ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอลวัน หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 : การตัดสินใจของเจสสิก้า

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 49



                  เวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง รถ BMW สีดำคันเดิมแล่นมาจอดในบ้านคอนเนลลี่หลังกลับจากดินเนอร์  ทั้งสามก้าวลงจากรถ  โดยเรย์แลนด์ทำหน้าที่เปิดประตูรถให้เจสสิก้าเช่นเดิม

                  "เฮ้อ...ไปๆมาๆวันนี้อาก็เลยกลายเป็นส่วนเกินซะแล้ว"  บิลบอกกับเจสสิก้าเมื่อเธอลงมาจากรถ

                  เจสสิก้าหัวเราะ  "โธ่  อาก็  น้อยใจไปได้  อาควงเจสออกงานออกบ่อยไป  นานๆทีเจสจะควงกับเรย์บ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลย  ยังไงวันนี้ก็เป็นวันเกิดของเรย์เค๊านี่นา"

                  "พูดถึงเจ้าของวันเกิด  เอ...รู้สึกว่าวันนี้จะมีคนบางคนอารมณ์ดีเกินเหตุนะเนี่ย  ว่าแล้วก็ชักหมั่นไส้แฮะ"  บิลประชด
     
                  เรย์แลนด์ไม่พูดอะไร  แต่หันมายิ้มมุมปากให้บิล

                  "แหม  ก็วันนี้เป็นวันเกิดเรย์นี่  ออกไปดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกแถมยังได้ควงกับสาวสวยอีกด้วย  แล้วจะให้อารมณ์ไม่ดีได้ไงล่ะ  จริงมั๊ยคะ"  เจสสิก้าบอกบิล  และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเรย์แลนด์แล้วยิ้มหวาน 
     
                  เรย์แลนด์ยิ้มตอบ  "ใช่แล้วครับ"

                  "เฮ้อ...เข้ากันเป็นปีเป็นขลุ่ยเชียวนะ  ก็ได้ๆ  อายอมแพ้"  บิลไหวไหล่  "ถ้างั้นอาเข้าบ้านก่อนล่ะ  หน้าที่ผู้ติดตามชั่วคราวของอาหมดลงแล้วนี่"

                  เจสสิก้ากับเรย์แลนด์หันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะร่วน

                  ยังไม่ทันที่บิลจะเดินเข้าบ้าน  ก็หันกลับมาเหมือนนึกขึ้นได้  "จริงสิ  เรย์  รถของนายจอดทิ้งไว้ที่บริษัทนี่  ถ้ายังไงคืนนี้นายนอนค้างซะที่นี่ก็ได้นะ"

                  "ไม่รบกวนดีกว่าครับ  ผมนั่งแท็กซี่กลับก็ได้"  เรย์แลนด์กล่าวอย่างเกรงใจ

                  "ไม่รบกวนหรอกน่า  ทำอย่างกับนายไม่เคยมาค้างบ้านฉันงั้นแหล่ะ  เสื้อผ้านายก็มีเปลี่ยน  เคยเอามาทิ้งไว้ที่นี่ตั้งหลายชุด  ห้องว่างก็มีตั้งเยอะแยะ  แล้วพรุ่งนี้เช้าก็จะได้ออกไปทำงานพร้อมกันเลย"  บิลบอกแกมบังคับ

                  "นั่นสิคะ  คืนนี้ค้างที่นี่เถอะค่ะ  ดึกแล้ว  รถราก็ไม่ค่อยมี  ยังไงพวกเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว  ไม่รบกวนหรอกค่ะ"  เจสสิก้าสนับสนุน

                  เรย์แลนด์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง  "ก็ได้ครับ  ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ"

                  "อืมๆ  ถ้างั้นก็เข้าบ้านเถอะ"  บิลเอ่ยชวนก่อนจะเดินนำเข้าบ้านไปคนแรก

                  "เจสครับ"  เรย์แลนด์เอ่ยเรียกหญิงสาวก่อนที่เธอจะเดินตามบิลไป

                  "คะ?"  เธอหันกลับมามองเขา

                  "ไม่มีอะไรหรอกครับ  แค่อยากบอกว่าคืนนี้เจสสวยมากเลย"

                  เจสสิก้ายิ้มเขินๆ  "ขอบคุณค่ะเรย์"  เธอบอกแล้วหันหลังกลับ  ก่อนจะหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง  "เข้าบ้านเถอะค่ะ  เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ"  แล้วเธอก็เดินเข้าบ้านไปโดยที่เรย์แลนด์เดินตามไปติดๆด้วยสีหน้ามีความสุข


    ........................................................


                  เจสสิก้าขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมเข้านอน  บิลกับเรย์แลนด์ยังคงนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น  เมื่อเจสสิก้าออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมก็เปลี่ยนใส่ชุดนอนปาจามาสีขาวลายทาง  เมื่อเตรียมจะนอนก็นึกขึ้นได้ว่าลืมดื่มนม  จึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินลงมาข้างล่าง  เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ชั้นล่างเห็นไฟยังคงเปิดอยู่จึงชะโงกหน้าเข้าไปดู  เห็นชายหนุ่มทั้งสองยังคงนั่งคุยกันอยู่ท่าทางเคร่งเครียด  จึงเดินตรงเข้าไปหา

                   "ดึกป่านนี้ทั้งสองคนยังไม่นอนกันอีกเหรอคะ"  เจสสิก้าส่งเสียงทักแล้วเดินไปกอดคอบิลจากด้านหลังโซฟา

                  "แล้วเราล่ะ  ป่านนี้ทำไมยังไม่นอนอีก"  บิลถามกลับพลางเอื้อมมือไปลูบผมหลานสาวเล่น

                  "เจสลงมาดื่มนมก่อนนอนน่ะค่ะ  แล้วอากับเรย์คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรอคะ  ท่าทางซีเรียสเชียว"

                  "เรื่องงานน่ะครับ"  เรย์แลนด์ตอบแทน

                  "งาน?  ป่านนี้น่ะเหรอ  ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานอยู่แล้วนี่คะ  ทำไมมาคุยเวลานี้ล่ะ"  เจสสิก้าถามด้วยความเป็นห่วงเพราะอยากให้ทั้งสองคนพักผ่อนให้เต็มที่หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน

                  "งานด่วนน่ะเจส  แล้วมันมีปัญหานิดหน่อย"  บิลตอบ  ยิ้มอย่างเอ็นดูหลานสาว  เขาเข้าใจดีว่าเธอห่วงเขา

                  "เรื่องคดีฆาตกรรมในหอพักชายรึเปล่าคะ"  เจสสิก้าหันไปเปรยถามเรย์แลนด์บ้าง

                  "ใช่ครับ"  เขาตอบ  "ที่จริงเราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว  แต่มีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องมาทบทวนแผนการกันใหม่"

                  "มีปัญหาอะไรเหรอคะ"  เจสสิก้าถามอย่างสนใจ

                  "ก็ตอนแรกอาจะส่งคนที่อายุน้อยที่สุดของบริษัทเราเข้าไปสืบในหอพักชายแมนฮู้ด  โดยปลอมตัวเป็นนักเรียนชายของโรงเรียนเซนต์มาร์ติเนท  แต่คนของอาคนนั้นตอนนี้ดันไปประสบอุบัตติเหตุเข้าต้องพักรักษาตัวหลายเดือน  อาก็เลยต้องหาคนใหม่  แต่ที่เหลือก็ไม่มีใครอายุน้อยพอที่จะปลอมตัวเป็นนักเรียนไฮสคูลได้ก็เลยต้องส่งไปเป็นอาจารย์แทน  แต่ถ้าเป็นอาจารย์ก็จะเข้าหอพักชายไม่ได้ทำให้หาโอกาสเข้าไปสืบถึงสถานที่เกิดเหตุยาก  แล้วถ้าสืบยากการดำเนินงานก็จะล่าช้า  แล้วลูกค้าก็จะไม่พอใจ  นโยบายของบริษัทเราคือฉับไว  แม่นยำ  แม้งานยากแค่ไหนอาก็ไม่เคยทำงานล่าช้าเกินกว่าสองเดือน  แล้วถ้าเราทำไม่ได้อย่างที่เราตั้งนโยบายไว้ลูกค้าก็จะหมดความเชื่อถือในบริษัทเรา" 

                  บิลอธิบายละเอียดยาวยืดซึ่งเจสสิก้าก็ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่  พลางนึกไม่สบายใจไปด้วยเมื่อเห็นอาของเธอและเรย์แลนด์กลุ้มใจ  เธออยากจะช่วยแบ่งเบาความกลัดกลุ้มให้อาของเธอบ้างซักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี  แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ  นี่มันเป็นเรื่องงาน  เป็นเรื่องสำคัญ  เป็นเรื่องใหญ่  ไม่ใช่เรื่องเล็กๆธรรมดาๆที่เด็กอย่างเธอเคยช่วยเหลืออาในบางครั้ง 

                  เจสสิก้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม  เธอก้มลงท้าวศอกลงบนพนักพิงโซฟาพลางครุ่นคิด 

                  เรื่องนี้เธอจะช่วยอะไรอาของเธอได้บ้างมั๊ยนะ  จริงสิ  เธอก็กำลังจะได้เข้าเรียนที่เซนต์มาร์ติเนทนี่นา  เธอน่าจะช่วยอาสืบด้วยอีกแรง  แต่ยังไงก็หาโอกาสเข้าไปสืบในหอพักชายได้ยากอยู่ดี  จะเข้าออกหอพักชายได้โดยไม่มีใครสงสัยก็ต้องเป็นนักเรียนชายเท่านั้น  นักเรียนหญิงคงไม่มีทางเข้าไปได้  เอ่อ...เผลอๆถ้าเข้าไปได้แล้วออกมาไม่ได้อีกต่างหาก  เธอเป็นผู้หญิงนี่ไม่ใช่ผู้ชาย  ถ้าเธอเป็นผู้ชายก็ดีสินะ

                  .....เป็นผู้ชาย?

                  "อาคะ!"  เจสสิก้าโพล่งขึ้นพร้อมกับยืดตัวขึ้นทันทีจนทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนสะดุ้ง  เธอรีบอ้อมมานั่งข้างบิลแล้วเขย่าแขนเขาอย่างแรง  "เจสรู้แล้วค่ะว่าจะแก้ปัญหายังไง!  เจสรู้แล้วว่าเจสจะช่วยอาได้ยังไง!"

                  "ช่วย?  เราน่ะรึ  ช่วยยังไง?"  บิลถามด้วยความงุนงงในการคำพูดของหลานสาว

                  "เจสจะช่วยอาสืบอีกแรง  เจสจะเข้าไปสืบในหอพักชายเองค่ะ"  เธอบอกอย่างกระตือรือล้น

                  "อะไรนะ!?"  บิลและเรย์แลนด์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน

                  "เจสจะปลอมตัวเป็นนักเรียนชายแล้วเข้าไปอยู่ในหอพักชายค่ะ  จะได้....."

                  "ไม่ได้!"  ยังไม่ทันที่เจสจะพูดจบชายหนุ่มทั้งสองคนก็ประสานเสียงขึ้นมาอีกครั้ง

                  "ทำไมล่ะคะ?"  เจสสิก้าถามกลับทันทีหลังจากสะดุ้งเพราะเสียงของทั้งสอง

                  "ไม่ได้  ยังไงก็ไม่ได้  เราเป็นผู้หญิงจะเข้าไปอยู่ในหอพักชายได้ยังไง  มันอันตรายเกินไป"  บิลเอ่ยห้าม

                  "ใช่ครับ  บอสพูดถูกนะเจส  มันอันตรายเกินไป  เจสเป็นผู้หญิงนะ"  เรย์แลนด์ห้ามอีกแรง

                  "แต่เจสบอกแล้วไงคะว่าเจสจะปลอมตัว  ถ้าปลอมได้แนบเนียนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้  ยังไงฝีมือการปลอมตัวของฝ่ายปลอมแปลงที่บริษัทของอาก็ชั้นหนึ่งอยู่แล้ว"  เจสสิก้าให้เหตุผล

                  "ถึงอย่างนั้นก็เถอะมันก็เสี่ยงอยู่ดี  ใช่ว่าหน้าตาเราจะธรรมดาซะเมื่อไหร่  ใครจะไปเชื่อว่าเป็นผู้ชาย  ฮึ"  บิลยังคงไม่เห็นด้วย

                  "สมัยนี้ผู้ชายรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้หญิงก็มีถมเถไปค่ะอา  อีกอย่างเจสก็ไม่ได้ตัวเล็กซักหน่อย  ความสูงของเจสมากกว่าผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันบางคนด้วยซ้ำไป  แล้วเจสก็ไม่ได้บอบบางอ่อนแอ  เจสมีความสามารถในการป้องกันตัวเองดี  อีกทั้งความสามารถในการเป็นนักสืบอาก็สอนเจสมาตั้งแต่เด็กๆ  ไหนๆเจสก็จะต้องเข้าเรียนที่นั่นอยู่แล้ว  ในเมื่ออากลุ้มใจและมีปัญหาเรื่องงานเจสก็อยากจะช่วย  เจสอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระให้อาเท่าที่เจสพอทำให้  เจสไม่สบายใจถ้าอาต้องมานั่งกลุ้มใจโดยที่เจสไม่ได้ช่วยอะไรเลย  ให้เจสได้ช่วยอาเถอะนะคะ  เจสอยากช่วยอาจริงๆ" 

                 เจสสิก้าอธิบายและอ้อนวอนอาของเธอ  เธอหมายความตามที่พูด  เธออยากช่วยบิลไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตามเธอก็ยินดีทำเพื่อเขา  เธอจะทำทุกเรื่องในสิ่งที่เธอคิดว่าพอทำได้  และคิดว่าเรื่องแค่นี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเธอไปหรอก

                  "เจส....."  บิลรับฟังหลานสาวอย่างลำบากใจ  "แต่อา....."

                  "หรือว่าอาไม่มั่นใจในฝีมือเจสคะ  หรือว่าอาคิดว่าเจสคงไม่มีความสามารถจะช่วยอาได้"  เจสสิก้าตัดพ้อ  ทำหน้าเศร้า

                  บิลโอบหลานสาวเข้ามากอด  "ไม่ใช่ว่าอาไม่เชื่อในฝีมือเจสนะ  หลานสาวของอาเก่งอยู่แล้วอารู้  แต่อาเป็นห่วงเจส  ทั้งชีวิตนี้อามีเจสเพียงคนเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับอา  แล้วอาจะปล่อยให้หลานสาวที่อารักที่สุดไปเสี่ยงอันตรายได้ยังไง"

                  เจสสิก้ากอดตอบอาแน่น  "เจสเข้าใจค่ะ  อาก็เป็นคนสำคัญและคนที่เจสรักมากที่สุด  เจสถึงได้อยากช่วยอาไงคะ  เพื่ออาแล้วเจสทำได้ทุกอย่าง  ตลอดสิบหกปีที่ผ่านมาอาเลี้ยงดูเจสและห่วงใยเจสมาตลอด  แม้บางครั้งเจสจะทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายไปบ้างแต่เจสก็ไม่เคยทำให้อาผิดหวังไม่ใช่เหรอคะ"

                  "ใช่เจส  เจสไม่เคยทำให้อาผิดหวังเลยซักครั้ง  เจสของอาดูแลตัวเองได้ดีมาตลอด  ไม่ว่าจะเจอเรื่องอันตรายร้ายแรงมากแค่ไหนเจสก็ผ่านมาได้  อายอมรับว่าบางครั้งอาก็ห่วงเจสมากเกินไป  บางครั้งอาก็ห่วงอะไรไม่เข้าท่า  แต่แม้อาจะเชื่อมั่นในตัวเจสแค่ไหนอาก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี  อารักเราเหมือนลูก  หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่อรู้ว่าลูกเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยก็อดที่จะเป็นห่วงและกังวลไม่ได้  แล้วยิ่งที่ที่เจสจะไปอยู่เป็นที่ที่ฆาตกรแฝงตัวอยู่อาก็ยิ่งทำใจไม่ได้"  บิลพูดเสียงสั่น

                  เจสน้ำตาซึม  พยามยามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น  "เจสเข้าใจค่ะ  ว่าสิ่งที่เจสตัดสินใจลงไปมันเป็นเรื่องอันตรายแค่ไหน  แต่ได้โปรดเถอะค่ะอา  ให้เจสได้ช่วยอา  เจสสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด  ไม่ให้ใครมาทำอันตรายเจสที่รักของอาได้  เจสจะไม่ทำให้อาต้องเสียใจและผิดหวัง  เจสรับประกันด้วยตัวและหัวใจของเจสเลย"

                  บิลนิ่งเงียบรับฟังหลานสาว  ใจนึงเขาก็อยากจะปฏิเสธเพราะความเป็นห่วง  แต่อีกใจนึงเขาก็อยากให้เจสสิก้าทำในสิ่งที่เธอตัดสินใจ  แต่ถ้าเขาปฏิเสธความหวังดีของเธอ  นอกจากเขาจะทำให้เธอเสียใจแล้วเขายังเสียใจที่ต้องทำร้ายจิตใจเธออีกด้วย 

                  เหตุการณ์นี้ทำให้บิลนึกถึงพ่อของเขา  พ่อที่เป็นตำรวจ  พ่อที่เขาชื่นชมและเป็นแบบอย่างเป็นฮีโร่ของเขามาตลอด  ทั้งๆที่รู้ว่ามันเสี่ยงอันตรายแต่พ่อเขาก็ทำ  พ่อของเขาภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็น  พ่อของเขามั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองมาตลอดไม่ว่าผลที่ตามมาจะดีจะร้ายกับตัวเองแค่ไหน  ซึ่งข้อนี้ทำให้เขารู้สึกชื่นชมพ่อและอาชีพของพ่อมาก  จนกระทั่งพ่อของเขาต้องมาเสียชีวิตในหน้าที่  แม้เขาจะเสียใจแค่ไหนแต่เขาก็รู้ดีว่าพ่อของเขาจะไม่มีวันเสียใจ  เขาอยากเป็นให้ได้อย่างพ่อ  จนทุกวันนี้เขาก็สานอุดมการณ์ของพ่อได้จนสำเร็จ  เขาภูมิใจเมื่อได้มาถึงตรงนี้และคิดว่าพ่อคงภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน

                  'การเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ไม่ควรกลัวในสิ่งที่ต้องเผชิญ  ไม่ควรลังเลใจในการตัดสินใจ  ไม่ว่าผลที่ตามมาจะดีหรือเลวร้ายกับเราแค่ไหนก็จงเชื่อมั่น  และจงคิดว่าเราตัดสินใจได้ดีที่สุดแล้ว  เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติเราสละได้แม้แต่ชีวิต' 

                  ประโยคนี้ที่พ่อของเขาเคยพูดให้ฟัง  เขาจำได้ขึ้นใจและปฏิบัติตามเสมอมา  แล้วเขาก็เริ่มคิดว่าประโยคๆนั้นกำลังถ่ายทอดไปสู่หลานสาวที่รักของเขา  บิลแน่ใจแล้วว่าเจสสิก้าได้สายเลือดตำรวจมาจากใคร  ทั้งๆที่เชสเซอร์พ่อของเธอเป็นนักกีฬา  แต่เจสสิก้าก็ไม่ได้รับสายเลือดนักกีฬามาจากพ่อของเธออย่างเดียว  แต่เธอยังได้สายเลือดตำรวจมาจากทั้งเขาและพ่อของเขาอีกด้วย  และดูเหมือนว่าสายเลือดตำรวจในตัวเธอนั้นจะเข้มข้นยิ่งกว่า

                  พ่อครับ  ถ้าพ่อเป็นผมพ่อจะทำยังไงครับ..... 

                  บิลเอ่ยถามผู้เป็นพ่อในใจ  แล้วเขาก็มั่นใจว่าเขาได้คำตอบแล้ว...คำตอบที่คิดว่าดีที่สุด

                  "เจส...คิดดีแล้วเหรอที่จะทำงานนี้  ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ"  บิลเอ่ยถามเสียงเครียด

                  "ค่ะอา  เจสตัดสินใจแล้ว  และเจสก็ไม่มีวันเสียใจทีหลังด้วย"  เจสสิก้าตอบหนักแน่น  ดวงตาพราวระยับ  ดวงตาที่ทำให้บิลสะท้อนไปถึงพ่อของเขา

                  บิลถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีในการตัดสินใจของตัวเอง  "ตกลง  อาจะให้เจสทำงานนี้"

                  เจสสิก้าตาโตอย่างยินดี  ยิ้มกว้าง  สวมกอดอาแน่นขึ้นกว่าเดิม  "ขอบคุณมากค่ะอา!"

                  "บอส!"  เรย์แลนด์ที่นิ่งฟังอยู่นานตกใจกับการตัดสินใจของบิล

                  บิลหันมามองผู้ช่วยหนุ่มพลางยิ้มบางๆ  "ฉันตัดสินใจแล้วเรย์" 

                  "แต่ว่า....."

                  "ฉันคิดว่าฉันตัดสินใจถูกแล้วที่ยอมให้เจสทำงานนี้ทั้งๆที่มันอันตราย  ไม่ใช่ว่าฉันไม่เป็นห่วงเจส  ฉันรู้ว่านายก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน  แต่ฉันเชื่อมั่นในตัวเจส  เจสจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง  แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้าพ่อของฉันเป็นฉันเขาก็ต้องตัดสินใจแบบนี้"

                  เรย์แลนด์นั่งหน้าเครียดก่อนจะทำใจยอมรับในที่สุด  "ตกลงครับ  ในเมื่อบอสและเจสตัดสินใจแล้วผมก็ไม่ขัดข้อง"

                  "ขอบคุณมากค่ะเรย์ที่เข้าใจ"  เจสสิก้าบอก

                  ".....แต่ผมจะเข้าไปทำงานนี้ด้วย"  เรย์แลนด์พูดต่อ

                  "หา!?"  อากับหลานอุทานขึ้นพร้อมกัน

                  "เรื่องที่จะส่งคนของบริษัทปลอมไปเป็นอาจารย์จะยังไม่ยกเลิก  แล้วผมก็จะขอทำหน้าที่นี้เอง  ผมจะได้ช่วยเจสสืบอีกแรงและคอยดูแลเจสไปด้วย"  เรย์แลนด์บอก

                  "เรย์น่ะเหรอ  ไม่ได้นะคะ"  เจสสิก้าพูดขึ้นทันที

                  "ทำไมล่ะครับ"  เรย์แลนด์ถาม

                  "อย่าลืมสิคะว่าตัวเรย์เองนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้จักเลยซะเมื่อไหร่กัน  มีหลายๆคนที่รู้จักเรย์ในฐานะคู่หูและผู้ช่วยของนักสืบชื่อดัง บิล คอนเนลลี่  ถ้าเรย์ไปเป็นอาจารย์ก็ต้องมีคนจำได้แน่  ยิ่งคนที่จำได้เป็นตัวฆาตกรล่ะก็เขาก็จะรู้ตัวและระวังตัวทำให้เราทำงานลำบากขึ้นไปอีก"  เจสสิก้าให้เหตุผล

                  "ฉันก็คิดเหมือนเจสนะ  แต่ฉันเห็นด้วยเรื่องที่จะส่งคนไปคอยช่วยและดูแลเจสอีกที  ฉันจะส่งคนที่ฝีมือดีไป  ฉันยอมรับว่านายฝีมือดีและสามารถดูแลเจสได้  แต่ถ้าไม่ติดว่าคนจะจำนายได้ล่ะก็นะ....."

                  "เรื่องนั้นไม่เห็นเป็นปัญหาเลยครับ"  เรย์แลนด์บอกพลางยิ้ม  "ผมปลอมตัวเข้าไปก็สิ้นเรื่อง  ลืมแล้วเหรอครับว่าสำนักงานนักสืบคอนเนลลี่มีฝ่ายปลอมแปลงฝีมือเยี่ยมแค่ไหน

                  "อ้อ  จริงด้วยสินะ  ฉันก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป"  บิลยิ้ม  พยักหน้าหงึกๆ  เพิ่งนึกขึ้นได้  "ตกลง  หน้าที่นี้ฉันจะยกให้นายทำก็แล้วกัน  แล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ  ไม่สิ  นายก็ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยซักครั้งนี่นะ  เอาเป็นว่าฉันฝากเรื่องนี้แล้วก็ยัยเจสด้วยก็แล้วกัน" 

                  "ขอบคุณครับบอส  ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดทั้งเรื่องงานและเรื่องเจส  รับรองจะไม่ให้ขาดตกบกร่องเด็ดขาด"  เรย์แลนด์บอกหนักแน่น

                  เจสสิก้ายิ้มด้วยความปลื้มใจและตื้นตันใจ  เดินเข้าไปนั่งข้างเรย์แลนด์แล้วจุมพิตชายหนุ่มที่แก้มอย่างแผ่วเบา  ก่อนจะพูด  "ขอบคุณมากค่ะเรย์  งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจสขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"

                  เรย์แลนด์มัวแต่ตกตะลึงและหน้าแดงด้วยความเขินในการกระทำของเจสสิก้าจึงไม่ทันได้ฟังที่เธอพูด  หญิงสาวยิ้มหวานให้เขาแล้วหัวเราะขันในปฏิกิริยาของชายหนุ่ม  ส่วนบิลก็นั่งกลั้นหัวเราะอยู่ที่โซฟาอีกตัว  แต่ในที่สุดเขาก็กลั้นไม่ไหวแล้วปล่อยหัวเราะก๊ากออกมา  เรย์แลนด์รู้สึกตัวเพราะเสียงหัวเราะที่ดังแทรกเข้ามาอย่างไม่เกรงใจจึงหันไปทำตาขวางใส่เจ้าของเสียง  บิลหุบปากทันทีเมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่ถูกส่งมา  รู้สึกร้อนๆหนาวๆจนต้องลุกขึ้นกล่าวราตรีสวัสดิ์กับทั้งสองแล้วเดินออกไปจากห้อง  เหลือเพียงเรย์แลนด์กับเจสสิก้าตามลำพัง 

                  เมื่อเรย์แลนด์หันมาสบตากับหญิงสาวที่ยังยิ้มหวานก็ยิ่งทำให้เขาหน้าแดงขึ้นไปอีกจนเสียภาพพจน์ผู้ช่วยหนุ่มมาดขรึมไปเลย 

                  เจสสิก้าลุกขึ้นจากโซฟาในที่สุด  เห็นท่าทางขำๆของเรย์แลนด์แล้วนึกอยากแกล้ง  นานๆทีเธอจะได้เห็นอาการแบบนี้ของพี่ชายมาดขรึมซักครั้ง  โดยที่ก่อนออกไปไม่ลืมที่จะกล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วก้มลงจุมพิตที่แก้มเขาอีกครั้ง

                  ชายหนุ่มมองตามเจสสิก้าที่เดินออกไปด้วยหัวใจพองโต

                  วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด  ไหนจะได้ควงเจสสิก้าไปดินเนอร์  แล้วยังได้คิสจากเธอตั้งสองครั้ง  คืนนี้เขาต้องนอนหลับฝันดีแน่ๆเลยเชียว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×