ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 13 ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรา (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.51K
      29
      3 ก.ย. 59




               “หนูชามจะไปจริงๆ ใช่ไหมลูก”

    ภีรตาเอ่ยถามอย่างใจหาย ระหว่างที่ยืนส่งหญิงสาวอยู่หน้าบ้าน หลังจากที่คุยกันอยู่นานหลายชั่วโมงในเรื่องนี้ แต่ชาริกาเองก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นดังที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

    ทว่าก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเข้ามาเยี่ยมบ่อยๆ แม้หญิงสาวจะทำงานในบริษัทตัวเอง ซึ่งจะไปมาหาสู่กันเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่มันก็อดจะรู้สึกใจหายไม่ได้ เมื่อคนที่อยู่ด้วยกันมานานกำลังจะไปอยู่ที่อื่น

    ถ้าไม่ติดว่าตนเองต้องบินไปต่างประเทศพร้อมกับสามีในอีกไมกี่ชั่วโมงข้างหน้า คงจะตามไปส่งหญิงสาวถึงที่พักด้วยตนเอง

    “ชามจะมาเยี่ยมคุณท่านบ่อยๆ นะคะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้ พร้อมกับยกมือไหว้ลาท่านอีกครั้ง “ชามขออนุญาตลานะคะ”

    “เดินทางปลอดภัยนะลูก ว่างๆ เดี๋ยวแม่จะแวะไปหาที่บริษัท” ภีรตาเอ่ยอวยพร

    “ค่ะคุณท่าน”

    ชาริกายิ้มให้ทุกคนในบ้านที่มายืนรอส่งเธออีกครั้ง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่มีคนขับของบ้านพิมพ์พิลาวัลย์เป็นสารถีให้ จากความเมตาของเจ้าของบ้านในการอำนวยความสะดวก

    ภีรตามองตามหลังรถไปจนพ้นรั้วบ้านพร้อมกับคนในบ้านที่มีสีหน้าเศร้าไม่ต่างกัน เมื่อชาริกาเลือกจะตัดสินใจแบบนี้ นางเอกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้าม แม้จะเป็นห่วงมากแค่ไหนก็คงทำได้แต่ดูแลหญิงสาวอยู่ห่างๆ ต่อไป

    “เข้าบ้านกันเถอะ”

    นายหญิงของบ้านเอ่ยอย่างตัดใจ พร้อมกับหันหลังเดินเข้าบ้านไป โดยมีพวกสาวใช้และคนในบ้านคนอื่นๆ ตามหลังไป บางรายก็แยกไปทำงานของตนเองที่ทำค้างไว้





     

    “ขอบคุณมากๆ นะคะลุงสนที่ช่วยชามขนของ”

    ชาริกากล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ชายวัยกลางคน ซึ่งเป็นคนขับรถของบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ แล้วยังเป็นสามีของป้านวลแม่บ้านใหญ่ของบ้านหลังนั้นอีกด้วย

    “ไม่เป็นไรครับคุณหนูชาม” ชายวัยกลางคนรีบรับไหว้แทบไม่ทัน

    ถึงหญิงสาวจะย้ายออกจากบ้านของเจ้านายตนแล้ว แต่ก็ยังเกรงใจเจ้าหล่อนที่เป็นเด็กอุปการะของเจ้านายเหนือหัวไม่ได้

    แม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกท่าน ทว่าคนในบ้านก็ให้เกียรติชาริกาเทียบเท่ากับคุณหนูของบ้านเช่นกับลูกชายฝาแฝดของนาย

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วลุงขอตัวกลับก่อนนะครับ” ลุงสนกล่าว

    “ชามไม่รบกวนลุงสนแล้วค่ะ เดี๋ยวที่เหลือชามจัดการเอง”หญิงสาวรีบตอบอย่างเกรงใจ

    แม้ของที่ขนย้ายออกมาจะไม่มาก ทว่าคนเพียงสองคนที่ช่วยกันขนของก็ทำให้เหนื่อยไม่เบา ประกอบกับลุงสนที่มีอายุมากแล้ว ถึงท่านจะแข็งแรงมาก แต่ก็ถือว่าเหนื่อยระดับหนึ่งสำหรับชายสูงอายุ

    “งั้นลุงขอตัวก่อนนะครับ” ลุงสนบอกคนรุ่นหลาน แล้วเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแค่เจ้าของห้องที่มองของตรงหน้าตนอย่างฮึดสู้

    “ได้เวลาจัดของแล้วชาริกา”

    หลังจากนั้นหญิงสาวก็ใช้เวลาจัดเตรียมห้องใหม่ของตนเอง โดยใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงถึงจะจัดการเรียบร้อยและเป็นที่น่าพอใจสำหรับห้องเช่าขนาดกลางนี้

    โชคดีที่ลุงสนท่านไม่สนใจถามถึงรูมเมทของเธอ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลังก็ได้กับการโกหกครั้งนี้

    “เหนื่อยเป็นบ้า เฮ้อออ !

    หญิงสาวพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนแผ่กับเตียงนุ่มขนาดสามฟุตครึ่งของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ทว่าก็ต้องรีบดีดตัวลุกนั่งอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ปลายเตียงตอนของตนเอง

    ชาริกาเบิกตาโพลง เมื่อเห็นหน้าผู้บุกรุกชัดเจน โดยคาดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ได้ ทั้งที่เขาไม่มาให้เห็นหน้าอยู่ตั้งหลายอาทิตย์

    “คุณ !

    หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจปนอึ้งที่เห็นหน้าหล่อๆ ของนนทพัทธ์อยู่เบื้องหน้า

    “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถามออกไปด้วยความสงสัย ที่สำคัญเขาเข้ามาในห้องได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นคนล็อกห้องเองกับมือ

    นนทพัทธ์ไม่ตอบ แต่กลับปีนขึ้นไปบนเตียงเล็กของหญิงสาว แล้วสวมกอดเจ้าของเตียงไว้ด้วยความรวดเร็ว จนคนถูกกอดได้แต่อ้าปากค้างกับความมือไวและรวดเร็วของผู้บุกรุก

    “ไม่เจอหน้ากันหลายวัน รู้สึกว่าน้องชามจะลืมว่าต้องใช้สรรพนามเรียกพี่ว่ายังไงนะคะ”

    ชายหนุ่มถามด้วยใบหน้ายียวนที่ค่อยๆ โน้มเข้าไปใกล้หน้าหวานของคนในอ้อมกอด

    “พี่นนท์มาได้ยังไงคะ”

    หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามตามที่คนตัวโตค้าน มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เขาไม่พอใจได้ ก่อนจะดันหน้าหล่อไว้ไม่ให้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ แต่มีหรือที่แรงผู้หญิงจะสู้แรงผู้ชายอกสามศอกได้

    “...”

    เขาไม่ตอบ แต่พยายามสะบัดหน้าหล่อของตัวเองออกจากมือเล็กจนสำเร็จในที่สุดแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้หน้าหวาน หวังจะสำเร็จโทษที่แก้มนุ่ม ทว่าต้องพลาดเป้าเมื่อคนตัวเล็กหลบทัน

    “พี่นนท์ปล่อยชามก่อนเถอะค่ะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

    หญิงสาวเอ่ยอย่างอ้อนวอนหวังให้เขาเห็นใจ ถ้าปล่อยให้เขากอดอยู่แบบนี้มีแต่เสียเปรียบกับเสียเปรียบ แม้ข้างในใจลึกๆ จะโหยหาสัมผัสจากเขามากก็ตาม

    นนทพัทธ์ทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ ก่อนจะค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาด้วยความขบขัน เมื่อเห็นหน้าหวานคอยลุ้นตามทุกวินาที

    คนถูกส่งยิ้มให้หัวใจกระตุกกับรอยยิ้มหวานที่ไม่เห็นมาหลายอาทิตย์ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวใจอ่อน ไม่ขัดขืนเหมือนในตอนแรกและนั่งนิ่งๆ ให้เขากอด

    เมื่อเห็นคนในอ้อมแขนนิ่งและไม่ขัดขืนจึงก้มลงไปหอมแก้มนวลทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปประทับจูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียน แล้วปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ

    “รู้ไหมพี่คิดถึงเรามากขนาดไหน”

    ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไล้แก้มเนียนเบาๆ ทว่าเขาไม่ได้จ้องหน้าหวานอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับจ้องไปที่ริมฝีปากอิ่มสีหวานอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอ

    ชาริกาเห็นปฏิกิริยาของคนตัวโตก็หน้าเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ไม่คิดว่าคนนิ่งขรึมอย่างนนทพัทธ์จะเป็นคนขี้หื่นแบบนี้ แต่เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ

    ใบหน้าคมค่อยๆ ก้มลงมาจนใบหน้าห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะแนบสนิทกัน ริมฝีปากที่หน้ากว่าก็เริ่มขยับเลาะเล็มไปตามรอยแยกของริมฝีปากบางอย่างทะนุถนอมและทวีความรุนแรงขึ้นมาแรงอารมณ์

    “อื้อ”

    คนที่ไม่ได้ถูกจูบเพียงอย่างเดียวส่งเสียงประท้วง เมื่อมือของคนตัวโตเริ่มอยู่ไม่สุข พยายามสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดของเธอ 

    นนทพัทธ์ถอนจูบอย่างเสียดาย เพราะแม่คนตัวเล็กเริ่มประทุษร้ายร่างกายเขาเสียแล้ว

    “พี่ปล่อยแล้วครับ” ชายหนุ่มปล่อยมือจากหน้าอกอวบที่ตนกุมไว้อย่างถนัดมือ ก่อนจะลูบที่หลังมือเบาๆ เพราะแสบจากการถูกหยิก

    “พี่นนท์มีอะไรคะ”

    หญิงสาวเอ่ยถามอย่างแสนงอน ยังนึกเคืองถึงวันนั้นที่เขาหายไปโดยไม่ลาสักคำได้ดี ถ้าคืนนั้นเธอใจไม่แข็งพอคงไม่กล้าคุยกับเขาอย่างเดิมแบบวันนี้แน่

    “พี่มาทวงสัญญา”

    นนทพัทธ์บอกจุดประสงค์ของตัวเองทันที ก่อนจะคว้าร่างบางมากอดไว้อย่างแสนคิดถึง “ไหนชามบอกว่าจะย้ายไปอยู่กับพี่ไงครับ แต่นี่อะไร คนไม่รักษาสัญญา”

    “ชามนึกว่าพี่นนท์จะเปลี่ยนใจ”

    คนถูกว่าไม่รักษาสัญญาบอกเหตุผล ในเมื่อถึงวันที่เธอจะย้ายออกจากบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ คนที่อยากให้ย้ายไปอยู่ด้วยกลับหายไปโดยไม่คิดติดต่อ แล้วแบบนี้จะให้เธอทำเช่นไร

    “พี่ขอโทษคนดี พี่มีงานต้องไปจัดการ”

    คนที่น้อยใจในคราแรกเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าเหตุใดชาริกาถึงไม่ยอมย้ายข้าวของเข้าโคนโดเขาตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก

    “ชามเข้าใจค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้

    “งั้นเราย้ายของกันเถอะค่ะ”

    “แต่ลุงสนช่วยชามย้ายเรียบร้อยแล้วค่ะ” หญิงสาวบอก เมื่อของทุกอย่างเธอได้ขนเรียบร้อยแล้ว โดยมีลุงสนคอยช่วยเหลือ คงไม่มีอะไรให้นนทพัทธ์ช่วยอีก

    “พี่หมายถึงย้ายของเข้าบ้านของเรา”

    “พี่นนท์

    ชาริกาเรียกเขาเสียงเบาอย่างตื้นตัน ไม่คิดว่านนทพัทธ์จะให้เกียรติเธอขนาดนี้ คำว่า บ้านนานแล้วที่มันได้จากไปพร้อมกับบุพการีที่ล่วงลับ แต่วันนี้คนตรงหน้ากลับทำให้เธอรู้สึกมีบ้านมาอีกครั้ง

    “ขอบคุณพี่นนท์ที่ใจดีกับชาม”

    “ชามเป็นแฟนพี่ อย่างไรเสียพี่ก็ต้องใจดีกับแฟนพี่อยู่แล้ว” นนทพัทธ์บอกเสียงหวาน “เรามาช่วยกันเก็บของเถอะครับ”

    “ค่ะพี่นนท์”

    ชาริกาได้แต่คิดในใจว่านี่คงเป็นอีกก้าวหนึ่งที่เธอได้เดินเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของนนทพัทธ์ พื้นที่ที่มีไว้เพียงเพื่อผู้หญิงที่ชื่อ มีนาแต่วันนี้เขาเปิดรับเธอเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น และหวังว่าสักวันเขาจะมีชื่อ ชาริกาไว้เต็มหัวใจบ้าง แม้สักนิดก็ยังดี

     

    ฝากติดตามด้วยจ้าา




     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×