ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอลวัน หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 : วันเปิดเทอม

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 49



                  เช้าตรู่ของวันเปิดเทอมวันแรก  บิลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องอาหารพลางจิบกาแฟอย่างสงบระหว่างรอหลานสาวแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนแต่เช้าเพราะจะต้องเข้าพิธีปฐมนิเทศน์และรายงานตัวก่อนแปดโมง  เขาวางแก้วกาแฟลง  มองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนถอนหายใจ  เกือบเจ็ดโมงแล้วหลานสาวตัวดีของเขายังไม่ลงมาอีก  เขาวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะเมื่อตัดสินใจจะขึ้นไปตามหลานสาว  แต่ยังไม่ทันได้ลุกเสียงตัวปัญหาในความคิดของบิลก็ดังขึ้นพอดี

                  "ป้าเมย์คะ!  ป้าเมย์!"

                  เจสสิก้าวิ่งลงบันไดมาอย่างร้อนรนด้วยเครื่องแบบนักเรียนที่ยังแต่งไม่เรียบร้อยดี  ขาดเนคไทกับเสื้อสูทที่เจ้าตัวยังไม่ได้สวมใส่

                  "ป้าเมย์!"  หญิงสาวตะโกนเรียกอีกครั้ง 

                  "คะคุณหนู"  ขาดคำก็ตามมาด้วยเสียงของแม่บ้านวัยห้าสิบเศษที่กุลีกุจอวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน

                  "ป้าเมย์เห็นเนคไทมั๊ยคะ  เนคไทเครื่องแบบโรงเรียนที่เจสส่งให้ป้าซักเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะค่ะ"

                  "เอ๊ะ  ก็ป้าเก็บแขวนเข้าตู้พร้อมๆกันหมดแล้วนี่คะ"  แม่บ้านตอบ  "คุณหนูลองหาดูดีๆหรือยังคะ"

                  "หาแล้วค่ะแต่ไม่เห็นมีเลย  มีแต่เสื้อเชิ๊ต  เสื้อสูท  แล้วก็กางเกงที่แขวนอยู่ในตู้"  เจสสิก้าบอกอย่างวิตกกังวล

                  "แต่ป้าจำได้ว่า....."

                  "ไม่มีเวลาแล้วค่ะ  ป้าเมย์รีบขึ้นไปหากับเจสเดี๋ยวนี้เลย  เร็วๆเข้า"  ยังไม่ทันที่แม่บ้านจะพูดจบเจสสิก้าก็ฉุดแขนหญิงชราวิ่งขึ้นไปบนบ้าน

                  "ว้าย!  คุณหนู  ช้าๆสิคะ  เดี๋ยวป้าตกบันได  คุณหนู!"

                  บิลที่ออกมาจากห้องอาหารได้ซักพักแล้วยืนมองหลานสาวกึ่งจูงกึ่งลากแม่บ้านเข้าห้องไป  เขาถอนหายใจเฮือกพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา  เมื่อวันก่อนก็เตือนแล้วแท้ๆว่าให้รีบถอดเดี๋ยวจะยับ  เห็นกลับขึ้นห้องไปอย่างว่าง่ายก็คิดว่าจะขึ้นไปถอดเก็บ  แต่ที่ไหนได้แม่หลานสาวบ้าเห่อกลับลงมาทานอาหารเย็น-ด้วยเครื่องแบบตัวเดิมที่ยังไม่ได้ถอดเปลี่ยนทั้งๆที่หายเข้าห้องไปนานสองนาน  พอเขาท้วงเข้าหน่อยก็แก้ตัวได้อย่างน่าปวดหัวว่าขอใส่นานๆเพื่อจะได้ชินแล้วจะได้รู้สึกไม่ประหม่าหรือเคอะเขินเมื่อถึงเวลาที่ต้องใส่จริงๆ  เขาต้องยอมแพ้ในความดื้อรั้นของหลานสาวจนในที่สุดชุดนั่นก็เลอะและยับจนได้  เดือดร้อนต้องให้แม่บ้านนำไปซักรีดอีกรอบโดยที่เจ้าตัวดีได้แต่หัวเราะแหะๆ  แล้วดูซิ  พอถึงวันนี้กลับวิ่งวุ่นเพราะเครื่องแบบไม่ครบ

                  "คุณผู้ชายคะ  คุณเรย์แลนด์โทรมาค่ะ"  สาวใช้เดินเข้ามาหาบิลพร้อมยื่นหูโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายให้  บิลรับโทรศัพท์มาเธอจึงเดินเลี่ยงออกไปทางห้องครัว

                  "ว่าไง"  บิลกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์แล้วสนทนากับอีกฝ่าย  "อืม...นายอยูที่นั่นแล้วใช้มั๊ย  ดี  อื้อ  ฉันกำลังจะออกไป  เจสน่ะหรอ  เอ่อ...เรียบร้อยดี  โอเค  แล้วเดี๋ยวเจอกัน" 

                  เมื่อบิลวางหูโทรศัพท์แม่บ้านก็เดินลงมาพอดี

                  "อ้าวป้าเมย์  แล้วยัยเจสล่ะ"

                  "คุณหนูกำลังลงมาค่ะ"  เธอหันมาตอบด้วยเสียงเหนื่อยๆ

                  ยังไม่ทันที่บิลจะเอ่ยถามต่อถึงเรื่องเนคไทเจสสิก้าก็เดินลงมาพอดี

                  "เรียบร้อยแล้วค่ะอา  รีบไปกันเถอะ"  เจสสิก้าที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากบันได  ตรงเข้ามาฉุดแขนผู้เป็นอาออกเดินไปที่รถ  บิลเดินตามไปแต่โดยดีเพราะนี่ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว

                  "ไม่ลืมอะไรแน่นะ"  บิลเอ่ยถามก่อนจะออกรถ

                  เจสสิก้านิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ  "ไม่มีค่ะ  กระเป๋านักเรียนก็เอามาแล้ว  เสื้อผ้ากับของใช้ก็ส่งไปไว้ที่หอตั้งแต่เมื่อวาน"

                  "งั้นก็ดี"  พูดจบบิลก็ออกรถไปทันที 

                  "แล้วเรย์ล่ะคะ"  เจสสิก้าถามขึ้นระหว่างทางที่รถกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน

                  "อยู่ที่นั่นแล้วล่ะ  ไม่ต้องห่วง  ก็เป็นอาจารย์นี่ถึงต้องไปก่อน"

                  "จริงสินะคะ  อยากเห็นจังเลยว่าเรย์ในมาดอาจารย์จะเป็นยังไง"  เจสสิก้าพูดกลั้วหัวเราะ

                  บิลยิ้มพลางนึกภาพตอนที่เขาเห็นเรย์แลนด์เปลี่ยนโฉมเมื่อวันก่อนซึ่งเจสสิก้ายังไม่ได้เห็น  แต่อีกไม่นานก็คงจะเห็นเองแหล่ะ  อยู่โรงเรียนเดียวกันยังไงก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว  แต่ให้ตายเถอะ  ผู้ช่วยเขาคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ไหนก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน  แถมยังไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นคงจะมีนักเรียนสาวไฮสคูลล้อมหน้าล้อมหลังเป็นแน่  คิดแล้วเขาก็ชักจะรู้สึกอิจฉาตะหงิดๆแฮะ

                  "จริงสิ  แล้วตกลงเจอเนคไทที่ไหนล่ะ"  บิลถาม

                  เจสสิก้ายิ้มแห้งๆก่อนจะตอบเสียงเบา  "ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ  มันตกอยู่ที่พื้นตู้เสื้อผ้าน่ะ  เจสรีบเลยไม่ทันมอง"

                  บิลยิ้มน้อยๆก่อนจะส่ายหัวเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้ก็ไม่รู้

                  ในที่สุดรถ BMW คันใหญ่ของบิลก็แล่นมาจอดหน้าโรงเรียนเซนต์มาร์ติเนท  เจสสิก้าก้าวลงจากรถพลางกวาดตามองรอบๆโรงเรียนด้วยความทึ่ง  เซนต์มาร์ติเนทที่กว้างขวางตึกเรียนสีขาวสะอาดก็ใหญ่โตหรูหราแบ่งเป็นสั-ดส่วน  ทางเดินด้านหน้ามีน้ำพุขนาดใหญ่  ตรงกลางน้ำพุเป็นหินอ่อนสีขาวสลักรูปมงกุฎตราประจำโรงเรียน  บรรยากาศภายในดูคึกคักเพราะมีนักเรียนมากมายเดินกันขวักไขว่สมกับเป็นวันเปิดเทอมวันแรก

                  "ดูแลตัวเองดีๆล่ะเจส  โชคดีนะ"  บิลเอ่ยลาหลานสาวเมื่อถึงใกล้เวลาที่บรรดานักเรียนต้องเข้าไปปฐมนิเทศน์ที่หอประชุมใหญ่

                  "ฮะแฮ่ม  แล้วเจอกันครับ  อา"  เจสสิก้ากล่าวลาอย่างหยอกเย้าโดยที่ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนสรรพนามใหม่ให้เป็นผู้ชายตามที่ตกลงกันไว้

                  บิลยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะโคลงหัวหลานสาวเบาๆ  "แล้วเจอกัน  ถ้ามีอะไรก็โทรหาอาล่ะ  หรือไม่ก็ไปหาเรย์ก็ได้" 

                  "ตกลงฮะ"  เธอน้ำตาซึมก่อนเข้าไปกอดอาอย่างอาลัยอาวรณ์

                  "เฮ้ๆ  อย่าลืมสิตอนนี้เราเป็นผู้ชายนะ  เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งซี่  ดูสิคนมองใหญ่แล้ว"  บิลทั้งเตือนทั้งปลอบไปพร้อมๆกัน  มือก็ลูบหัวหลานสาวอย่างอ่อนโยน

                  เจสสิก้ายิ้มขึ้นได้ในที่สุด  ผละออกจากอกบิลก่อนปาดน้ำตาออก  "จริงสิฮะ  อาพูดถูก  ผมเป็นผู้ชาย  ผมต้องเข้มแข็ง"

                  "ดีแล้ว"  บิลพูดแล้วตบไหล่หลาวสาวเบาๆ  "งั้นอาไปนะ"

                  "ลาก่อนฮะ"  เจสสิก้าเอ่ยลาอีกครั้งก่อนที่บิลจะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป  เธอมองตามรถของอาอย่างเศร้าสร้อยก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ในรั้วโรงเรียนไฮสคูล  เมื่อทำใจได้แล้วก็ตัดสินใจก้าวเดินเข้าไปในโรงเรียน

                  ระหว่างที่เดินไปยังหอประชุมใหญ่เจสสิก้าก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้  เธอรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในโรงเรียน  เมื่อหันไปมองรอบๆก็สังเกตเห็นสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ  ตอนแรกเธอคิดว่าคงคิดไปเองเลยไม่นึกเอะใจอะไร  แต่เมื่อถึงขนาดเดินผ่านแล้วเหลียวหลังมองตามกันทั้งผู้หญิงและผู้ชายเธอจึงเริ่มแน่ใจว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตา  แต่เพราะอะไรล่ะ  เธอมีอะไรประหลาดหรือไง  หรือว่า.....

                  เธอคิดพลางก้มลงสำรวจตัวเอง  ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่  เครื่องแบบที่เธอใส่ก็เหมือนของนักเรียนชายทั่วไป  ผมก็ซอยสั้นแล้วถึงแม้จะยาวกว่าทรงผมของผู้ชายบางคนก็เถอะ  ส่วนเรื่องหน้าอก...เธอก็พันผ้าหนาแน่นจนแบนเรียบถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดนิดๆก็เถอะ

                  เจสสิก้าหันไปสำรวจเครื่องแบบของนักเรียนหญิงซึ่งไม่ต่างกันมากนัก  แทบเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นกระโปรงลายสก๊อตสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยที่มีสีเดียวกันกับกางเกงของนักเรียนชาย

                  ให้ตายเถอะ  ดูแค่กางเกงกับกระโปรงก็รู้แล้ว  ต่างกันเห็นๆ  แล้วยังสงสัยอะไรอีกนะ  มองกันอยู่ได้

                  เจสสิก้าบ่นในใจ  ทำเอาตัวเองเริ่มใจเสีย  ก่อนจะนึกได้ 

                  อ้อ  สงสัยเพราะเราเป็นนักเรียนใหม่แน่เลย  ก็เลยมองกันเพราะไม่คุ้นหน้า  จริงสินะ  ชั้นไฮสคูลมีนักเรียนเข้าใหม่แค่เธอคนเดียวนี่  ตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก

                  เมื่อคิดได้แบบนี้เธอก็สบายใจขึ้นแล้วเดินตรงไปยังหอประชุมโดยไม่สนใจบรรดาสายตาที่มองมาอีกเลย


    ......................................................


                  ภายในหอประชุม

                  "ไง  ท่านรองประธานคนใหม่"  เสียงของชายหนุ่มทักชายร่างสูงสวมแว่นตรงหน้า

                  ชายที่ถูกเรียกว่า 'ท่านรองประธานคนใหม่' หันมาทางต้นเสียง  ก่อนยิ้มบางให้แล้วทักตอบ  "อรุณสวัสดิ์  ราล์ฟ"

                  "ได้ข่าวว่านายชนะเสียงโหวตได้เป็นรองประธานนักเรียนปีนี้นี่  ดีใจด้วยนะ"  ราล์ฟบอก  "นายที่ยอดไปเลยน้า  เพิ่งอยู่ไฮสคูลเกรดสิบก็ได้เป็นถึงรองประธานแล้ว  อย่างนี้พวกรุ่นพี่เกรดสิบเอ็ด-สิบสองที่สมัครชิงตำแหน่งไม่เขม่นเอาแย่หรอเนี่ย"

                  "ความจริงถ้านายลงสมัครด้วยนายต้องชนะแน่  ราล์ฟ  อาจจะได้เป็นถึงประธานนักเรียนแทนรุ่นพี่เกรดสิบสองนั่นก็ได้  น่าเสียดายออกนะ"  ชายสวมแว่นพูดยิ้มๆอย่างไม่ถือสา

                  "ไม่เอาหรอก  นายก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบ  ยิ่งตำแหน่งใหญ่ความรับผิดชอบก็ยิ่งเยอะ  แค่หัวหน้าห้องฉันก็รับผิดชอบแทบจะไม่ไหวแล้ว"

                  "แต่นายก็เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าห้องแล้วนี่  มีนายคนเดียวนี่แหล่ะที่คุมเพื่อนๆอยู่"

                  ราล์ฟหัวเราะ  "นายก็ด้วยแหล่ะน่า  แต่วิธีของฉันกับนายมันต่างกัน  เจมส์  นายมันประเภทใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว  แต่ฉันมันตรงกันข้าม"

                  "จริงสิ  นายรู้เรื่องนักเรียนใหม่รึยัง"  เจมส์ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้  "ได้ข่าวว่าเข้ามาเรียนอยู่ห้องเดียวกับพวกเราด้วย"

                  ราล์ฟที่กำลังอารมณ์ดีก็ขุ่นมัวขึ้นมาทันที  "รู้แล้ว"

                  "นายพูดเหมือนนายไม่พอใจอะไรนักเรียนใหม่งั้นแหล่ะ  ยังไม่เคยเจอกันเลยไม่ใช่เหรอ"

                  "ไอ้ยังไม่เคยเจอกันน่ะมันก็ใช่  แต่หมอนี่ทำให้ฉันสูญเสียความเป็นส่วนตัว  อุตส่าห์ได้อยู่คนเดียวสบายๆแล้วแท้ๆกลับมีรูมเมทโผล่มาอีก"  เขาบอกอย่างไม่สบอารมณ์

                  "เขาอาจจะเป็นคนดีน่าคบก็ได้  นายอย่าเพิ่งไปมีอคติสิ"

                  "ถึงน่าคบแค่ไหนฉันก็ยังเคืองอยู่ดี  ไม่มีห้องอื่นว่างแล้วรึไง  ทำไมต้องมาอยู่ห้องฉันด้วย"

                  "เห็นว่าท่านผอ.เป็นคนกำหนดเองเลยนี่"  เจมส์บอก  "แต่ห้องที่ยังไม่มีรูมเมทก็มีแต่ห้องของนายกับมาร์คนี่แหล่ะ"

                  "พูดถึงมาร์ค  เจ้านั่นมันอยู่คนเดียวได้แล้วเรอะ  เห็นว่าตั้งแต่ที่รูมเมทของหมอนั่นตายก็ไม่ยอมนอนคนเดียวอีกเลยนี่  ต้องไปอาศัยเพื่อนห้องอื่นนอนอยู่เรื่อย"

                  "อือ  หมอนั่นยอมแยกมานอนคนเดียวแล้ว  แต่ก็ขอทำเรื่องเปลี่ยนห้องน่ะ  ส่วนห้องเก่านั้นก็ปล่อยทิ้งไว้  เห็นว่าถูกปิดตายไปแล้ว"

                  "เฮ้อ...ก็ใครจะไปกล้าอยู่ล่ะ  ห้องที่มีคนตายแบบนั้น  เกิดนอนๆอยู่เจออะไรแปลกๆกลางดึกไม่แย่เรอะ"  ราล์ฟพูดทีเล่นทีจริง

                  เจมส์มองเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาปราม  สีหน้านิ่งเรียบ  เป็นที่รู้กันดีว่าลักษณะแบบนี้ไม่สมควรแหย่เล่นเป็นอย่างยิ่ง

                  "โทษที  ฉันลืมไปว่าทางโรงเรียนสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก"  ราล์ฟเอ่ยขอโทษแต่ดวงตาวาววับไม่มีท่าทีสำนึก  คนอย่างเขาไม่เคยยอมหรือกลัวใครก็จริง  แต่ก็เว้นเจ้านี่ไว้คนล่ะ  ไอ้ท่าทางนิ่งๆแบบนี้ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบนักล่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×