คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 : วันเปิดเทอม
เช้าตรู่ของวันเปิดเทอมวันแรก บิลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องอาหารพลางจิบกาแฟอย่างสงบระหว่างรอหลานสาวแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนแต่เช้าเพราะจะต้องเข้าพิธีปฐมนิเทศน์และรายงานตัวก่อนแปดโมง เขาวางแก้วกาแฟลง มองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนถอนหายใจ เกือบเจ็ดโมงแล้วหลานสาวตัวดีของเขายังไม่ลงมาอีก เขาวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะเมื่อตัดสินใจจะขึ้นไปตามหลานสาว แต่ยังไม่ทันได้ลุกเสียงตัวปัญหาในความคิดของบิลก็ดังขึ้นพอดี
"ป้าเมย์คะ! ป้าเมย์!"
เจสสิก้าวิ่งลงบันไดมาอย่างร้อนรนด้วยเครื่องแบบนักเรียนที่ยังแต่งไม่เรียบร้อยดี ขาดเนคไทกับเสื้อสูทที่เจ้าตัวยังไม่ได้สวมใส่
"ป้าเมย์!" หญิงสาวตะโกนเรียกอีกครั้ง
"คะคุณหนู" ขาดคำก็ตามมาด้วยเสียงของแม่บ้านวัยห้าสิบเศษที่กุลีกุจอวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
"ป้าเมย์เห็นเนคไทมั๊ยคะ เนคไทเครื่องแบบโรงเรียนที่เจสส่งให้ป้าซักเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะค่ะ"
"เอ๊ะ ก็ป้าเก็บแขวนเข้าตู้พร้อมๆกันหมดแล้วนี่คะ" แม่บ้านตอบ "คุณหนูลองหาดูดีๆหรือยังคะ"
"หาแล้วค่ะแต่ไม่เห็นมีเลย มีแต่เสื้อเชิ๊ต เสื้อสูท แล้วก็กางเกงที่แขวนอยู่ในตู้" เจสสิก้าบอกอย่างวิตกกังวล
"แต่ป้าจำได้ว่า....."
"ไม่มีเวลาแล้วค่ะ ป้าเมย์รีบขึ้นไปหากับเจสเดี๋ยวนี้เลย เร็วๆเข้า" ยังไม่ทันที่แม่บ้านจะพูดจบเจสสิก้าก็ฉุดแขนหญิงชราวิ่งขึ้นไปบนบ้าน
"ว้าย! คุณหนู ช้าๆสิคะ เดี๋ยวป้าตกบันได คุณหนู!"
บิลที่ออกมาจากห้องอาหารได้ซักพักแล้วยืนมองหลานสาวกึ่งจูงกึ่งลากแม่บ้านเข้าห้องไป เขาถอนหายใจเฮือกพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เมื่อวันก่อนก็เตือนแล้วแท้ๆว่าให้รีบถอดเดี๋ยวจะยับ เห็นกลับขึ้นห้องไปอย่างว่าง่ายก็คิดว่าจะขึ้นไปถอดเก็บ แต่ที่ไหนได้แม่หลานสาวบ้าเห่อกลับลงมาทานอาหารเย็น-ด้วยเครื่องแบบตัวเดิมที่ยังไม่ได้ถอดเปลี่ยนทั้งๆที่หายเข้าห้องไปนานสองนาน พอเขาท้วงเข้าหน่อยก็แก้ตัวได้อย่างน่าปวดหัวว่าขอใส่นานๆเพื่อจะได้ชินแล้วจะได้รู้สึกไม่ประหม่าหรือเคอะเขินเมื่อถึงเวลาที่ต้องใส่จริงๆ เขาต้องยอมแพ้ในความดื้อรั้นของหลานสาวจนในที่สุดชุดนั่นก็เลอะและยับจนได้ เดือดร้อนต้องให้แม่บ้านนำไปซักรีดอีกรอบโดยที่เจ้าตัวดีได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วดูซิ พอถึงวันนี้กลับวิ่งวุ่นเพราะเครื่องแบบไม่ครบ
"คุณผู้ชายคะ คุณเรย์แลนด์โทรมาค่ะ" สาวใช้เดินเข้ามาหาบิลพร้อมยื่นหูโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายให้ บิลรับโทรศัพท์มาเธอจึงเดินเลี่ยงออกไปทางห้องครัว
"ว่าไง" บิลกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์แล้วสนทนากับอีกฝ่าย "อืม...นายอยูที่นั่นแล้วใช้มั๊ย ดี อื้อ ฉันกำลังจะออกไป เจสน่ะหรอ เอ่อ...เรียบร้อยดี โอเค แล้วเดี๋ยวเจอกัน"
เมื่อบิลวางหูโทรศัพท์แม่บ้านก็เดินลงมาพอดี
"อ้าวป้าเมย์ แล้วยัยเจสล่ะ"
"คุณหนูกำลังลงมาค่ะ" เธอหันมาตอบด้วยเสียงเหนื่อยๆ
ยังไม่ทันที่บิลจะเอ่ยถามต่อถึงเรื่องเนคไทเจสสิก้าก็เดินลงมาพอดี
"เรียบร้อยแล้วค่ะอา รีบไปกันเถอะ" เจสสิก้าที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากบันได ตรงเข้ามาฉุดแขนผู้เป็นอาออกเดินไปที่รถ บิลเดินตามไปแต่โดยดีเพราะนี่ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว
"ไม่ลืมอะไรแน่นะ" บิลเอ่ยถามก่อนจะออกรถ
เจสสิก้านิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ "ไม่มีค่ะ กระเป๋านักเรียนก็เอามาแล้ว เสื้อผ้ากับของใช้ก็ส่งไปไว้ที่หอตั้งแต่เมื่อวาน"
"งั้นก็ดี" พูดจบบิลก็ออกรถไปทันที
"แล้วเรย์ล่ะคะ" เจสสิก้าถามขึ้นระหว่างทางที่รถกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน
"อยู่ที่นั่นแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง ก็เป็นอาจารย์นี่ถึงต้องไปก่อน"
"จริงสินะคะ อยากเห็นจังเลยว่าเรย์ในมาดอาจารย์จะเป็นยังไง" เจสสิก้าพูดกลั้วหัวเราะ
บิลยิ้มพลางนึกภาพตอนที่เขาเห็นเรย์แลนด์เปลี่ยนโฉมเมื่อวันก่อนซึ่งเจสสิก้ายังไม่ได้เห็น แต่อีกไม่นานก็คงจะเห็นเองแหล่ะ อยู่โรงเรียนเดียวกันยังไงก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว แต่ให้ตายเถอะ ผู้ช่วยเขาคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ไหนก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน แถมยังไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นคงจะมีนักเรียนสาวไฮสคูลล้อมหน้าล้อมหลังเป็นแน่ คิดแล้วเขาก็ชักจะรู้สึกอิจฉาตะหงิดๆแฮะ
"จริงสิ แล้วตกลงเจอเนคไทที่ไหนล่ะ" บิลถาม
เจสสิก้ายิ้มแห้งๆก่อนจะตอบเสียงเบา "ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ มันตกอยู่ที่พื้นตู้เสื้อผ้าน่ะ เจสรีบเลยไม่ทันมอง"
บิลยิ้มน้อยๆก่อนจะส่ายหัวเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้ก็ไม่รู้
ในที่สุดรถ BMW คันใหญ่ของบิลก็แล่นมาจอดหน้าโรงเรียนเซนต์มาร์ติเนท เจสสิก้าก้าวลงจากรถพลางกวาดตามองรอบๆโรงเรียนด้วยความทึ่ง เซนต์มาร์ติเนทที่กว้างขวางตึกเรียนสีขาวสะอาดก็ใหญ่โตหรูหราแบ่งเป็นสั-ดส่วน ทางเดินด้านหน้ามีน้ำพุขนาดใหญ่ ตรงกลางน้ำพุเป็นหินอ่อนสีขาวสลักรูปมงกุฎตราประจำโรงเรียน บรรยากาศภายในดูคึกคักเพราะมีนักเรียนมากมายเดินกันขวักไขว่สมกับเป็นวันเปิดเทอมวันแรก
"ดูแลตัวเองดีๆล่ะเจส โชคดีนะ" บิลเอ่ยลาหลานสาวเมื่อถึงใกล้เวลาที่บรรดานักเรียนต้องเข้าไปปฐมนิเทศน์ที่หอประชุมใหญ่
"ฮะแฮ่ม แล้วเจอกันครับ อา" เจสสิก้ากล่าวลาอย่างหยอกเย้าโดยที่ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนสรรพนามใหม่ให้เป็นผู้ชายตามที่ตกลงกันไว้
บิลยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะโคลงหัวหลานสาวเบาๆ "แล้วเจอกัน ถ้ามีอะไรก็โทรหาอาล่ะ หรือไม่ก็ไปหาเรย์ก็ได้"
"ตกลงฮะ" เธอน้ำตาซึมก่อนเข้าไปกอดอาอย่างอาลัยอาวรณ์
"เฮ้ๆ อย่าลืมสิตอนนี้เราเป็นผู้ชายนะ เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งซี่ ดูสิคนมองใหญ่แล้ว" บิลทั้งเตือนทั้งปลอบไปพร้อมๆกัน มือก็ลูบหัวหลานสาวอย่างอ่อนโยน
เจสสิก้ายิ้มขึ้นได้ในที่สุด ผละออกจากอกบิลก่อนปาดน้ำตาออก "จริงสิฮะ อาพูดถูก ผมเป็นผู้ชาย ผมต้องเข้มแข็ง"
"ดีแล้ว" บิลพูดแล้วตบไหล่หลาวสาวเบาๆ "งั้นอาไปนะ"
"ลาก่อนฮะ" เจสสิก้าเอ่ยลาอีกครั้งก่อนที่บิลจะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป เธอมองตามรถของอาอย่างเศร้าสร้อยก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ในรั้วโรงเรียนไฮสคูล เมื่อทำใจได้แล้วก็ตัดสินใจก้าวเดินเข้าไปในโรงเรียน
ระหว่างที่เดินไปยังหอประชุมใหญ่เจสสิก้าก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เธอรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในโรงเรียน เมื่อหันไปมองรอบๆก็สังเกตเห็นสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ ตอนแรกเธอคิดว่าคงคิดไปเองเลยไม่นึกเอะใจอะไร แต่เมื่อถึงขนาดเดินผ่านแล้วเหลียวหลังมองตามกันทั้งผู้หญิงและผู้ชายเธอจึงเริ่มแน่ใจว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตา แต่เพราะอะไรล่ะ เธอมีอะไรประหลาดหรือไง หรือว่า.....
เธอคิดพลางก้มลงสำรวจตัวเอง ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ เครื่องแบบที่เธอใส่ก็เหมือนของนักเรียนชายทั่วไป ผมก็ซอยสั้นแล้วถึงแม้จะยาวกว่าทรงผมของผู้ชายบางคนก็เถอะ ส่วนเรื่องหน้าอก...เธอก็พันผ้าหนาแน่นจนแบนเรียบถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดนิดๆก็เถอะ
เจสสิก้าหันไปสำรวจเครื่องแบบของนักเรียนหญิงซึ่งไม่ต่างกันมากนัก แทบเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นกระโปรงลายสก๊อตสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยที่มีสีเดียวกันกับกางเกงของนักเรียนชาย
ให้ตายเถอะ ดูแค่กางเกงกับกระโปรงก็รู้แล้ว ต่างกันเห็นๆ แล้วยังสงสัยอะไรอีกนะ มองกันอยู่ได้
เจสสิก้าบ่นในใจ ทำเอาตัวเองเริ่มใจเสีย ก่อนจะนึกได้
อ้อ สงสัยเพราะเราเป็นนักเรียนใหม่แน่เลย ก็เลยมองกันเพราะไม่คุ้นหน้า จริงสินะ ชั้นไฮสคูลมีนักเรียนเข้าใหม่แค่เธอคนเดียวนี่ ตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก
เมื่อคิดได้แบบนี้เธอก็สบายใจขึ้นแล้วเดินตรงไปยังหอประชุมโดยไม่สนใจบรรดาสายตาที่มองมาอีกเลย
......................................................
ภายในหอประชุม
"ไง ท่านรองประธานคนใหม่" เสียงของชายหนุ่มทักชายร่างสูงสวมแว่นตรงหน้า
ชายที่ถูกเรียกว่า 'ท่านรองประธานคนใหม่' หันมาทางต้นเสียง ก่อนยิ้มบางให้แล้วทักตอบ "อรุณสวัสดิ์ ราล์ฟ"
"ได้ข่าวว่านายชนะเสียงโหวตได้เป็นรองประธานนักเรียนปีนี้นี่ ดีใจด้วยนะ" ราล์ฟบอก "นายที่ยอดไปเลยน้า เพิ่งอยู่ไฮสคูลเกรดสิบก็ได้เป็นถึงรองประธานแล้ว อย่างนี้พวกรุ่นพี่เกรดสิบเอ็ด-สิบสองที่สมัครชิงตำแหน่งไม่เขม่นเอาแย่หรอเนี่ย"
"ความจริงถ้านายลงสมัครด้วยนายต้องชนะแน่ ราล์ฟ อาจจะได้เป็นถึงประธานนักเรียนแทนรุ่นพี่เกรดสิบสองนั่นก็ได้ น่าเสียดายออกนะ" ชายสวมแว่นพูดยิ้มๆอย่างไม่ถือสา
"ไม่เอาหรอก นายก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบ ยิ่งตำแหน่งใหญ่ความรับผิดชอบก็ยิ่งเยอะ แค่หัวหน้าห้องฉันก็รับผิดชอบแทบจะไม่ไหวแล้ว"
"แต่นายก็เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าห้องแล้วนี่ มีนายคนเดียวนี่แหล่ะที่คุมเพื่อนๆอยู่"
ราล์ฟหัวเราะ "นายก็ด้วยแหล่ะน่า แต่วิธีของฉันกับนายมันต่างกัน เจมส์ นายมันประเภทใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว แต่ฉันมันตรงกันข้าม"
"จริงสิ นายรู้เรื่องนักเรียนใหม่รึยัง" เจมส์ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ "ได้ข่าวว่าเข้ามาเรียนอยู่ห้องเดียวกับพวกเราด้วย"
ราล์ฟที่กำลังอารมณ์ดีก็ขุ่นมัวขึ้นมาทันที "รู้แล้ว"
"นายพูดเหมือนนายไม่พอใจอะไรนักเรียนใหม่งั้นแหล่ะ ยังไม่เคยเจอกันเลยไม่ใช่เหรอ"
"ไอ้ยังไม่เคยเจอกันน่ะมันก็ใช่ แต่หมอนี่ทำให้ฉันสูญเสียความเป็นส่วนตัว อุตส่าห์ได้อยู่คนเดียวสบายๆแล้วแท้ๆกลับมีรูมเมทโผล่มาอีก" เขาบอกอย่างไม่สบอารมณ์
"เขาอาจจะเป็นคนดีน่าคบก็ได้ นายอย่าเพิ่งไปมีอคติสิ"
"ถึงน่าคบแค่ไหนฉันก็ยังเคืองอยู่ดี ไม่มีห้องอื่นว่างแล้วรึไง ทำไมต้องมาอยู่ห้องฉันด้วย"
"เห็นว่าท่านผอ.เป็นคนกำหนดเองเลยนี่" เจมส์บอก "แต่ห้องที่ยังไม่มีรูมเมทก็มีแต่ห้องของนายกับมาร์คนี่แหล่ะ"
"พูดถึงมาร์ค เจ้านั่นมันอยู่คนเดียวได้แล้วเรอะ เห็นว่าตั้งแต่ที่รูมเมทของหมอนั่นตายก็ไม่ยอมนอนคนเดียวอีกเลยนี่ ต้องไปอาศัยเพื่อนห้องอื่นนอนอยู่เรื่อย"
"อือ หมอนั่นยอมแยกมานอนคนเดียวแล้ว แต่ก็ขอทำเรื่องเปลี่ยนห้องน่ะ ส่วนห้องเก่านั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ เห็นว่าถูกปิดตายไปแล้ว"
"เฮ้อ...ก็ใครจะไปกล้าอยู่ล่ะ ห้องที่มีคนตายแบบนั้น เกิดนอนๆอยู่เจออะไรแปลกๆกลางดึกไม่แย่เรอะ" ราล์ฟพูดทีเล่นทีจริง
เจมส์มองเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาปราม สีหน้านิ่งเรียบ เป็นที่รู้กันดีว่าลักษณะแบบนี้ไม่สมควรแหย่เล่นเป็นอย่างยิ่ง
"โทษที ฉันลืมไปว่าทางโรงเรียนสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก" ราล์ฟเอ่ยขอโทษแต่ดวงตาวาววับไม่มีท่าทีสำนึก คนอย่างเขาไม่เคยยอมหรือกลัวใครก็จริง แต่ก็เว้นเจ้านี่ไว้คนล่ะ ไอ้ท่าทางนิ่งๆแบบนี้ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบนักล่ะ
ความคิดเห็น