ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอลวัน หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : คาสโนว่า

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 49



                  บิลและเรย์แลนด์มาถึงโรงพยาบาลแฮมมิ่งเซนส์ก็ตรงเข้าไปถามห้องของผู้ป่วยชื่อจอร์จ แม็กคลินกับนางพยาบาลที่หน้าเค๊าเตอร์  เมื่อได้คำตอบแล้วก็เดินเข้าลิฟท์ไปโดยมีสายตาของนางพยาบาลหน้าเค๊าเตอร์สามคนเหลียวมองตามด้วยความรู้สึกเดียวกัน

                  "เธอ  เธอว่าสองคนนั้นเป็นยังไง  หล่อเท่ห์ทั้งคู่เลยใช่มะ"  นางพยาบาลคนหนึ่งหันมาพูดกับเพื่อนพลางทำสายตาหยาดเยิ้ม

                  "ใช่ๆ  คนอะไรดูดีซะไม่มี  ทั้งหล่อ  สูง  เท่ห์  โอ๊ย  ท่าได้คนแบบนั้นเป็นแฟนนะฉันรักตายเลย"  นางพยาบาลอีกคนเห็นด้วยพลางทำสายตาแบบเดียวกัน

                  "แต่...ดูดีด้วยกันทั้งคู่แบบเนี๊ยะอันตรายนะยะ" 

                  "อันตรายยังไงยะ" 

                  "ก็สมัยนี้เกย์เยอะจะตายไป  ยั้วเยี้ยไปหมด  แล้วยังควงกันเปิดเผยเกลื่อนบ้านเกลื่นเมือง  โดยเฉพาะคนที่หน้าตาดีทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันน่ะ  น่าสงสัย"

                  "ต๊าย...จริงหรอ"  คู่สนทนาทำตาโต  อุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

                  "พอเลยๆพวกเธอ  ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูด  ทำให้คนอื่นเขาเสียหายหมด"  นางพยาบาลอีกคนที่อดทนฟังเพื่อนสาวทั้งสองนินทาชายหนุ่มอยู่นานขัดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้  "พวกเธอคงไม่รู้จักสองคนนั้น  นั่นน่ะนักสืบบิล คอนเนลลี่ชื่อดังกับผู้ช่วยนะยะ  เกย์บ้าเกย์บออะไรกัน"

                  "บิล คอนเนลลี่!"

                  "ใช่  บิล คอนเนลลี่  ชายหนุ่มที่สาวๆแทบทุกคนใฝ่ฝันคนนั้นแหล่ะ" 

                  "ต๊าย  โชคดีจริงๆ  ได้ยินชื่อเสียงมานานเพิ่งจะเคยพบเห็นตัวจริง  ดูดีกว่าที่เคยได้ยินอีกนะเนี่ย"

                  "แต่เห็นว่าตอนนี้ยังโสดสนิทอยู่นี่นา  อีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้ช่วย  หน้าตาดีพอๆกัน  อาจจะไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องกันก็ได้นา"

                  "คุณคอนเนลลี่ไม่มีทางเป็นเกย์หรอกย่ะ  ถึงตอนนี้เขายังโสดก็จริงแต่คบสาวมาแล้วนับไม่ถ้วน  นอนกับสาวมาก็เยอะ  ขึ้นชื่อว่าเป็นคาสโนว่าอันดับต้นๆเลยนะจะบอกให้  มีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่เสนอตัวประเคนให้ถึงที่จนแทบจะล้นคิว"

                  "ต๊าย  ขนาดนั้นเลยหรอ"  หนึ่งในนั้นอุทาน  "อืม...ก็น่าจะจริงอยู่หรอก  หล่อรวยขนาดนั้นแค่ได้เป็นคู่ควงแค่วันเดียวก็ยอม"

                  "ว่าแต่ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้ดีจังเลยล่ะยะ"  อีกคนถามอย่างสงสัย
              
                  "ก็...เอ่อ...ที่จริงชั้นก็เคยเป็นหนึ่งในผู้หญิงพวกนั้นน่ะสิ"

                  "อะไรนะ!"  สองคนตะโกนขึ้นพร้อมกันเสียงดัง

                  "ชู่ว... เบาๆหน่อยสิพวกเธอ  เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก  ที่นี่มันโรงพยาบาลนะยะ"  หล่อนกระซิบบอกอย่างอายๆ

                  "เออๆ  โทษที  ว่าแต่เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่  เธอไปควงกับคุณคอนเนลลี่ตั้งแต่เมื่อไหร่"

                  "ใช่  รีบๆเล่ามาเลยนะยะ"

                  "ก็ได้ๆ  เอ่อ...ก็แค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้นแหล่ะ"  พยาบาลสาวเล่าด้วยความจนใจ  "อย่างที่เธอรู้  แม่ฉันเป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารบริษัทส่งออกเสื้อผ้าแบรนเนมชื่อดัง  เป็นที่รู้จักในวงการไฮโซ  ฉันก็เลยมีโอกาสได้ไปงานของสังคมนั้นบ้างเป็นบางครั้ง  แล้วมีครั้งนึงเป็นงานแฟชั่นโชว์  ฉันได้มีโอกาสไปเดินแบบให้งานนั้นแล้วได้เจอกับคุณคอนเนลลี่โดยบังเอิญ  เราคุยกันถูกคอ  จากนั้นเขาก็ชวนฉันไปดริ๊งต่อกันสองต่อสองแล้วก็จบลงที่เตียง  แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปด้วยดี  ไม่มีข้อผูกมัดอะไรต่อกัน  หลังจากนั้นเราก็เจอกันในงานสังคมบ้างเป็นบางครั้ง  แต่ก็พูดคุยกันตามปกติตามประสาคนเคยรู้จักกัน  ไม่มีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นอีกเลย"

                  "ต๊าย  น่าเสียดายนะยะ  อย่างน้อยก็อุตส่าห์มีโอกาสแล้วทำไมไม่รีบคว้าซะเลยล่ะ  เอาเรื่องที่ได้เสียกันแล้วมาอ้างเป็นข้อผูกมัดก็ได้" 

                  "นั่นสิ  นอนด้วยกันแล้วแต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  อย่างนี้มันเข้าข่ายฟันแล้วทิ้งนะยะ" 

                  "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  มันเป็นกติกาที่รู้กันดีในหมู่ผู้หญิงของคุณคอนเนลลี่น่ะ  ว่าในเมื่อยอมเสนอตัวให้เขาเองด้วยความเต็มใจก็ไม่มีสิทธ์เรียกร้องข้อผูกมัดอะไรทั้งสิ้น  ส่วนมากผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นพวกที่รักสนุกหรือไม่ก็พวกฟรีเซ็กซ์"  หล่อนอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาเกือบจะเป็นกระซิบ

                  "เอ๋  อย่าบอกนะว่าเธอก็เป็นแบบนั้น" 

                  "เอ่อ...ก็...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  ก็แค่ความพอใจส่วนตัวน่ะ  ได้ควงกับเขาแค่วันเดียวฉันก็มีความสุขแล้ว"  หญิงสาวบอกพลางทำใบหน้าเคลิ้มฝันเมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขเพียงชั่วข้ามคืนที่เคยผ่านมา  ก่อนจะทำสีหน้าสลดลงเมื่อนึกขึ้นได้บางอย่าง  "แต่ดูท่าทางตอนที่เขาเข้ามาถามห้องผู้ป่วยเมื่อกี๊เขาคงจะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำไป"

                  "เอ่อ...นี่...แล้วเรื่อง...เรื่อง...เอ่อ....."

                  "เธอจะพูดอะไรก็พูดสิยะ  มัวอ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้"  หญิงสาวอีกคนขัดขึ้นเพราะหงุดหงิดรำคาญกับอาการอ้ำอึ้งของเพื่อน

                  หญิงสาวเอามือป้องปากแล้วโน้มตัวมาหาเพื่อนทั้งสอง  ก่อนเอ่ยเสียงกระซิบ  "เรื่อง...บนเตียงน่ะ  กับคุณคอนเนลลี่เป็นยังไงบ้าง  ดีมั๊ย"

                  นางพยาบาลอีกสองคนที่เหลือทำตาโตทันทีที่ได้ยิน  ผู้ถูกถามหน้าแดงแป๊ดเป็นลูกตำลึง  ส่วนอีกคนอ้าปากจะอุทานอะไรออกมาแต่ยังดีที่เพื่อนของเธอรีบปิดปากไว้ทันก่อนที่จะส่งเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามอง

                  "ว่าไงล่ะ"  หล่อนถามย้ำหลังจากเอามือที่ปิดปากเพื่อนออก

                  "อยากฟังจริงๆหรอ"  ถามอย่างเขินอาย

                  "ก็อยากน่ะสิ"  ผู้ถูกถามตอบกลับเสียงหนักแน่น  อีกคนพยักหน้าหงึกเป็นเชิงสนับสนุนคำพูดของอีกฝ่าย (กลัวจะโดนปิดปากอีกเลยเงียบไว้จะดีกว่า)

                  หญิงสาวหน้าแดงไปยิ้มไป  ก่อนจะเริ่มเล่าด้วยเสียงที่คิดว่าเบาที่สุด  "คือว่า...เมื่อคืนนั้น....."


    ......................................................


                  "คุณนายแม็กคลินไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะครับ  ผมจะออกให้เอง  เป็นสวัสดิการของทางบริษัทน่ะครับ"  บิลพูดกับผู้เป็นแม่ของนายจอร์จ แม็กคลินหลังจากที่ทั้งสามเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  โดยจอร์จยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง  ตามลำตัวและแขนขวาถูกเข้าเฝือก

                  "ขอบคุณมากนะคะ  คุณคอนเนลลี่"  นางแม็กคลินกล่าวขอบคุณอย่างใจจริง  ใบหน้านางดูอิดโรย  ซีดเซียว  ฉายแววกังวลและเป็นทุกข์เรื่องลูกคนเดียวของตน

                  "ตอนนี้อาการแม็กคลินก็พ้นขีดอันตรายแล้ว  ผมว่าคุณนายน่าจะกลับบ้านไปพักผ่อนซักหน่อยนะครับ  เกิดไม่สบายเป็นอะไรไปอีกคนจะแย่เปล่าๆ  ยังไงก็จ้างพยาบาลพิเศษให้มาดูแลอยู่แล้ว  ไม่น่าต้องเป็นห่วงทางนี้มากนัก"  บิลเตือนด้วยความเป็นห่วง

                  "ก็ดีเหมือนกันค่ะ  ดิฉันก็ว่าจะกลับไปพักผ่อนซักหน่อยแล้วเย็นๆค่อยมาใหม่  ว่าจะเอาเสื้อผ้ามาค้างที่นี่เลย  ยังไงดิฉันก็ขอบคุณคุณคอนเนลลี่กับคุณโกลเบิร์กมากนะคะที่อุตส่าห์มาเยี่ยม"  นางพูด

                  "ไม่เป็นไรครับ  คนกันเอง"  เรย์แลนด์พูดขึ้นบ้าง

                  "ใช่ครับ  ยังไงแม็กคลินก็เป็นลูกน้องผม  ถึงจะเป็นลูกจ้างผมก็ต้องให้ความสำคัญอยู่แล้วครับ"  บิลบอกพลางยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน

                  นางยิ้มตอบให้ทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ

                  "ถ้างั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ  พอดีมีงานต้องทำต่อที่บริษัท  แล้ววันหลังพวกเราจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ"  บิลพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว

                  "ค่ะ  ขอบคุณนะคะ"

                  "โชคดีนะครับ"

                  "แล้วเจอกันครับ"

                  หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกจากโรงพยาบาล  ขณะที่เดินผ่านหน้าเค๊าเตอร์ที่ผ่านมาในตอนแรกบิลก็สังเกตเห็นสายตาร้อนแรงสามคู่ที่กำลังจับจ้องเขาอยู่  บิลจึงจงใจที่จะหันไปยิ้มหว่านสเน่ห์  แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าคุ้นเคยของหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย  เขาแตะไหล่ผู้ช่วยหนุ่มเบาๆเป็นเชิงให้หยุดเดินก่อนจะตรงเข้าไปที่หน้าเค๊าเตอร์ทันทีโดยไม่ลืมที่จะส่งสายตาเจ้าชู้  โดยที่เรย์แลนด์มองตามอย่างพอจะเดาการกระทำของเจ้านายตนเองได้  จึงได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความระอาเพราะความเคยชิน

                  "คุณมาเรียใช่มั๊ยครับ"  บิลเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ  แต่เมื่อเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบรับเขาก็แน่ใจทันที  "ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่  ไม่เจอกันซะนานเลยนะครับ"

                  "เอ่อ...ใช่ค่ะ  คุณจำฉันได้ด้วยเหรอคะ"  เธอตะกุกตะกักถามอย่างเขินอาย

                  "แหม  จำได้สิครับ  ทำไมผมจะจำคนสวยอย่างคุณไม่ได้ล่ะ"  บิลพูดพลางทำตาหวานทำให้อีกฝ่ายยิ่งเขินเข้าไปใหญ่  "ไม่รู้มาก่อนเลยนะครับว่าคุณทำงานเป็นนางพยาบาล  ยิ่งคุณอยู่ในชุดขาวแบบนี้ยิ่งน่าหลงใหลเข้าไปใหญ่"

                  "ฮะแฮ่ม!"  เรย์แลนด์แกล้งกระแอมเป็นเชิงเตือนคนที่กำลังแสดงบทจีบสาวให้รู้ถึงเวลาและงานที่ต้องทำ

                  บิลหันไปตามเสียง  ไหวไหล่อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก  ก่อนจะหันกลับไปทางหญิงสาว  "น่าเสียดายจริงที่ผมต้องรีบไปเพราะมีธุระ  ผมคงต้องขอตัวก่อน  ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ"  เขาพูดจบก็ยื่นมือไปจับกับหญิงสาวเป็นการบอกลา

                  "เช่นกันค่ะ"

                  หลังจากที่หญิงสาวยื่นมือมาจับด้วยเธอจึงดึงมือออก  แต่ก็ถูกชายหนุ่มรั้งไว้ไม่ยอมปล่อยพร้อมทั้งเอ่ยถาม  "ปกติคุณเลิกงานกี่โมงครับ  มาเรีย"

                  "เอ่อ...ประมาณหกโมงเย็นค่ะ"  หญิงสาวตอบเสียงแหบพร่า  ก้อมหน้าหลบสายตาที่มองมาอย่างร้อนแรง

                  "ดีเลยครับ  ถ้าอย่างงั้นไว้วันไหนผมว่างจะมารับไปดินเนอร์นะครับ"  ไม่พูดเปล่า  ยกมือหญิงสาวที่ยังจับอยู่ขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบาที่หลังมือ  "แล้วพบกันครับ  มาเรีย"  จากนั้นจึงปล่อยมืออย่างเชื่องช้าแล้วหันไปยิ้มให้หญิงสาวอีกสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล  "ลาก่อนครับ"

                  บิลเดินออกมาจากหน้าเค๊าเตอร์แล้วเดินนำเรย์แลนด์ออกไปที่ประตูทางเข้า  เรย์แลนด์หันไปมองปฏิกิริยาของหญิงสาวทั้งสามที่บ่งบอกความรู้สึกตอนนั้นอย่างชัดเจนแล้วนึกขันในใจก่อนจะเดินตามผู้เป็นเจ้านายออกไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×