ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : สงครามและการเผชิญหน้า
              ท่ามกลางความอบอ้าวของยามเช้าตรู่  นายทหารหลายพันคนยืนเรียงแถวหน้ากำแพงเมืองพร้อมด้วยอาวุธครบมือ  ทัพหน้าเป็นพลเท้า  ทัพหลังเป็นพลม้า  และพลธนูยืนประจำการบนกำแพงเมือง  ร่างเพรียวสง่าบนหลังอาชาสีน้ำตาลที่กำลังควบออกมาจากประตูเมืองอยู่ในเครื่องแต่งกายของแม่ทัพหลวงพร้อมอาวุธดาบที่เหน็บเอว  ผมที่น้ำตาลที่ยาวสลวยของเจ้าตัวถูกรวบไว้ด้านหลัง  สิ่งที่เด่นสะดุดตาคือหน้ากากสีทองที่ปิดบังใบหน้าครึ่งบนตั้งแต่หน้าผากจรดปลายจมูก  เห็นเพียงดวงตาสีฟ้าคู่โตกับริมฝีปากบางสีกุหลาบ
              เมเดียสควบม้ามาอยู่ด้านหน้าสุดของแถว  รอคอยเวลาอย่างสงบนิ่งเหมือนพลทหารนายอื่นๆ  ครู่ต่อมาเสียงฝีเท้าก้องกังวาลก็ดังมาจากเนินด้านหน้า  เสียงที่แว่วมาจากที่ไกลเริ่มดังขึ้นจนกระทั่งเห็นแถวหน้าของทหารฝ่ายข้าศึก  และในที่สุดกองทหารทั้งสองฝ่ายก็มาเผชิญหน้าห่างกันเพียงไม่ถึง 200 เมตร  ร่างสูงน่าเกรงขามบนหลังอาชาใหญ่สีดำมันปลาบที่นำแถวมาแต่งกายด้วยชุดเกราะที่แตกต่างไปจากทหารคนอื่นๆ  ธงที่โบกสะบัดบนปลายหอกมีตราสัญลักษณ์ของกษัตริย์แห่งเดอเพนเทียส
              เวนเดอรัสยกมือเป็นสัญญานบอกให้ทั้งหมดหยุดเดิน  ทหารองครักษ์ทั้งสองที่ขนาบข้างควบม้าแยกออกไปตรวจแถวอย่างรู้หน้าที่  พระองค์มองไปยังกองทัพฝ่ายตรงข้าม  บุคคลที่ยืนเด่นเป็นสง่าเบื้องหน้าสุดในชุดศึกของแม่ทัพทำให้รู้สึกผิดหวัง  เพราะหวังว่าผู้ที่นำทัพของฝ่ายเดเมี่ยนน่าจะเป็นกษัตริย์มากกว่าแค่แม่ทัพหลวง  กวาดพระเนตรมองจนทั่วก็ไร้วี่แววบุคคลในชุดทรงกษัตริย์ดังเช่นเขา
              ผู้นำทัพของทั้งสองฝ่ายควบม้าออกมาข้างหน้า  มาหยุดเผชิญหน้ากันอยู่ตรงกลางสนามรบระหว่างทหารทั้งสองกองทัพ
              \"กษัตริย์ของเจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนใยจึงไม่ออกมาร่วมรบ  ข้าผิดหวังในตัวเขาจริงๆ\"  เวนเดอรัสเป็นฝ่ายตรัสขึ้นก่อน
              .\"ศึกครั้งนี้องค์เหนือหัวไม่จำเป็นต้องออกมารบด้วยตัวพระองค์เอง  แค่ข้าและเหล่าทหารผู้จงรักภักดีของพระองค์เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว\"  เมเดียสตรัสตอบ  ไม่เปิดเผยฐานะตัวตนที่แท้จริงให้อีกฝ่ายรู้  \"หรือว่าท่านเกรงกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับข้าแทนที่จะเป็นท่านเมเดียส\"
              \"กลัว?  ข้าน่ะเรอะกลัวเจ้า\"  เวนเดอรัสสรวลเสียงดังลั่น  แม้เสียงที่เล็กหวานของอีกฝ่ายจะทำให้คลางแคลงพระทัย  แต่คำพูดหยิ่งยะโสของคนตรงหน้ามันเบนความสนใจของพระองค์ได้มากกว่า  \"เจ้าทำปากดีได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหล่ะ  ข้าว่าเจ้าน่าจะเก็บปากไว้ภาวนาให้กองทัพฝ่ายเจ้าต้านข้าได้นานพอที่จะถ่วงเวลาให้เมเดียสมุดดินหนีก่อนจะถูกยึดเมืองจะดีกว่า\"
              เมเดียสกัดฟันกรอด  เม้มโอษฐ์ด้วยความเจ็บพระทัย  \"แล้วเจ้าจะต้องเสียใจที่ดูถูกข้าและท่านเมเดียส!\"
              เมเดียสชักม้ากลับมุ่งสู่กองทัพฝ่ายพระองค์โดยมีเวนเดอรัสทอดพระเนตรตามหลัง  ความสงสัยในตัวอีกฝ่ายเริ่มมีขึ้นตั้งแต่แรกเห็น  สงสัยว่าใยจึงต้องมีหน้ากากปิดบังใบหน้า  ใยเสียงถึงเล็กหวานเหมือนผู้หญิง  ทั้งยังรูปร่างบอบบางไม่สมกับตำแหน่งแม่ทัพ  และท่วงท่ากิริยาวาจาก็เหมือนจะเป็นพวกเชื้อพระวงศ์มากกว่า
              \"เมเดียสมีญาติพี่น้องรึเปล่า\"  เวนเดอรัสตรัสถามเคอร์เทียสเมื่อควบม้ากลับมาตำแหน่งประจำที่ของพระองค์ในกองทัพ 
              \"ไม่มีนี่พะย่ะค่ะ  เมเดียสเป็นพระโอรสองค์เดียวของราชาแอเรียสกับราชินีเมเดียล่าซึ่งก็สิ้นพระชนม์ไปแล้วทั้งคู่\"  เคอร์เทียสตอบ  \"ทำไมฝ่าบาทถึงถามเช่นนั้น\"
              \"ข้าสงสัยเจ้าแม่ทัพนั่น  ท่าทางมันเหมือนพวกเชื้อพระวงศ์มากกว่าทหารธรรมดาเสียอีก  แล้วยังหน้ากากนั่นอีก  มันจะปิดบังหน้าตาเพื่ออะไร\"
              \"แม่ทัพหลวง..  อาจจะเป็นพวกหนึ่งในเสนาบดีหรือไม่ก็ราชองครักษ์ในพระราชฐานชั้นในก็ได้  ฐานันดรของคนพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเชื้อพระวงศ์อยู่แล้ว  แล้วที่ใส่หน้ากากอาจจะเป็นเพราะมีตำหนิน่าเกลียดบนใบหน้าจึงต้องปกปิดเพราะความอับอายก็ได้  ฝ่าบาท\"
              \"มันก็มีส่วนนะ...\"  พระองค์มีท่าทีเห็นด้วย  ก่อนจะสังเกตเห็นคาลที่นิ่งเงียบผิดปกติ  แต่สายตามองไปทางชายป่าข้างทาง  \"คาล  นั่นเจ้ามองอะไรอยู่\"
              \"หม่อมฉันกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับภูมิประเทศบริเวณนี้พะย่ะค่ะ\"  คาลละสายตาจากเบื้องหน้าแล้วตอบ  \"พื้นที่หน้ากำแพงเมืองเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง  แต่สองข้างทางขนาบไปด้วยป่าทึบ  ถ้าพูดถึงทางทรัพยากรแล้วนับว่าอุดมสมบูรณ์มาก  ส่วนด้านยุทธศาสตร์การรบ  ถ้าอีกฝ่ายรู้จักใช้ป่าพวกนั้นให้เป็นประโยชน์จะได้เปรียบมาก\"
              \"ได้เปรียบยังไง\"
              \"ก็ฝ่าบาทลองคิดดูสิว่าบนสมรภูมิรบที่มีป่าขนาบข้างแบบนี้  ถ้ามีข้าศึกหลบซ่อนรอโจมตีเราทีเผลอจะเป็นยังไง  เท่ากับเราต้องตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูรอบด้านเลยนะฝ่าบาท\"
              เวนเดอรัสนิ่งฟัง  ย้อนถามด้วยความไม่แน่ใจ  \"เจ้าคิดมากไปรึเปล่า\"
              แม้จะตรัสออกไปเช่นนั้น  แต่ในใจของพระองค์ก็รู้สึกกังวลเช่นกัน  จึงเรียกทหารพลม้าออกมาสี่นาย
              \"เจ้าสองคนเข้าไปสำรวจในป่าด้านซ้าย  ที่เหลือไปด้านขวา  ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบมารายงานข้าทันที\"
              นายทหารทั้งสี่รับคำสั่งแล้วควบม้าบึ่งไปทางชายป่าทันที
              ทางฝั่งทัพของเดเมี่ยน  เมเดียสเห็นทหารของเดเเพนเทียสควบม้าไปทางชายป่าก็ร้อนรนเนื่องกลัวจะเสียแผนที่วางไว้  จึงหันไปส่งสัญญานให้พลธนูเตรียมพร้อม
              \"ทหารผู้จงรักภักดีของข้าจงฟัง\"  เมเดียสตะโกนก้อง  หันมาเผชิญหน้ากับทหารทุกคน  \"พวกเรามายืนอยู่ ณ ที่นี่  วันนี้  เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและบ้านเมืองอันเป็นที่รักจากข้าศึกที่มารุกรานหวังช่วงชิงอิสรภาพและความสงบสุข  เราจะสั่งสอนให้พวกมันได้สำนึกว่าชาวเดเมี่ยนไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีดูถูก  เราจะสู้  สู้เพื่ออิสรภาพ  สู้เพื่อศักดิ์ศรี  สู้เพื่อความสงบสุขของประเทศของเรา\"
              \"จงจำไว้ว่าข้าจะสู้เคียงข้างพวกท่าน  สู้จนตัวตาย  เราทุกคนจะยอมสละชีพเพื่อชาติ  ให้ชื่อเสียงและวีรกรรมของเราได้ถูกจารึกไว้ชั่วนิรันดร์\" 
              \"สิ่งที่รออยู่เบื้องหลังคือครอบครัวอันเป็นที่รักของพวกท่าน  พวกเขารอคอยการกลับบ้านของท่านพร้อมกับข่าวดีคือการที่เรามีชัยเหนือเดอเพนเทียส  เราจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นสมหวัง  หนทางที่รอเราอยู่ข้างหน้าคือชัยชนะ  เพียงแค่เราทะยานไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ  เด็ดเดี่ยว  และเชื่อมั่น  เราก็จะสามารถคว้ามันมาไว้ในกำมือ\"
              เมเดียสชูดาบขึ้นสุดปลายแขน  ทหารทุกคนทำตาม
              \"ขอชัยชนะจงอยู่กับเดเมี่ยน!\"
              \"ชัยชนะจงอยู่กับเดเมี่ยน!\"
              ทหารพูดตามอย่างพร้อมเพรียงทั้งกองทัพ  ตามด้วยเสียงเฮกู่ร้องอย่างฮึกเหิมที่ดังกึกก้องกังวาลไปทั้งสนามรบ  ธงตราราชวงศ์เดเมี่ยนโบกสะบัดอยู่บนป้อม  ภาพที่เรียกขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารผู้รักชาติ
              ทันทีที่ดาบในพระหัตถ์เมเดียสสะบัดลงชี้ไปข้างหน้า  เป็นสัญญานของการเปิดฉากรบ  พลม้าและพลเท้าต่างวิ่งกรูเข้าหาข้าศึกอย่างไม่กลัวตาย  เวนเดอรัสเห็นอีกฝ่ายเปิดฉากโดยไม่ทันตั้งตัวก็รีบสั่งการทหารให้เปิดฉากรบตอบโต้โดยไม่รอฟังคำรายงานจากทหารที่ส่งออกไปดูลาดเลาในป่า
              สงครามระหว่างเดเมี่ยนและเดอเพนเทียสจึงดำเนินขึ้น ณ วินาทีนั้น
              อีกฟากหนึ่งในป่าด้านซ้าย  พลทหารม้าสองนายได้ยินเสียงการสู้รบแต่ไม่สามารถออกไปร่วมได้เพราะต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย  แต่สำรวจมาได้ครู่ใหญ่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรจึงชักบังเหิยนกลับ  แล้วตอนนั้นเองที่เสียงย่ำใบไม้ดังขึ้นทางด้านหลัง  หนึ่งในสองหันหลังกลับไปดู  เมื่อเพ่งมองตามรอยแยกของหมู่ไม้ที่หนาทึบก็เห็นบางอย่างที่ทำให้นัยน์ตาเบิ่งกว้าง  รีบหันหลังไปตะโกนบอกอีกคนที่ล่วงหน้าออกไปก่อน
              \"เฮ้ย!  รีบไปทูลท่าน.............\"
              ไม่ทันจบประโยคเสียงก็ขาดหายไปเพราะลูกธนูที่พุ่งมาปักกลางหลัง  อีกคนที่เห็นเหตุการณ์รีบควบม้าเพื่อหนีให้พ้นภัย  แต่ไม่ทันที่กีบเท้าหน้าของม้าจะก้าวออกไปพ้นจากป่า  ร่างที่อยู่บนหลังม้าก็ร่วงตกสู่พื้นด้วยลูกธนูที่ปักทะลุคอ  ลูกธนูที่พุ่งมาจากทิศทางเดียวกันปักอยู่บนร่างของทหารที่นอนสิ้นลมอยู่บนพื้น  ภาพที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับในป่าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม  ทหารทั้งสี่ที่ถูกส่งมาจึงไม่มีใครรอดออกไปรายงานสิ่งที่เห็นแม้แต่คนเดียว
                                                                ...............................................................
              ดาบคมในมือฟาดฟันใส่ศัตรูอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  คนแล้วคนเล่าที่ต้องล้มตายในมือของพระองค์  ความเมตตาไม่อาจใช้ได้ในสนามรบ  ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า  เมตตาคือความอ่อนแอ  ยามใดที่ปล่อยให้ความอ่อนแอครอบงำร่างกายและจิตใจเราก็จะพ่ายแพ้  ทั้งหมดเป็นสัจธรรมในสงครามที่ใครๆต่างก็ตระหนักดี
              เมเดียสตั้งรับดาบของทหารข้าศึกอีกคนที่พุ่งมาปะทะ  น้ำหนักไม่แรงนักทำให้พระองค์ตวัดดาบออกไปได้ไม่ยาก  ก่อนจะตามด้วยแรงเหวี่ยงของน้ำหนักที่มากกว่าวาดสวนกลับไปยังกลางลำตัว  ทำให้ร่างข้าศึกล่วงลงจากหลังม้าในสภาพหมดลมหายใจ
              ระหว่างที่นั่งหอบอยู่บนหลังม้า  รัศมีของการเข่นฆ่ารุนแรงก็พวยพุ่งมาจากด้านหลัง  เมเดียสหันหลังกลับพร้อมกับตั้งรับดาบใหญ่ที่ฟาดลงมาได้ทันท่วงที  แต่ความรุนแรงและน้ำหนักการลงดาบทำให้ร่างเมเดียสสะเทือน  แต่ยังคงปักหลักตั้งมั่นอยู่บนหลังม้าไม่มีการก้าวถอย
              \"เก่งมากที่รับน้ำหนักดาบของข้าได้โดยไม่เสียการทรงตัว\"  เวนเดอรัสเอ่ยชม  \"ขอลองดูหน่อยซิว่าดาบต่อมาจะรับได้มั้ย\"
              พูดจบเวนเดอรัสก็สะบัดดาบขึ้นสูงวาดลงมายังศีรษะเป้าหมาย  เมเดียสยกดาบขึ้นกัน  แต่อีกฝ่ายก็ชักกลับแล้วสวนต่ออย่างรวดเร็ว  พระองค์เบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด  ตอบโต้กลับไปบ้างด้วยการพุ่งปลายแหลมของดาบไปยังกลางลำตัวของเวนเดอรัส  เวนเดอรัสใช้ดาบตนปัดออกก่อนจะหมุนทั้งตัวและม้าโจมตีทางด้านหลังเมเดียส  เมเดียสก้มตัวราบไปกับหลังม้าเพื่อหลบดาบที่เหวี่ยงมา  ก่อนจะลุกขึ้นฟาดดาบใส่อีกฝ่ายที่ยกดาบขึ้นตั้งรับได้  ดาบคมสองดาบปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว  ฝ่ายเวนเดอรัสกำดาบด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ  เยือกเย็น  แต่ฝ่ายที่สั่นน้อยๆเป็นเมเดียส  พระองค์กระชับดาบในมือให้แน่นเพื่อระงับอาการสั่นไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตได้  ต่างฝ่ายต่างดูท่าที  แล้วทั้งคู่ก็แยกออกจากกัน
              \"ทั้งๆที่ดูบอบบางแต่ฝีมือเกินตัว  นับว่าใช้ได้  แต่น่าเสียดายนะ  เจ้าคงมาได้แค่นี้แหล่ะ\"
              จบคำของเวนเดอรัสดาบใหญ่ในมือก็ฟาดลงมาอีกครั้ง  เมเดียสยกดาบขึ้นปะทะทันที  แต่น้ำหนักและความรุนแรงมหาศาลจนข้อมือเมเดียสแทบหัก  กว่าจะรู้ตัวว่าคงต้านได้อีกไม่นานดาบของเมเดียสก็ถูกอีกฝ่ายสะบัดออกจนกระเด็นตกลงไปบนพื้น  สายไปแล้วที่จะลงไปเก็บเมื่อเวนเดอรัสไม่เปิดโอกาสให้พระองค์ได้ทันขยับตัว  ดาบเล่มเดิมที่น้ำหนักรุนแรงเมื่อครู่ก็ตวัดกลับมาอีกครั้ง  เมเดียสไร้อาวุธตอบโต้และป้องกัน  ได้แต่ยกแขนขึ้นป้องศีรษะและหลับตายอมรับชะตากรรมที่อีกฝ่ายกำลังหยิบยื่นให้
              นี่หรือคือวาระสุดท้ายของเรา... 
              ต้องมาตายด้วยคมดาบของบุรุษผู้น่าชังชื่อเวนเดอรัส
              แต่ถ้าตายจริงก็ขอให้เราเป็นคนสุดท้ายที่ต้องสูญเสียเลือดและเนื้อหลั่งแผ่นดิน
              ขอให้ความตายของเราทำให้เดเมี่ยนได้รับชัยชนะ
              ถ้าทั้งหมดนั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตของเรา..  เราก็ยอม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น