อทราบข่าวก็มารอรับเสด็จที่หน้าพระราชวัง



                  \"ขอต้อนรับการกลับมาพะยะค่ะฝ่าบาท\"  อุปราชซานตีค้อมศีรษะคำนับ



                  \"ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เหตุการณ์ที่นี่เรียบร้อยดีหรือไม่  ท่านซานตี\"  เมเดียสตรัสถามเมื่อเสด็จลงมาจากรถม้า



                  \"ทุกอย่างเรียบร้อยดีพะยะค่ะ  ขอฝ่าบาทอย่าได้ทรงวิตก\"



                  \"ดี  ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจท่าน\"



                  \"แล้วเรื่องของฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ\"



                  \"ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ต่อไปนี้ตากาลอสคงไม่กล้าคิดไม่ซื่อต่อเดเมี่ยนอีกแล้ว  ทุกคนสบายใจได้\"



                  \"ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถยิ่งนัก   สามารถสยบกษัตริย์แห่งควาญย่าห์ได้จากการเจรจาเพียงครั้งเดียว\"



                  คำชมเชยของมหาอุปราชทำให้ริมโอษฐ์ของเมเดียสกระตุกยิ้ม  หากบอกว่าการเจรจาประนีประนอมนั่นเปลี่ยนเป็นการจับตากาลอสเป็นเชลยแล้วบังคับข่มขู่  ท่านอุปราชซานตีจะหัวใจวายหรือเป็นลมล้มลงไปเลยรึเปล่านะ



                  คิดแล้วก็พาให้นึกขัน  พอหันไปทอดพระเนตรมองหัวหน้าองครักษ์ทางด้านหลังที่กำลังลอบยิ้มอยู่เช่นกันก็ทำให้พระองค์ยิ่งอยากสลวลออกมาดังๆหากไม่ติดว่าจะเป็นการวางตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพาร





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×