ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอลวัน หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 : รูมเมท

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 49



                  "อืม  406  406  อ๊ะ  เจอแล้ว!" 

                  เสียงเจสสิก้าดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเดินหาห้องพักเจอในที่สุด  ห้องของเธออยู่ชั้นสี่  ห้องที่หก  หมายเลขห้องคือ 406  หอพักชายแมนฮู้ดมีทั้งหมดเก้าชั้น  แต่ละชั้นมีห้องทั้งหมดยี่สอบห้อง  หมายเลขห้องตัวหน้าบ่งบอกถึงชั้น  ส่วนสองตัวหลังคือเลขห้อง  เมื่อเจสสิก้าบิดลูกบิดประตูปรากฏว่ามันล๊อค  เธอจึงล้วงหยิบกุญแจห้องขึ้นมาไขมาไข

                  นายราเฟนนั่นยังไม่เข้ามาอีกรึไงนะ... เธอคิด  ก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปในห้อง

                  ห้องพักขนาดค่อนข้างกว้างอยู่ได้สองถึงสามคนแล้วไม่อึดอัด  มีเตียงเดี่ยวสองเตียงถูกตั้งไว้คนละมุมห้อง  ตรงกลางริมผนังห้องด้านในสุดมีโต๊ะเขียนหนังสือสองตัวตั้งอยู่ห่างกันประมาณหนึ่งเมตร  ตู้เสื้อผ้าสองตู้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งอยู่ปลายเตียง  หน้าต่างหนึ่งบานตรงกลางเมื่อเปิดแล้วมีลมพัดผ่านทำให้ไม่อับ  แอร์หนึ่งตัว  โทรทัศน์หนึ่งเครื่อง  และสิ่งสำคัญที่ทำให้เจสสิก้าโล่งอกก็คือเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัว  ไม่อย่างนั้นถ้าจะต้องใช้ห้องอาบน้ำรวมก็จะยุ่งยากแล้วมีปัญหาตามมาแน่นอน

                  เจสสิก้าเดินสำรวจรอบๆห้อง  เธอเห็นว่าที่เตียงฝั่งขวามีทั้งเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทั้งหนังสือวางกองระเกะระกะ  จึงรู้ว่าเตียงนั้นเป็นเตียงของรูมเมทเธอ  ส่วนอีกเตียงที่เหลือมีกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอและกล่องใส่ของใช้ที่ส่งมาให้ทางโรงเรียนตั้งแต่เมื่อวานวางกองอยู่

                  เจสสิก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลงมือจัดของ  นำเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วไปแขวนในตู้เสื้อผ้า  ของใช้ในกล่องก็นำออกมาจัดวางอย่างเป็นระเบียบ  ระหว่างที่จัดอยู่นั้นก็ชำเลืองมองไปที่เตียงที่มีสภาพไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่เสมือนเจ้าของห้องเป็นคนไม่ดูแลเอาใจใส่และไม่มีระเบียบดั่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนดีเด่นเลยซักนิด

                  "เฮ้อ...รกชะมัด  สมกับเป็นผู้ชายจริงๆ"  เธอพึมพำพลางส่ายหัวอย่างระอา  นึกไปถึงห้องนอนของอาตัวเองที่สภาพไม่ต่างกันมากนัก  จากนั้นจึงลงมือจัดเสื้อผ้าต่อโดยไม่สนใจอะไรอีก

                  เวลาผ่านไปจนกระทั่งเย็นเธอก็จัดของเสร็จในที่สุด  เธอลุกขึ้นบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยล้าตามร่างกาย  ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงประตูเปิดและปิดจากทางด้านหลัง  เจสสิก้าหันไปมองผู้มาใหม่ซึ่งน่าจะเป็นรูมเมทของเธอ  แต่แล้วก็ต้องตาโตอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง

                  "นะ...นาย!"

                  "เธอ.....?"  แวบแรกชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่คิดว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้หญิง  แต่เมื่อสังเกตเห็นเครื่องแบบนักเรียนชายจึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกใหม่  "นายคงเป็นนักเรียนใหม่?"

                  เจสสิก้าไม่ตอบเนื่องด้วยเธอยังไม่หายตกใจ  เธอจำชายตรงหน้าได้  ชายร่างสูงโปร่ง  รูปร่างสมส่วน  ผมสีทองตัดสั้น  ตาสีเขียว  ผิวขาว  และใบหน้าที่หล่อเหลา  ชายกวนประสาทที่เธอพบในร้านแมคโดนัลเมื่อวันที่เธอไปเดทกับชาร์ลี  ช่างบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่มาอยู่โรงเรียนเดียวกัน  ชั้นปีเดียวกัน  แล้วยังได้มาเป็นรูมเมทกันอีก  เจสสิก้าใจสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ด้วยความหวาดระแวง  ในเมื่อเธอจำเขาได้แม่นยำ  แล้วเขาล่ะ...จะจำเธอได้ไหม?

                  "เฮ้!  นาย  เอาแต่เงียบอยู่ได้  ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ?"  ราล์ฟไม่พอใจที่คนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเขา  ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ  จึงเดินเข้ามาใกล้ในระยะประชิดแล้วตะโกน

                  "อ๊ะ!  หา?  นายว่าอะไรนะ"  เจสสิก้าสะดุ้ง  รู้สึกตัวในที่สุด  รีบถอยหลังออกมาแต่ยังคงมองหน้าชายหนุ่มด้วยความรู้สึกหลากหลาย

                  "ฉันถามว่านายชื่ออะไร  เป็นนักเรียนใหม่ใช่มั้ย"  ราล์ฟสังเกตถึงปฏิกิริยาแปลกๆของคนตรงหน้าตั้งแต่ที่เห็นหน้าเขา  ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ

                  "เอ่อ...ใช่  ฉันคริสโตเฟอร์  คอนเนลลี่"  เธอตอบพลางยื่นมือออกไปทักทาย  คิดอย่างโล่งอกอยู่ในใจ 

                  ค่อยยังชั่ว... จากท่าทางของชายหนุ่มแสดงว่าคงจำเธอไม่ได้

                  "ฉันราล์ฟ"  ชายหนุ่มพูดแต่ไม่ยื่นมืออกไปทักทายตอบ  กลับยืนนิ่งมองเธออย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินไปนั่งที่ปลายเตียงของตัวเอง

                  เจสสิก้าหดมือกลับ  รู้สึกเสียหน้าแกมฉุน  พยายามระงับอารมณ์ก่อนเอ่ยถาม  "แต่รูมเมทฉันชื่อราเฟน เอลลาโด้ไม่ใช่เหรอ  นายมาผิดห้องรึเปล่า"

                  ชายหนุ่มหยักยิ้มที่มุมปากเป็นเชิงเย้ยหยัน  "ก็ฉันนี่แหล่ะ  ราเฟน เอลลาโด้  ราเฟนคือชื่อเต็ม  ราล์ฟเป็นชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียก  แล้วฉันก็ไม่ชอบชื่อราเฟนซักเท่าไหร่  เลยชอบให้คนอื่นเรียกชื่อราล์ฟซะมากกว่า"

                  เจสสิก้ารู้สึกเสียหน้าในความไม่ทันคิดของตัวเอง  ทั้งประหม่าทั้งหงุดหงิดอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน  แล้วยิ่งเห็นสายตาของราล์ฟที่จ้องเธอด้วยสายตาค้นหาบางอย่างเหมือนจะมองทะลุผ่านเธอไปได้ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก 

                  อีกแล้ว  สายตาแบบนี้...เหมือนตอนที่เจอครั้งนั้นไม่มีผิด  ไม่ชอบและแฮะ  ให้ตายสิ! 

                  เธอบ่นอย่างหงุดหงิดอยู่ในใจ

                  "มีอะไร!?"  ในที่สุดเธอก็ทนความอึดอัดกับสายตาคู่นั้นไม่ไหวจึงถามออกไป

                  ".....เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า?"  ราล์ฟเอ่ยถามออกมาในที่สุด  เมื่อเจสสิก้าได้ยินหัวใจก็แทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม  "ฉันคุ้นหน้านายยังไงบอกไม่ถูก  เหมือนกับเคยเจอเมื่อไม่นานมานี่เอง"

                  "มะ...ไม่นี่!  ไม่เคย!"  เจสสิก้าบอกเสียงดังเกือบจะตะโกน  พยายามไม่ให้เสียงสั่น

                  "แน่ใจนะ?"  ราล์ฟเอ่ยถามเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยแน่ใจ  จ้องคู่สนทนาเหมือนพยายามจับผิด

                  "ฉันไม่เคยพบนายมาก่อนจริงๆ  นี่เป็นครั้งแรก"  เจสสิก้าตอบเสียงเครียด  พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้

                  ราล์ฟจ้องหน้าเธอนิ่งก่อนจะถอนสายตาไปมองรอบๆห้อง  "อาจจะจริง"

                  เจสสิก้าถอนหายใจอย่างโล่งอก  แล้วก็แทบสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้น  ราล์ฟมองปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมห้องด้วยความแปลกใจปนขบขัน  เดี๋ยวก็สะดุ้ง  เดี๋ยวก็ตกใจ  ดูลุกลี้ลุกลนยังไงบอกไม่ถูก  ทำอย่างกับมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่อย่างงั้นแหล่ะ  ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู

                  "แล้วนั่นนายจะไปไหน"  เจสสิก้าเอ่ยถาม  ที่จริงเธอก็ไม่อยากจะสนใจเขาเท่าไหร่  แต่ในเมื่อมาเป็นรูมเมทกันแล้ว  เป็นมิตรกันไว้จะดีกว่า

                  "ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน  ทำไมต้องรายงานให้นายทราบ"  ชายหนุ่มสวนกลับอย่างไม่ใส่ใจ

                  เจสสิก้าหน้าชา  รู้สึกโมโหกับการกระทำของชายหนุ่ม  อุตส่าห์พูดดีด้วยแล้วยังมาทำแบบนี้อีก  มันน่าอัดหน้าหล่อๆนั่นซักหมัดถ้าไม่ติดว่าต้องผูกมิตรในฐานะรูมเมทล่ะก็  เมื่อตอนเจอกันครั้งแรกก็ไม่ชอบหน้าแล้ว  มาเจอกันอีกยิ่งเกลียดขี้หน้าเข้าไปใหญ่

                  เมื่อราล์ฟเปิดประตูห้องแล้วหยุดชะงักเล็กน้อยเหมือนคิดอะไรได้  ก่อนหันมาถามเจสสิก้า  "ถามอะไรหน่อยสิ  นายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่น่ะ"

                  เจสสิก้าตกใจ  มีความกังวลทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด  "ก็ผู้ชายน่ะสิ!  ไม่เห็นรึไงเล่า!"  เธอรีบแก้ตัวพลางชี้ที่เครื่องแบบที่สวมใส่อยู่

                  "อ้อเหรอ"  ราล์ฟเลิกคิ้ว  ทำเสียงสูงเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อ  ก่อนปิดประตูแล้วเดินออกไปพร้อมเสียงพูดแผ่วเบาแต่พอที่เจสสิก้าจะได้ยิน  "นึกว่าทอมที่ชอบทำตัวเลียนแบบผู้ชายซะอีก"

                  "ไอ้บ้าเอ๊ย!"  เจสสิก้าโมโห  อุทานอย่างเหลืออด  หงุดหงิดอย่างที่สุด  ไม่เคยหงุดหงิดเท่านี้มาก่อน  เธอเป็นคนที่คุมอารมณ์ได้ดีเสมอมา  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านายราล์ฟนั่นเธอต้องเผลอแสดงอารมณ์ออกมาทุกครั้งไป 

                  เจสสิก้าเดินไปนั่งที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า  เธอไม่อยากจะยอมรับว่าผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอ  ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน  ทำให้เธอทั้งขายหน้าทั้งโมโห  แต่ดวงตาคู่นั้นทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแปลกๆ  สายตาที่มองเหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง  เมื่อกี๊ก็เหมือนกัน  ทั้งๆที่เธอพยายามควบคุมอารมณ์แล้วแต่ก็ต้องสั่นและประหม่าอย่างช่วยไม่ได้ 

                  ราล์ฟ...ชายหนุ่มคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกสับสนแบบนี้  หน้าตาก็ดีอยู่หรอก  แต่นิสัยคนละเรื่องกันเลย  เนี่ยนะนักเรียนดีเด่น  เฮ้อ  ต้องอยู่ห้องเดียวกับนายคนนี้แล้วความสัมพันธ์แบบนี้จะไปรอดหรือเนี่ย  ถึงจะไม่ชอบหน้ากันแต่ก็ต้องทนอยู่ด้วยกัน  ถ้าต้องต่างคนต่างอยู่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา  แต่เธอจะทนกับความกวนประสาทของนายนั่นได้รึเปล่านี่สิ  ท่าทางจะเป็นคนเย็นชาน่าดู  แต่...ดูๆแล้วมีเสน่ห์ยังไงไม่รู้แฮะ 

                  มีเสน่ห์เหรอ? 

                  ไม่จริง!  อย่างนายนั่นนี่นะมีเสน่ห์  น่าโมโหล่ะสิไม่ว่า  ฟุ้งซ่านแล้วเรา 

                  เจสสิก้าสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน


    ......................................................


                  ก๊อก  ก๊อก 

                  เสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง 405 ทำให้ผู้ที่อยู่ข้างในเดินมาเปิด  เมื่อเห็นผู้มาเยือนว่าเป็นใครก็ส่งเสียงทักทาย 

                  "ราล์ฟ...เข้ามาสิ"  เจ้าของห้องเชื้อเชิญ  "วันนี้นายหายหัวไปไหนมาวะ  ปฐมนิเทศน์กับโฮมรูมก็ไม่เข้า"

                  "ไปนอนที่ห้องพยาบาลมา"  ราล์ฟตอบก่อนจะนั่งลงที่พื้นห้อง

                  "ฮั่นแน่  คงไปออเซาะอาจารย์ห้องพยาบาลคนสวยล่ะสิ  นายนี่น้า...อย่างงี้ทุกที"  โจอี้  เจ้าของห้องอีกคนพูดขึ้น

                  "ไม่ใช่โว้ย  แค่ไปนอนเฉยๆ  ก็ที่หอตอนเช้ายังไม่อนุญาตให้เข้าฉันก็เลยต้องไปนอนที่ห้องพยาบาล  ก็แค่นั้น"

                  "เออนะ  งั้นก็แล้วไป  อย่าให้รู้นะโว้ยว่านายไปจีบอาจารย์สุดสวยที่ฉันเล็งอยู่  ไม่งั้นมีเรื่อง"  ริค  ชายที่เดินไปเปิดประตูพูดขึ้นมาบ้าง

                  "หึ  ฉันไม่สนหรอกน่า"  ราล์ฟเอ่ยพลางโอบไหล่เพื่อน  "แต่เสียใจด้วยว่ะเพื่อน  อาจารย์สุดสวยของนายถูกย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลแล้ว  แต่มีอาจารย์คนใหม่มาแทน"

                  "อะไรนะ  โธ่  ฉันอุตส่าห์เล็งไว้ยังไม่ทันได้แอ้มเลย"  ริคพูดอย่างเสียดาย 

                  "แล้วอาจารย์คนใหม่เป็นไงวะ"  โจอี้ถามอย่างอยากรู้

                  "ก็...หน้าตาดี  ดีมากเลยด้วย  ผมยาวสลวยสีดำ  หุ่นสูงเพรียว  ผิวขาวเนียน  ตาสีน้ำเงินหวานใส  อายุประมาณยี่สิบต้นๆ"  ราล์ฟแกล้งพูด

                  "จริงเหรอวะ!"  ริคเริ่มสนใจ

                  "จริง  แต่เป็นผู้ชายว่ะ"  ราล์ฟพูดจบก็หัวเราะร่วน  โจอี้ก็เช่นกัน  ส่วนริคหน้าบูดสนิท

                  "เออ  นายนะ  หลอกฉันนี่หว่า"  ริคพูดอย่างหมดอารมณ์

                  "ผมยาวสลวย  หุ่นสูงเพรียวอะไรของนายวะ  ฟังที่นายพูดฉันยังนึกเลยว่าเป็นผู้หญิง  กลับเป็นผู้ชายซะนี่"  โจอี้พูดกลั้วหัวเราะ

                  "ก็จริงนี่  เขาไว้ผมยาวนี่หว่า  แต่หน้าตาหล่อนะโว้ย  ท่าทางจะเนื้อหอมว่ะ"

                  "เฮ้ย!  อย่าบอกนะว่ามึง....."  โจอี้พูดก่อนถอยออกห่างจากเพื่อน

                  "ไอ้บ้า!  ไม่ใช่โว้ย  ฉันก็แค่บอกตามที่เห็น  ไอ้นี่หนิ  เดี๋ยวเหอะ"  ราล์ฟรีบบอกเสียงดัง  ตบหัวเพื่อนไปหนึ่งทีเพื่อสำเร็จโทษ

                  "เออ  ว่าแต่นายเจอนักเรียนใหม่รึยังวะ  รูมเมทนายน่ะ"  ริคเปลี่ยนเรื่อง

                  "เจอแล้วเมื่อกี๊ที่ห้อง  ทำไมหรอ" 

                  "นายว่าเป็นไงวะ  ฉันว่าสวยนะโว้ย  น่าเสียดายดันเป็นผู้ชายซะนี่"

                  "ก็...งั้นมั๊ง"  ราล์ฟตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก  "นายคิดอะไรอีกล่ะ  อย่าเชียวนะโว้ย  ไอ้วิปริต  ถึงจะหน้าสวยแค่ไหนก็เถอะ"

                  "นายน่ะสิวิปริต  ฉันไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย  ก็แค่เสียดายเท่านั้นล่ะวะ"

                  "ให้มันจริงเหอะ  ฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นโฮโมนะโว้ย"

                  "ว่าแต่ริคมัน  นายนั่นแหล่ะ  อยู่ห้องเดียวกับเจ้านั่น  ระวังเถอะ  วันใดวันหนึ่งเกิดอดใจไม่อยู่เผลอไปปล้ำเข้ายุ่งตายห่-"  โจอี้พูดแทรกขึ้นอย่างล้อเลียน

                  "เฮ้ย!  ไอ้บ้า  ไม่มีทางหรอกโว้ย!"  ราล์ฟฉุนกึก  ว่าพร้อมตรงเข้าไปบีบคอเพื่อนแล้วเขย่าอย่างหยอกเล่นไม่ได้ทำจริงจัง 

                  "โอ๊ยๆ  รู้แล้วๆ  ฉันแค่ล้อเล่นหรอกโว้ย"  ริครีบแก้ต่าง  จนราล์ฟยอมปล่อยมือในที่สุด

                  "แต่แปลก  โรงเรียนเรารับนักเรียนไฮสคูลเข้ายากจะตาย  แต่หมอนั่นกลับได้เข้า  แล้วมีเข้ามาใหม่คนเดียวในรอบสองปีซะด้วย  เป็นใครมาจากไหนกันวะ"  ราล์ฟสงสัย

                  "ก็เมื่อตอนชั่วโมงโฮมรูมนายไม่ได้เข้าก็เลยไม่รู้น่ะสิ  อาจารย์ลูซี่เค๊าบอกว่าหมอนั่นเป็นหลานบุญธรรมของท่านผอ.ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ  พอจบจูเนียร์ฯกลับมาก็เลยให้มาต่อที่นี่"  โจอี้อธิบาย

                  "หลานบุญธรรม  มิน่าล่ะถึงมีอภิสิทธิ์ขนาดนั้น  ท่าทางเส้นใหญ่ไม่ใช่เล่น"

                  "ว่าแต่เย็นแล้วนะโว้ย  ไปหาอะไรกินเหอะ  ฉันหิวแล้ว"  ริคเสนอ

                  "ก็ดีเหมือนกัน  ฉันก็หิว"  ราล์ฟบอกพลางลุกขึ้น  อีกสองคนที่เหลือลุกตาม

                  "แล้วหมอนั่นล่ะ  นักเรียนใหม่น่ะ  จะชวนไปด้วยกันมั้ย  เพิ่งเข้ามาวันแรกมีเพื่อนรึยังก็ไม่รู้"  ริคเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งหมดออกมาจากห้อง  นิ้วโป้งชี้ไปที่ประตูห้อง 406 ข้างๆ

                  "เรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  ไม่เห็นรึไงเมื่อตอนเลิกชั่วโมงโฮมรูมน่ะทั้งหญิงทั้งชายรุมล้อมเจ้านั่นอย่างกับอะไรดี  มาวันแรกไม่ทันไรก็เนื้อหอมแล้ว"  โจอี้พูดไปตามที่เห็น

                  "ขนาดนั้นเลยเหรอ"  ราล์ฟเลิกคิ้วถาม  "ถ้างั้นก็ปล่อยไปเหอะ  หมอนั่นคงมีเพื่อนชวนไปเยอะอยู่แล้ว  เราไปกันดีกว่า  ยังไม่อยากโมโหหิวโว้ย"

                  "เออๆ  ใจเย็นเพื่อน"  ริคหัวเราะ  แล้วทั้งหมดก็เดินออกไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×