คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : แรกพบ
"น้ำเน่าชะมัดเลย หนังอะไรก็ไม่รู้" เจสสิก้าบ่นกับเพื่อนชายที่ชื่อชาร์ลีขณะที่ทั่งคู่กำลังเดินออกมาจากโรงภาพยนต์แห่งหนึ่ง
"น้ำเน่า? ผมว่าซึ้งดีออก ไม่เห็นจะน้ำเน่าตรงไหนเลย" ชาร์ลีค้าน
"น้ำเน่าสิ มีอย่างที่ไหน พระเอกเป็นเจ้าชายแต่ปลอมตัวเป็นสามัญชนและมาพบรักกับนางเอก สุดท้ายนางเอกก็ดันเป็นเจ้าหญิงที่แอบหนีออกมาจากวังเพราะถูกบังคับแต่งงานกับเจ้าชายจากเมืองอื่นที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยเห็น แล้วไปๆมาๆพระเอกก็ดันเป็นคนๆเดียวกับคนที่นางเอกจะต้องแต่งงานด้วย สุดท้ายทั้งคู่ก็สมหวัง ได้แต่งงานกันในที่สุด แล้วอย่างนี้ยังไม่เรียกว่าน้ำเน่าอีกเหรอ"
โธ่...เจส เค๊าเรียกว่าบุพเพสันนิวาสต่างหากล่ะ ปกติพวกผู้หญิงก็ชอบหนังแนวนี้กันไม่ใช่เหรอ ผมอุตส่าห์พามาดูเพื่อเจสนะเนี่ย"
"แต่ฉันไม่ชอบนี่ น่าเบื่อจะตายไป"
"โอเค น้ำเน่าก็น้ำเน่า งั้นคราวหน้าผมจะไม่พามาดูหนังแนวนี้อีกแล้ว" ชาร์ลียอมรับผิด "แล้วเจสชอบดูหนังแนวไหนล่ะ ต่อไปผมจะได้เลือกถูก"
"ได้ทุกแนวแหล่ะ ยกเว้นแนวน้ำเน่าแบบนี้"
"อืม...แล้วผมจะจำไว้" ชาร์ลีตอบรับ "แล้วเจสหิวรึยังล่ะ ไปหาอะไรกินกันมั๊ย นี่ก็ 5 โมงแล้วด้วย"
"ก็ดีเหมือนกัน ฉันรู้สึกหิวขึ้นมาซะแล้วสิ งั้นไปกันเลยเถอะ" เจสสิก้าบอกพร้อมสาวเท้าเดินนำหน้า
"แล้วเจสอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวผมเลี้ยง" ชาร์ลีถามต่อหลังจากที่เดินขึ้นมาทันหญิงสาว
"แมคฯ" เจสสิก้าตอบ
"แมคฯ? ก็ได้ แมคก็แมค เฮ้อ...มาเดททั้งทีดันกินแมคฯ" ชาร์ลีตามใจ โดยประโยคหลังพูดกับตัวเองด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน
......................................................
"เจสจะเอาชุดไหน เดี๋ยวผมไปสั่งให้" ชาร์ลีถามหลังจากที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในร้านแมคโดนัลที่อยู่ไม่ไกลจากโรงภาพยนต์
"อืม...ชุดสามก็แล้วกัน" เธอตอบ
"โอเค ถ้างั้นเจสไปจองโต๊ะก่อนก็แล้วกันนะ ผมจะไปสั่งอาหารแล้วเดี๋ยวยกมาให้"
"ตกลง" เจสสิก้าตอบตกลง แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน
เจสสิก้าเดินเข้ามาในร้านแล้วมองหาโต๊ะว่าง ภายในร้านมีคนนั่งเต็มแทบทุกโต๊ะ เมื่อเธอเดินเข้าไปลึกสุดก็เจอโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่งที่มีขนาดกลาง เธอจึงเดินตรงเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงอยู่ๆก็มีชายหนุ่มร่างสูงเดินไปนั่งตัดหน้าทั้งๆที่อีกแค่ไม่ถึงเมตรเธอก็จะถึงโต๊ะอยู่แล้ว เจสสิก้าไม่พอใจที่ถูกแย่งที่นั่งจึงตรงเข้าไปต่อว่าทันที
"นี่นาย! โต๊ะนี้ฉันจองแล้วนะ" เธอพูดกับชายหนุ่มตรงหน้าที่นั่งหันหลังให้เธอด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่พอใจอย่างชัดเจน
เมื่อชายหนุ่มคนดังกล่าวหันมาเจสสิก้าก็ได้เห็นหน้าชัดเจน เธอตะลึงเล็กน้อย เจ้าของร่างสูงมีใบหน้าที่หล่อเหลา คิ้วที่เข้มได้รูป จมูกโด่ง ผมทองยาวระคอ ผิวขาว จัดว่าเป็นหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่งเท่าที่เจสสิก้าเคยเห็นมา
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย แล้วพูด "ขอโทษนะครับ ผมไม่เห็นว่าจะมีป้ายติดไว้เลยว่าโต๊ะนี้คุณจองแล้ว แล้วคุณจะมาโมเมว่าคุณจองแล้วได้ไง"
เจสสิก้าได้ยินแล้วหงุดหงิดขึ้นมาทันที "แต่ฉันเห็นก่อน ฉันกำลังจะเดินมานั่งนายก็มาตัดหน้าฉันเฉยเลย"
ชายหนุ่มหัวเราะ "คุณอาจจะเห็นก่อนก็จริง แต่ไม่ว่าคุณหรือผมใครจะเห็นก่อนกันมันไม่สำคัญ มันสำคัญตรงที่ว่าตอนนี้ผมมานั่งก่อน ดังนั้นโต๊ะนี้ก็ต้องกลายเป็นสิทธิ์ของผม"
เจสสิก้าไม่ยอมแพ้ เธอเข้าไปนั่งเก้าอี้ด้านตรงข้ามกับชายหนุ่มแล้วยกมือขึ้นกอดอก "ไม่รู้ล่ะ ในเมื่อฉันเห็นก่อนฉันก็มีสิทธิ์ คุณต่างหากที่มาตัดหน้าคนอื่น ไม่มีมารยาท ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ถึงยังไงฉันก็จะนั่งโต๊ะนี้" เจสสิก้าบอกหนักแน่น พลางคิดในใจว่าเธอต้องเป็นฝ่ายชนะแน่ เพราะดูท่าแล้วผู้ชายคนนี้คงจะมาคนเดียว แต่เธอมีเพื่อนมาด้วย ถ้าชาร์ลีมาถึงก็กลายเป็นสองต่อหนึ่ง ทีนี้ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นฝ่ายลุกออกไปในที่สุด
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยความอึ้งปนขบขัน ใจหนึ่งก็นึกหมั่นไส้ในความหยิ่งและดื้อรั้นของสาวสวยคนนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสนุก เขายิ้มออกมาในที่สุด แต่เป็นรอยยิ้มที่เจสสิก้าเห็นแล้วรู้สึกน่าโมโหสิ้นดี
"ก็ได้ ถ้าคุณอยากจะนั่งโต๊ะนี้ก็เชิญ ผมยินดี แต่ถ้าคุณไม่รังเกียจเพื่อนผมอีกสามคนที่จะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยล่ะก็นะ" ชายหนุ่มพูดพลางชี้เลยไปทางด้านหลังของหญิงสาว เจสสิก้าหันไปมองตาม ชายหนุ่มสามคนกำลังเดินถือถาดอาหารตรงมาที่โต๊ะที่เธอกับเขานั่งอยู่
อะไรกัน นึกว่ามาคนเดียว ที่ไหนได้มีมาอีกสาม แล้วอย่างนี้เธอก็เสียเปรียบน่ะสิ เจสสิก้าหันขวับมาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากพูดอะไรก็มีเสียงแทรกเข้ามาซะก่อน
"เฮ้! ราล์ฟ สาวน้อยคนนี้ใครน่ะ" ชายหนุ่มหนึ่งในสามเอ่ยถามเมื่อพวกเขาเดินมาถึงโต๊ะ
"สวยซะด้วย แฟนนายงั้นเหรอ" ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยถาม
"ไม่ใช่!" เจสสิก้าปฏิเสธเสียงดังจนทำให้บรรดาชายหนุ่มสะดุ้ง ยกเว้นชายหนุ่มที่ชื่อราล์ฟที่นั่งอมยิ้มมองหน้าของสาวน้อยที่เริ่มขึ้นสีชมพูจางๆ
หน้าแดงเพราะโกรธจัดหรือเขินกันนะ ชายหนุ่มคิด ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน "ไม่ใช่หรอก ฉันเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน อยู่ๆก็เข้ามาว่าฉอดๆ สงสัยจะแกล้งทำฟอร์มเพื่อเข้ามาจีบฉันล่ะมั๊ง"
"นาย!" เจสสิก้าทั้งโกรธทั้งอายจนลืมตัว ลุกพรวดขึ้นยืนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างแค้นเคือง
"จริงเรอะ" เพื่อนของชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่เงียบกันไปซักพัก "อย่าไปจีบมันเล๊ย เจ้าราล์ฟน่ะ หมอนี่มันเกลียดผู้หญิงยังกะอะไรดี ปฏิเสธผู้หญิงจนต้องกลับไปน้ำตาเช็ดหัวเข่ามาหลายคนแล้ว สู้มาจีบผมดีกว่า แม้หล่อสู้มันไม่ได้แต่ก็รักเดียวใจเดียวนะน้องสาว"
สิ้นเสียงชายหนุ่มอีกคนก็ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจของบรรดาหนุ่มๆที่ยืนล้อมรอบเธออยู่ แต่ราล์ฟไม่ได้หัวเราะไปด้วย เขาเพียงแค่แค่นยิ้มที่มุมปาก ส่ายหัวระอากับความขี้หลีของเพื่อนตัวดี แถมยังเอาเขาไปโพทะนาซะเสีย
เจสสิก้าที่ยืนจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความโมโหเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นก็ยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการเยาะเย้ย ทำให้เธอยิ่งโมโหจนนึกอยากชกหน้าหล่อๆนั่นซะทีสองทีให้เสียโฉม แต่ในเมื่อเธอถือคติไม่ชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครจึงต้องพยายามข่มอารมณ์อย่างเต็มที่
ราล์ฟเมื่อรู้ว่าเธอจ้องเขาอยู่เขาก็จ้องตอบไม่วางตา
น่าแปลก เมื่อสบตากันนานเข้าเจสสิก้าก็รู้สึกแปลกๆ หัวใจเต้นเร็วเป็นกลองรัว จนคิดว่าขืนสบตากันนานกว่านี้เธอคงต้องออกอาการประหม่าให้ถูกหัวเราะเยาะยิ่งกว่าเดิมแน่ เธอจึงหลบตา สะบัดหน้าพรืดอย่างไว้เชิง ก่อนจะเดินฝ่าออกไปจากวงล้อมของชายหนุ่มอีกสามคนด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก โดยที่ยังมีเสียงหัวเราะกับเสียงผิวปากไล่หลังมา
เจสสิก้าโมโหจนลืมความหิว ไม่นึกอยากกินอะไรแล้ว จึงจะเดินออกจากร้านและสวนกับชาร์ลีที่ถือถาดอาหารมาพอดี ชายหนุ่มรีบคว้าแขนเธอไว้ด้วยมืออีกข้างที่ว่างอยู่
"อ้าวเจส จะไปไหนล่ะ ไม่กินแล้วหรอ"
"ไม่กินแล้ว ไม่มีอารมณ์"
"อ้าว นี่ผมอุตส่าห์ไปต่อคิวซื้อมาให้แล้วนะ อยู่ๆกลับเปลี่ยนใจไม่กินซะนี่"
"ขอโทษก็แล้วกัน นายกินไปคนเดียวเถอะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว" พูดจบเธอก็เดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ย! เดี๋ยวสิเจส รอด้วย! " ชาร์ลีตะโกนเรียกก่อนจะวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆแล้วรีบวิ่งตามเจสสิก้าออกไป
เจสสิก้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาที่ริมถนน ทำท่าจะโบกรถแท็กซี่ แต่ชาร์ลีตามมาทันแล้วจับมือเจสสิก้ากึ่งจูงกึ่งลากกลับเข้าไปที่ริมฟุตบาท
"เดี๋ยวสิเจส พูดกันให้รู้เรื่องก่อน เกิดอะไรขึ้น เธอเป็นอะไรไป ไม่พอใจอะไรผมรึเปล่า" ชาร์ลีถามรัวเร็วเป็นชุดด้วยความเป็นห่วง
เจสสิก้ายักไหล่ "เปล่า นายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันไม่พอใจหรอก ฉันแค่อารมณ์เสียนิดหน่อยน่ะ"
"อารมณ์เสียเรื่องอะไรล่ะ อยู่ๆถึงได้หุนหันออกมาจากร้านแบบเนี๊ยะ" ชาร์ลีถามต่อ
"ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เจอคนกวนประสาทในร้านเท่านั้นเอง ก็เลยทำให้ไม่อยากอยู่ในร้านนั้นแล้ว" เจสสิก้าตอบ
"ใคร ใครทำอะไรเจส เดี๋ยวผมจะไปจัดการเอง" ชาร์ลีพูดอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
"ไม่มีอะไรแล้วน่า เรื่องมันจบไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้ถูกทำอะไรซักหน่อย" เจสสิก้ารีบบอกแล้วยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม "ขอบใจนายมากนะที่เป็นห่วง แล้วยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนชั้นอีก"
ชาร์ลีใจเต้นกับรอยยิ้มนั่น ทำให้เขาสงบลง "ไม่เป็นไรหรอก แค่เจสไม่เป็นไรผมก็สบายใจแล้ว เพื่อเจสผมทำได้ทุกอย่างนะ"
เจสสิก้ายืนนิ่ง รู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั่น รู้จักกันมาตั้งหลายปีทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชาร์ลีคิดยังไงกับเธอ แต่เธอก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อยเพราะเธอคิดกับชาร์ลีแค่เพื่อน เธอเคยปฏิเสธและพูดเรื่องนี้กับเขาแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะขอคบกันโดยมีความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไป เธอก็เลยต้องปล่อยๆไปแล้วพยายามไม่ทำอะไรที่เหมือนให้ความหวังกับเขามากนัก แต่หลายต่อหลายครั้งที่เขามักชอบพูดอะไรที่เกินเลยกว่าคำพูดที่เพื่อนพูดกันอย่างครั้งนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและลำบากใจ
"ขอบใจมากนะ ชาร์ลี นายยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อฉันเสมอ" เจสสิก้าพูด คำว่าเพื่อนทำให้ชาร์ลีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย "แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียของและเสียเวลา อุตส่าห์ซื้อมาแล้วแต่ฉันกลับไม่กิน ฉันนี่แย่จัง นายคงคิดว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจแน่เลย"
"เรื่องแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกเจส" ชาร์ลีพูดพลางยกมือเธอขึ้นมากุม "แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่าเจสเอาแต่ใจเลยซักนิด ถ้าเจสไม่ผมก็ไม่ ผมเข้าใจว่าเจสคงอารมณ์ไม่ดีกับเรื่องคนพวกนั้น ถึงเจสจะเป็นคนเอาแต่ใจจริงๆผมก็ยอม ยังไงผมก็ตามใจเจสเสมอนะ "
"ขอบคุณมากนะ ชาร์ลี แต่อย่าตามใจฉันมากนักล่ะ เดี๋ยวฉันจะเหลิง" เจสสิก้ายิ้มให้ชาร์ลี ก่อนจะดึงมือออกช้าๆเพื่อไม่เป็นการทำลายน้ำใจอีกฝ่ายมากนัก "นี่ก็เย็นมากแล้ว ฉันว่าเรากลับกันเถอะ ตอนหัวค่ำฉันมีนัดกับอาด้วย"
"โอเค แต่ให้ผมไปส่งนะ" ชาร์ลีบอก
"ขอบใจจ้ะ" เจสสิก้าตอบรับ ก่อนจะเดินตามชาร์ลีไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถข้างๆโรงภาพยนต์
......................................................
"นั่งรอที่นี่ก่อนนะ ฉันขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" บิลบอกเรย์แลนด์เมื่อเขาสองคนเดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านคอนเนลลี่ เมื่อเลิกงานบิลก็ชวนเรย์แลนด์มาที่บ้านเพื่อจะได้ออกไปดินเนอร์ฉลองวันเกิดของเรย์แลนด์พร้อมกัน
"ครับ เอ่อ...แล้วเจสสิก้าล่ะครับ" เรย์แลนด์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบ้านเงียบ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเจสสิก้า เพราะทุกทีเมื่ออาของเธอกลับมาสาวน้อยก็จะรีบเข้ามาต้อนรับด้วยการกอดและประจบเอาใจจนบิลหายเหนื่อยจากงานเป็นปลิดทิ้ง
"สงสัยยังไม่กลับล่ะมั๊ง เห็นออกไปเดทกับเพื่อนชายตั้งแต่เช้า" บิลตอบพลางปลดปมเนคไทให้หลวมก่อนจะเดินขึ้นบันไดเแล้วเข้าไปในห้องนอน
"เดท....." เรย์แลนด์เปรยเสียงเบาแล้วนั่งเงียบ ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ ไม่รู้สึกตัวแม้กระทั่งคนรับใช้ที่เดินเข้ามาแล้วเอาเครื่องดื่มมาวางไว้ให้ที่โต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะเดินกลับออกไป
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถสปอร์ตคันหนึ่งแล่นเข้ามาภายในบ้านแล้วจอดที่หน้าตัวบ้านหลังใหญ่ เรย์แลนด์ได้ยินเสียงรถเลยเดินไปดูที่ริมหน้าต่าง ได้เห็นเจสสิก้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ
"ขอบใจมากนะที่มาส่ง" เจสสิก้าพูดเมื่อลงมาจากรถโดยที่ชาร์ลีเป็นคนเดินมาเปิดให้
"ไม่เป็นไร วันนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ แล้วเจสล่ะ" ชาร์ลีเอ่ยถาม
เจสสิก้าไม่ตอบ แต่ยิ้มบางๆให้ชาร์ลีแทน "ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน"
แล้วเจสสิก้าก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวแทบจะทันทีเมื่อชายหนุ่มก้มหน้าลงมาเหมือนจะจูบลา เมื่อชาร์ลีเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวก็ต้องชะงัก ต่อว่าตัวเองอยู่ในใจในความลืมตัว กลัวจะทำให้เจสสิก้าไม่ไว้ใจและเชื่อใจเขาอีกต่อไป แต่ก็อดที่จะน้อยใจหญิงสาวไม่ได้ เดทกันมาตั้งหลายครั้งไม่เคยได้มากกว่าการจับมือเลย ทั้งๆที่การจูบทักทายหรือจูบลาเป็นเรื่องธรรมดาของชาวตะวันตกอย่างพวกเขา
ชาร์ลีเปลี่ยนมาจับมือของหญิงสาวแล้วยกขึ้นมาจูบที่หลังมือแทน ซึ่งเจสสิก้าก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
"แล้วเจอกันครับ" เมื่อเอ่ยลาจบก็ปล่อยมือเธอลงอย่างเสียดาย แล้วเดินกลับไปที่ประตูฝั่งที่นั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปโดยที่เจสสิก้ายืนมองจนกระทั่งรถแล่นออกจากประตูรั้วแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน
"แฟนหรอ?"
เจสสิก้าหยุดชะงักเมื่อเดินผ่านห้องรับแขก ก่อนจะหันไปทางต้นเสียง "เรย์!" หญิงสาวเอ่ยเรียกพลางเดินยิ้มเข้าไปหาร่างสูง "มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"ซักพักแล้ว" เรย์แลนด์ตอบเสียงเรียบ "คนที่มาส่งน่ะ แฟนหรอ?"
"เอ๊ะ? อ๋อ...ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่เพื่อนที่เรียนจูเนียร์ไฮฯมาด้วยกันน่ะ" เจสสิก้าตอบ
เรย์แลนด์เก็บซ่อนความรู้สึกโล่งอกไว้ในใจ แล้วถามต่อ "แล้วไปเดทที่ไหนมาบ้างล่ะ สนุกไหม"
"ก็สนุกดีค่ะ ไปโยนโบว์ลิ่ง ดูหนัง แล้วก็....." เจสสิก้าหยุดพูดทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในร้านแมคโดนัล ทำให้เธอนึกถึงชายหนุ่มกวนประสาทซึ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก
"หือม์? แล้วอะไร?" เรย์แลนด์ถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวอยู่ๆก็หยุดพูดไปซะเฉยๆ
เจสสิก้าเรียกสติกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรย์แลนด์ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ดูหนังแล้วแวะทานมือเที่ยงน่ะ แล้วคุณอาล่ะคะ"
"ขึ้นไปแต่งตัวข้างบนน่ะ" เรย์แลนด์ตอบ ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อบิลก็เดินลงมาพอดี
"ไง หลานอา กลับมาแล้วเรอะ" บิลส่งเสียงทัก
"คุณอา" เจสสิก้าเข้าไปกอดผู้เป็นอาเป็นการทักทาย "วันนี้อาหล่อจังเลยค่ะ"
"หึหึ ไม่ต้องมายอเลย อาก็แต่งของอาตามปกติ คิดจะแกล้งยออาเพื่อจะได้ไม่ถูกอาเทศน์ใช่มั๊ยล่ะ" บิลบอกอย่างรู้ทันหลานสาว
"ว้า อาก็ รู้ทันอีกแล้ว" เจสสิก้ายิ้มแหย
"แล้วนี่ไปถึงไหนมาฮึ กลับมาซะป่านนี้ จะทุ่มแล้วนะ อย่าลืมสิว่าเราเป็นคนโทรไปนัดที่ร้านอาหารไว้สองทุ่มคืนนี้" บิลเอ่ยเตือนแกมต่อว่า
"งั้นเจสขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ รับรองไม่เกินครึ่งชั่วโมงแน่นอนค่ะ" เจสสิก้าเลี่ยงไม่ตอบก่อนจะเขย่งขึ้นหอมแก้มบิลแล้ววิ่งหนีขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวสิ แล้วกัน ยังไม่ตอบอาเลย" บิลบ่นพลางมองตามหลังหลานสาวตัวดี ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆแล้วหันมาทางเรย์แลนด์ "เป็นงี๊ทุกทีเลย ยัยเด็กคนนี้"
เรย์แลนด์หัวเราะเบาๆกับภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่เขานั่งมองอยู่
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเจสสิก้าก็ลงมาในชุดราตรีสายคล้องคอสีฟ้าอ่อนยาวแค่เข่า แต่งหน้าอ่อนๆ ผมเหยียดตรงสีน้ำตาลทองที่ยาวถึงกลางหลังถูกรวบแค่ครึ่งบนพร้อมติดกิ๊บสีเดียวกับชุด ผมที่เหลือปล่อยยาวสยาย เรย์แลนด์ที่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกถึงกับลุกขึ้นยืนตะลึงมองตาค้าง
บิลลุกขึ้นในเวลาไร่เรี่ยกันแล้วเดินเข้าไปหาหลานสาว ยื่นแขนให้คล้องเหมือนรู้หน้าที่ แต่เจสสิก้ากลับเลิกคิ้ว ส่งยิ้ม ก่อนจะเดินเลยผ่านเขาไปแล้วไปหยุดข้างๆเรย์แลนด์ เธอส่งยิ้มหวานให้เขาแล้วคล้องแขนของเธอกับแขนของชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาทางบิลที่ยืนเก้อ
"วันนี้เป็นวันเกิดของเรย์เค๊า ดั้งนั้นเรย์ต้องเป็นคนที่เจสจะต้องควงด้วย ส่วนอาคงต้องทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามชั่วคราวไปก่อนนะคะ" พูดจบเจสสิก้าก็หัวเราะคิก
เรย์แลนด์รู้สึกปลื้มใจ ส่วนบิลอึ้งกับคำพูดของหลานสาวไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันในความคิดของเธอ หลังจากนั้นเรย์แลนด์กับเจสสิก้าก็เดินควงกันออกไปจากห้องโดยที่บิลเดินตามหลังทั้งคู่ในฐานะผู้ติดตาม
เวลาเลยสองทุ่มไปเล็กน้อยทั้งสามก็มาถึงร้านอาหารอิตาเลี่ยน รถ BMW สีดำของบิลโดยเรย์แลนด์เป็นผู้ขับแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถสำหรับลูกค้า เรย์แลนด์กับบิลที่นั่งข้างคนขับลงมาจากรถพร้อมกัน ทั้งคู่เปิดประตูที่ด้านหลังรถกันคนละข้างซึ่งมีเจสสิก้านั่งอยู่โดยไม่ได้นัดหมาย
เจสสิก้านึกขำกับท่าทางของทั้งคู่ ก่อนจะหันไปยักไหล่ให้บิลแล้วก้าวลงจากรถทางฝั่งที่เรย์แลนด์เปิดให้ ทำให้บิลนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้เรย์แลนด์เป็นคนสำคัญของงานและเป็นคู่ควงของเจสสิก้า ส่วนเขาเป็นแค่ผู้ติดตาม บิลจึงปิดประตูรถแล้วหัวเราะในลำคอ เรย์แลนด์ที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษควงเจสสิก้าเข้าไปในร้านอาหารโดยมีบิลเดินตามเข้าไปติดๆ
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งนี้เป็นร้านสองชั้น แม้จะไม่กว้างขวางและใหญ่โตนักแต่ก็ดูหรูหรา ภายในถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์ พื้นไม้ปาร์เก้สีน้ำตาลเข้ากับวอลเปเปอร์สีพีชที่มีลายดอกกุหลาบเล็กๆสีเดียวกันนูนออกมาเล็กน้อยประปรายไปทั่ว ตามผนังแขวนภาพวาดของธรรมชาติและสถานที่ต่างๆที่สวยงาม เสียงตนตรีคลาสสิกเปิดคลอเบาๆท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก
"สวัสดีครับ จองไว้รึเปล่าครับ" พนักงานต้อนรับซึ่งยืนอยู่ข้างประตูโค้งให้แล้วเอ่ยถาม
"ค่ะ จองไว้ในชื่อเจสสิก้า คอนเนลลี่ค่ะ" เจสสิก้าบอก
"เชิญทางนี้ครับ" พนักงานต้อนรับโค้งให้อีกครั้งก่อนจะเดินนำขึ้นไปที่ชั้นสองของร้านแล้วไปหยุดที่โต๊ะตัวหนึ่งขนาดสี่ที่นั่งที่อยู่ริมริมกระจก มองเห็นทิวทัศน์ยามกลางคืนของกรุงนิวยอร์กได้ชัดเจน
เรย์แลนด์เลื่อนเก้าอี้ให้เจสสิก้านั่ง ก่อนจะลงนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง ส่วนบิลนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่
"เข้าใจเลือกที่นั่งนี่เรา" บิลเอ่ยกับหลานสาวเมื่อพนักงานต้อนรับเดินจากไป
"แน่นอนอยู่แล้วค่ะ เจสสิก้าซะอย่าง เซ้นส์ในเรื่องนี้ไม่มีพลาดอยู่แล้ว" เธอยืดอกอย่างภาคภูมิ
แล้วบทสนทนาก็หยุดแค่นั้นเมื่อบริกรเดินเข้ามา เขาโค้งให้แล้วยื่นเมนูให้ทั้งสามคน
"กรุณารอซักครู่นะครับ" บริกรพูดเมื่อทั้งสามคนสั่งอาหารกันครบแล้ว เขาโค้งอีกครั้งแล้วเดินจากไป
ความคิดเห็น