ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    INAZUMA ELEVEN GO - ทานตะวันในดวงใจ - Amemiya taiyo

    ลำดับตอนที่ #1 : ทานตะวันในดวงใจ

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 67


    -ทานตะวันในดวงใจ-

     

     

    กลิ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อฟุ้งกระจายทั่วทางเดินจนใครต่างต้องย่นจมูกกันท้วนหน้า ใครเล่าจะชินชากับกลิ่นเหล่านี้ถ้าไม่ใช่หมอพยาบาลหรือคนไข้ที่อยู่รักษาที่นี่ ภายใต้ตึกใหญ่ของโรงพยาบาลเป็นแหล่งรวมของเหล่าผู้คนมากมายที่ต้องการมารักษาสุขภาพกัน คุณหมอพยาบาลต่างทำงานกันอย่างขันแข็ง กระตือรือร้นที่จะรักษาเหล่าผู้ที่มา ณ ที่นี่ บุคลากรทั้งหลายต่างให้เกียรติและให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี

     

     

    “ฮึก…ฮือฮืออ”

     

     

    เว้นเสียแต่เธอนี่แหละ

     

     

    เสียงร้องไห้ระงมดังขึ้นให้ได้ยินแม้จะกลั้นใจพยายามข่มเก็บเอาไว้มากเพียงใดแต่ความกลัวมันมีมากเสียจนเด็กน้อยกักเก็บมันไม่อยู่เสียแล้ว โคบายาชิ ฮานาโกะ ร้องไห้ด้วยความกลัวภายใต้อ้อมอกของคนเป็นแม่ที่กำลังปลอบขวัญลูกสาวของตน เพราะไม่กี่วันก่อนด้วยอากาศที่แปรปรวนฝนจึงตก เด็กน้อยวัย 8 ขวบอย่างเธอคนนี้เมื่อเห็นหยดน้ำร่วงหล่นลงจากฟ้าแทนที่จะหาที่หลบกลับดื้อรั้นยืนเล่นน้ำฝนอย่างสนุกสนานเพียงคนเดียว

     

     

     

    แม้ในใจจะกลัวคุณแม่ดุเพียงใดแต่เด็กก็ยังคงมีความดื้อรั้นในตัวตามประสา สุดท้ายก็ถูกคุณแม่จับได้แบบคาหนังคาเขาเมื่อท่านเดินมาเห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกำลังหัวเราะคิกคักสนุกสนาน พร้อมสภาพตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำ และเธอก็โดนดุไปตามระเบียบ ยามคุณแม่ดุก็ร้องไห้น้ำตานองหน้าจนตาปูดตาบวมแต่ด้วยความเด็กดื้อเงียบแบบเธอก็ยังเลือกที่จะเล่นน้ำฝนอยู่ดี

     

     

    และผลที่ตามมาจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากป่วยยังไงล่ะ เด็กน้อยไข้ขึ้นสูงตัวร้อนจี๋จนคุณแม่ร้อนใจรีบพาลูกสาวมาโรงพยาบาล ส่วนเจ้าตัวเล็กในอ้อมอกเมื่อเห็นคุณแม่พาตนมาที่ใดก็เริ่มร้องไห้งอแงขึ้นมา ด้วยฝังใจครั้นเมื่อตนเคยมาที่นี่แล้วโดนคุณหมอฉีดยาจึงกลัวจับใจ ครั้งนี้จึงกลัวว่าจะโดนอีกจึงเริ่มงอแงอยากกลับบ้าน ทั้งคุณหมอพยาบาลและคุณแม่ต่างรุมพูดปลอบขวัญเธอกันทั้งนั้น

     

     

    “ลูกแม่ไม่ต้องกลัวนะคะ ให้พี่พยาบาลกับคุณหมอเขารักษานะคะ” คุณแม่

     

     

    “ถ้าหนูรักษาจะได้หายไวๆ ไงคะ” คุณพยาบาล

     

     

    ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบๆ ต่างช่วยกันไกล่เกลี่ยอย่างเต็มที่เพราะฮานาโกะไม่ยอมให้คุณหมอตรวจด้วยซ้ำเกาะติดคุณแม่ไว้แน่นคล้ายลูกลิง ร้องไห้งอแงออกมา แต่ก็ไม่ได้โวยวายเสียงดังเพราะเด็กน้อยขี้อายคนนี้กลัวสายตาคนอื่นที่มองตนมากที่สุด การร้องไห้ครั้งนี้ทีแรกเด็กน้อยกลั้นใจไว้แทบตายแต่ด้วยความกลัวสุดท้ายจึงปล่อยโฮออกมา

     

     

    ใบหน้าจิ้มลิ้มขาวผ่องมีรอยกระขึ้นริ้วแดงขึ้นพาดผ่านคล้ายมะเขือเทศสุกตัวร้อนเพราะฤทธิ์ไข้แม้มีเจลลดไข้แปะอยู่ที่หน้าผากแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด เสียงร้องไห้ดังระงมเด็กน้อยเริ่มเจ็บที่ทรวงอกเพราะสะอื้นไห้ไม่หยุดจนปวดเนื้อไปหมด พยายามฝืนกลืนก้อนสะอื้นลงคอแต่ช่างยากเย็นอะไรเช่นนี้

     

     

    "ฮานะลูก ให้คุณหมอเค้าตรวจนะคะ หนูจะได้หายป่วยไง"พูดไกล่เกลี่ยพร้อมใช้มือลูบหลังปลอบขวัญลูกสาวไปด้วยเห็นเด็กน้อยหวาดกลัวเธอก็สงสารจับใจ คอยพูดอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ

     

     

    "หนูอยากกลับบ้าน"ปากเล็กจิ้มลิ้มขยับโต้ตอบแต่ช่างขัดแย้งกับใจคนเป็นแม่เสียเหลือเกิน น้ำหูน้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุดใบหน้าหวานซุกลงที่ลาดไหล่ของแม่หลบหนีการได้พบหน้ากับคุณหมอและพี่พยาบาล แต่นัยน์ตาสีเทาเงางามเหลือบเห็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างเข้ามาในครรลองสายตาม่านน้ำตาที่ปกคลุมถูกมือเล็กซับออกเพื่อให้ง่ายต่อการเพ่งมองมากขึ้น

     

     

    สีส้ม?

     

     

    พระอาทิตย์?

     

     

    อะไรบางอย่างกำลังทำให้ฮานาโกะสับสน พระอาทิตย์ดวงเล็กมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แถมยังโชว์รอยยิ้มให้อีกต่างหาก หรือว่าเธอกำลังฝัน นี่อย่าบอกนะว่าร้องไห้จนเห็นภาพหลอนไปแล้ว

     

     

    "ร้องไห้ทำไมกัน"พระอาทิตย์ดวงน้อยถามขึ้นพร้อมแหงนหน้าสบตากับเด็กน้อย เอ่ยถามถึงเรื่องที่สงสัยอยู่ในใจออกไป ฮานาโกะไม่แม้แต่จะตอบทำเพียงซุกใบหน้าครึ่งล่างไว้ที่ลาดไหล่ของคุณแม่เท่านั้น "กลัวงั้นหรอ ไม่ต้องกลัวนะ คุณหมอกับคุณพยายามใจดีมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะ"

     

     

    "..."

     

     

    "เชื่อใจฉันได้เลย เพราะฉันอยู่ที่นี่ตลอด ฉันถึงรู้ไงว่าคุณหมอกับคุณพยาบาลน่ะใจดีมากๆเลย"และยังคงเป็นเจ้าพระอาทิตย์ดวงน้อยที่ยังชวยคุยและไกล่เกลี่ยอยู่ นัยน์สีเทากระพริบตาปิบๆไล่หยดน้ำออก กำลังสบสนอยู่ว่าที่เจ้าตัวบอกว่าอยู่ที่นี่ตลอดคืออะไร ทำไมถึงได้อยู่ที่นี่ล่ะ อีกคนดูยังเป็นเด็กอยู่เลย ปกติที่โรงพยาบาลต้องมีแต่ผู้ใหญ่สิ ตั้งคำถามกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา "งั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อน เธอให้คุณหมอเขาตรวจนะ โอเคมั้ย?"

     

     

    ใบหน้าเล็กขึ้นกระทำเพียงหันหน้าหนีซุกลงที่ลาดไหล่คุณแม่หลบสายตาของอีกคน ก่อนหน้าก็พยายามหนีผู้ใหญ่ทั้งหลายมาด้านหลังยังเป็นพระอาทิตย์พูดได้บอกให้เธอยอมอีก ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะ เธอหายดีแล้วต่างหาก ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่หรือตรวจอะไรทั้งนั้น ท่าทางดื้อเงียบของฮานาโกะทำเอาเจ้าพระอาทิตย์ที่มองอยู่เริ่มตั้งคำถามขึ้นมา เด็กคนนี้กำลังกลัวอะไรบางอย่าง

     

     

     

    สุดท้ายทั้งคุณหมอพยาบาล คุณแม่ และเจ้าพระอาทิตย์ก็ต้องมาพูดโน้มน้าวเด็กสาวให้ยอมตรวจจนได้ ใช้เวลาค่อนข้างนานแต่สุดท้ายเธอก็ยอมให้คุณหมอเช็คร่างกาย เพราะเธอเล่นน้ำฝนและเจออากาศเย็นจึงกลัวว่าเด็กน้อยจะปอดบวมเข้าและก็เป็นดังคาดเด็กน้อยมีอาการเพียงเล็กน้อยแต่ก็ถือว่ามี ทั้งก่อนหน้าที่สะอื้นไห้อีกนั่นจึงส่งผลให้เด็กสาวมีอาการหายใจติดขัดเพียงครู่และเจ็บที่ทรวงอก อาการอ่อนแรงทั้งจากฤทธิ์ไข้และการร้องไห้จนตัวโยนทำเอาเด็กสาวหมดเรี่ยวแรงภายใต้อ้อมกอดคุณแม่ เธอต้องรีบเข้ารักษาก่อนที่จะปอดอักเสบเข้าขั้นรุนแรง 

     

     

    ฮานาโกะปฏิญาณในใจกับตัวเองว่าต่อไปนี้เธอจะไม่เล่นน้ำฝนอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    เรื่องราวความทรงจำของฮานาโกะตอน 8 ขวบ ช่างน่าขันเสียจริง ในขณะที่เด็กสาวกำลังก้าวเดินอยู่นั้นอยู่ๆความทรงจำอันเลือนลางนี้ก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเสียได้ ทำให้เธอราวกับท่องเวลาไปในอดีตคิดถึงเหตุการณ์นั่นนี่เกี่ยวกับตัวเอง อย่างน้อยมันก็ดีที่ช่วยกลบความกลัวในดวงใจนี้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

     

     

    เหตุเพราะวันนี้คือวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนอาราคุโมะ และเป็นวันแรกที่ฮานาโกะได้ก้าวเข้ามาภายในรั้วโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมและสังคมนั้นใหญ่กว่าที่ตนเคยอยู่มา ตอนนี้ฮานาโกะอยู่ปี1แล้ว เด็กสาวกำลังคิดไม่ตกว่าตนจะเป็นอย่างไรภายในที่แห่งนี้ 

     

     

    เอาจริงเธอค่อนข้างกลัว กลัวจะทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ที่นี่ กลัวว่าจะไม่มีเพื่อน เธอจะหาเพื่อนได้หรือเปล่า แต่เธอเองก็กลัวการเข้าหาผู้คนเหมือนกัน นั่นจึงเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับเธอ ในตอนประถมฮานาโกะแทบจะไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำเพื่อนสนิทคนแรกของเธอในตอนนั้นก็ย้ายออกไปเรียนที่อื่น นั่นจึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับฮานาโกะมากๆในการไปเรียน และด้วยส่วนสูงที่เล็กเพียงนิดเดียวและท่าทีกล้าๆกลัวๆของเธอจึงเป็นจุดเพ่งเล็งให้ถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงกลัวการไปโรงเรียนที่สุด และเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้เธอฝังใจจนถึงทุกวันนี้

     

     

    คิดแล้วก็ทำได้เพียงทอดถอนหายใจออกไปเพื่อไล่ความฟุ้งซ่านในหัว ไม่เป็นไร เธอใช้ชีวิตคนเดียวเก่งจะตายไป เธอเคยอยู่ยังไงเธอก็อยู่อย่างงั้นได้เหมือนเดิมน่ะแหละ เชื่อสิว่าเธอเก่งเรื่องการเป็นธาตุอากาศสุดๆไปเลย เพราะฉะนั้นเธอก็จะทำแบบนั้นเหมือนเดิม

     

     

    ระหว่างทางเดินเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนอาราคุโมะ จุดหมายปลายทางเดียวกันของพวกเราคือโรงเรียนนั่นจึงพอทำให้ฮานาโกะกลมกลืนไปกับนักเรียนเหล่านั้นได้อยู่ วันแรกคือวันประถมนิเทศ เพื่อไปฟังการอบรมและการชี้แนะแนวทางการปฏิบัตเบื้องต้นเด็กปี1ทุกคนจึงต้องไปรวมกันที่หอประชุมเพื่อฟังเหล่าครูบาอาจารย์และผู้อำนวยการปราศรัย

     

     

    ก้าวแรกเมื่อเดินเข้ารั้วโรงเรียนอาราคุโมะคือความใหญ่โตอลังการของที่นี่ อาคารที่สวยงามเรียงรายจัดอย่างลงตัว เธอไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะที่นี่ก็ถือเป็นโรงเรียนชั้นนำเช่นกัน วันนี้อากาศดีมีลมพัดอ่อนๆโชยมาทำให้รู้สึกดีไปด้วย ตอนนี้นักเรียนปี1ต่างอยู่ตามอัธยาศัยรอเวลาที่จะมีการประชาสัมพันธ์เรียกรวมเข้าหอประชุม

     

     

    รอเพียงไม่นานเสียงตามสายก็ดังขึ้นปี1ทุกคนมุ่งหน้าไปที่หอประชุมทันที เอาเข้าจริงฮานาโกะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหอประชุมอยู่ที่ไหนเธอพยายามมองหาว่าใครคือเด็กปี1 แต่เธอก็แยกไม่ออกว่ามีใครบ้างเพราะตอนนี้เหล่านักเรียนต่างปะปนกันทุกชั้นทุกปี โอ้ยยย ให้ตายเหอะ เธอจะทำยังไงดีนะ ใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นกระแลซ้ายแลขวา เพราะเธอขี้ขลาดเกินไปที่จะเดินเข้าไปทักใครสักคนเพื่อขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ชักอย่างร้องไห้ขึ้นมาเสียแล้วล่ะ

     

     

    "เธอคงเป็นเด็กปี1สินะ ทำไมยังไม่ไปหอประชุมล่ะ"

     

     

    สุรเสียงอ่อนหวานของใครบางคนทักขึ้นเรียกความสนใจให้ร่างเล็กหันตาม ตรงหน้าของเธอคือหญิงสาวผมสีทองลอนยาวถึงกลางหลังใบหน้าสละสลวยลงตัวอย่างงดงาม นัยน์ตาคมเชี่ยวสีน้ำทะเลดูนุ่มลึกหน้าค้นหา อยู่ในชุดยูนิฟอร์มเดียวกันกับเธอ กำลังมองมายังฮานาโกะอย่างตั้งคำถาม

     

     

    สวยจัง ฮานาโกะคิดในใจ คนตรงหน้าคือใครกันนะ แทนที่จะตอบคำถามเมื่อเธอกับทำสิ่งที่สวนทางกันคือยืนเงียบๆไม่ได้โต้ตอบกลับ 

     

     

    ไม่มีเสียงตอบรับจากคู่สนทนา ฮานาโกะไม่ได้โต้ตอบออกไปสักคำ ทำเพียงสบตากับคนตรงหน้าเพียงเท่านั้น ทำเอารุ่นพี่สาวงงงวย ว่าเด็กคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ได้โอกาศนี้ให้เธอได้สำรวจอีกคนแทน ร่างเล็กที่มีความสูงอยู่ที่ปลายจมูกของเธอเท่านั้น ผมสีน้ำตาลไหม้ยามกระทบแสงแดดกลับเปล่งประกายออกมาเป็นสีแดงบ้างสีทองบ้างตัดกับผิวขาวคล้ายไข่มุกของเข้าตัว บนใบหน้าจิ้มลิ้มมีกระตามโหนกแก้มสองข้างลามมาถึงจมูกที่ปลายเชิดรั้นขึ้น มีเลือดฝาดที่พวงแก้มสองข้างดูน่ารักน่าชัง เด็กคนนี้มัน..

     

     

    "ได้ยินหรือเปล่า?"

     

     

    อุ๊ตายละ! เธอกำลังเสียมารยาท คล้ายหลุดออกจากภวังค์ฮานาโกะเบิกตาด้วยความตกใจ ชั่วขณะเหมือนเธอหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองอย่างไรอย่างนั้นเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นเตือนสติเธอจึงรีบโค้งตัวขอโทษอีกคนทันทีเหมือนร่างกายสั่งเอง เธอทำอะไรลงไปเนี่ย!! อีกคนจะคิดยังไงนะ คงมองว่าเธอแปลกประหลาดหน้าดู "ขอโทษนะคะ!"

     

     

    "อ้อ พูดได้แล้วหรอเนี่ย"น้ำเสียงหวานแกมดุดังมาให้ได้ยินคล้ายคาดโทษ รุ่นพี่สาวเห็นเด็กคนนี้ขอโทษขอโพยก็อยากจะแหย่เล่นเสียหน่อย ฮานาโกะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งขอโทษไม่หยุด ว่าแล้วเชียวคนตรงหน้าคงจะรู้สึกแย่แน่ๆที่เธอยืนจ้องหน้าแบบนั้นจะคิดว่าเธอหาเรื่องหรือเปล่านะ โอ๊ยยย ตายละๆ "ล้อเล่นน่ะล้อเล่น"
     

     

     

    เสียงหยอกเย้าตามหลังมาคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองคล้ายสงสัยกับคำพูดของคนตรงหน้าเมื่อครู่นี้ "มาเถอะ ฉันจะพาไปหอประชุม" ว่าแล้วคนผมทองก็มุ่งหน้าไปก่อน ฮานาโกะยืนมองตามอย่างสงสัยกำลังทบทวนกับคำพูดเมื่อครู่นี้ "มัวรออะไรอยู่ เดี๋ยวก็ไม่ทันตอนเค้าปราศรัยหรอก ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากถูกลงโทษตั้งแต่วันแรกหรอกใช่ไหม"

     

     

    เมื่อได้ยินดังนั้นขาเล็กก็สับเท้าตามอีกคนไปทันทีด้วยท่าทางเหลอหลา อย่างที่ว่าไปเธอไม่อยากถูกลงโทษหรอกนะ แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็ดีแล้วที่เธอจะได้ไปรวมที่หอประชุมกับคนอื่นๆเขา ไม่ต้องยืนคอยเก้ออยู่ตรงนั้น ตลอดทางเดินฮานาโกะมองซ้ายแลขวาสำรวจพื้นที่โรงเรียนรอบๆไปด้วย ที่นี่ใหญ่จริงๆ เด็กนักเรียนก็ไม่ใช่น้อยๆเลย ภายในหัวเธอกำลังจดจำเส้นทางของที่นี่เอาไว้อยู่ 

     

     

    บรรยากาศโดยรอบระหว่างเราสองคนนั้นเต็มไปด้วยความเงียบงันอีกคนก็มุ่งหน้าไม่สนใจเธอ ส่วนเธอก็คล้ายคนน้ำท่วมปากและอึดอัดภายในใจและเห็นจะมีแค่เพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนั้น เหมือนสมองนั้นมืดแปดด้านเธอไม่รู้จะกรองคำพูดอะไรออกมาพูดกับอีกคนดี 

     

     

    ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง ภายในหอประชุมเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนที่กำลังจับจองที่นั่งกันอย่างเป็นระเบียบมีพื้นที่ว่างอยู่ไม่กี่ที่คงเพราะว่านักเรียนมาที่ใกล้ครบทุกคนแล้วล่ะ 

     

     

    "เธอไปหาที่นั่งนะ ฉันไปละ" เสียงหวานของอีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่กำลังเดินออกไป ฮานาโกะจะเรียกก็ไม่ทันแล้วและส่วนนึงเป็นเพราะไม่กล้าเรียกอีกคนด้วย อ่า.. เธอยังไม่ได้ขอบคุณเธอคนนั้นเลย เสียมารยาทจริงๆ เหมือนสิ่งสำคัญบางอย่างก็พึ่งจะเด้งขึ้นมาในหัว เธอลืมถามชื่ออีกฝ่ายด้วย แผ่นหลังบางนั่นก็ออกไปไกลเสียแล้ว

     

     

    เอาเหอะ อย่างไรเสียเราก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน ไว้ถ้าเจอเธอจะรวบรวมความกล้าเพื่อไปขอบคุณอีกฝ่ายให้ได้เลย ว่าแล้วก็รีบหาที่นั่งก่อนจะถูกดุเอาได้ ใครดุเธอไม่รู้หรอกแต่ไม่อยากเป็นจุดสายตาสักเท่าไหร่เลย ที่นั่งข้างเธอเหมือนจะยังว่างอีกที่นึง? มีคนมาสายกว่าเธออีกแฮะ หรือเจ้าตัวจะไม่มากันนะ 

     

     

    พึ่งจะคิดไปเมื่อครู่อยู่ๆก็มีเด็กชายนั่งลงตรงที่ว่างเสียแล้ว ฮานาโกะทำเพียงเหลือบตามองไปเพียงครู่อย่างสงสัย อืมม ทรงผมประหลาดนี่มันอะไรกัน เหมือนพระอาทิตย์เลยแฮะ จะว่ามันก็คุ้นๆแต่เธอก็นึกไม่ออกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย และเหมือนว่าตอนนี้ฮานาโกะจะลืมตัวไปแล้วว่าตัวเองกำลังจ้องมองอีกคนนานเกินไปจนอีกคนรู้ตัวเข้า

     

     

    “มีอะไรติดหน้าฉันหรือเปล่า”เอ.. วันนี้วันอะไรนะ ทำไมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเรื่องขายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดสักที หรือสกิลการแอบมองของเธอมันจะห่วยเกินไปนะ เธอจะตอบว่ายังไงล่ะทีนี้ และแทนที่เธอจะตอบออกไปเธอกลับทำเพียงแค่ส่ายหน้าปฏิเสธไปมาเท่านั้น แบบนี้ยิ่งเสียมารยาทเข้าไปใหญ่ เห้ออ

     

     

    อีกคนก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากเธออีกฝ่ายทำเพียงหัวเราะเบาๆเท่านั้น หัวเราะ? หัวเราะทำไมกัน? หรือว่าเธอจะทำหน้าตาตลกออกไปแล้วแต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากเหมือนเดิมสำหรับฮานาโกะ เธอก็ยังคงไม่ได้พูดถามออกไปเช่นเดิม สุดท้ายอีกคนก็ละความสนใจจากเธอเพียงเท่านั้นก็ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบไม่งั้นเธอได้น้ำตานองหน้าแน่ๆ

     

     

     

     

    tbc.

    ว๊าย มาตอนแรกก็โดนเลยสิ ลองเดานิสัยน้องเล่นๆดูค่ะ5555
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×