ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11 : แผนสำรอง
              ระหว่างที่เหล่าทหารของควาญย่าห์ที่มีจำนวนมากกว่ากำลังก้าวเข้ามานั้นเอง  เมเดียสฉวยโอกาสที่ตากาลอสเผลอไม่ทันระวังตัวก็กระโจนเข้าไปประชิดที่ด้านหลังพร้อมด้วยอาวุธดาบที่แนบอยู่ข้างพระศอ 
              \"ทุกคนอย่าขยับ!\"  เมเดียสตวาดลั่น  \"หยุดอยู่ตรงนั้นแหล่ะ  อย่าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว  ไม่งั้นเจ้าเฒ่าหัวงูนี่ตาย\"
              ได้ผล  ทหารทุกคนชะงักงันอยู่กับที่เพราะสถานการณ์กำลังเสียเปรียบเมื่อกษัตริย์คนสำคัญของพวกเขาตกอยู่ในเงื้อมือของฝ่ายเดเมี่ยน  บรรดาองครักษ์ของเมเดียสพากันชักอาวุธแล้วเดินมายืนล้อมรอบพระองค์เพื่อคุ้มกัน  ทั้งหมดพากันถอยหลังเดินไปทางประตูพร้อมทั้งลากตากาลอสที่อยู่ใต้คมดาบของเมเดียสไปด้วย
              ตากาลอสพิโรธที่ได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกพระองค์  \"เจ้า!  บังอาจ!\"
              \"เงียบ!  ไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ\"  เมเดียสขู่  \"ความจริงตัดทิ้งก็ดีเหมือนกันนะ  ลิ้นของคนตระบัดสัตย์เช่นเจ้าจะเก็บไว้ทำไมในเมื่อไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นประโยชน์เลยซักนิด\"
              \"ยะ..อย่านะ!\"  ตากาลอสเสียงสั่นด้วยความกลัว  \"เจ้าอยากได้อะไรข้าจะให้ทุกอย่าง  ปล่อยข้าไปเถอะ\"
              \"ตากาลอส  เจ้ามันน่าสมเพช\"  เมเดียสทอดพระเนตรมองด้วยความเดียดฉันท์  \"ข้าปล่อยเจ้าแน่  แต่จะปล่อยก็ต่อเมื่อพวกข้าออกนอกกำแพงเมืองไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น\"
              \"อะไรนะ!\"
              \"อย่าคิดดิ้นจะดีกว่า  ไม่งั้นหากข้าพลาดทำดาบบาดถูกคอท่านจะมาหาว่าข้าโหดเหิ้ยมไม่ได้\"
              ตากาลอสหยุดดิ้นเนื่องจากกลัวคำที่อีกฝ่ายขู่  เขายอมถูกลากออกไปแต่โดยดีโดยมีทหารองครักษ์ของพระองค์ตามมาห่างๆ
              \"ขึ้นไป!\"  เมเดียสสั่งผู้ที่ตกเป็นเชลยให้ขึ้นรถม้าของพระองค์ที่จอดอยู่หน้าพระราชวัง  ก่อนพระองค์จะก้าวขึ้นตามไปประทับอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงข้าม  แล้วชะโงกพระเศียรออกไปสั่งกับหัวหน้าองครักษ์  \"ออกรถเร็ว!\"
              รถม้าออกวิ่งอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยทหารองครักษ์บนหลังม้าที่ตามเสด็จ  เมเดียสทอดพระเนตรไปนอกหน้าต่างมองบรรดาทหารของควาญย่าห์ที่พยายามเดินตามรถม้ามาห่างๆ  พระองค์ทอดถอนพระทัยอย่างโล่งอกที่พ้นระยะอันตรายมาได้  ก่อนหันมาเผชิญหน้ากับตากาลอสอีกครั้ง  ดาบเล่มเดิมยังคงจ่ออยู่ที่พระศออีกฝ่าย 
              \"นั่งเฉยๆ  อย่าตุกติกนะ  พอรถม้าพ้นอาณาเขตของกำแพงเมืองไปแล้วข้าถึงจะปล่อยเจ้าลง\"
              \"ถึงวันนี้พวกเจ้าจะรอดไปได้ก็ต้องพบจุดจบอยู่ดี  ควาญย่าห์จะต้องยกกองทัพไปถล่มเดเมี่ยนหลังจากนี้แน่!\" 
              \"ข้ากำลังจะหารือกับเจ้าเรื่องนี้อยู่พอดี\"  พระองค์ตรัสพลางยิ้มอย่างเป็นต่อ  \"ที่จริงถ้าเจ้ายอมรักษาคำพูดตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมาตกที่นั่งลำบากอย่างนี้หรอก  เจ้ามันหาเรื่องเอง  ช่วยไม่ได้\"
              \"นี่เจ้าเป็นใครกันแน่  คงไม่ได้เป็นแค่นางกำนัลธรรมดาๆหรอกใช่มั้ย\"
              \"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก\"  พระองค์บอกปัด  \"สิ่งที่เจ้าต้องรู้มีเพียงคำพูดต่อไปนี้ที่ข้าจะบอกเจ้า  จงจำไว้ให้ดีและทำตามที่ข้าบอก  ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปเสวยสุขกับบรรดาสนมของเจ้าแน่\"
              \"เจ้าต้องการอะไร!\"
              \"ง่ายๆ  ทำตามข้อเสนอเดิมที่เราตกลงกันไว้  ในเมื่อเจ้าแพ้ก็ต้องทำตามเงื่อนไข  และจะไม่มีสงครามระหว่างเราเกิดขึ้น  ไม่ใช่ว่าเดเมี่ยนจะกลัวเจ้าหรอกนะ  เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าเราเพิ่งจะชนะประเทศมหาอำนาจอย่างเดอเพนเทียส  นับประสาอะไรกับประเทศกระจอกๆที่เคยถูกพวกเราโค่นมาแล้วอย่างควาญย่าห์  หากไม่อยากต้องเสียเวลา  เสียทหาร  และเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ล่ะก็  ยกเลิกการก่อสงครามซะ  แล้วก็ไปบอกประเทศราชที่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าด้วย\" 
              \"อย่าลืมว่าประเทศราชอื่นๆอีกหลายประเทศที่จงรักภักดีต่อเดเมี่ยนยังมีอยู่อีกเยอะ  แม้พวกเจ้าจะรวบรวมพรรคพวกมาได้ก็จริง  แต่เพียงแค่ข้าสั่งการให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามาช่วย  พวกเจ้าจะไม่มีทางสู้ได้แน่  ถือว่าข้าเมตตาต่อเจ้ามากแล้วที่เตือนล่วงหน้า  เดเมี่ยนแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุข  พวกเรารักสงบ  แต่ผลร้ายของผู้ที่มารุกรานพวกเราจะไม่ได้ตายดีแบบเดอเพนเทียสแน่  จำคำข้าไว้ให้ดี  เจ้ากษัตริย์เฒ่า!\"
              เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ประทับนิ่งแต่พระวรกายสั่นยังเงียบก็ตวาดออกไปอีกครั้ง
              \"ว่ายังไงเล่า!\"
              \"ขะ..ข้ารับปาก  ควาญย่าห์จะจงรักภักดีต่อเดเมี่ยน  ไม่คิดก่อกบฏอีกต่อไปแล้ว  ข้าสะ..สาบานด้วยเกียรติ์ของกษัตริย์แห่งควาญย่าห์\"  ตากาลอสระล่ำระลักบอกด้วยความหวาดหวั่นพระทัย  ความคิดที่จะต่อกรด้วยหายไปหมดเมื่อทอดพระเนตรเห็นสายตาจริงจังของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าพวกเขาเอาจริง  ไม่ใช่แค่การขู่
              \"งั้นก็ดี\"
              รถม้าแล่นด้วยความเร็วจนผ่านพ้นประตูเมืองไปได้ระยะหนึ่ง  ก่อนที่เมเดียสจะหันมายิ้มเยาะให้ตากาลอสแล้วผลักพระองค์ให้ตกจากรถม้าจนร่างของพระองค์หล่นลงมากลิ้งกับพื้นไม่เป็นท่า
              \"จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดีล่ะ  เจ้าเฒ่าหัวงู!\"
              ดำรัสเยาะเย้ยถากถางที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไปจนไกลลับตา  ตากาลอสทรงลุกขึ้นยืนด้วยความทุลักทุเล  ตามพระวรกายมีบาดแผลที่เกิดจากการครูดไปกับพื้นดินและกรวดหิน  พระองค์ได้แต่มองตามรถม้าของศัตรูด้วยความเจ็บแค้นแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
              \"ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีนะพะยะค่ะ\"  ทหารองครักษ์ที่ควบม้าตามาถึงพระองค์คนแรกเอ่ยถาม  ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยตามมา
              \"เออสิวะ!  นี่พวกแกมัวทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้ข้าต้องโดนพวกมันจับเป็นตัวประกันเอาได้  เท่านั้นยังไม่พอ  ข้ายังถูกพวกนั้นมันดูหมิ่นเหยียดหยามเอาอีก  รู้ถึงไหนอายถึงนั่น  ข้าอับอายขายหน้าจนไม่รู้จะเสนอหน้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เมืองอื่นได้ยังไง  คอยดูนะ  กลับเข้าวังเมื่อไหร่ข้าจะสั่งตัดหัวพวกเจ้าให้หมด!\"
              \"ขะ..ขอภัยฝ่าบาท  ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิด\"  องครักษ์คนหนึ่งร้องขอชีวิต
              \"ฝ่าบาทจะให้พวกหม่อมฉันตามไปแก้แค้นพวกมันเดี๋ยวนี้เลยไหมพะยะค่ะ  ถ้าควบม้าด้วยความเร็วหม่อมฉันมั่นใจว่าจะต้องไปทันพวกมันแน่\"  อีกคนทูลขึ้นเพื่อหวังจะเรียกคะแนน
              \"เจ้าโง่!  เจ้าจะถูกตัดหัวก่อนเป็นคนแรกเลยคอยดู\"  พระองค์ตวาดลั่น  \"ลงมาจากม้าเดี๋ยวนี้\"
              องครักษ์คนเมื่อครู่อ้าปากค้างด้วยความงุนงง  อุตส่าห์เสนอว่าจะไปแก้แค้นให้กลับกลายเป็นว่าต้องถูกตัดหัวเร็วขึ้น  เขาลงจากม้าทั้งๆที่ยังตั้งตัวไม่ถูก  ก่อนที่ตากาลอสที่ก้าวขึ้นม้าตัวนั่นแทนที่แล้วควบกลับเข้าเมือง
              \"เอ่อ..แล้วฝ่าบาทจะเอายังไงกับเจ้าพวกนั้นล่ะพะยะค่ะ\"
              \"ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!  พอกันที!  แค่นี้ข้าก็เสียหน้ามาพอแล้ว!\"  พระองค์ตรัสด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  \"และเจ้า!  ในฐานะที่ถาม  เจ้าจะถูกตัดหัวเป็นรายที่สอง  เตรียมตัวไว้ให้ดี!\"
              \"ฝะ..ฝ่าบาท.....\"  องครักษ์อีกคนหน้าซีดเผือด  ควบม้าตามกษัตริย์แห่งควาญย่าห์ไปด้วยอาการเหมือนคนวิญญานหลุดออกจากร่าง
                                                                ...............................................................
              \"พวกมันคงไม่ตามมาแล้วจริงๆด้วย\"  เมเดียสตรัสขึ้นขณะที่ชะโงกพระพักตร์ออกมาทอดพระเนตรไปทางด้านหลัง
              \"ทั้งเรื่องการประลองทั้งเรื่องเงื่อนไขน่าหวาดเสียวนั่นเป็นแผนของฝ่าบาทงั้นเหรอ\"  แฮร์เรสพูดหลังจากควบม้าเข้ามาใกล้  \"ฝ่าบาทเกือบทำให้หม่อมฉันหัวใจวายแล้วนะพะยะค่ะ\"
              พระองค์สรวลอย่างอารมณ์ดี  \"แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ\" 
              \"แต่กว่าจะได้ผลก็เล่นเอาเหนื่อยน่ะสิฝ่าบาท  ตากาลอสก็ดันไม่รักษาคำพูด  ดีนะที่ฝ่าบาททรงมีไหวพริบแก้สถานการณ์ได้ทัน  ไม่อย่างนั้นป่านนี้พวกเราคงกลายเป็นผีพลัดถิ่นไปแล้ว\"
              \"ที่จริงข้าก็ไม่คิดหรอกว่าตากาลอสมันจะรักษาคำพูด  ข้าพอจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนพรรค์เจ้าเล่ห์พอที่จะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ\"
              \"ฝ่าบาทรู้!?\"  แฮร์เรสร้องเสียงหลง  \"รู้แล้วก็ยังจะเสี่ยงเข้าไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูงั้นหรือ\"
              \"เอาน่า  ยังไงข้าก็คิดแผนสำรองเผื่อไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว  และตอนนี้มันก็นำพวกเราให้หนีออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย  สงครามก็ไม่เกิด  ควาญย่าห์ก็ยังเป็นประเทศราชของเราต่อไป  นับว่าแผนบุกเข้าถ้ำเสือครั้งนี้ได้ผลเกินคาด  แถมยังมีเสือเฒ่าติดไม้ติดมือมาส่งถึงนอกกำแพงเมืองด้วย\"  พระองค์ตรัสกลั้วหัวเราะ
              \"หม่อมฉันกลุ้มกับความมุทะลุของฝ่าบาทเหลือเกิน\"  เขาถอนใจเฮือกอย่างแรง
              \"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของประเทศชาติแล้วก็เป็นห่วงตัวข้า  ยังไงก็ต้องขอบใจเจ้ามาก\"
              แฮร์เรสเกิดอาการประหม่าโดยไม่รู้ตัว  \"มะ..หม่อมฉันเพียงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น  ไม่ต้องขอบอกขอบใจกันหรอกพะยะค่ะ\"
              \"ข้ารู้น่า\"  พระองค์ย่นพระนาสิกอย่าขัดใจ  ก่อนจะสะบัดพระพักตร์กลับเข้าไปในเกวียนแล้วตะโกนออกมา  \"ข้าจะนอนพักซักงีบ  ถ้าแวะพักแรมเมื่อไหร่ก็ปลุกข้าด้วยละกัน\"
              แฮร์เรสไม่ได้ตอบกลับไป  เขาควบม้าเงียบๆอยู่ข้างรถม้าซึ่งด้านในมีร่างงามที่น่าหลงใหลในสายตาของบุรุษเพศบรรทมอยู่  ตอนที่เมเดียสบอกข้อเสนอสุดท้ายแก่เฒ่าตากาลอสนั่น  เขาแทบอยากจะกระโจนเข้าไปอาสาเป็นผู้ประลองเสียเอง  หรือไม่ก็ยุติการประลองไปซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว  หากพระองค์กลายเป็นฝ่ายแพ้  เขาไม่อยากจะนึกต่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์
              หัวหน้าองครักษ์หนุ่มครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ  บางอย่างที่ทำให้ตัวเขาเองต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความลุ่มหลงที่มิอาจไขว่คว้าเอื้อมถึง
              เจ้าของร่างบอบบางนั้นคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทั้งตัวพระองค์ไม่ว่าจะเป็นพระพักตร์ที่งดงามราวกับเทพธิดา  ดวงเนตรที่เปล่งประกายสดใสดั่งท้องฟ้ายามอากาศปลอดโปล่ง  ริมโอษฐ์ที่เอื้อนเอ่ยเสียงหวานเจื้อยแจ้วดั่งนกร้องขับขาน  ดำรัสวาจาที่บางครั้งสร้างความสบายใจและบางครั้งก็สร้างความระคายหูให้แก่ผู้ฟัง  หรือแม้แต่เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ดูบอบบาง  น่าปกป้องน่าทะนุถนอม  ทั้งหมดนี้ล้วนสะกดใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นและรู้จักพระองค์ให้ลุ่มหลงมัวเมาในสิเน่หาที่พระองค์เองไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเลยแม้แต่น้อย
                                                                ...............................................................
              คณะเดินทางของเมเดียสและทหารองครักษ์กลับมาถึงเดเมี่ยนอันเป็นดินแดนบ้านเกิดในอีกสองวันต่อมา  ทั้งอุปราชและบรรดาเสนาบดีเมื่อทราบข่าวก็มารอรับเสด็จที่หน้าพระราชวัง
              \"ขอต้อนรับการกลับมาพะยะค่ะฝ่าบาท\"  อุปราชซานตีค้อมศีรษะคำนับ
              \"ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เหตุการณ์ที่นี่เรียบร้อยดีหรือไม่  ท่านซานตี\"  เมเดียสตรัสถามเมื่อเสด็จลงมาจากรถม้า
              \"ทุกอย่างเรียบร้อยดีพะยะค่ะ  ขอฝ่าบาทอย่าได้ทรงวิตก\"
              \"ดี  ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจท่าน\"
              \"แล้วเรื่องของฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ\"
              \"ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ต่อไปนี้ตากาลอสคงไม่กล้าคิดไม่ซื่อต่อเดเมี่ยนอีกแล้ว  ทุกคนสบายใจได้\"
              \"ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถยิ่งนัก  สามารถสยบกษัตริย์แห่งควาญย่าห์ได้จากการเจรจาเพียงครั้งเดียว\"
              คำชมเชยของมหาอุปราชทำให้ริมโอษฐ์ของเมเดียสกระตุกยิ้ม  หากบอกว่าการเจรจาประนีประนอมนั่นเปลี่ยนเป็นการจับตากาลอสเป็นเชลยแล้วบังคับข่มขู่  ท่านอุปราชซานตีจะหัวใจวายหรือเป็นลมล้มลงไปเลยรึเปล่านะ
              คิดแล้วก็พาให้นึกขัน  พอหันไปทอดพระเนตรมองหัวหน้าองครักษ์ทางด้านหลังที่กำลังลอบยิ้มอยู่เช่นกันก็ทำให้พระองค์ยิ่งอยากสลวลออกมาดังๆหากไม่ติดว่าจะเป็นการวางตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพาร
              \"ทุกคนอย่าขยับ!\"  เมเดียสตวาดลั่น  \"หยุดอยู่ตรงนั้นแหล่ะ  อย่าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว  ไม่งั้นเจ้าเฒ่าหัวงูนี่ตาย\"
              ได้ผล  ทหารทุกคนชะงักงันอยู่กับที่เพราะสถานการณ์กำลังเสียเปรียบเมื่อกษัตริย์คนสำคัญของพวกเขาตกอยู่ในเงื้อมือของฝ่ายเดเมี่ยน  บรรดาองครักษ์ของเมเดียสพากันชักอาวุธแล้วเดินมายืนล้อมรอบพระองค์เพื่อคุ้มกัน  ทั้งหมดพากันถอยหลังเดินไปทางประตูพร้อมทั้งลากตากาลอสที่อยู่ใต้คมดาบของเมเดียสไปด้วย
              ตากาลอสพิโรธที่ได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกพระองค์  \"เจ้า!  บังอาจ!\"
              \"เงียบ!  ไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ\"  เมเดียสขู่  \"ความจริงตัดทิ้งก็ดีเหมือนกันนะ  ลิ้นของคนตระบัดสัตย์เช่นเจ้าจะเก็บไว้ทำไมในเมื่อไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นประโยชน์เลยซักนิด\"
              \"ยะ..อย่านะ!\"  ตากาลอสเสียงสั่นด้วยความกลัว  \"เจ้าอยากได้อะไรข้าจะให้ทุกอย่าง  ปล่อยข้าไปเถอะ\"
              \"ตากาลอส  เจ้ามันน่าสมเพช\"  เมเดียสทอดพระเนตรมองด้วยความเดียดฉันท์  \"ข้าปล่อยเจ้าแน่  แต่จะปล่อยก็ต่อเมื่อพวกข้าออกนอกกำแพงเมืองไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น\"
              \"อะไรนะ!\"
              \"อย่าคิดดิ้นจะดีกว่า  ไม่งั้นหากข้าพลาดทำดาบบาดถูกคอท่านจะมาหาว่าข้าโหดเหิ้ยมไม่ได้\"
              ตากาลอสหยุดดิ้นเนื่องจากกลัวคำที่อีกฝ่ายขู่  เขายอมถูกลากออกไปแต่โดยดีโดยมีทหารองครักษ์ของพระองค์ตามมาห่างๆ
              \"ขึ้นไป!\"  เมเดียสสั่งผู้ที่ตกเป็นเชลยให้ขึ้นรถม้าของพระองค์ที่จอดอยู่หน้าพระราชวัง  ก่อนพระองค์จะก้าวขึ้นตามไปประทับอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงข้าม  แล้วชะโงกพระเศียรออกไปสั่งกับหัวหน้าองครักษ์  \"ออกรถเร็ว!\"
              รถม้าออกวิ่งอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยทหารองครักษ์บนหลังม้าที่ตามเสด็จ  เมเดียสทอดพระเนตรไปนอกหน้าต่างมองบรรดาทหารของควาญย่าห์ที่พยายามเดินตามรถม้ามาห่างๆ  พระองค์ทอดถอนพระทัยอย่างโล่งอกที่พ้นระยะอันตรายมาได้  ก่อนหันมาเผชิญหน้ากับตากาลอสอีกครั้ง  ดาบเล่มเดิมยังคงจ่ออยู่ที่พระศออีกฝ่าย 
              \"นั่งเฉยๆ  อย่าตุกติกนะ  พอรถม้าพ้นอาณาเขตของกำแพงเมืองไปแล้วข้าถึงจะปล่อยเจ้าลง\"
              \"ถึงวันนี้พวกเจ้าจะรอดไปได้ก็ต้องพบจุดจบอยู่ดี  ควาญย่าห์จะต้องยกกองทัพไปถล่มเดเมี่ยนหลังจากนี้แน่!\" 
              \"ข้ากำลังจะหารือกับเจ้าเรื่องนี้อยู่พอดี\"  พระองค์ตรัสพลางยิ้มอย่างเป็นต่อ  \"ที่จริงถ้าเจ้ายอมรักษาคำพูดตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมาตกที่นั่งลำบากอย่างนี้หรอก  เจ้ามันหาเรื่องเอง  ช่วยไม่ได้\"
              \"นี่เจ้าเป็นใครกันแน่  คงไม่ได้เป็นแค่นางกำนัลธรรมดาๆหรอกใช่มั้ย\"
              \"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก\"  พระองค์บอกปัด  \"สิ่งที่เจ้าต้องรู้มีเพียงคำพูดต่อไปนี้ที่ข้าจะบอกเจ้า  จงจำไว้ให้ดีและทำตามที่ข้าบอก  ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปเสวยสุขกับบรรดาสนมของเจ้าแน่\"
              \"เจ้าต้องการอะไร!\"
              \"ง่ายๆ  ทำตามข้อเสนอเดิมที่เราตกลงกันไว้  ในเมื่อเจ้าแพ้ก็ต้องทำตามเงื่อนไข  และจะไม่มีสงครามระหว่างเราเกิดขึ้น  ไม่ใช่ว่าเดเมี่ยนจะกลัวเจ้าหรอกนะ  เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าเราเพิ่งจะชนะประเทศมหาอำนาจอย่างเดอเพนเทียส  นับประสาอะไรกับประเทศกระจอกๆที่เคยถูกพวกเราโค่นมาแล้วอย่างควาญย่าห์  หากไม่อยากต้องเสียเวลา  เสียทหาร  และเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ล่ะก็  ยกเลิกการก่อสงครามซะ  แล้วก็ไปบอกประเทศราชที่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าด้วย\" 
              \"อย่าลืมว่าประเทศราชอื่นๆอีกหลายประเทศที่จงรักภักดีต่อเดเมี่ยนยังมีอยู่อีกเยอะ  แม้พวกเจ้าจะรวบรวมพรรคพวกมาได้ก็จริง  แต่เพียงแค่ข้าสั่งการให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามาช่วย  พวกเจ้าจะไม่มีทางสู้ได้แน่  ถือว่าข้าเมตตาต่อเจ้ามากแล้วที่เตือนล่วงหน้า  เดเมี่ยนแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุข  พวกเรารักสงบ  แต่ผลร้ายของผู้ที่มารุกรานพวกเราจะไม่ได้ตายดีแบบเดอเพนเทียสแน่  จำคำข้าไว้ให้ดี  เจ้ากษัตริย์เฒ่า!\"
              เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ประทับนิ่งแต่พระวรกายสั่นยังเงียบก็ตวาดออกไปอีกครั้ง
              \"ว่ายังไงเล่า!\"
              \"ขะ..ข้ารับปาก  ควาญย่าห์จะจงรักภักดีต่อเดเมี่ยน  ไม่คิดก่อกบฏอีกต่อไปแล้ว  ข้าสะ..สาบานด้วยเกียรติ์ของกษัตริย์แห่งควาญย่าห์\"  ตากาลอสระล่ำระลักบอกด้วยความหวาดหวั่นพระทัย  ความคิดที่จะต่อกรด้วยหายไปหมดเมื่อทอดพระเนตรเห็นสายตาจริงจังของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าพวกเขาเอาจริง  ไม่ใช่แค่การขู่
              \"งั้นก็ดี\"
              รถม้าแล่นด้วยความเร็วจนผ่านพ้นประตูเมืองไปได้ระยะหนึ่ง  ก่อนที่เมเดียสจะหันมายิ้มเยาะให้ตากาลอสแล้วผลักพระองค์ให้ตกจากรถม้าจนร่างของพระองค์หล่นลงมากลิ้งกับพื้นไม่เป็นท่า
              \"จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดีล่ะ  เจ้าเฒ่าหัวงู!\"
              ดำรัสเยาะเย้ยถากถางที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไปจนไกลลับตา  ตากาลอสทรงลุกขึ้นยืนด้วยความทุลักทุเล  ตามพระวรกายมีบาดแผลที่เกิดจากการครูดไปกับพื้นดินและกรวดหิน  พระองค์ได้แต่มองตามรถม้าของศัตรูด้วยความเจ็บแค้นแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
              \"ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีนะพะยะค่ะ\"  ทหารองครักษ์ที่ควบม้าตามาถึงพระองค์คนแรกเอ่ยถาม  ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยตามมา
              \"เออสิวะ!  นี่พวกแกมัวทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้ข้าต้องโดนพวกมันจับเป็นตัวประกันเอาได้  เท่านั้นยังไม่พอ  ข้ายังถูกพวกนั้นมันดูหมิ่นเหยียดหยามเอาอีก  รู้ถึงไหนอายถึงนั่น  ข้าอับอายขายหน้าจนไม่รู้จะเสนอหน้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เมืองอื่นได้ยังไง  คอยดูนะ  กลับเข้าวังเมื่อไหร่ข้าจะสั่งตัดหัวพวกเจ้าให้หมด!\"
              \"ขะ..ขอภัยฝ่าบาท  ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิด\"  องครักษ์คนหนึ่งร้องขอชีวิต
              \"ฝ่าบาทจะให้พวกหม่อมฉันตามไปแก้แค้นพวกมันเดี๋ยวนี้เลยไหมพะยะค่ะ  ถ้าควบม้าด้วยความเร็วหม่อมฉันมั่นใจว่าจะต้องไปทันพวกมันแน่\"  อีกคนทูลขึ้นเพื่อหวังจะเรียกคะแนน
              \"เจ้าโง่!  เจ้าจะถูกตัดหัวก่อนเป็นคนแรกเลยคอยดู\"  พระองค์ตวาดลั่น  \"ลงมาจากม้าเดี๋ยวนี้\"
              องครักษ์คนเมื่อครู่อ้าปากค้างด้วยความงุนงง  อุตส่าห์เสนอว่าจะไปแก้แค้นให้กลับกลายเป็นว่าต้องถูกตัดหัวเร็วขึ้น  เขาลงจากม้าทั้งๆที่ยังตั้งตัวไม่ถูก  ก่อนที่ตากาลอสที่ก้าวขึ้นม้าตัวนั่นแทนที่แล้วควบกลับเข้าเมือง
              \"เอ่อ..แล้วฝ่าบาทจะเอายังไงกับเจ้าพวกนั้นล่ะพะยะค่ะ\"
              \"ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!  พอกันที!  แค่นี้ข้าก็เสียหน้ามาพอแล้ว!\"  พระองค์ตรัสด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  \"และเจ้า!  ในฐานะที่ถาม  เจ้าจะถูกตัดหัวเป็นรายที่สอง  เตรียมตัวไว้ให้ดี!\"
              \"ฝะ..ฝ่าบาท.....\"  องครักษ์อีกคนหน้าซีดเผือด  ควบม้าตามกษัตริย์แห่งควาญย่าห์ไปด้วยอาการเหมือนคนวิญญานหลุดออกจากร่าง
                                                                ...............................................................
              \"พวกมันคงไม่ตามมาแล้วจริงๆด้วย\"  เมเดียสตรัสขึ้นขณะที่ชะโงกพระพักตร์ออกมาทอดพระเนตรไปทางด้านหลัง
              \"ทั้งเรื่องการประลองทั้งเรื่องเงื่อนไขน่าหวาดเสียวนั่นเป็นแผนของฝ่าบาทงั้นเหรอ\"  แฮร์เรสพูดหลังจากควบม้าเข้ามาใกล้  \"ฝ่าบาทเกือบทำให้หม่อมฉันหัวใจวายแล้วนะพะยะค่ะ\"
              พระองค์สรวลอย่างอารมณ์ดี  \"แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ\" 
              \"แต่กว่าจะได้ผลก็เล่นเอาเหนื่อยน่ะสิฝ่าบาท  ตากาลอสก็ดันไม่รักษาคำพูด  ดีนะที่ฝ่าบาททรงมีไหวพริบแก้สถานการณ์ได้ทัน  ไม่อย่างนั้นป่านนี้พวกเราคงกลายเป็นผีพลัดถิ่นไปแล้ว\"
              \"ที่จริงข้าก็ไม่คิดหรอกว่าตากาลอสมันจะรักษาคำพูด  ข้าพอจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนพรรค์เจ้าเล่ห์พอที่จะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ\"
              \"ฝ่าบาทรู้!?\"  แฮร์เรสร้องเสียงหลง  \"รู้แล้วก็ยังจะเสี่ยงเข้าไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูงั้นหรือ\"
              \"เอาน่า  ยังไงข้าก็คิดแผนสำรองเผื่อไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว  และตอนนี้มันก็นำพวกเราให้หนีออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย  สงครามก็ไม่เกิด  ควาญย่าห์ก็ยังเป็นประเทศราชของเราต่อไป  นับว่าแผนบุกเข้าถ้ำเสือครั้งนี้ได้ผลเกินคาด  แถมยังมีเสือเฒ่าติดไม้ติดมือมาส่งถึงนอกกำแพงเมืองด้วย\"  พระองค์ตรัสกลั้วหัวเราะ
              \"หม่อมฉันกลุ้มกับความมุทะลุของฝ่าบาทเหลือเกิน\"  เขาถอนใจเฮือกอย่างแรง
              \"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของประเทศชาติแล้วก็เป็นห่วงตัวข้า  ยังไงก็ต้องขอบใจเจ้ามาก\"
              แฮร์เรสเกิดอาการประหม่าโดยไม่รู้ตัว  \"มะ..หม่อมฉันเพียงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น  ไม่ต้องขอบอกขอบใจกันหรอกพะยะค่ะ\"
              \"ข้ารู้น่า\"  พระองค์ย่นพระนาสิกอย่าขัดใจ  ก่อนจะสะบัดพระพักตร์กลับเข้าไปในเกวียนแล้วตะโกนออกมา  \"ข้าจะนอนพักซักงีบ  ถ้าแวะพักแรมเมื่อไหร่ก็ปลุกข้าด้วยละกัน\"
              แฮร์เรสไม่ได้ตอบกลับไป  เขาควบม้าเงียบๆอยู่ข้างรถม้าซึ่งด้านในมีร่างงามที่น่าหลงใหลในสายตาของบุรุษเพศบรรทมอยู่  ตอนที่เมเดียสบอกข้อเสนอสุดท้ายแก่เฒ่าตากาลอสนั่น  เขาแทบอยากจะกระโจนเข้าไปอาสาเป็นผู้ประลองเสียเอง  หรือไม่ก็ยุติการประลองไปซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว  หากพระองค์กลายเป็นฝ่ายแพ้  เขาไม่อยากจะนึกต่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์
              หัวหน้าองครักษ์หนุ่มครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ  บางอย่างที่ทำให้ตัวเขาเองต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความลุ่มหลงที่มิอาจไขว่คว้าเอื้อมถึง
              เจ้าของร่างบอบบางนั้นคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทั้งตัวพระองค์ไม่ว่าจะเป็นพระพักตร์ที่งดงามราวกับเทพธิดา  ดวงเนตรที่เปล่งประกายสดใสดั่งท้องฟ้ายามอากาศปลอดโปล่ง  ริมโอษฐ์ที่เอื้อนเอ่ยเสียงหวานเจื้อยแจ้วดั่งนกร้องขับขาน  ดำรัสวาจาที่บางครั้งสร้างความสบายใจและบางครั้งก็สร้างความระคายหูให้แก่ผู้ฟัง  หรือแม้แต่เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ดูบอบบาง  น่าปกป้องน่าทะนุถนอม  ทั้งหมดนี้ล้วนสะกดใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นและรู้จักพระองค์ให้ลุ่มหลงมัวเมาในสิเน่หาที่พระองค์เองไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเลยแม้แต่น้อย
                                                                ...............................................................
              คณะเดินทางของเมเดียสและทหารองครักษ์กลับมาถึงเดเมี่ยนอันเป็นดินแดนบ้านเกิดในอีกสองวันต่อมา  ทั้งอุปราชและบรรดาเสนาบดีเมื่อทราบข่าวก็มารอรับเสด็จที่หน้าพระราชวัง
              \"ขอต้อนรับการกลับมาพะยะค่ะฝ่าบาท\"  อุปราชซานตีค้อมศีรษะคำนับ
              \"ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เหตุการณ์ที่นี่เรียบร้อยดีหรือไม่  ท่านซานตี\"  เมเดียสตรัสถามเมื่อเสด็จลงมาจากรถม้า
              \"ทุกอย่างเรียบร้อยดีพะยะค่ะ  ขอฝ่าบาทอย่าได้ทรงวิตก\"
              \"ดี  ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจท่าน\"
              \"แล้วเรื่องของฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ\"
              \"ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ต่อไปนี้ตากาลอสคงไม่กล้าคิดไม่ซื่อต่อเดเมี่ยนอีกแล้ว  ทุกคนสบายใจได้\"
              \"ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถยิ่งนัก  สามารถสยบกษัตริย์แห่งควาญย่าห์ได้จากการเจรจาเพียงครั้งเดียว\"
              คำชมเชยของมหาอุปราชทำให้ริมโอษฐ์ของเมเดียสกระตุกยิ้ม  หากบอกว่าการเจรจาประนีประนอมนั่นเปลี่ยนเป็นการจับตากาลอสเป็นเชลยแล้วบังคับข่มขู่  ท่านอุปราชซานตีจะหัวใจวายหรือเป็นลมล้มลงไปเลยรึเปล่านะ
              คิดแล้วก็พาให้นึกขัน  พอหันไปทอดพระเนตรมองหัวหน้าองครักษ์ทางด้านหลังที่กำลังลอบยิ้มอยู่เช่นกันก็ทำให้พระองค์ยิ่งอยากสลวลออกมาดังๆหากไม่ติดว่าจะเป็นการวางตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพาร
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น