"หังกับสือ" ตำนานกะหังกับกะสือ
อ่านให้จบนะจ๊ะ ช่วยโพสด้วย
ผู้เข้าชมรวม
389
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หังกับสือเหนื่อยใจที่จะอธิบายถึงความแตกต่าง ระหว่างท้องฟ้าในตัวอักษร กับท้องฟ้าในความจริง กลิ่นและสัมผัสของอากาศที่วิ่งผ่านร่างกาย ร่างกาย อิสระในการเคลื่อนไหว ไม่มีทางรู้ถ้าไม่ได้ “ บิน “ หังกับสือ (ในบันทึกไม่ได้กล่าวไว้ว่าหังกับสือเป็นหญิงหรือเป็นชาย ไม่รู้ว่าใครคือหัง ใครคือสือ ) เริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการบินอย่างจริงจัง
หังคิดว่านกบินได้เพราะ ปีก ดังนั้นถ้าสร้างปีกขึ้นมาได้ เราก็จะบินได้ ส่วนสือคิดว่าสิ่งของถ้าจะลอยไปบนอากาศได้ต้อง เบา สือเฝ้ามองดูกองไฟเผาถ่าน ก็เห็นว่าความร้อนทำให้ขี้เถ้าลอยได้ หังกับสือต่างฝ่ายต่างความคิด ต่างฝ่ายต่างอยากพิสูจน์ให้บิดาเห็นว่า ตนสามารถล่องลอยไปบนฟ้าได้ จึงไม่มีใครเฉลียวใจสักนิดที่จะเอาความคิดของทั้งสองคนมารวมกัน
วันนั้นลมแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดวงอาทิตย์ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆ บนยอดผาสูงชันท้ายป่า สองพี่น้องกำลังจะพิสูจน์ทฤษฎีของตน หังเอากระด้งสองอันมามัดกับแขนทั้งสองข้างทำเป็นปีก นำแท่งไม้ที่หาได้หลังบ้านมาผูกเป็นหาง (ภายหลังทราบว่าเป็นสากตำข้าว) ส่วนสือ ถอดหนัง ถอดกระดูก เหลือแต่หัวกับเครื่องในเท่าจำเป็น เพื่อให้ร่างกายเบาที่สุด (คนสมัยก่อนสามารถถอดหนัง ถอดกระดูกได้เหมือนถอดเสื้อผ้า)
จากนั้นก็จุดไฟใส่ไว้ที่กระเพาะเพื่อให้เกิดอากาศร้อนไหลไปสู่ปอดทำให้ลอยตัว โดยมีลำไส้เล็กคอยช่วยเป็นหางเสือ และถ่วงให้ตั้งตรง เมื่อทุกอย่างพร้อม สองพี่น้องก็เริ่มบิน หังนั้นกระพือกระด้งบินได้ไกล แต่ความหนักทำให้ร่างของเขาลอยละลิ่วดิ่งตกลงกลางป่าหายสาบสูญ
ส่วนสือ พอจุดไฟก็ตัวเบา โดนแรงลมพัดปลิวไม่รู้ทิศทาง ลอยติดลมบนหายสาบสูญไปดุจเดียวกัน บิดาของเขาทราบข่าวก็ร้องไห้เสียใจ เก็บเอาซากชิ้นส่วนหนังของสือที่ถอดไว้มาตากแห้ง เพื่อเขียนบันทึกเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่
หนังของสือเล่มนั้นเก็บรักษาไว้ที่ไหนไม่มีใครทราบ แต่คาดว่าต้องมีคนได้เคยอ่านแน่ เพราะปัจจุบันยังมีคนบางกลุ่มที่มีท่าทางการบินเหมือนหังกับสืออยู่บ้าง…… ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา…..
ผลงานอื่นๆ ของ บุษบา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ บุษบา
ความคิดเห็น