คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 13 ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรา (100%)
“หนูชามจะไปจริงๆ ใช่ไหมลูก”
ภีรตาเอ่ยถามอย่างใจหาย ระหว่างที่ยืนส่งหญิงสาวอยู่หน้าบ้าน หลังจากที่คุยกันอยู่นานหลายชั่วโมงในเรื่องนี้ แต่ชาริกาเองก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นดังที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
ทว่าก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเข้ามาเยี่ยมบ่อยๆ แม้หญิงสาวจะทำงานในบริษัทตัวเอง ซึ่งจะไปมาหาสู่กันเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่มันก็อดจะรู้สึกใจหายไม่ได้ เมื่อคนที่อยู่ด้วยกันมานานกำลังจะไปอยู่ที่อื่น
ถ้าไม่ติดว่าตนเองต้องบินไปต่างประเทศพร้อมกับสามีในอีกไมกี่ชั่วโมงข้างหน้า คงจะตามไปส่งหญิงสาวถึงที่พักด้วยตนเอง
“ชามจะมาเยี่ยมคุณท่านบ่อยๆ นะคะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้ พร้อมกับยกมือไหว้ลาท่านอีกครั้ง “ชามขออนุญาตลานะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะลูก ว่างๆ เดี๋ยวแม่จะแวะไปหาที่บริษัท” ภีรตาเอ่ยอวยพร
“ค่ะคุณท่าน”
ชาริกายิ้มให้ทุกคนในบ้านที่มายืนรอส่งเธออีกครั้ง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่มีคนขับของบ้านพิมพ์พิลาวัลย์เป็นสารถีให้ จากความเมตาของเจ้าของบ้านในการอำนวยความสะดวก
ภีรตามองตามหลังรถไปจนพ้นรั้วบ้านพร้อมกับคนในบ้านที่มีสีหน้าเศร้าไม่ต่างกัน เมื่อชาริกาเลือกจะตัดสินใจแบบนี้ นางเอกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้าม แม้จะเป็นห่วงมากแค่ไหนก็คงทำได้แต่ดูแลหญิงสาวอยู่ห่างๆ ต่อไป
“เข้าบ้านกันเถอะ”
นายหญิงของบ้านเอ่ยอย่างตัดใจ พร้อมกับหันหลังเดินเข้าบ้านไป โดยมีพวกสาวใช้และคนในบ้านคนอื่นๆ ตามหลังไป บางรายก็แยกไปทำงานของตนเองที่ทำค้างไว้
“ขอบคุณมากๆ นะคะลุงสนที่ช่วยชามขนของ”
ชาริกากล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ชายวัยกลางคน ซึ่งเป็นคนขับรถของบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ แล้วยังเป็นสามีของป้านวลแม่บ้านใหญ่ของบ้านหลังนั้นอีกด้วย
“ไม่เป็นไรครับคุณหนูชาม” ชายวัยกลางคนรีบรับไหว้แทบไม่ทัน
ถึงหญิงสาวจะย้ายออกจากบ้านของเจ้านายตนแล้ว แต่ก็ยังเกรงใจเจ้าหล่อนที่เป็นเด็กอุปการะของเจ้านายเหนือหัวไม่ได้
แม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกท่าน ทว่าคนในบ้านก็ให้เกียรติชาริกาเทียบเท่ากับคุณหนูของบ้านเช่นกับลูกชายฝาแฝดของนาย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วลุงขอตัวกลับก่อนนะครับ” ลุงสนกล่าว
“ชามไม่รบกวนลุงสนแล้วค่ะ เดี๋ยวที่เหลือชามจัดการเอง”หญิงสาวรีบตอบอย่างเกรงใจ
แม้ของที่ขนย้ายออกมาจะไม่มาก ทว่าคนเพียงสองคนที่ช่วยกันขนของก็ทำให้เหนื่อยไม่เบา ประกอบกับลุงสนที่มีอายุมากแล้ว ถึงท่านจะแข็งแรงมาก แต่ก็ถือว่าเหนื่อยระดับหนึ่งสำหรับชายสูงอายุ
“งั้นลุงขอตัวก่อนนะครับ” ลุงสนบอกคนรุ่นหลาน แล้วเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแค่เจ้าของห้องที่มองของตรงหน้าตนอย่างฮึดสู้
“ได้เวลาจัดของแล้วชาริกา”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ใช้เวลาจัดเตรียมห้องใหม่ของตนเอง โดยใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงถึงจะจัดการเรียบร้อยและเป็นที่น่าพอใจสำหรับห้องเช่าขนาดกลางนี้
โชคดีที่ลุงสนท่านไม่สนใจถามถึงรูมเมทของเธอ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลังก็ได้กับการโกหกครั้งนี้
“เหนื่อยเป็นบ้า เฮ้อออ !”
หญิงสาวพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนแผ่กับเตียงนุ่มขนาดสามฟุตครึ่งของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ทว่าก็ต้องรีบดีดตัวลุกนั่งอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ปลายเตียงตอนของตนเอง
ชาริกาเบิกตาโพลง เมื่อเห็นหน้าผู้บุกรุกชัดเจน โดยคาดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ได้ ทั้งที่เขาไม่มาให้เห็นหน้าอยู่ตั้งหลายอาทิตย์
“คุณ !”
หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจปนอึ้งที่เห็นหน้าหล่อๆ ของนนทพัทธ์อยู่เบื้องหน้า
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถามออกไปด้วยความสงสัย ที่สำคัญเขาเข้ามาในห้องได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นคนล็อกห้องเองกับมือ
นนทพัทธ์ไม่ตอบ แต่กลับปีนขึ้นไปบนเตียงเล็กของหญิงสาว แล้วสวมกอดเจ้าของเตียงไว้ด้วยความรวดเร็ว จนคนถูกกอดได้แต่อ้าปากค้างกับความมือไวและรวดเร็วของผู้บุกรุก
“ไม่เจอหน้ากันหลายวัน รู้สึกว่าน้องชามจะลืมว่าต้องใช้สรรพนามเรียกพี่ว่ายังไงนะคะ”
ชายหนุ่มถามด้วยใบหน้ายียวนที่ค่อยๆ โน้มเข้าไปใกล้หน้าหวานของคนในอ้อมกอด
“พี่นนท์มาได้ยังไงคะ”
หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามตามที่คนตัวโตค้าน มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เขาไม่พอใจได้ ก่อนจะดันหน้าหล่อไว้ไม่ให้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ แต่มีหรือที่แรงผู้หญิงจะสู้แรงผู้ชายอกสามศอกได้
“...”
เขาไม่ตอบ แต่พยายามสะบัดหน้าหล่อของตัวเองออกจากมือเล็กจนสำเร็จในที่สุดแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้หน้าหวาน หวังจะสำเร็จโทษที่แก้มนุ่ม ทว่าต้องพลาดเป้าเมื่อคนตัวเล็กหลบทัน
“พี่นนท์ปล่อยชามก่อนเถอะค่ะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
หญิงสาวเอ่ยอย่างอ้อนวอนหวังให้เขาเห็นใจ ถ้าปล่อยให้เขากอดอยู่แบบนี้มีแต่เสียเปรียบกับเสียเปรียบ แม้ข้างในใจลึกๆ จะโหยหาสัมผัสจากเขามากก็ตาม
นนทพัทธ์ทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ ก่อนจะค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาด้วยความขบขัน เมื่อเห็นหน้าหวานคอยลุ้นตามทุกวินาที
คนถูกส่งยิ้มให้หัวใจกระตุกกับรอยยิ้มหวานที่ไม่เห็นมาหลายอาทิตย์ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวใจอ่อน ไม่ขัดขืนเหมือนในตอนแรกและนั่งนิ่งๆ ให้เขากอด
เมื่อเห็นคนในอ้อมแขนนิ่งและไม่ขัดขืนจึงก้มลงไปหอมแก้มนวลทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปประทับจูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียน แล้วปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ
“รู้ไหมพี่คิดถึงเรามากขนาดไหน”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไล้แก้มเนียนเบาๆ ทว่าเขาไม่ได้จ้องหน้าหวานอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับจ้องไปที่ริมฝีปากอิ่มสีหวานอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอ
ชาริกาเห็นปฏิกิริยาของคนตัวโตก็หน้าเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ไม่คิดว่าคนนิ่งขรึมอย่างนนทพัทธ์จะเป็นคนขี้หื่นแบบนี้ แต่เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ
ใบหน้าคมค่อยๆ ก้มลงมาจนใบหน้าห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะแนบสนิทกัน ริมฝีปากที่หน้ากว่าก็เริ่มขยับเลาะเล็มไปตามรอยแยกของริมฝีปากบางอย่างทะนุถนอมและทวีความรุนแรงขึ้นมาแรงอารมณ์
“อื้อ”
คนที่ไม่ได้ถูกจูบเพียงอย่างเดียวส่งเสียงประท้วง เมื่อมือของคนตัวโตเริ่มอยู่ไม่สุข พยายามสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดของเธอ
นนทพัทธ์ถอนจูบอย่างเสียดาย เพราะแม่คนตัวเล็กเริ่มประทุษร้ายร่างกายเขาเสียแล้ว
“พี่ปล่อยแล้วครับ” ชายหนุ่มปล่อยมือจากหน้าอกอวบที่ตนกุมไว้อย่างถนัดมือ ก่อนจะลูบที่หลังมือเบาๆ เพราะแสบจากการถูกหยิก
“พี่นนท์มีอะไรคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างแสนงอน ยังนึกเคืองถึงวันนั้นที่เขาหายไปโดยไม่ลาสักคำได้ดี ถ้าคืนนั้นเธอใจไม่แข็งพอคงไม่กล้าคุยกับเขาอย่างเดิมแบบวันนี้แน่
“พี่มาทวงสัญญา”
นนทพัทธ์บอกจุดประสงค์ของตัวเองทันที ก่อนจะคว้าร่างบางมากอดไว้อย่างแสนคิดถึง “ไหนชามบอกว่าจะย้ายไปอยู่กับพี่ไงครับ แต่นี่อะไร คนไม่รักษาสัญญา”
“ชามนึกว่าพี่นนท์จะเปลี่ยนใจ”
คนถูกว่าไม่รักษาสัญญาบอกเหตุผล ในเมื่อถึงวันที่เธอจะย้ายออกจากบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ คนที่อยากให้ย้ายไปอยู่ด้วยกลับหายไปโดยไม่คิดติดต่อ แล้วแบบนี้จะให้เธอทำเช่นไร
“พี่ขอโทษคนดี พี่มีงานต้องไปจัดการ”
คนที่น้อยใจในคราแรกเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าเหตุใดชาริกาถึงไม่ยอมย้ายข้าวของเข้าโคนโดเขาตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
“ชามเข้าใจค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้
“งั้นเราย้ายของกันเถอะค่ะ”
“แต่ลุงสนช่วยชามย้ายเรียบร้อยแล้วค่ะ” หญิงสาวบอก เมื่อของทุกอย่างเธอได้ขนเรียบร้อยแล้ว โดยมีลุงสนคอยช่วยเหลือ คงไม่มีอะไรให้นนทพัทธ์ช่วยอีก
“พี่หมายถึงย้ายของเข้าบ้าน…ของเรา”
“พี่นนท์…”
ชาริกาเรียกเขาเสียงเบาอย่างตื้นตัน ไม่คิดว่านนทพัทธ์จะให้เกียรติเธอขนาดนี้ คำว่า ‘บ้าน’ นานแล้วที่มันได้จากไปพร้อมกับบุพการีที่ล่วงลับ แต่วันนี้คนตรงหน้ากลับทำให้เธอรู้สึกมีบ้านมาอีกครั้ง
“ขอบคุณพี่นนท์ที่ใจดีกับชาม”
“ชามเป็นแฟนพี่ อย่างไรเสียพี่ก็ต้องใจดีกับแฟนพี่อยู่แล้ว” นนทพัทธ์บอกเสียงหวาน “เรามาช่วยกันเก็บของเถอะครับ”
“ค่ะพี่นนท์”
ชาริกาได้แต่คิดในใจว่านี่คงเป็นอีกก้าวหนึ่งที่เธอได้เดินเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของนนทพัทธ์ พื้นที่ที่มีไว้เพียงเพื่อผู้หญิงที่ชื่อ ‘มีนา’ แต่วันนี้เขาเปิดรับเธอเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น และหวังว่าสักวันเขาจะมีชื่อ ‘ชาริกา’ ไว้เต็มหัวใจบ้าง แม้สักนิดก็ยังดี
ความคิดเห็น