ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนพิเศษ 3
                แสดแดดอ่อนๆส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน  ร่างสองร่างอิงแอบแนบชิดดั่งต้องการส่งผ่านไออุ่นให้กันและกัน  ร่างสูงลืมตาตื่นขึ้นมาคนแรก  รู้สึกชาที่แขนและปวดหนึบ  หันไปมองคนข้างกายที่เป็นต้นเหตุก็อดยิ้มไม่ได้  ศีรษะที่หนุนแขนเขาอยู่ใบหน้ามีเค้าความอ่อนล้า  เมื่อคืนเขาเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่ตักตวงความสุขจากร่างบางเต็มที่..ครั้งแล้วครั้งเล่า  กว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง  ถึงร่างกายเมื่อยล้าแต่ก็มีความสุข
                กฤษณะอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงนอน  เท้าแขนมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้ม  อดใจไม่ไหวจนต้องยื่นมือไปเกลี่ยแก้มใสจนเป็นเหตุให้ร่างบางรู้สึกตัวตื่นในที่สุด
                ณัฐถกาปรือตาขึ้นช้าๆด้วยความง่วงงุน  วินาทีแรกที่เริ่มรู้สึกตัวความปวดล้าตามร่างกายก็แล่นพล่าน  ปลุกให้โสตประสาทรู้สึกตัวตื่นเต็มที่  ภาพเบื้องหน้าที่เห็นส่งผลให้ร่างบางตัวแข็งทื่อ  ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องพลิกตัวหันหลังหนี
                \"ตื่นแล้วหรอ...\"  ชายหนุ่มถาม  โอบกอดร่างบางจากด้านหลัง  ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้ม
                ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย  ณัฐถกายังนอนนิ่ง
                \"โกรธหรอครับ?\"  ชายหนุ่มถามเสียงอ่อย  ชะโงกหน้าไปใกล้แต่อีกฝ่ายก้มงุดหลบใต้โปงผ้าห่ม  \"นัท...\"  เอ่ยเรียกอีกครั้ง
                \"...คนฉวยโอกาส\"  เสียงที่เล็ดลอดออกจากผ้าห่มเบาจนแทบไม่ได้ยิน  แต่หาได้รอดพ้นหูชายหนุ่มไม่  คนถูกกล่าวหาอมยิ้มเมื่อน้ำเสียงที่จับได้ไม่เจืออารมณ์โกรธซักนิด
                \"ผมขอโทษ  เมื่อคืนผมใจร้อนไปหน่อย  ระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่\"  ชายหนุ่มสารภาพ  นิ่งไปซักพักก็ยังไม่มีกฏิกิริยาจากร่างในอ้อมกอด  จึงกระเซ้า  \"นี่  คุณโกรธผมจริงๆหรอ\"
                ศรีษะที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มทำให้เห็นชัดว่าหญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
                \"ถ้าไม่โกรธก็หันมาหน่อยสิ  นะนัทนะ\" 
                กฤษณะพยายามพลิกตัวร่างบางแต่เจ้าตัวขืนตัวไว้ไม่ยอมหันไปตามแรงของร่างสูง  เมื่อเห็นว่าอ้อนวอนไม่ได้ผลจึงต้องใช้ไม้ตาย
                \"ที่จริงแล้วจะโทษผมฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก  เมื่อคืนคุณเป็นฝ่ายเชิญชวนผมเองนะ\"  ได้ผล  ณัฐถกาหันกลับมาแว้ดใส่ทันควัน
                \"ตาบ้า!!  ใครเชิญชวนคุณกันห๊ะ!!  คุณต่างหากล่ะที่หน้ามืดน่ะ!!\"
                \"ยอมหันมาแล้วหรอ\"  ชายหนุ่มอมยิ้มเจ้าเล่ห์ 
                เมื่อนั้นเองณัฐถกาถึงได้รู้ตัวว่าหลงกลอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว  พอจะพลิกตัวกลับไปก็สายเกินไป  กฤษณะรวบตัวร่างเบาเอาไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหนได้
                \"ปล่อยนะ!  คนเจ้าเล่ห์\"  ต่อว่าทั้งที่หน้าแดงก่ำ
 
                \"ไม่ปล่อย  ถ้าปล่อยคุณก็หลบหน้าผมอีกน่ะสิ\"  ร่างสูงบอกเสียงจริงจัง  \"ฟังนะนัท  เมื่อคืนผมทำไปไม่ใช่เพราะหน้ามืดหรืออารมณ์ชั่ววูบอะไรทั้งนั้น  ผมทำเพราะตั้งใจ  เพราะเป็นคุณ..คุณคนเดียวเท่านั้น  ผมรักคุณนะ\"
                แววตาของณัฐถกาไหววูบเมื่อได้ยินความในใจของชายหนุ่ม  สบตาอย่างต้องการเค้นย้ำความจริงให้แน่ใจ  เมื่อได้รับคำยืนยันเป็นสายตาที่แน่วแน่ของชายหนุ่มตอบกลับมาในอกก็เต็มตื้น  รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้าเพรียว  ซุกอ้อมอกเพื่อแสวงหาไออุ่นที่ไม่เคยได้รับจากใคร  ร่างสูงสนองตอบด้วยการรัดวงแขนให้แน่นขึ้น  ทั้งที่น่าจะอึดอัดแต่ณัฐถกากลับพอใจ  ทั้งสองนอนกอดก่ายอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงเพื่อตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขไว้ให้นานที่สุดจนกระทั่งเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง     
                                                          # --------------------------------------------------- #
                \"ป่านนี้สองคนนั้นยังไม่ออกมาอีก\"  โยธกาบ่นขณะเท้าคางกับโต๊ะอาหาร  เช้านี้เธอต้องทำอาหารเช้าคนเดียวเพราะยังไม่มีวี่แววของหญิงสาวอีกคน
                \"หึหึ  ไม่ต้องรอแล้วล่ะมั๊ง  ป่านนี้คงกำลัง...\"
                ประพฤติพูดไม่จบร่างบางก็รู้ความหมาย  ใบหน้าแดงเรื่ออย่างช่วยไม่ได้เมื่อจินตนาการภาพเบื้องหลังประตูห้องนอนของณัฐถกา  แอบเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พาลให้นึกหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ  คงเป็นเพราะไอ้ใบหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สานั่นล่ะมั๊ง
                หลังอาหารมื้อเช้าที่มีเพียงสองคนจบลงต่างฝ่ายก็นั่งเงียบทำ  โยธกานั่งดูทีวี  ประพฤตินั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวถัดไป  ทิวทัศน์และบรรยากาศภายนอกสดชื่น  แต่ภายดูช่างน่าอึดอัด
                \"นี่...\"  ร่างบางเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  \"อยู่แต่ในบ้านเบื่อจะตาย  ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันมั้ย\"
                \"เอ๊ะ\"  ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างไม่แน่ใจสิ่งที่ได้ยิน  \"แล้วโยไม่...\"
                เอ่ยไม่ทันจะจบเสียงโทรศัพท์มือถือของร่างบางก็ดังขัดขึ้น
                \"อ๊ะ  เดี๋ยวนะ... ฮัลโหล?\"  บอกกับชายหนุ่มก่อนจะกรอกเสียงลงไป  \"โป้ง!\"
                คิ้วของร่างสูงกระตุกเมื่อได้ยิน  คนที่เขากำลังจะอ้างถึงโทรเข้ามาตรงจังหวะ  ประพฤติไม่ได้พูดอะไรออกไปได้แต่นั่งฟังเงียบๆส่วนตาก็ทำเป็นแสร้งมองตัวหนังสือ
                \"เอ๊ะ  ตอนนี้หรอ?  เอ่อ..คือว่า...\"  โยธกาเลิกลั่ก  เหล่มองร่างสูงที่นั่งอยู่ไม่ไกลตัว  \"ถือสายรอแป๊บนึงนะ\"
              ร่างบางเอามือปิดลำโพงโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับประพฤติ
                \"คือ..เพื่อนที่เล่าให้ฟังเมื่อวานน่ะ  เขา...\"
                \"ก็ไปสิ\"
                \"เอ๊ะ?\"
                \"เมื่อกี๊เห็นบ่นว่าเบื่อไม่ใช่หรอ  ไปเถอะ  ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกกับเพื่อนสนุกกว่าอยู่แต่ในบ้านเฉยๆนะ\" 
                นึกฉุนเมื่ออีกฝ่ายพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าซักนิด  ก็ดี!!  ในเมื่อต้องการอย่างนั้นล่ะก็!!
                \"ตกลง..อืม..แล้วเดี๋ยวเจอกัน\"  วางหูแล้วลุกขึ้นทันที  \"ไปนะ  เย็นๆจะกลับ\"
                \"อืม\"  ไม่กลับให้เช้าเลยล่ะ!!  ร่างสูงได้แต่ประชดในใจ
                โยธกาออกไปได้ครู่เดียวชายหนุ่มอีกคนก็ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าแจ่มใส
                \"ไง  หน้าตาอิ่มอกอิ่มใจเชียวนะ  กว่าจะออกมาได้ล่อซะตะวันตรงหัว\"  ปะพฤติอดแขวะไม่ได้
                \"นิดหน่อยว่ะเพื่อน\"  กฤษณะพูดยิ้มๆ  ทำท่ายืดเสียเต็มประดา  \"แล้วโยล่ะ?\"  เอ่ยถามเมื่อไม่เห็นอีกฝ่าย
                \"ออกไปหาเพื่อน\"  พูดได้แค่นั้นก็ทำท่าไม่สนใจอะไรอีก
                กฤษณะเองก็รู้สึกขัดหูขัดตากับท่าทางของเพื่อนเช่นกัน  เดินไปนั่งข้างๆก่อนชวนคุย  \"แล้วนายยอมให้ไปหรอวะ?\"
                \"แล้วทำไมต้องห้ามด้วยล่ะ  ดีแล้วนี่  เจ้าตัวจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง\"
                \"เชอะ  ไอ้คนปากกับใจไม่ตรงกัน\"  ชายหนุ่มแขวะ 
                \"นายพูดอะไร?\"  ประพฤติหันมาเหล่ร่างสูง
                \"นายเป็นเพื่อนนายมากี่ปีแล้ว  นายคิดอะไรรู้สึกสึกยังไงทำไมฉันจะไม่รู้  เวลานายไม่พอใจอะไรถ้าเป็นเรื่องของตัวเองก็มักจะเก็บเงียบเสมอ  แต่ทีเรื่องของคนอื่นล่ะจุ้นจ้านดีนัก\"
                \"เฮ้!  นี่นายกำลังหลอกด่าฉันนี่หว่า\"
                \"ก็เออสิวะ!\"  กฤษณะตอกกลับ  \"เห็นนายที่เป็นแบบนี้แล้วหงุดหงิดแทนโยว่ะ  แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ความรักของนายสองคนจะคืบหน้าเล่า\"
                \"แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่\"  ประพฤติเอนหลังกับโซฟาพลางหลับตา
                \"ฉันถามจริงเหอะ  นายพอในความสัมพันธ์คลุมเคลือแบบนี้แน่หรอวะ\" 
                ประพฤติถอนหายใจ  \"ฉันเองก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้นักหรอก  แต่ทำไงได้  อยู่ใกล้กันขนาดนี้เจ้าตัวเค๊าน่าจะรู้ดีนี่ว่าฉันรู้สึกยังไง\"
                \"นายจะเอาหลักจิตวิทยาที่นายเรียนมาใช้กับแฟนไม่ได้นะโว้ย  รายนั้นเค๊าเป็นคนตรงไปตรงมา  ถ้านายคิดอะไรก็พูดหรือแสดงออกมาตรงๆไม่งั้นโยก็ไม่มีทางรู้หรอก  เธอเป็นแฟนนายนะไม่ใช่ผู้ป่วยโรคจิต!!\"  เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบจึงพูดต่อ  \"จะทำอะไรก็รีบทำซะ  ไม่งั้นถ้าวันนึงนายเสียโยไปนายจะต้องมานั่งเสียใจ..เหมือนฉันนะ\"
                ประโยคแผ่วที่ออกมาจากปากเจ้าตัวเหมือนพยายามเค้นออกมาอย่างเต็มที่ทำให้อีกฝ่ายหันมามองอย่างเข้าใจความหมาย  เจ้าตัวยังคงฝังใจกับเหตุการณ์ที่สูญเสียอดีตคนรักไปโดยที่ยังไม่ได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงเปลี่ยนไปจากเดิม  มันทำให้เขาต้องรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้
                \'ถ้าไม่พูดก็ไม่เข้าใจ..จะทำอะไรก็ทำซะก่อนที่จะเสียไป\'  ประโยคเหล่านี้สะท้อนก้องอยู่ในหัวของประพฤติ
                                                          # --------------------------------------------------- #
                \"ขอบใจนะที่ชวนมา  ฉันสนุกมากเลย\"  โยธกาบอกกับเพื่อนชาย
                \"ไม่เป็นไร  แค่ทำให้ให้โยหายเหงาได้ก็ดีใจแล้ว\"
                ประโยคของร่างสูงเรียกความซาบซึ้งให้หญิงสาว  โป้งเป็นเพื่อนที่ดีและแคร์ความรู้สึกของเธอเสมอมา
                \"จริงสิ  แล้วคืนนี้โยจะไปงาน Beach Party ที่เจ้าของบังกะโลเค๊าจัดขึ้นรึเปล่า?\"
                \"Beach Party?\"
                \"ใช่  สิทธิพิเศษสำหรับแขกที่มาพักบังกะโลน่ะ  ก็มีเลี้ยงบุฟเฟต์  เครื่องดื่ม  แล้วก็ดนตรี\"  อุดมศักดิ์อธิบาย
                \"ก็น่าสนใจดีนะ\"  เธอตอบ
                \"งั้นคืนนี้เจอกันที่งานนะ  เอ้อ..เธอคงไปกับเพื่อนๆสินะ\"
                \"ยังไม่รู้เลย  ไม่รู้พวกนั้นจะไปรึเปล่า\"  โยธกาหวนนึกถึงหน้าคนบางคนแล้วพาลให้นึกหงุดหงิด  \"แต่เอาเป็นว่าฉันไปแน่  รับรอง\"
                \"ดีเลย!\"
                เวลานี้พวกเขาอยู่บนเรือยอร์ชกลางทะเล  ก่อนหน้านั้นทั้งคู่ได้ดำลงไปดูปะการังที่ใต้ท้องทะเลลึกซึ่งฝ่ายชายเชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษ  วันนี้แทบทั้งวันเธอได้เดินเที่ยวเกาะและทานอาหารทะเลกับพ่อแม่ของอุดมศักดิ์  ทำให้เธอรู้สึกสนุกพอจะลืมเรื่องที่ทำให้ว้าวุ่นใจไปได้บ้าง
              \"ตะวันจะตกดินแล้ว  ฉันว่าเรารีบกลับดีกว่าเดี๋ยวคลื่นมันจะแรง\"  ร่างบางเอ่ยเตือน
                \"นั่นสิ\"  ร่างสูงสตาร์ทเรือและขับเข้าฝั่งทันที
                เมื่อเท้าเหยียบพื้นทรายสิ่งแรกที่เห็นคือภาพชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้น  เรือนร่างกำยำ  ผิวสีแทนกร้านแดด  ดูสะดุดตาไม่น้อย  รายล้อมด้วยหญิงสาวในชุดบิกินี่สองคน  โยธกาจะไม่ใส่ใจเลยเธอคนๆนั้นไม่ใช่ประพฤติ
                ร่างสูงเองก็สังเกตเห็นหญิงสาวเช่นกันจึงปลีกตัวออกมาจากผู้หญิงสองคนที่เข้ามาชวนเขาคุย  จากนั้นจึงเดินเข้าไปทัก
                \"กลับมาแล้วหรอ  วันนี้สนุกไหม?\"  เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่(พยายาม)ยิ้มแย้มเพื่อหวังให้อีกฝ่ายรู้สึกดีแต่สายตาเหล่มองร่างสูงที่เดินแยกไป  แต่โชคร้ายที่ท่าทางของชายหนุ่มกลับทำให้ร่างบางเข้าใจผิดซะนี่
                \"สนุกมากเลยล่ะ\"  เน้นเสียงอย่างประชดประชันแล้วเดินผ่านหน้าไปโดยไม่สนใจ
                หนอย!  ทีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังล่ะทำหน้าระรื่นเชียวนะ  ตอนเราชวนว่ายน้ำกลับไม่สนใจ  แล้วเมื่อกี๊มันหมายความว่ายังไง!!
                \"ทำอะไรให้พอใจตรงไหนอีกวะเนี่ย\"  ประพฤติเกาหัวแกรกๆก่อนจะเดินตามร่างบางไป
                                                          # --------------------------------------------------- #
To be continued
                กฤษณะอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงนอน  เท้าแขนมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้ม  อดใจไม่ไหวจนต้องยื่นมือไปเกลี่ยแก้มใสจนเป็นเหตุให้ร่างบางรู้สึกตัวตื่นในที่สุด
                ณัฐถกาปรือตาขึ้นช้าๆด้วยความง่วงงุน  วินาทีแรกที่เริ่มรู้สึกตัวความปวดล้าตามร่างกายก็แล่นพล่าน  ปลุกให้โสตประสาทรู้สึกตัวตื่นเต็มที่  ภาพเบื้องหน้าที่เห็นส่งผลให้ร่างบางตัวแข็งทื่อ  ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องพลิกตัวหันหลังหนี
                \"ตื่นแล้วหรอ...\"  ชายหนุ่มถาม  โอบกอดร่างบางจากด้านหลัง  ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้ม
                ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย  ณัฐถกายังนอนนิ่ง
                \"โกรธหรอครับ?\"  ชายหนุ่มถามเสียงอ่อย  ชะโงกหน้าไปใกล้แต่อีกฝ่ายก้มงุดหลบใต้โปงผ้าห่ม  \"นัท...\"  เอ่ยเรียกอีกครั้ง
                \"...คนฉวยโอกาส\"  เสียงที่เล็ดลอดออกจากผ้าห่มเบาจนแทบไม่ได้ยิน  แต่หาได้รอดพ้นหูชายหนุ่มไม่  คนถูกกล่าวหาอมยิ้มเมื่อน้ำเสียงที่จับได้ไม่เจืออารมณ์โกรธซักนิด
                \"ผมขอโทษ  เมื่อคืนผมใจร้อนไปหน่อย  ระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่\"  ชายหนุ่มสารภาพ  นิ่งไปซักพักก็ยังไม่มีกฏิกิริยาจากร่างในอ้อมกอด  จึงกระเซ้า  \"นี่  คุณโกรธผมจริงๆหรอ\"
                ศรีษะที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มทำให้เห็นชัดว่าหญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
                \"ถ้าไม่โกรธก็หันมาหน่อยสิ  นะนัทนะ\" 
                กฤษณะพยายามพลิกตัวร่างบางแต่เจ้าตัวขืนตัวไว้ไม่ยอมหันไปตามแรงของร่างสูง  เมื่อเห็นว่าอ้อนวอนไม่ได้ผลจึงต้องใช้ไม้ตาย
                \"ที่จริงแล้วจะโทษผมฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก  เมื่อคืนคุณเป็นฝ่ายเชิญชวนผมเองนะ\"  ได้ผล  ณัฐถกาหันกลับมาแว้ดใส่ทันควัน
                \"ตาบ้า!!  ใครเชิญชวนคุณกันห๊ะ!!  คุณต่างหากล่ะที่หน้ามืดน่ะ!!\"
                \"ยอมหันมาแล้วหรอ\"  ชายหนุ่มอมยิ้มเจ้าเล่ห์ 
                เมื่อนั้นเองณัฐถกาถึงได้รู้ตัวว่าหลงกลอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว  พอจะพลิกตัวกลับไปก็สายเกินไป  กฤษณะรวบตัวร่างเบาเอาไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหนได้
                \"ปล่อยนะ!  คนเจ้าเล่ห์\"  ต่อว่าทั้งที่หน้าแดงก่ำ
 
                \"ไม่ปล่อย  ถ้าปล่อยคุณก็หลบหน้าผมอีกน่ะสิ\"  ร่างสูงบอกเสียงจริงจัง  \"ฟังนะนัท  เมื่อคืนผมทำไปไม่ใช่เพราะหน้ามืดหรืออารมณ์ชั่ววูบอะไรทั้งนั้น  ผมทำเพราะตั้งใจ  เพราะเป็นคุณ..คุณคนเดียวเท่านั้น  ผมรักคุณนะ\"
                แววตาของณัฐถกาไหววูบเมื่อได้ยินความในใจของชายหนุ่ม  สบตาอย่างต้องการเค้นย้ำความจริงให้แน่ใจ  เมื่อได้รับคำยืนยันเป็นสายตาที่แน่วแน่ของชายหนุ่มตอบกลับมาในอกก็เต็มตื้น  รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้าเพรียว  ซุกอ้อมอกเพื่อแสวงหาไออุ่นที่ไม่เคยได้รับจากใคร  ร่างสูงสนองตอบด้วยการรัดวงแขนให้แน่นขึ้น  ทั้งที่น่าจะอึดอัดแต่ณัฐถกากลับพอใจ  ทั้งสองนอนกอดก่ายอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงเพื่อตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขไว้ให้นานที่สุดจนกระทั่งเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง     
                                                          # --------------------------------------------------- #
                \"ป่านนี้สองคนนั้นยังไม่ออกมาอีก\"  โยธกาบ่นขณะเท้าคางกับโต๊ะอาหาร  เช้านี้เธอต้องทำอาหารเช้าคนเดียวเพราะยังไม่มีวี่แววของหญิงสาวอีกคน
                \"หึหึ  ไม่ต้องรอแล้วล่ะมั๊ง  ป่านนี้คงกำลัง...\"
                ประพฤติพูดไม่จบร่างบางก็รู้ความหมาย  ใบหน้าแดงเรื่ออย่างช่วยไม่ได้เมื่อจินตนาการภาพเบื้องหลังประตูห้องนอนของณัฐถกา  แอบเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พาลให้นึกหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ  คงเป็นเพราะไอ้ใบหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สานั่นล่ะมั๊ง
                หลังอาหารมื้อเช้าที่มีเพียงสองคนจบลงต่างฝ่ายก็นั่งเงียบทำ  โยธกานั่งดูทีวี  ประพฤตินั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวถัดไป  ทิวทัศน์และบรรยากาศภายนอกสดชื่น  แต่ภายดูช่างน่าอึดอัด
                \"นี่...\"  ร่างบางเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  \"อยู่แต่ในบ้านเบื่อจะตาย  ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันมั้ย\"
                \"เอ๊ะ\"  ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างไม่แน่ใจสิ่งที่ได้ยิน  \"แล้วโยไม่...\"
                เอ่ยไม่ทันจะจบเสียงโทรศัพท์มือถือของร่างบางก็ดังขัดขึ้น
                \"อ๊ะ  เดี๋ยวนะ... ฮัลโหล?\"  บอกกับชายหนุ่มก่อนจะกรอกเสียงลงไป  \"โป้ง!\"
                คิ้วของร่างสูงกระตุกเมื่อได้ยิน  คนที่เขากำลังจะอ้างถึงโทรเข้ามาตรงจังหวะ  ประพฤติไม่ได้พูดอะไรออกไปได้แต่นั่งฟังเงียบๆส่วนตาก็ทำเป็นแสร้งมองตัวหนังสือ
                \"เอ๊ะ  ตอนนี้หรอ?  เอ่อ..คือว่า...\"  โยธกาเลิกลั่ก  เหล่มองร่างสูงที่นั่งอยู่ไม่ไกลตัว  \"ถือสายรอแป๊บนึงนะ\"
              ร่างบางเอามือปิดลำโพงโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับประพฤติ
                \"คือ..เพื่อนที่เล่าให้ฟังเมื่อวานน่ะ  เขา...\"
                \"ก็ไปสิ\"
                \"เอ๊ะ?\"
                \"เมื่อกี๊เห็นบ่นว่าเบื่อไม่ใช่หรอ  ไปเถอะ  ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกกับเพื่อนสนุกกว่าอยู่แต่ในบ้านเฉยๆนะ\" 
                นึกฉุนเมื่ออีกฝ่ายพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าซักนิด  ก็ดี!!  ในเมื่อต้องการอย่างนั้นล่ะก็!!
                \"ตกลง..อืม..แล้วเดี๋ยวเจอกัน\"  วางหูแล้วลุกขึ้นทันที  \"ไปนะ  เย็นๆจะกลับ\"
                \"อืม\"  ไม่กลับให้เช้าเลยล่ะ!!  ร่างสูงได้แต่ประชดในใจ
                โยธกาออกไปได้ครู่เดียวชายหนุ่มอีกคนก็ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าแจ่มใส
                \"ไง  หน้าตาอิ่มอกอิ่มใจเชียวนะ  กว่าจะออกมาได้ล่อซะตะวันตรงหัว\"  ปะพฤติอดแขวะไม่ได้
                \"นิดหน่อยว่ะเพื่อน\"  กฤษณะพูดยิ้มๆ  ทำท่ายืดเสียเต็มประดา  \"แล้วโยล่ะ?\"  เอ่ยถามเมื่อไม่เห็นอีกฝ่าย
                \"ออกไปหาเพื่อน\"  พูดได้แค่นั้นก็ทำท่าไม่สนใจอะไรอีก
                กฤษณะเองก็รู้สึกขัดหูขัดตากับท่าทางของเพื่อนเช่นกัน  เดินไปนั่งข้างๆก่อนชวนคุย  \"แล้วนายยอมให้ไปหรอวะ?\"
                \"แล้วทำไมต้องห้ามด้วยล่ะ  ดีแล้วนี่  เจ้าตัวจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง\"
                \"เชอะ  ไอ้คนปากกับใจไม่ตรงกัน\"  ชายหนุ่มแขวะ 
                \"นายพูดอะไร?\"  ประพฤติหันมาเหล่ร่างสูง
                \"นายเป็นเพื่อนนายมากี่ปีแล้ว  นายคิดอะไรรู้สึกสึกยังไงทำไมฉันจะไม่รู้  เวลานายไม่พอใจอะไรถ้าเป็นเรื่องของตัวเองก็มักจะเก็บเงียบเสมอ  แต่ทีเรื่องของคนอื่นล่ะจุ้นจ้านดีนัก\"
                \"เฮ้!  นี่นายกำลังหลอกด่าฉันนี่หว่า\"
                \"ก็เออสิวะ!\"  กฤษณะตอกกลับ  \"เห็นนายที่เป็นแบบนี้แล้วหงุดหงิดแทนโยว่ะ  แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ความรักของนายสองคนจะคืบหน้าเล่า\"
                \"แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่\"  ประพฤติเอนหลังกับโซฟาพลางหลับตา
                \"ฉันถามจริงเหอะ  นายพอในความสัมพันธ์คลุมเคลือแบบนี้แน่หรอวะ\" 
                ประพฤติถอนหายใจ  \"ฉันเองก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้นักหรอก  แต่ทำไงได้  อยู่ใกล้กันขนาดนี้เจ้าตัวเค๊าน่าจะรู้ดีนี่ว่าฉันรู้สึกยังไง\"
                \"นายจะเอาหลักจิตวิทยาที่นายเรียนมาใช้กับแฟนไม่ได้นะโว้ย  รายนั้นเค๊าเป็นคนตรงไปตรงมา  ถ้านายคิดอะไรก็พูดหรือแสดงออกมาตรงๆไม่งั้นโยก็ไม่มีทางรู้หรอก  เธอเป็นแฟนนายนะไม่ใช่ผู้ป่วยโรคจิต!!\"  เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบจึงพูดต่อ  \"จะทำอะไรก็รีบทำซะ  ไม่งั้นถ้าวันนึงนายเสียโยไปนายจะต้องมานั่งเสียใจ..เหมือนฉันนะ\"
                ประโยคแผ่วที่ออกมาจากปากเจ้าตัวเหมือนพยายามเค้นออกมาอย่างเต็มที่ทำให้อีกฝ่ายหันมามองอย่างเข้าใจความหมาย  เจ้าตัวยังคงฝังใจกับเหตุการณ์ที่สูญเสียอดีตคนรักไปโดยที่ยังไม่ได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงเปลี่ยนไปจากเดิม  มันทำให้เขาต้องรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้
                \'ถ้าไม่พูดก็ไม่เข้าใจ..จะทำอะไรก็ทำซะก่อนที่จะเสียไป\'  ประโยคเหล่านี้สะท้อนก้องอยู่ในหัวของประพฤติ
                                                          # --------------------------------------------------- #
                \"ขอบใจนะที่ชวนมา  ฉันสนุกมากเลย\"  โยธกาบอกกับเพื่อนชาย
                \"ไม่เป็นไร  แค่ทำให้ให้โยหายเหงาได้ก็ดีใจแล้ว\"
                ประโยคของร่างสูงเรียกความซาบซึ้งให้หญิงสาว  โป้งเป็นเพื่อนที่ดีและแคร์ความรู้สึกของเธอเสมอมา
                \"จริงสิ  แล้วคืนนี้โยจะไปงาน Beach Party ที่เจ้าของบังกะโลเค๊าจัดขึ้นรึเปล่า?\"
                \"Beach Party?\"
                \"ใช่  สิทธิพิเศษสำหรับแขกที่มาพักบังกะโลน่ะ  ก็มีเลี้ยงบุฟเฟต์  เครื่องดื่ม  แล้วก็ดนตรี\"  อุดมศักดิ์อธิบาย
                \"ก็น่าสนใจดีนะ\"  เธอตอบ
                \"งั้นคืนนี้เจอกันที่งานนะ  เอ้อ..เธอคงไปกับเพื่อนๆสินะ\"
                \"ยังไม่รู้เลย  ไม่รู้พวกนั้นจะไปรึเปล่า\"  โยธกาหวนนึกถึงหน้าคนบางคนแล้วพาลให้นึกหงุดหงิด  \"แต่เอาเป็นว่าฉันไปแน่  รับรอง\"
                \"ดีเลย!\"
                เวลานี้พวกเขาอยู่บนเรือยอร์ชกลางทะเล  ก่อนหน้านั้นทั้งคู่ได้ดำลงไปดูปะการังที่ใต้ท้องทะเลลึกซึ่งฝ่ายชายเชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษ  วันนี้แทบทั้งวันเธอได้เดินเที่ยวเกาะและทานอาหารทะเลกับพ่อแม่ของอุดมศักดิ์  ทำให้เธอรู้สึกสนุกพอจะลืมเรื่องที่ทำให้ว้าวุ่นใจไปได้บ้าง
              \"ตะวันจะตกดินแล้ว  ฉันว่าเรารีบกลับดีกว่าเดี๋ยวคลื่นมันจะแรง\"  ร่างบางเอ่ยเตือน
                \"นั่นสิ\"  ร่างสูงสตาร์ทเรือและขับเข้าฝั่งทันที
                เมื่อเท้าเหยียบพื้นทรายสิ่งแรกที่เห็นคือภาพชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้น  เรือนร่างกำยำ  ผิวสีแทนกร้านแดด  ดูสะดุดตาไม่น้อย  รายล้อมด้วยหญิงสาวในชุดบิกินี่สองคน  โยธกาจะไม่ใส่ใจเลยเธอคนๆนั้นไม่ใช่ประพฤติ
                ร่างสูงเองก็สังเกตเห็นหญิงสาวเช่นกันจึงปลีกตัวออกมาจากผู้หญิงสองคนที่เข้ามาชวนเขาคุย  จากนั้นจึงเดินเข้าไปทัก
                \"กลับมาแล้วหรอ  วันนี้สนุกไหม?\"  เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่(พยายาม)ยิ้มแย้มเพื่อหวังให้อีกฝ่ายรู้สึกดีแต่สายตาเหล่มองร่างสูงที่เดินแยกไป  แต่โชคร้ายที่ท่าทางของชายหนุ่มกลับทำให้ร่างบางเข้าใจผิดซะนี่
                \"สนุกมากเลยล่ะ\"  เน้นเสียงอย่างประชดประชันแล้วเดินผ่านหน้าไปโดยไม่สนใจ
                หนอย!  ทีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังล่ะทำหน้าระรื่นเชียวนะ  ตอนเราชวนว่ายน้ำกลับไม่สนใจ  แล้วเมื่อกี๊มันหมายความว่ายังไง!!
                \"ทำอะไรให้พอใจตรงไหนอีกวะเนี่ย\"  ประพฤติเกาหัวแกรกๆก่อนจะเดินตามร่างบางไป
                                                          # --------------------------------------------------- #
To be continued
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น