คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : เจ้าหญิงผู้ต้องคำสาป
สามปีก่อน...
งานเฉลิมฉลองครบ 15 ชรรษาของเจ้าหญิงเมเดียสถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราใหญ่โตภายในท้องพระโรงของพระราชวัง มีแขกคนใหญ่คนโตมากมายถูกรับเชิญมาร่วมงาน มีทั้งเชื้อพระวงศ์ ขุนนางสูงศักดิ์ ตลอดจนถึงเศรษฐีที่คุ้นเคยกับคนในราชวงศ์ หนุ่มสาวหลายคู่พากันเต้นรำอย่างสนุกสนาน แม้แต่เมเดียสซึ่งเป็นตัวเอกของงานก็เพลินเพลินไปกับบรรยากาศที่ครึกครื้นรื่นเริง นอกกำแพงวังประชาชนก็ร่วมกันฉลองแสดงความยินดีกับเจ้าหญิง มีร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายขายสินค้าที่ระลึก มีซุ้มให้ราษฎรร่วมกันเขียนคำอวยพรที่จะถูกนำไปถวายให้กับเจ้าหญิงในวัง อาหารการกินมากมายที่พระราชานำมาเลี้ยงให้ประชาชนตั้งเรียงรายบนโต๊ะที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ที่ขาดไม่ได้คือสุราที่คู่กับการฉลองถูกนำมาตั้งซ้อนกันหลายถัง มากมายชนิดที่ว่าดื่มยันเช้าก็ยังไม่หมด
ขณะที่งานฉลองในท้องพระโรงกำลังดำเนินไปอย่างสนุกสนาน แขกคนหนึ่งที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้นกลางงาน สร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาแขกต่างๆ โดยเฉพาะพระราชากับพระราชินี
"พ่อมดราอูล!"
ชายร่างสูงในชุดคลุมมีฮู้ทสีดำก้มศีรษะคำนับ "ถวายพระพรฝ่าบาท กระหม่อมมาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าหญิงเมเดียส ขอให้เจ้าหญิงทรงพระเจริญ มีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน" พูดจบแก้วเหล้าทรงสูงก็ปรากฏขึ้นในมือของราอูล เขาชูแก้วขึ้นก่อนจะยกดื่มจนหมด
"ขอบใจเจ้ามากที่มาร่วมงาน แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ข้าไม่ทันได้เตรียมการต้อนรับเจ้าอย่างสมเกียร์ติ" พระราชาแอเรียสตรัสกับอีกฝ่าย
"ไม่เป็นไรหรอกฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าใจ รายชื่อแขกของท่านมีมากมายเสียจนจะลืมใครซักคนสองคนไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่าง การมาของหม่อมฉันออกจะกระทันหันไปซักหน่อย แต่ถึงยังไงหม่อมฉันก็มาแล้ว ขอเชิญฝ่าบาทและแขกผู้มีเกียร์ติทุกท่านดื่มกันต่อตามสบาย"
ความตึงเครียดในงานลดลงแล้ว การดื่มกินและเสียงพูดคุยจึงดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ราอูลนั่งอยู่ที่เก้าอี้บุกำมะหยี่อย่างดีห่างจากกลุ่มคน ณ มุมหนึ่งของห้อง มือยกแก้วสุราขึ้นดื่ม แต่สายตาจับจ้องไปที่เจ้าหญิงคนสำคัญอย่างไม่วางตา จนเจ้าตัวรู้สึกตัวและหันพระเนตรมาสบเขาจึงยิ้มให้แต่ได้รับการตอบรับเป็นความเฉยชา
"เสด็จพ่อ ลูกขอออกไปเต้นรำนะเพคะ" เมเดียสตรัสขอกับพระบิดา เพราะรู้สึดอึดอัดกับสายตาที่ราอูลส่งมา
"ก็เอาสิ" พระองค์ตอบแล้วหันไปเรียกองครักษ์ข้างกาย "เจ้าไปเต้นรำกับลูกข้าหน่อย
"พะยะค่ะ"
ระหว่างที่เมเดียสเต้นรำอยู่กลางเฟลอร์ สายตาของราอูลก็ยังคงจับจ้องอยู่ตลอด แต่ความเพลินเพลินก็พอจะทำให้ความอึดอัดของพระองค์ทุเลาลงไปบ้าง จนเวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่งราอูลก็เดินเข้ามาใกล้ ทำให้การเต้นรำของพระองค์หยุดลง
พ่อมดหนุ่มคำนับหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้าแล้วเอ่ยถ้อยคำอ่อนหวาน "ให้เกียร์ติหม่อมฉันได้เต้นรำกับพระองค์บ้างจะได้ไหม ฝ่าบาท"
เมเดียสชักสีหน้าไม่พอพระทัย "ข้าไม่เต้นแล้ว เบื่อ!"
เจ้าหญิงเดินหนีไปท่ามกลางความงุนงงขององครักษ์คู่เต้น ราอูลยิ้มอย่างไม่ถือสาก่อนจะเดินกลับที่นั่งของตน
"อ้าว ทำไมถึงรีบกลับมาล่ะลูก เต้นรำไม่สนุกแล้วหรือ" พระราชาตรัสถามเมื่อพระธิดากลับมาประทับข้างกาย
"เปล่าหรอกเพคะ หม่อมฉันแค่เมื่อย เลยอยากมานั่งพัก" เมเดียสตอบพระบิดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากอารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวเพราะไม่ชอบหน้าพ่อมดราอูลตั้งแต่แรกเห็น แล้วยิ่งเกลียดเมื่ออีกฝ่ายถือวิสาสะจ้องเธอโดยไม่มีมารยาท
งานเฉลิมฉลองดำเนินไปจวบจนกระทั่งสมควรแก่เวลา บรรดาแขกทยอยกลับไปจนหมด ในท้องพระโรงตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่สามคนพ่อลูกที่นั่งสนทนากัน
"โตเป็นสาวแล้วนะลูกแม่" พระราชินีพูดกับเมเดียสพลางลูบเกศาสีน้ำตาลที่ยาวสลวยจรดหลังของพระองค์ด้วยความรักใคร่
"พ่อว่าเราควรจะเริ่มเรียนวิชาการปกครองได้แล้วนะ อีกหน่อยจะได้มาช่วยพ่อบริหารบ้านเมืองไง"
"ไม่เอานะเสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่อยากเรียน"
"อ้าว ถ้าไม่เรียนแล้วอีกหน่อยจะมาปกครองประเทศแทนพ่อได้ยังไงล่ะ"
"เสด็จพ่อยังต้องอยู่อีกนานนี่ ไม่เห็นต้องพึ่งหม่อมฉันเลย อีกอย่าง เรื่องการปกครองเป็นเรื่องของผู้ชาย แต่หม่อมฉันเป็นผู้หญิง" เมเดียสอธิบาย "เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ยังไม่แก่ซักหน่อย ทำไมไม่มีโอรสเพิ่มอีกซักคนล่ะเพคะ จะได้โตทันใช้"
"เดี๋ยวเถอะ แก่แดดนักนะเรา" พระราชินีดุพระธิดาอย่างไม่จริงจังนัก ขณะที่เมเดียสสรวลเบาอย่างชอบใจ
"เจ้าหญิงดำรัสถูกต้องแล้ว การปกครองเป็นเรื่องของบุรุษเพศ มิใช่สตรีเพศ ยิ่งสตรีที่งดงามอย่างพระองค์ด้วยแล้วล่ะก็เหมาะจะเป็นชายาที่คอยปรนนิบัติสวามีน่าจะมีประโยชน์กว่า"
เสียงที่แทรกขึ้นทำลายบรรยากาศอบอุ่นเป็นของพ่อมดราอูลที่ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าที่ประทับของทั้งสามพระองค์
"นี่เจ้ายังอยู่อีกรึ" พระราชาตรัสถาม
"หม่อมฉันยังไม่ได้ทูลเรื่องสำคัญต่อฝ่าบาทเลยยังกลับไม่ได้ และนี่เป็นสาเหตุที่หม่อมฉันมางานในวันนี้"
"เจ้ามีเรื่องอะไรก็ว่ามา"
"ฝ่าบาททรงจำสัญญาที่ให้ต่อหม่อมฉันเมื่อ 15 ปีก่อนได้หรือไม่"
"สัญญา?" พระราชาตรัสทวน พยายามทบทวนความทรงจำก่อนจะนึกขึ้นได้ "อ้อ ข้าจำได้"
คำสัญญาเมื่อ 15 ปีก่อนเกิดขึ้นในวันที่พระราชินีทรงคลอดพระธิดา การคลอดเป็นไปอย่างยากลำบากจนสุดท้ายเจ้าหญิงเมเดียสวัยแบเบาะก็ได้ออกมาลืมตาดูโลก แต่เคราะห์ร้ายที่พระราชินีเสียเลือดมาก ซ้ำยังร่างกายอ่อนเพลียหนักอาจมีพระชนม์ชีพอยู่ไม่พ้นคืนนั้น แม้แต่แพทย์หลวงกี่คนต่อกี่คนก็ไม่อาจจะเยียวยาได้ ด้วยความไม่อยากสูญเสียมเหสีอันเป็นที่รักไป พระองค์จึงใช้ทางเลือกสุดท้ายคือขอให้พ่อมดราอูลช่วยเหลือ และในที่สุดพระราชินีก็ปลอดภัยด้วยอิทธิฤิทธิ์มนต์ดำ หลังจากนั้นราอูลทูลขอสิ่งแลกเปลี่ยนจากพระราชาและพระองค์ก็ตกลง แต่เขายังไม่ได้บอกว่าต้องการสิ่งใด บอกเพียงแต่ว่าอีก 15 ปีให้หลังจะมารับสิ่งที่เขาจะขอ
"หม่อมฉันขอทวงสัญญา"
"แล้วเจ้าปรารถนาสิ่งใด"
ราอูลเหลือบมองเจ้าหญิงเมเดียสองค์งามแล้วยิ้มให้ ก่อนตอบ "กระหม่อมปรารถนาพระธิดาของพระองค์"
"ว่าไงนะ!"
"ฝ่าบาททรงได้ยินถูกต้องแล้ว สิ่งที่หม่อมฉันปรารถนาและทูลขอต่อฝ่าบาทคือเจ้าหญิงเมเดียส"
"บังอาจ!" สุรเสียงคำรามลั่นอย่างโกรธจัด "เจ้ากล้าดียังไงมาขอลูกสาวของข้าไปเป็นชายาเจ้า ช่างไม่เจียมกะลาหัวซะเลยนะ"
"แต่ฝ่าบาทเคยทูลหม่อมฉันว่าจะให้สิ่งที่หม่อมฉันปรารถนา"
"ใช่ ข้าเคยพูด แต่สิ่งที่เจ้าขอข้าให้ไม่ได้"
"งั้นฝ่าบาทจะผิดคำสัญญา?" ราอูลถาม "กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำนะฝ่าบาท"
"ข้ารู้ และข้าไม่ได้คิดจะผิดสัญญาต่อเจ้า" พระองค์ตอบ "ทำไมเจ้าไม่ขออย่างอื่นล่ะ จะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง อำนาจลาภยศ หรือสาวงามซักกี่คนก็ได้ ข้าหามาให้เจ้าได้หมด"
พอราอูลได้ฟังก็หัวเราะเสียงดังลั่น "อะไรทำให้ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันจะขอสิ่งเหล่านั้นกับพระองค์ ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อมดผู้เก่งกาจอย่างหม่อมฉันก็สามารถหาของเหล่านั้นมาเองได้เพียงแค่ร่ายมนต์เพียงบทเดียว"
พระกรของพระราชากำแน่นด้วยความเจ็บพระทัยและเสียหน้า "งั้นเจ้าจะเอาอะไร!"
"หม่อมฉันทูลฝ่าบาทไปแล้ว และจะยืนยันคำเดิม คือเจ้าหญิงเมเดียสเท่านั้น"
"ไม่มีวัน!"
เสียงใสดังขึ้นแทน ก่อนที่พระราชาจะได้ตรัสอะไรออกไป เมเดียสเสด็จก้าวลงมาจากที่ประทับ ดำเนินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าชายผู้เป็นพ่อมด
"ไม่ว่าเสด็จพ่อจะรับปากเจ้าหรือไม่ข้าก็ไม่มีวันเป็นของเจ้า อย่าฝันไปหน่อยเลย"
"การที่ได้เห็นและอยู่ใกล้พระองค์เช่นนี้ก็เหมือนฝันอยู่แล้ว กระหม่อม" ราอูลยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
"หึ แต่ข้าคิดตรงข้ามกับเจ้า" พระองค์พูดพลางถอยออกมาอย่างรังเกียจ "ข้าไม่อยากอยู่ใกล้เจ้าแม้เพียงวินาทีเดียว แค่หน้าเจ้าข้าก็ขยะแขยงจนไม่อยากมอง เจ้ามันไม่เจียมตัวคิดบังอาจมาเสนอหน้าเทียบกับข้า อย่าฝันเลยว่าข้าจะยอมลดตัวไปเกลือกกลั้วกับพ่อมดโสโครกที่ดีแต่เล่นกลอย่างเจ้า!"
ราอูลฉุนกึกที่ได้ยินคำดูถูกของเมเดียส เขากัดฟันกรอด เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวาลจนกระจกรอบด้านสั่นไหวเพราะไอมนต์ของความโกรธที่แผ่ออกมาจากตัวของพ่อมดหนุ่ม "ถอนคำพูดของท่านเดี๋ยวนี้ เจ้าหญิง!"
นอกจากจะไม่เกรงกลัวแล้วพระองค์ยังหันมายิ้มเย้ยหยัน "ข้าไม่ถอนคำพูด เจ้าจะทำไม เจ้าพ่อมดโสโครก!"
"ดี! ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วจะมาหาว่าข้าโหดร้ายไม่ได้!"
ราอูลชูมือขึ้นเหนือศีรษะ ทันใดนั้นไม้เท้าด้ามยาวที่มีลูกแก้วสีดำประดับอยู่ที่ยอดก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาพึมพำร่ายคาถาบางอย่างขึ้นก่อนชี้หัวลูกแก้วไปทางเมเดียสที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่
"ไม่!!" พระราชาตะโกนห้าม
แต่สายไปเสียแล้ว แสงสีทองสว่างวาบพุ่งออกจากลูกแก้วตรงไปยังร่างของเมเดียส จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความสว่างไสวและถูกปกคลุมด้วยหมอกเทาที่หนาทึบจนไม่สามารถจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีก
ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่ไอหมอกจะจางหายไป ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือร่างของเจ้าหญิงเมเดียสที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้น พระพักตร์ซีดเผือกด้วยความกลัวและตกพระทัย
พระราชาและพระราชินีรีบเสด็จมาใกล้พระธิดาของพระองค์ เมเดียสก้มมองพระกรทั้งสองข้างของพระองค์เองก่อนลูบพระวรกายและพระพักตร์เพื่อสำรวจหาสิ่งผิดปกติ แต่ก็ไม่พบความเปลี่ยนแปลงอะไร
"เจ้าทำอะไรลูกข้า!" พระราชาตวาด
ราอูลเสกให้ไม้เท้าในมือหายไป ก่อนอธิบาย "นี่คือบทลงโทษของเจ้าหญิงที่ดูถูกหม่อมฉัน คำสาปที่จะติดตัวพระองค์ตลอดไป มันจะส่งผลให้ร่างกายเจ้าหญิงเปลี่ยนแปลงเมื่อมีชายใดได้เห็นใบหน้าที่งดงามของพระองค์ ผิวหนังพระองค์จะเหิ่ยวย่นเหมือนคนแก่ เส้นผมจะขาวโพลนไปทั้งหัว เล็บมือเล็บเท้าจะยื่นยาวเหมือนสัตว์ประหลาด พระองค์จะอัปลักษณ์เสียจนไม่เหลือเค้าโครงเจ้าหญิงแสนงามคนเก่า จนกว่าจะครบสามวันที่อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไป ตราบใดที่ยังไม่ถูกชายใดเห็นหน้าเข้าอีก"
"มันจะมากไปแล้วนะ ถอนคำสาปของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!"
"ในเมื่อก่อนหน้านี้เจ้าหญิงไม่ถอนคำพูดตามที่หม่อมฉันขอ หม่อมฉันก็จะไม่ถอนคำสาปตามที่ฝ่าบาทสั่งเช่นกัน"
"ลูกข้ายังเด็ก พูดอะไรออกไปอาจไม่ทันได้คิด ข้าขอโทษแทนลูกข้าด้วย อย่าให้นางต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เลย ถอนคำสาปเสียเถอะ ได้โปรด" ราชินีขอร้องทั้งน้ำตา
"หม่อมฉันเป็นคนพูดคำไหนคนนั้น ไม่สามารถทำตามที่พระนางขอได้ ทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย"
พระราชินีทรงกันแสงออกมาอย่างสุดกลั้น สวมกอดพระธิดาที่ตัวสั่นด้วยความกลัว ส่วนพระราชาได้แต่เสียพระทัยที่พระองค์ไม่สามารถช่วยอะไรพระธิดาได้เลย
ราอูลมองภาพนั้นด้วยจิตใจที่หวั่นไหว "นับว่าหม่อมฉันยังปราณีต่อเจ้าหญิงอยู่บ้าง การสำแดงฤทธิ์ของคำสาบจะละเว้นพระราชาไว้คน แน่นอน รวมถึงหม่อมฉันด้วย แต่กับชายอื่นคำสาบจะคงออกฤทธิ์เช่นเดิม และสุดท้าย ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่ถอนคำสาป แต่มันก็จะเสื่อมไปเองเมื่อถึงเวลา"
"เวลาอะไร" พระราชาตรัสถามอย่างมีความหวังขึ้นมาบ้าง
"เมื่อถึงเวลานั้นตัวเจ้าหญิงก็จะรู้เอง"
"ไม่จริง!" เมเดียสผุดลุกขึ้นหลังจากที่ตั้งสติได้ "เจ้าโกหก คำสาปอะไรข้าไม่เชื่อ มันไม่จริง!"
เมเดียสพรวดพราดออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูห้องท้องพระโรงเปิดออกพระองค์ก็ต้องเผชิญหน้ากับทหารยามที่ยืนเฝ้าหน้าประตู
เกิดความเงียบขึ้นอึดใจ ก่อนที่เรื่องไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น เสียงกรีดร้องของเมเดียสและเสียงอุทานด้วยความตกใจต่อภาพที่เห็นของเหล่าทหารเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าคำสาปนั้นคือเรื่องจริง และเป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงเมเดียสตระหนักได้ว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวก็สามารถจะนำฝันร้ายมาสู่ตัวได้
ความคิดเห็น