ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 สับสน (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.39K
      39
      31 มี.ค. 59


     

    เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่เปลือยท่อนบน เหลือเพียงกางเกงสแล็คที่ปกปิดร่างกายเดินออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนสีหวานอย่างผ่อนคลาย เมื่อจัดการความต้องการตามธรรมชาติของผู้ชายด้วยมือตนเองเรียบร้อย

    ทว่าเมื่อเดินออกมาภายนอกกลางกายแกร่งกลับปวดหนึบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือร่างบางของชาริกาที่นอนหมดสติอยู่ด้วยสภาพเปลือยท่อนบน ช่างเป็นภาพที่ทำให้บุรุษเช่นเขาต้องรีบกุมกลางลำตัวไว้แน่น เพราะมีบางอย่างที่มันกำลังทรยศเขาอยู่ด้วยการไม่เชื่อฟัง

    แม้หญิงสาวกำลังป่วยอยู่ แต่ขาวเนียนและอวบอิ่มไปทุกสัดส่วนก็ทำให้ลมหายใจเขาสะดุดลง ชายหนุ่มเริ่มลังเลว่าจะเดินเข้าห้องน้ำไปอีกรอบ หรือว่าจะเดินเข้าไปดูคนป่วยเสียหน่อย และในที่สุดนนทพัทธ์ก็ตัดสินใจเดินไปหาร่างขาวนวลที่นอนอยู่บนเตียงอย่างจำใจ

    “เห็นว่าเธอยังป่วยอยู่หรอกนะชาริกา”

    เจ้าของร่างสูงเอ่ยกับคนป่วยที่นอนหมดสติอยู่อย่างเคืองๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้งอย่างให้กำลังใจตัวเอง เพื่อไม่ให้เผลอไปมองอย่างอื่นที่มันล่อตาล่อใจเขามากกว่าหน้าซีดๆ ของชาริกา

    นนทพัทธ์เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมร่างเล็กไว้ เพื่อปกปิดสิ่งที่สวยงามไว้ ทว่าก็ต้องชะงักมือค้างไว้กลางอากาศ เมื่อเห็นรอยช้ำตามร่างกายของชาริกา ซึ่งมันเป็นสีม่วงคล้ำจนน่าตกใจ และไม่ต้องเดาชายหนุ่มก็พอรู้ว่ามันเกิดมาจากอะไร ถ้าไม่ใช่แรงอารมณ์ของตนเอง

    “หึ บอบบางเสียเหลือเกินนะแม่คุณ”

    ชายหนุ่มหัวเราในลำคออย่างสมเพช โดยไม่มีแม้แต่ความสงสารใดๆ ก่อนจะคลุมผ้าห่มจดมิดลำคอของเจ้าหล่อน เพื่อกันไม่ให้ตนเองตบะแตกจนเผลอรังแกคนป่วยเข้า

    นนทพัทธ์ยกมือหนาอิงหน้าผากของคนป่วย ก่อนจะสบถออกมาชุดใหญ่เท่าที่จะนึกถึงคำหยาบออกในเวลานี้ ขณะเดินเข้าห้องน้ำไปอีกรอบ

    ผ่านไปชั่วครู่ชายหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าผืนเล็กและกะละมังใส่น้ำ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างคนป่วยและเช็ดตัวลดความร้อนในร่างกายให้อย่างไม่เต็มใจนัก พร้อมกับบ่นต่อว่าคนป่วยไปด้วย แม้ว่าหญิงสาวจะไม่มีทางได้ยินก็ตามที

    “เธอเป็นใครกันชาริกา ฉันถึงต้องมาดูแลเธอแบบนี้ ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่เชิง ขนาดไอ้นันท์ ฉันยังไม่เคยแม้แต่จะทำให้มัน เธอมันยัยปีศาจในคราบมนุษย์ชัดๆ”

    นนทพัทธ์ยังเช็ดตัวให้กับหญิงสาวต่อไป พร้อมกับสบถอยู่หลายรอย เมื่อร่างกายเขามีปฏิกิริยากับคนป่วยตรงหน้านี้จนน่าโมโห

    “ให้ตายเถอะลูกพ่อ ทำไมหนูต้องตื่นในเวลาที่ไม่สมควรแบบนี้ด้วยลูก รู้ไหมว่าพ่อทรมานแค่ไหน” ชายหนุ่มโอดครวญกับร่างกายตนเองที่มีปฏิกิริยาไวเหลือเกินกับเพศตรงข้าม ก่อนจะโยนความผิดทั้งหมดทั้งมวลนี้ให้กับคนที่นอนไม่ได้สติอยู่

    “เพราะเธอคนเดียวเลยชาริกา เพราะเธอคนเดียว !

    ชายหนุ่มเช็ดตัวให้คนป่วยต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ตนเองจะพ้นจากอาการทรมานนี้เสียทีเมื่อเช็ดตัวให้ชาริกาจนเสร็จ และจัดการกับผ้าและกะละมังให้เรียบร้อย เพื่อกันเจ้าของห้องสงสัยและคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาเป็นห่วง

    แต่พอเมื่อจะเปิดประตูจะกลับห้องตัวเองก็หัวเสียขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องเช่นเดิม

    “จริงๆ เล้ยไอ้นนท์ ให้ตายเถอะ เธอมันยังปีศาจชาริกา”

    นนทพัทธ์เดินตรงเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าขนาดกลางภายในห้องนอนสีหวาน ก่อนจะหยิบเสื้อนอนของเจ้าของออกมาตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นแบบมีกระดุมผ่ากลาง

    “ถ้าไม่เห็นแก่แม่มิวที่รักเธอเหมือนลูก ฉันไม่มีทางทำให้เด็ดขาด”

    แม้ปากจะปากบ่น ทว่ามือหนาก็จัดการสวมเสื้อให้ร่างบางอย่างแข็งขัน โชคดีที่ไม่ต้องเปลี่ยนกางเกง ไม่งั้นเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะอดใจไม่ปล้ำคนป่วยไหวรึเปล่า ถึงจะเกลียดแค่ไหน แต่เรื่องพรรค์นี้ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดก็ทำได้ทั้งนั้น อย่างเช่นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

    เมื่อเสร็จก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่มันฉีกขาดจากมือเขาขึ้นมาจากพื้นห้อง ก่อนจะปิดไฟและเดินกลับห้องตัวเองไป โดยชายหนุ่มลืมไปว่าได้หยิบเสื้อและชุดชั้นในของคนที่เกลียดกลับเข้าห้องตนเองมาด้วย กว่าจะรู้ตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว

    “แล้วมึงจะหยิบติดมือมาทำไมวะเนี่ยไอ้นนท์” ชายหนุ่มบ่นตัวเองที่เผอเรอจนหยิบของสองชิ้นนี้ติดมือมาด้วย ก่อนจะได้กลิ่นแปลกๆ ลอยปะทะจมูกเข้ามา

    “กลิ่นอะไร คุ้นๆ”

    นนทพัทธ์สูดหากลิ่นแปลกนี้ทั่วห้องว่ามาจากที่ไหน ในที่สุดเขาก็พบว่ามันมาจากไหน

    “หอมดีนี่ ว่าแต่มันคือกลิ่นอะไรวะเนี่ย”

    ชายหนุ่มยกเสื้อของคนป่วยข้างห้องที่อยู่ในมือขึ้นดมพิสูจน์กลิ่น ว่ามันมาจากสองสิ่งนี้จริงหรือไม่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้เดาผิด เพราะว่ามันมาจากเสื้อที่ขาดวิ่นสองชิ้นนี้จริงๆ

    เขาไม่รู้ว่ากลิ่นนี้มันเรียกว่ากลิ่นอะไร มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่มันเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวของชาริกาที่มันยังหอมติดจมูกเขาอยู่ ซึ่งมันให้เขารู้สึกดีเป็นบ้าเมื่อได้ดม

    แต่เอ๊ะ เมื่อได้ดมเหรอ

    นนทพัทธ์รีบสลัดความคิดนี้ทิ้ง พร้อมกับของสองชิ้นในมืออย่างกับต้องของร้อนอย่างไรอย่างนั้น เพราะเริ่มจะกลัวความคิดของตัวเองขึ้นมา

    “แกรักมีนาคนเดียวไอ้นนท์ อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”

    ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง พร้อมกับจ้องมองไปที่เศษผ้าผืนนั้นด้วยความสับสน ก่อนจะตัดใจเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย เผื่อน้ำเย็นๆ จะทำให้สมองเขาจำได้ขึ้นใจว่าเจ้าของของสองชิ้นที่เขาเผลอหยิบติดมือมาด้วยนั้น เป็นต้นเหตุของความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของเขา



     

     

    “โอ๊ะ ปวดหัวจัง”

    เสียงหวานร้องอุทานออกมา เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ทว่าก็ต้องนิ่งหน้า เพราะอาการปวดศีรษะยังไม่ทุเลาลงเลยตั้งแต่เมื่อคืน

    “ปวดหัวก็ลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว พี่จะพาเราไปโรงพยาบาล”

    เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นสภาพของน้องสาวที่ไม่สู้ดีเอาเสียเลย โดยเพาะรอยช้ำบนร่างเล็กที่ไม่รู้ว่าชาริกาไปโดนอะไรกันมา ถึงได้ช้ำจนน่ากลัวขนาดนี้ แต่รอยช้ำแบบนี้มันมาจาก… แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง

    นันทพัทธ์ยังเถียงกับความคิดของตัวเอง แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรว่ามันจะมาจากการฝากรอยพิศวาส ในเมื่อก่อนเขาออกไปจากห้องของชาริกา รอยพวกนี้ก็ยังไม่เห็นมี หรือว่าเขาจะคิดมากไปเอง

    ชากริกามองไปตามสายตาสงสัยของพี่ชายก่อนจะหน้าร้อนผ่าว เมื่อเห็นรอยช้ำบนเนินอกของตนเอง แน่นอนว่าจะต้องมีรอยพวกนี้อยู่เต็มตัวแน่ เมื่อนึกถึงคนทำก็ไม่แต่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ และนึกน้อยใจที่เขาลดค่าในตัวเธอขนาดนี้

    “น้องชามเป็นอะไรคะ ปวดหัวมากหรือคะ บอกพี่นันท์สิ”

    นันทพัทธ์ถามออกไปอย่างร้อนรน เมื่อเห็นดวงตาและใบหน้าที่แดงก่ำของชาริกา พร้อมกับน้ำตาคลอที่หน่วยตาอย่างน่าสงสาร โดยชายหนุ่มคิดว่าหญิงสาวคงปวดหัวมากจนถึงขั้นร้องไห้ออกมา ทว่าจริงๆ แล้วมันกลับมาจากความน้อยใจและเจ็บใจที่ทำอะไรคนอย่างนนทพัทธ์ไม่ได้

    ชาริการู้สึกตัว เมื่อมือเย็นของนันทพัทธ์แตะเข้าที่แขน ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม เพื่อให้เขาคลายความกังวลลง

    “ชามไม่เป็นอะไรมากค่ะพี่นันท์ แค่ปวดหัวเท่านั้นเอง”

    “งั้นก็ลงไปเข้าห้องน้ำเถอะ จะได้ไปโรงพยาบาลกัน ตัวก็ไม่ค่อยร้อนแล้วนี่” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับวัดไข้ให้น้องสาวไปด้วย

    “ขอบคุณมากนะคะพี่นันท์ที่เป็นห่วงชาม”

    คนป่วยยิ้มให้พี่ชายอย่างขอบคุณ แม้ตนจะไม่ใช่น้องแท้ๆ ของนันทพัทธ์ ทว่าชายหนุ่มก็มีน้ำใจกับเธอเสมอ นอกจากผู้มีพระคุณทั้งสองคนอย่างภีรตาและคันธารัตน์แล้ว ก็ยังมีพี่ชายที่แสนดีอย่างนันทพัทธ์คอยอยู่เคียงข้างเสมอเวลาไม่มีใคร

    “ขี้แยจริงๆ เลยเรา ลุกไปจัดการตัวเองได้แล้ว พี่เหม็นจะแย่” ชายหนุ่มแกล้งเย้า ก่อนจะได้รับค้อนวงใหญ่จากคนป่วย ทว่าก็ทำให้นันทพัทธ์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู

    “เดี๋ยวพี่ลงไปรอข้างล่างนะ”

    “ค่ะพี่นันท์”

    คนป่วยรับคำ ก่อนจะลุกขึ้นจัดการกับตัวเอง เมื่อนันทพัทธ์ออกจากห้องไปแล้ว แม้จะค่อนข้างลำบากที่ต้องพยุงร่างกายอันหนักอึ้งไปห้องน้ำก็ตามที

    ชาริกาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เตรียมจะหมุนลูกบิดประตูลงไปด้านล่างก็ต้องชะงัก เมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องเสียก่อน และก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

    “คะคุณ”

    “ก็หายดีแล้วนี่ ยังจะสำออยให้ไอ้นันท์พาไปหาหมออยู่เหรอ เธอนี่มารยาจริงๆ” ทันทีที่เห็นหน้าหวานนนทพัทธ์ก็เปิดการสนทนาที่แสนดูถูกอีกฝ่ายตามฉบับของตัวเอง

    ชายหนุ่มมองหน้าหวานที่ยังซีดเซียวอยู่ด้วยความสมเพช ก่อนจะทำร้ายหญิงสาวด้วยคำพูดเช่นเคย

    “ถึงขนาดลุกมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เองขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องไปหาหมอหรอกมั้ง นอกจากจะอยากไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคสำออย อย่างหลังนี่ฉันสนับสนุนเต็มที่นะ เผื่อไอ้นันท์มันจะได้หายโง่เสียที”

    เพี๊ยะ !

    นนทพัทธ์หันไปตามแรงตบ ขณะที่ตนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะรู้สึกชาบริเวณซีกแก้มที่ถูกหญิงสาวตบ

    “อย่ามาดูถูกฉัน ถ้าคุณไม่รู้อะไร” ชาริกากัดฟันกรอดด้วยความโกรธ

    “หึ เก่งขึ้นนี่ ถึงขนาดกล้าตบหน้าฉัน”

    ชายหนุ่มพูดเสียงยียวน ทว่าใบหน้าและสายตากลับแข็งกระด้างจนหญิงสาวนึกกลัว นนทพัทธ์ก้าวเท้าเข้าไปหาชาริกาที่พยายามเดินถอยหลังด้วยความหวาดกลัวอย่างคุกคาม “ถ้าเก่งจริงก็อย่าทำตัวขี้ขลาดแบบนี้สิ”

    “ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวขู่

    เสียงหวานที่เปล่งออกมาคล้ายกับเสียงแมวที่กำลังขู่ราชสีห์เจ้าป่าอยู่อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งมันทำให้เจ้าป่าอย่างนนทพัทธ์หัวเราะออกมาด้วยความสมเพช

    “คิดว่าฉันกลัวรึยังไง”

    “ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะเรียกให้คนอื่นช่วย” แมวเสียงหวานยังไม่ล้มเลิกการขู่ราชสีห์แต่อย่างใด ก่อนจะสะดุ้งเมื่อตนเองไม่สามารถถอยหลังหนีได้อีกแล้ว เมื่อขาติดอยู่ที่ขอบเตียง

    “หึ ปากไล่ แต่ตัวก็ยังคงอ่อยฉันอยู่สินะถึงได้พามาที่เตียงนอนแบบนี้” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดต่อ “หรือว่าเมื่อคืนยังค้างอยู่เลยอยากจะชวนฉันต่อ แต่เอ๊ะ ฉันว่าไอ้นันท์มันคงช่วยเธอปลดปล่อยแล้วมั้ง เห็นเข้ามาหากันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน”

     

    “ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวขู่

    เสียงหวานที่เปล่งออกมาคล้ายกับเสียงแมวที่กำลังขู่ราชสีห์เจ้าป่าอยู่อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งมันทำให้เจ้าป่าอย่างนนทพัทธ์หัวเราะออกมาด้วยความสมเพช

    “คิดว่าฉันกลัวรึยังไง”

    “ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะเรียกให้คนอื่นช่วย” แมวเสียงหวานยังไม่ล้มเลิกการขู่ราชสีห์แต่อย่างใด ก่อนจะสะดุ้งเมื่อตนเองไม่สามารถถอยหลังหนีได้อีกแล้ว เมื่อขาติดอยู่ที่ขอบเตียง

    “หึ ปากไล่ แต่ตัวก็ยังคงอ่อยฉันอยู่สินะถึงได้พามาที่เตียงนอนแบบนี้” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดต่อ “หรือว่าเมื่อคืนยังค้างอยู่เลยอยากจะชวนฉันต่อ แต่เอ๊ะ ฉันว่าไอ้นันท์มันคงช่วยเธอปลดปล่อยแล้วมั้ง เห็นเข้ามาหากันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน”

    นนทพัทธ์ยังคงพูดจาดูถูกหญิงสาวตามความเชื่อของตัวเอง และนั่นทำให้ชาริกาน้ำตาคลอขึ้นมาด้วยความน้อยใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูผิดไปหมดในสายตาของเขา ซึ่งถ้าอยากให้เป็นแบบนั้นก็จะตอบสนองความต้องการเขาให้อย่างยินดี

    ชาริกาไล่น้ำตากลับคืน ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นและส่งยิ้มหวานไปให้นนทพัทธ์อย่างยั่วยวน พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยท่วงท่าที่ดูยั่วเย้า

    “ชามต้องขอโทษพี่นนท์ด้วยนะคะที่เมื่อคืนหมดสติไปก่อน แต่ตอนนี้ชามมีสติร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว”

    ชาริกาเว้นจังหวะการพูด และเดินเข้าไปลูบไล้หน้าอกแกร่งอย่างงกงัน ทว่าในสายตาของนนทพัทธ์กลับเหมือนแมวยั่วสวาทดีๆ นี่เอง ก่อนที่หญิงสาวจะพูดต่อด้วยเสียงแสนเซ็กซี่

    “เรามาต่อเรื่องที่ทำค้างไว้เมื่อคืนดีกว่านะคะ”

    ชาริกายกมือคล้องคอแกร่งและโน้มลงมา จุดหมายอยู่ที่ริมฝีปากหนา ทว่ายังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจคิดก็ต้องล้มลงก้นจำเบ้าพื้นด้วยฝีมือของคนตัวโต

    “ร่าน แพศยา ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีค่าพอที่จะทำให้ฉันอยากหรอกนะ”

    ชายหนุ่มสาดคำพูดใส่แบบไม่ถนอมน้ำใจ เพราะรับไม่ได้ที่เห็นธาตุแท้ของชาริกา

    หญิงสาวดันตัวลุกขึ้น แม้จะรู้สึกมึนหัวและเจ็บที่สะโพกมาก ทว่าก็ต้องแข็งใจไว้หากคิดจะเล่นกับไฟ ก็ต้องร้อนเหมือนไฟด้วยเช่นกัน

    “ฉันรู้ว่าปากคุณมันไม่ตรงกับใจ ก็เพราะ หลักฐาน มันฟ้อง”

    ชาริกาลากเสียงยาวและเน้นคำว่าที่ว่า หลักฐาน’ พร้อมกับจ้องมองไปที่กลางลำตัวของคนตัวโตที่มันนูนโป่งขึ้นมา แม้จะรู้สึกกระดากอาย ทว่าก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกระรานอยู่เช่นนี้

    ทว่าหญิงสาวกลับคิดผิดถนัดที่คิดว่าจะกันนนทพัทธ์ให้ห่างจากตนได้ด้วยวิธีนี้ แต่มันยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากจะระรานเธอมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

    นนทพัทธ์มองไปตามสายตาของหญิงสาวและนึกเจ็บใจตัวเองยิ่งนักที่ร่างกายไม่รักดีที่ชอบทรยศสมองที่สั่งการอยู่เรื่อย ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ทำไมถึงมีปฏิกิริยาไวกับชาริกาเหลือเกิน ทั้งที่กับผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เป็น แม้กระทั่งมีนาคนรักเขาเอง

    “หึ มันก็แค่ความใคร่ของผู้ชาย ถึงแม้ว่ามันต้องหาที่ระบาย แต่ฉันไม่มีทางมาระบายกับผู้หญิงร่านรักแบบเธอหรอกนะชาริกา เพราะตัวเธอมันสกปรกจนฉันไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง”

    ไม่พูดเปล่านนทพัทธ์ยังทำท่ารังเกียจตามที่ปากว่า ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ทว่าก็ไม่ลืมทิ้งคำพูดที่มันทำให้คนได้ยินแทบล้มทั้งยืน

    “อ้อลืมบอกไป ไม่ใช่แค่ไม่กล้าแตะต้องนะ แค่อยู่ใกล้ฉันยังกลัวเสนียดของผู้หญิงสกปรกติดตัวจะแย่ ถ้าเป็นไปได้ฉันแทบไม่อยากจะเสวนาด้วยเลย”

    ชายหนุ่มพูดจบก็เปิดประตูออกไปด้วยความสะใจ โดยนนทพัทธ์เองก็ลืมคิดไปว่าสิ่งที่ตัวเองพูดจาทำร้ายคนตัวเล็กนั้น ตนเองได้ทำตามที่พูดไว้ไปแล้วเสียเกือบทุกอย่าง

    ชาริกาทรุดลงนั่งกับพื้นห้องด้วยความปวดใจ ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม นาทีนี้เธอเหมือนกลายเป็นคนไร้ค่าไปสำหรับเขาโดยปริยาย หรือไม่ตัวเธออาจจะไม่เคยมีค่าอยู่ในสายตาเขาเลยก็ได้

    ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีก่อนหรือสิบปีก่อน แต่ก็ไม่สามารถโทษใครได้ในเมื่อเลือกที่จะทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่เชื่อมาตลอด จึงได้แต่ก้มรับชะตากรรมนี้ต่อไป แม้จะไม่แน่ใจว่าตนเองสมควรได้รับรึเปล่า

    “ทำไมคุณถึงใจร้ายกับฉันถึงขนาดนี้คะ คุณนนทพัทธ์”

    หญิงสาวได้แต่กุมหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวดกับคำพูดและการกระทำที่ลูกชายผู้มีพระคุณมอบให้ ก่อนจะรีบกุลีกุจอเช็ดน้ำตา เมื่อมีเสียเรียกจากที่หน้าประตูห้อง

    “คุณหนูชามขา คุณนันท์ให้ขึ้นมาตามลงไปทานข้าวค่ะ จะได้รีบไปโรงพยาบาล” ป้านวลที่แสนใจดีเอ่ยเสียงนุ่มเรียกหญิงสาวที่ตนเอ็นดูยิ่งนัก

    แม้ชาริกาจะดูนิ่งเงียบและเก็บกด เพราะเจอกับเหตุการณ์ที่แสนสะเทือนใจจนลืมไม่ลง ทว่าหญิงสาวก็เป็นเด็กน่ารักและอ่อนหวานเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่เมื่ออยู่คนเดียวเด็กน้อยที่แสนน่ารักกลับเศร้าหมองจนน่าตกใจ

    นางก็ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งเด็กน้อยคนนี้จะมีแต่รอยยิ้มตลอดไปไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หรือคนเดียว ซึ่งมันอาจจะต้องใช้เวลานานหรืออาจจะไม่มีวันนั้นเลย ทว่านางก็ได้แต่หวังว่าอาจจะมีสักวัน

    “เดี๋ยวชามตามลงไปนะคะป้านวล ชามยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยค่ะ” หญิงสาวปดไป เพราะไม่อยากทำให้ใครต้องเป็นห่วงกับกาฝากเช่นตน

    “ค่ะคุณหนูชาม แต่รีบๆ หน่อยนะคะเดี๋ยวรถจะติดเอา” ป้านวลเองก็ยังคงเป็นห่วง ทว่าก็ยอมตามใจเจ้าของห้อง ทว่าก็ไม่ลืมย้ำเรื่องเวลา

    “ค่ะป้านวล”

    ชาริกาตะโกนกลับไป และก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของป้านวลเดินออกไป หญิงสาวจึงลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจากแก้มนวล ปล่อยเรื่องเมื่อครู่ให้กลายเป็นอดีต ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างที่มีพี่ชายที่แสนดีรออยู่

    เธอจะต้องเข้มแข็งนะชาริกา อีกไม่นานแล้วที่เธอจะรอดพ้นจากผู้ชายใจร้ายคนนั้น

    หญิงสาวได้แต่ปลอบตนเองในใจขณะก้าวเดินไปข้างหน้า และจะไม่ยอมอ่อนแอให้นนทพัทธ์ระรานตนได้อีกแล้ว แม้หัวใจดวงนี้มันจะอ่อนแรงลงทุกคืนวันก็ตามที 

     

     


    หึงเค้าหรือไงพ่อคุณทูนหัว พี่นนท์คนน่ารักของไรท์
    แหม่ๆๆ มีประชดประชันด้วย
    มีใครเริ่มหมั่นไส้เฮียนนท์แล้วบ้างหรือเปล่าคะ 5555
    เฮียแกน่ารักดีเนอะว่าไหม

     




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×