คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : ผู้บุกรุกยามวิกาล
ห่างออกไปทางชายแดนของเมืองเดเมี่ยน กระโจมนับพันหลังตั้งเรียงรายในค่ายพักแรกชั่วคราวของข้าศึก กองไฟที่จุดห่างเป็นหย่อมๆให้แสงสว่างเพียงสลัวในยามดึกสงัด ทหารส่วนหนึ่งที่ถูกจัดให้เป็นเวรยามกำลังเดินวนสำรวจความปลอดภัยบริเวณรอบค่าย ทหารส่วนมากที่เหลือนอนหลับพักผ่อนในกระโจมเล็กแต่ละหลัง ห่างออกไปทางชายป่ามีกระโจมที่หลังใหญ่ที่สุด ด้านในมีบุคคลสำคัญหลายคนที่ยังคงประชุมกันอย่างเคร่งเครียด
"หม่อมฉันให้คนไปสืบมาแล้ว คาดว่าฝ่ายเดเมี่ยนคงมีกำลังพลไม่ต่ำกว่า 5000 เช่นกันพะย่ะค่ะ"
"แล้วทางเจ้าล่ะ"
"หม่อมฉันส่งม้าเร็วไปเมื่อตอนเย็น ได้ข้อมูลมาว่าเดเมี่ยนจะปักหลักตั้งรับที่นอกกำแพงเมือง ทัพหน้าเป็นพลทหารเท้าที่บึกบึน แข็งแกร่ง ทัพหลังเป็นพลม้าที่ปราดเปรียว ว่องไว และพลธนูยืนประจำการบนป้อมและกำแพงเมือง ฝ่ายเราคงต้องยกพลไปประชิดที่หน้ากำแพงเพื่อเป็นฝ่ายรุกและให้เดเมี่ยนเป็นฝ่ายรับ เราถึงจะได้เปรียบ"
"ดี ในเมื่อต้องการจะยืนปักหลักให้เราไปเชือดถึงที่เราก็จะสนองให้\" เวนเดอรัสตรัส \"แม่ทัพวอเรียส พรุ่งนี้เช้าจงจัดทัพตามที่ข้าบอก ส่งพลม้าเป็นทัพหน้าให้ปะทะกับพลเท้าของข้าศึก อยู่บนหลังม้าย่อมได้เปรียบกว่าบนพื้นดิน และทัพหน้าจะเป็นเป้าให้พลธนูฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย ใช้ความว่องไวปราดเปรียวของพลม้าเพื่อหลบหลีกธนู"
"ทัพกลางเป็นพลเท้า แม้ต้องสู้กับพลม้าของข้าศึกแต่พลเท้าของเราร่างกายสูงใหญ่ ถูกฝึกมาอย่างดี ต่อให้เป็นม้าหรือช้างก็ล้มได้ไม่ยาก"
"ส่วนทัพหลังทั้งหมดให้เป็นพลธนู แบ่งเป็นสองกอง ระหว่างสู้รบ พลธนูกองหน้าต้องหาช่องโหว่ของข้าศึกเพื่อจู่โจม ไม่ว่าจะเป็นพลเท้าทัพหน้า พลม้าทัพหลัง ระหว่างตั้งรับศัตรูพวกมันคงไม่มีเวลามาหลบหลีกลูกธนูแน่ และหน้าที่ของพลธนูกองหลัง จู่โจมสวนพลธนูบนกำแพงของฝ่ายตรงข้าม กำจัดให้หมดราบคาบเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น และให้พลธนูทุกนายพกอาวุธราบ จะเป็นดาบ ขวาน หรือหอกก็ได้เพื่อพร้อมตั้งรับข้าศึกที่เข้าประชิดตัว ทั้งหมดนี่ท่านทำได้หรือไม่"
"กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาฝ่าบาท พรุ่งนี้หม่อมฉันจะเตรียมกองทัพให้พร้อมตามที่ฝ่าบาทรับสั่งไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม่แต่นิดเดียว"
"ดีมาก งั้นเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว จะได้พร้อมสำหรับงานใหญ่ในวันพรุ่งนี้"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันขอทูลลา"
แม่ทัพวอเรียสออกไปจากกระโจม ตอนนี้จึงเหลือเพียงเวนเดอรัสกับสององครักษ์คนสนิทที่ไม่ได้เป็นเพียงราชองค์รักษ์ประจำพระองค์ แต่เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันด้วย
"คืนนี้พวกเจ้าสองคนนอนกับข้าที่นี่แหล่ะ"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท" เคอร์เทียสและคาลตอบรับโดยพร้อมเพรียง
เมื่อแม่ทัพวอเรียสไม่อยู่แล้วพระองค์จึงวางตัวตามสบายมากขึ้นดั่งที่เคยทำเสมอเมื่ออยู่ตามลำพังกับสหายสนิททั้งสอง พระองค์นอนไขว่ห้างบนแท่นบรรทม ชันแขนข้างหนึ่งขึ้นหนุนศีรษะ
"พวกเจ้าว่าศึกนี้เมเดียสจะออกรบด้วยหรือไม่"
"กระหม่อมไม่ทราบ" คาลเงยหน้าจากแผนผังที่ใช้วางแผนการรบ แล้วตอบ
"แต่หม่อมฉันว่าไม่นะ ฝ่าบาท" เคอร์เทียสเสริม
"ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้นล่ะ"
"ฝ่าบาทเคยได้ยินเรื่องคำสาปกับกษัตริย์เมเดียสหรือไม่"
เวนเดอรัสลุกขึ้นนั่ง ตรัสถามด้วยความสนพระทัย "คำสาป?"
"หลายปีก่อนเคยมีคนลือกันว่ากษัตริย์เมเดียสแห่งเดเมี่ยนถูกพ่อมดราอูลสาป รายละเอียดนอกจากนั้นหม่อมฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าเพราะคำสาปนั่นทำให้เมเดียสไม่ออกมาเจอหน้าผู้คน เพราะเหตุนี้เลยไม่มีคนนอกรู้อะไรเกี่ยวกับตัวพระองค์เลย มีเพียงเสียงบอกเล่าจากปากราษฎรเดเมี่ยนว่าบ้างก็เป็นหนุ่มรูปงาม บ้างก็บอกว่าเป็นสาวงาม มีอย่างเดียวที่พูดตรงกันคือพระองค์มีพระชนม์มายุเพียงแค่ 18 ชรรษา" เคอร์เทียสผู้รอบรู้อธิบาย "แต่ข่าวลือก็คือข่าวลือ ขึ้นอยู่กับว่าคนฟังจะเลือกเชื่อเรื่องไหน"
"แค่ 18 เองรึ" เวอเดอรัสทวน "นี่แสดงว่าศัตรูของข้าเป็นแค่เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมงั้นหรือ"
"อย่าประมาทเชียวฝ่าบาท เมเดียสหาใช่อย่างที่ท่านพูดไม่ ตั้งแต่พระองค์ทรงขึ้นครองราชก็ไม่เคยเสียเมืองให้ใคร แม้แต่เมืองหลักๆอย่างไซเปีย, นอร์ทเทอเรียน หรือปุนดาเบส เดเมี่ยนก็เคยต้านมาแล้ว"
"แต่ข้าก็ยังรู้สึกเหมือนรังแกเด็กอยู่ดี" กษัตริย์หนุ่มตรัส "ว่าแต่พ่อมดราอูลนั่นเป็นใคร"
"ราอูลคือพ่อมดดำแห่งเดเมี่ยน มีอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์สูงจนใครๆก็เกรงขาม ต้นตระกูลเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครรู้ เขาปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกที่เมืองเดเมี่ยนเมื่อราวๆ 20 ปีก่อน บางคนก็ว่ากันว่าราอูลเป็นนักบุญ แต่บางคนก็ประณามเขาว่าปีศาจ เขาเลยถูกขนามนามจากประชาชนชาวเดเมี่ยนว่านักบุญปีศาจ"
"ตกลงเป็นนักบุญหรือปีศาจกันแน่" พระองค์เปรยถามแบบไม่หวังคำตอบ "หวังว่าพ่อมดนั่นคงไม่เข้ามาก้าวก่ายในศึกนี้หรอกนะ"
"ไม่หรอกฝ่าบาท พ่อมดราอูลไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม เขาอยู่อย่างสันโดษ ไม่ขึ้นกับฝ่ายไหน แม้จะยึดเดเมี่ยนเป็นแหล่งอาศัยก็ตาม"
"ขอให้มันจริงเถอะ ข้าไม่อยากให้พวกพ่อมดหมอผีมาทำให้สงครามครั้งนี้มันยุ่งยาก"
................................................................
ในห้องบรรทมของกษัตริย์แห่งเดเมี่ยน หลังจากที่ฉลองพระองค์ในชุดนอนเสร็จเมเดียสก็ดำเนินไปประทับที่ใกล้หน้าต่างพลางทอดพระเนตรออกไปเบื้องล่าง บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงัด ไร้เสียงสรรพสิ่งมีชีวิต มีเพียงแสงสลัวจากกองไฟบนกำแพงเมืองและทหารยามที่ยืนตามจุดต่างๆ แม้จะเป็นเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่ความหดหู่ในใจของพระองค์มีมากกว่าที่เคยเป็นเมื่อนึกถึงวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง
"กังวลหรือ.. ฝ่าบาท"
เมเดียสสะดุ้งกาย หลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลังที่ดังแทรกความเงียบ ชายร่างสูงโปร่งเจ้าของผมสีดำยาวสลวยก้าวออกมาจากมุมห้อง ร่างที่โปร่งแสงค่อยๆชัดขึ้นหลักจากที่ปรากฏกายด้วยอิทธิฤทธิ์ของเวทมนตร์
"เจ้า!" เมเดียสคำรามด้วยความโกรธ "ไร้มารยาท! ใครอนุญาติให้เจ้าเข้ามาในห้องข้าได้ตามใจชอบแบบนี้"
"ขอประทานอภัยฝ่าบาท กระหม่อมมิได้ตั้งใจล่วงเกิน เพียงแค่มีเรื่องอยากทูลถามให้แน่ใจเท่านั้น" ราอูลบอกอย่างนอบน้อม แต่น้ำเสียงยังแฝงไว้ด้วยความทีเล่นทีจริง
พระขนงของเมเดียสขมวดขึ้นด้วยความสงสัย "เจ้าจะถามอะไร"
"ฝ่าบาทแน่ใจแล้วหรือว่าจะออกรบในวันพรุ่งนี้"
"แล้วมันกงการอะไรของเจ้า"
"จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว" ราอูลตอบ "ฝ่าบาททรงลืมแล้วหรือว่าพระองค์ยังมีคำสาปติดตัวอยู่ การที่ฝ่าบาทออกไปรบต้องอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์มากมาย เกรงว่า..."
"ก็เพราะเจ้าไม่ใช่รึไงที่ทำให้ข้าต้องเดือดร้อนเพราะคำสาปบ้าๆนั้น" พระองค์สวนขึ้นทันควัน "ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอก ยังไงข้าก็มีวิธีของข้า"
"โธ่.. ฝ่าบาท อย่าเข้าใจเจตนารมณ์ของหม่อมฉันผิดสิ สิ่งที่หม่อมฉันทำก็เพื่อตัวของฝ่าบาทเอง คำสาปนั่นก็แค่บทเรียนเล็กๆน้อยๆ หม่อมฉันหวังดีต่อฝ่าบาทเสมอนะ" ราอูลบอกพลางก้าวเข้าไปยืนใกล้ร่างระหงส์ ก่อนจะจับพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นจุมพิตแผ่วเบา
เมเดียสยืนนิ่งเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดยามเมื่อสบสายตาลึกลับสีดำสนิท ความรู้สึกไหววูบถูกก่อตัวขึ้นก่อนจะหายไปเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก ฉุนจัดเมื่อรู้ตัวว่าถูกสะกด รีบสะบัดพระหัตถ์ที่ถูกกุมออก
"อย่ามาใช้เวทมนตร์ต่ำกับข้านะ" พระองค์ตวาด "เก็บความหวังดีของเจ้าไว้เถอะ ข้าไม่ต้องการ แล้วก็ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะเรียกทหาร"
"ไม่ต้องเรียกทหารหรอกฝ่าบาท หม่อมฉันกำลังจะไปอยู่แล้ว" พ่อมดหนุ่มบอกพลางก้าวถอยหลัง "ก่อนจะไป หม่อมฉันอยากจะขอร้องให้พระองค์รับปากหม่อมฉันเรื่องนึง"
เมเดียสสบตาอีกฝ่ายอย่างรอคอยประโยคต่อมา
"พรุ่งนี้ฝ่าบาทอย่าทรงออกไปรบได้ไหม"
"เราจะรบหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า"
"หม่อมฉันเป็นห่วงฝ่าบาท"
แววตาจริงจังของราอูลทำให้เมเดียสนิ่งอึ้ง สะบัดพระพักตร์หนี "ข้าทำตามที่เจ้าขอไม่ได้"
เมื่อได้ฟังคำตอบราอูลก็ถอนใจ "หม่อมฉันนึกแล้วว่าฝ่าบาทต้องตรัสแบบนี้ แต่เอาเถอะ ถ้าฝ่าบาทยืนยันว่าจะออกรบหม่อมฉันคงห้ามไม่ได้"
ชั่วแวบหนึ่งที่รอยจุมพิตเมื่อครู่บนหลังพระหัตถ์ของเมเดียสเปล่งแสงสีทองอ่อนๆออกมา สัญลักษณ์บางอย่างปรากฏขึ้นก่อนจะซึมหายไปอย่างรวดเร็วใต้ผิวหนังบอบบาง แม้แต่ตัวพระองค์เองก็ไม่ทันสังเกตถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวพระองค์แม้แต่น้อย
ราอูลยิ้มน้อยๆกับปรากฏการณ์นั้น ก่อนจะเอ่ยคำลา "หม่อมฉันไม่รบกวนฝ่าบาทแล้ว ขอทูลลา"
ร่างของพ่อมดค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงคำพูดประโยคเดียวที่ทิ้งไว้ให้กับร่างที่ยืนอยู่กลางห้อง
"ขอฝ่าบาทรักษาพระองค์ด้วย..."
ความคิดเห็น