ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 ‘ชาริกา สุทธิการณ์’ (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.34K
      47
      7 ม.ค. 59




    “กรี๊ดดด !!! คุณพ่อ ! คุณแม่ !

    “หนูเป็นอะไรลูก ได้ยินแม่ไหมชาม หนูชาม !

    ภีรตาเหย่าร่างบางพร้อมกับร้องเรียกชื่อหญิงสาวไปด้วย เมื่อคนที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกรีดร้องออกมาเสียงดัง

    “คุณท่าน

    ชาริการเอ่ยออกมาเสียงเบา เมื่อเห็นหน้าคนที่เรียกตน

    “หนูเป็นอะไรลูก”

    ภีรตาเอ่ยถามอย่างเวทนา เพราะรู้ว่าชีวิตหญิงสาวตรงหน้านี้น่าสงสารเพียงใด

    “ชามฝันถึงคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”

    หญิงสาวตอบออกไปตามความจริง ก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มเนียนอย่างห้ามไม่อยู่กับความจริงที่ตนไม่สามารถลืมได้เลยตลอดห้าปีที่ผ่านมา

    “โถ่หนูชาม”

    ภีรตาคว้าหญิงสาวกำพร้าที่ตนรักเหมือนลูกแท้ๆ มากอดไว้แนบอกอย่างปลอบโยน เพราะรู้ถึงเรื่องสะเทือนใจที่ชาริกาฝันถึง

    หลังจากเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนที่สุดจะสะเทือนใจสำหรับครอบครัวพิมพ์พิลาวัลย์ที่ต้องสูญเสียว่าที่ลูกสะใภ้อย่างไม่มีวันหวนกลับ และอีกครอบครัวหนึ่งก็คือครอบครัวสุทธิการณ์ที่สูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป มีเพียงชาริกาในวัยสิบเก้าปีในตอนนั้นที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ร้ายแรงมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ทว่าหญิงสาวกลับต้องโดดเดี่ยว เพราะเหลือเพียงตัวคนเดียวในโลกปราศจากญาติพี่น้อง

    คุณผู้หญิงของบ้านพิมพ์พิลาวัลย์จึงปรึกษากับสามีในการรับหญิงสาวมาดูแลจนกว่าชาริกาจะพร้อมที่จะเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง ซึ่งคันธารัตน์เองก็เห็นด้วย และในที่สุดบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ก็มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นมาเป็นสาวน้อยวัยใสอีกหนึ่งคน

    แม้ตอนแรกเจ้าตัวจะไม่ยอมรับความหวังดีนี้ แต่ด้วยเหตุผลมากมายที่แย้งในความเป็นจริงไม่ได้ จึงยอมเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้จนกว่าตนเองจะเรียนจบมหาวิทยาลัยตามที่เจ้าของบ้านสัญญาไว้

    หญิงสาวในวันสิบเก้าปีที่ปราศจากเสาหลักเช่นบิดาและมารดา ต้องมาอาศัยอยู่บ้านพิมพ์พิลาวัลย์ด้วยเหตุจำเป็น ทั้งที่เจ้าหล่อนเต็มใจจะไปอยู่สถานสงเคราะห์ ทว่าก็ปฏิเสธในความหวังดีของเจ้าของบ้านไม่ได้ เนื่องจากตนเองก็ไม่มีญาติที่ไหน แถมยังไม่มีทันทรัพย์ที่มากพอในการดำเนินชีวิตต่อไป เพราะบิดามารดาเป็นเพียงแค่พนักงานบริษัทเอกชนทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเงินเก็บหรือสมบัติมากมาย ส่วนเงินประกันที่ได้จากอุบัติเหตุก็ไม่ได้มากพอที่จะสามารถส่งตนเองจนจบระดับมหาวิทยาลัยได้

    ด้วยเหตุนี้ชาริกาจึงยอมเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่แสนอบอุ่นนี้ แม้จะได้รับความเกลียดชังมาจากลูกชายคนโตของบ้าน ทว่าหญิงสาวก็ตั้งใจจะทนอยู่ต่อไปจนกว่าตนจะเรียนจบ ส่วนหนึ่งก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของเจ้าของบ้านที่ให้ข้าวให้ที่อยู่และให้ชีวิตใหม่สำหรับตน

    หญิงสาวผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่น ก่อนจะเอ่ยบอกกับผู้มีพระคุณ “ชามขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ พอดีชามมีเรียนตอนเก้าโมงค่ะ”  

    แม้ผู้มีพระคุณจะอนุญาตให้เรียกท่านว่า แม่ ตามลูกชาย ทว่าชาริกาก็ไม่กล้าอาจเอื้อม ถึงทุกคนภายในบ้านจะเรียกเธอว่าคุณหนูก็ตาม แต่ก็รู้ว่าตนเองนั้นอยู่ในสถานะใดของบ้าน จึงได้แต่อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ให้ใครมาดูถูกได้ว่าเป็นคางคกขึ้นวอ

    “แต่หนูไม่สบายนะลูก”

    ภีรตาแย้ง เพราะชาริกาไม่สบายมาหลายวันแล้ว แต่ที่หญิงสาวไม่หายเสียทีก็เพราะดื้อที่จะช่วยคนงานในบ้านทำงาน ทำให้อาการป่วยยืดเยื้อไม่หายเสียที

    “ชามหายแล้วค่ะ”

    คนป่วยเอ่ยแย้งกลับ แม้จะรู้สึกเพลียๆ อยู่ก็ตาม แต่เพราะไม่อยากทำตัวสำออยให้ผู้ชายใจร้ายดูถูกได้ จึงพยายามฝืนสังขารของตัวเองให้ไวจงได้

    “งั้นแม่จะให้พี่นนท์ไปส่ง วันนี้พี่เขาว่าง และหนูก็ห้ามปฏิเสธ”

    คนมีอำนาจสูงสุดในบ้านเอ่ยสั่ง มีหรือคนอาศัยจะกล้าปฏิเสธได้ จึงได้แต่ตกลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะรู้ว่าต่อจากนี้ไปตนเองจะถูกแกล้งอีกแน่อย่างไม่ต้องเดา

    “ค่ะคุณท่าน”

    “เด็กคนนี้นี่ บอกให้เรียกแม่ก็ยังเรียกคุณท่านอยู่นี่แหละ เอาเป็นว่าแม่ตามใจเราก็แล้วกัน เฮ้อ !

    ภีรตาได้แต่ยอมตามใจไป เพราะบังคับอย่างไรชาริกาก็ยังเรียกตนว่าคุณท่านเช่นเดิม “อาบน้ำเสร็จก็ลงไปทานข้าวนะชาม เดี๋ยวแม่จะไปบอกเด็กในบ้านให้ทำข้าวต้มรอ”

    “ค่ะ”

    หญิงสาวตอบรับ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำอย่างที่ได้บอกไว้

    ภีรตายิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน แม้จะรู้ว่าที่ตนเองจัดการให้นนทพัทธ์ไปส่งชาริกาที่มหาวิทยาลัยจะทำให้คนทั้งสองคิดไปถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวด

    ทว่าสิ่งที่ทำก็เพราะหวังดีอยากให้ทั้งคู่ยอมรับความจริงที่มันผ่านมาแล้วถึงห้าปีให้ได้ แต่สำหรับชาริกานางไม่ห่วงเท่ากับลูกชายคนโตที่ยังจำฝังใจคิดว่าที่มีนาคู่หมั้นสาวต้องจบชีวิตไปก็เพราะหญิงสาวคนนี้เป็นต้นเหตุ ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่เป็นความจริงเลย

    “หวังว่าพี่นนท์จะยอมรับความจริงได้แล้วนะว่าหนูชามไม่ได้ผิดอะไร”


    ***********


     

    “ถ้าจะให้ไปส่งก็อย่าลีลา ฉันไม่มีเวลาว่างมาส่งกาฝากอย่างเธอหรอกนะ” นนทพัทธ์เอ่ยกระทบถึงคนใส่ชุดนักศึกษาที่กำลังทานข้าวอย่างมีความสุขด้วยความไม่พอใจ

    ชาริกาที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากก็ต้องหยุดชะงักและวางช้อนลงที่เดิมทั้งที่ยังไม่มีข้าวต้มแม้แต่คำเดียวตกถึงท้อง ทว่าก็ต้องรีบหยิบกระเป๋าและลุกเดินตามหลังลูกชายเจ้าของบ้านไปอย่างเร่งรีบ

    แม้ตอนี้จะแสบท้องเมื่อกระเพราะที่ทำตามกลไกการทำงานของร่างกายปล่อยน้ำย่อยออกมาก็ตาม แต่เพราะไม่อยากให้เจ้าของบ้านที่เกลียดชังตนยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือมาพูดกระทบจึงรีบทำตามที่เขาสั่ง

    หญิงสาวชุดนักศึกษาเปิดประตูรถหรูเข้าไปนั่งด้านหน้าฝั่งข้างคนขับ โดยมีนนทพัทธ์เป็นสารถีในครั้งนี้ แต่เธอก็รู้ว่าเขาทำไปเพราะเป็นคำสั่งของคนเป็นแม่

    “ลีลา !

    นนทพัทธ์เอ่ยกระกระทบที่คนข้างๆ ชักช้า แม้ความจริงแล้วหญิงสาวจะไม่ได้ช้าอย่างที่เขาว่า ทว่าอะไรที่ผู้หญิงชื่อชาริกาทำ สิ่งนั้นย่อมผิดไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ครั้งนี้ก็เช่นกัน

    ชาริกาไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งเงียบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนเองจะถูกกระแหนะกระแหนจากชายหนุ่มข้างกายแน่นอน ทว่าระยะเวลาห้าปีที่ถูกพูดกระทบเช่นนี้ก็ทำให้หญิงสาวชินเสียแล้ว แต่อีกไม่กี่เดือนก็รอดพ้นจากคำกล่าวหาพวกนี้เสียที

    อดทนไว้ชาม เดี๋ยวเธอก็จะเป็นอิสระแล้ว

    ชาริกาได้แต่พูดเตือนตัวเองในใจ เนื่องจากไม่อยากพูดต่อปากต่อคำกับผู้ชายใจยักษ์คนนี้ เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไป ตนก็จะเป็นฝ่ายผิดอยู่วันยังค่ำ

    “ไปอ้อนอะไรกับคุณแม่ท่านอีกล่ะ ท่านถึงได้ให้ฉันไปส่งเธอ”

    ผู้ชายใจยักษ์ที่คนข้างกายแอบตั้งฉายาให้ยังคงพูดกระทบอีกฝ่ายอย่างไม่มีลดละ ทว่ากลับไม่มีเสียงของชาริกาตอบกลับมาแม้แต่คำเดียว นั่นยิ่งทำให้คนพูดคนเดียวโมโหขึ้นมา

    “ถ้าไม่มีปากแบบนี้ก็เชิญเดินไปเอง ฉันไม่อยากไปส่งคนไม่มีมารยาท”

    นนทพัทธ์ไม่พูดเปล่าทว่ากลับจอดรถลงข้างทางทั้งที่ออกมาจากคฤหาสน์พิมพ์พิลาวัลย์ได้ไม่ถึงห้าร้อยเมตร

    “ขอบคุณค่ะ”

    หญิงสาวยกมือไหว้ พร้อมกับเปิดประตูลงจากรถไปตามที่เจ้าของรถเชื้อเชิญ แม้ตอนนี้จะเริ่มรู้สึกมึนๆ หัวมาอีกครั้งแล้วก็ตาม ทว่าเมื่อเขาไม่เต็มใจจะไปส่ง เธอก็ไม่ควรที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป

    “ยัยเด็กบ้า !

    คนที่ไล่ก็ได้แต่สบถต่อว่าอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าเจ้าหล่อนนั้นไม่สบาย ทั้งที่เขานั่งห่างจากหญิงสาวพอสมควรก็ยังรับรู้ได้ถึงไอร้อนของร่างกายที่แผ่ออกมา

    “ทำเป็นเก่ง ตัวจะเดินไม่ไหวยังจะปากเก่ง”

    ชาริกาที่เดินลงจากรถหรูมาก็รีบเดินไปยังปากซอยเพื่อเดินไปขึ้นรถเมล์ ถึงแม้ผู้อุปการะจะให้เงินแต่ละเดือนใช้อยู่ไม่ขาด ทว่าก็ต้องใช้อย่างประหยัด เพื่อเก็บเงินไว้ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ในตอนที่ต้องออกไปจากบ้านหลังใหญ่ เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนท่านอีกครั้ง

    นนทพัทธ์มองดูร่างบางที่รีบสาวเท้าเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่คิดเหลียวหลังหรือมาขอร้องให้เขาช่วย ชายหนุ่มเองก็มิได้สนใจ เคลื่อนรถหรูออกไปจากที่ตรงนั้นทันที โดยไม่คิดสนใจคนป่วยเช่นเดียวกัน

    “อยากเก่งก็เก่งให้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน ยัยกาฝาก !

    ชาริกามองดูรถหรูที่ขับเคลื่อนจากไปด้วยความเร็ว ทว่าก็ไม่ได้นึกเสียใจที่นนทพัทธ์ทิ้งตนไว้ตรงนี้ เพราะบ่อยครั้งนักที่ชายหนุ่มปฏิบัติเช่นนี้

    หญิงสาวสาวเท้าเดินต่อไป แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทน แต่สภาพร่างกายที่ไม่เต็มร้อยเพราะอาการป่วยก็ทำให้หน้ามืดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทำให้ขาที่ยืนรับน้ำหนักตัวทั้งสองข้างทำท่าจะทรุดลง ทว่าก็มีอ้อมแขนแกร่งมารับไว้ได้ทันเสียก่อน ไม่เช่นนั้นคงได้ลงไปนอนกับพื้นแน่

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณไปกับความมีน้ำใจนี้

    “เฮ้อ ไม่สบายก็ไม่นอนอยู่บ้านล่ะน้องชาม” ชายผู้มีน้ำใจเอ็ด เพราะรับรู้ถึงอุณหภูมิร้อนที่ลอดผ่านเสื้อนักศึกษาตัวบางมากระทบกับแขนตนได้

    “ชามขอบคุณคุณนันท์มากนะคะ”

    ชาริกาพยุงตัวเองออกจากแขนแกร่ง เพื่อยืนด้วยขาตนเอง ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจดีและช่วยพยุงจนหญิงสาวยืนตรงได้

    “เรียกพี่สิคะน้องชาม บอกกี่ครั้งก็ไม่รู้จักจำ” เจ้าของชื่อเอ็ดอย่างไม่จริงจังนักกับความดื้อนี้

    “ค่ะพี่นันท์” ชาริกายิ้มบางๆ ให้กับชายตรงหน้า

    “นี่จะไปเรียนใช่ไหม ให้พี่ไปส่งดีกว่า น้องชามไปเองคงไม่ไหว”

    นันทพัทธ์เสนอเพราะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่ชายฝาแฝดต้องทำแบบนี้ เขาจึงตัดสินใจขับรถตามมาช้าๆ และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เมื่อนนทพัทธ์ทิ้งชาริกาลงข้างทาง ทั้งที่ออกมาจากบ้านได้ไม่ไกลนัก

    นันทพัทธ์มองดูหญิงสาวข้างกายที่หน้าตาซีดเซียวไร้สีเลือดด้วยความสงสาร ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเขารับรู้การกระทำของพี่ชายทุกอย่าง ทว่าก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก จึงได้แต่แอบช่วยลับหลังอยู่เช่นนี้

    ชาริกาอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับคุณแม่ลูกแฝดอย่างญาตาวีญาติผู้น้องของเขา และชีวิตที่น่าสงสารของหญิงสาว ทำให้เขารักและเอ็นดูเธอแบบน้องสาวอีกคนได้ไม่ยาก

    “ชามไปเองได้ค่ะ ไม่รบกวนพี่นันท์ดีกว่า” หญิงสาวปฏิเสธไป เพราะไม่อยากรบกวนชายหนุ่มใจดีคนนี้จริงๆ

    “ถ้าไม่ให้พี่ไปส่งที่มหาลัย พี่ก็จะพาน้องชามกลับไปพักผ่อนที่บ้าน พี่ให้สิทธิ์เราเป็นคนเลือก น้องชามเลือกอะไรบอกพี่ได้เลยค่ะ พี่นันท์รอฟังอยู่”

    นันทพัทธ์ยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของตนเอง ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกได้แต่ถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างยอมจำนน

    “ชามให้พี่นันท์ไปส่งที่มหาลัยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเลือกในที่สุด

    “งั้นก็ขึ้นรถกันเลย”

    นันทพัทธ์เดินเข้าไปประคองชาริกาที่ตนรักเหมือนน้องสาวอีกคนไปขึ้นรถ ก่อนจะวิ่งอ้อมไปอีกฝั่งขึ้นประจำที่คนขับและออกรถมุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังที่หญิงสาวเรียนอยู่ทันที โดยทั้งสองหารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองดูการกระทำที่ดูห่วงใยกันเกินคนรู้จักตั้งแต่ต้น

    “ดูห่วงใยกันเหลือเกินนะ เพราะนัดแนะกับไอ้นันท์ไว้สินะถึงรีบลงจากรถฉันไปอย่างไม่เหลียวหลัง แบบนี้จะไม่ให้ฉันเกลียดเธอได้ยังไงยัยกาฝาก”

    นนทพัทธ์พูดเสียงลอดไรฟันพร้อมกับกำพวงมาลัยรถแน่นอย่างระงับอารมณ์ เขารึอุตส่าห์เป็นห่วง เพราะรู้ว่าสาวเจ้าไม่สบายจึงตัดสินใจวกรถกลับมา ทว่ากลับต้องมาเจอคนทั้งสองกำลังหวานกันอย่างไม่เลือกสถานที่ โดยยืนกอดกันกลมกลางถนนทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ ช่างไม่อายฟ้าอายดินทั้งที่ตัวเองเป็นผู้หญิงยิงเรือ

    ส่วนนันทพัทธ์ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะรายนั้นเป็นผู้ชาย แถมยังพ่วงท้ายด้วยจอมกะล่อนของบ้าน เห็นแบบนี้คงไม่แปลกมากนัก แต่ชาริกาเป็นผู้หญิง ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าคงไม่พ้นถูกคำครหาและแน่นอนว่ามันส่งผลเสียถึงคนที่อบรมณ์เลี้ยงดูหญิงสาวมา ซึ่งก็คือแม่ของเขาเอง

    “ฉันจะทำทุกวิถีทางให้เธอไปให้พ้นบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ ชาริกา !” ชายหนุ่มพูดออกมาเสียงเข้มและพร้อมจะทำอย่างที่พูดไว้

    เวลา 5 ปีซึ่งมันนานเกินพอแล้วที่ต้องทนอยู่ร่วมบ้านกับคนที่ขึ้นซื่อได้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรักเขาต้องตาย และต่อจากนี้ไปอย่าหวังว่ายัยกาฝากจะอยู่อย่างมีความสุข ไม่มีทาง !

    นนทพัทธ์คิดและเชื่อเสมอมาว่าชาริกาคือต้นเหตุของความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือการที่มีนาหญิงคนรักประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย แม้เหตุการณ์ในครั้งนั้นชาริกาจะสูญเสียบิดามารดาไปด้วยก็ตาม

    ทว่าถ้าหากในคืนนั้นยัยกาฝากจะไม่ขอร้องให้บิดาตนจอดรถ เพื่อไปช่วยลูกแมวข้างถนนตามที่หญิงสาวเล่ามา มีนาคนรักของเขาคงไม่ต้องตาย และมันสมควรแล้วที่ยัยนั่นจะต้องอยู่โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ แม้พ่อแม่ของเขาจะรักเธอเพียงใด แต่เขาก็รู้ว่าชาริกาไม่มีความสุขเลย ซึ่งมันก็สาสมกับผลกรรมที่ผู้หญิงคนนั้นทำเอาไว้

    เขาและมีนาคบกันมานานและกำลังจะแต่งงานกัน ทว่าก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสียก่อน มีนาเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจับใจ

    เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่คือใคร เติบโตมากับสถานสงเคราะห์ ซึ่งก็ไม่ได้ใช้ชีวิตราบรื่นมากนัก เพราะความสวยความน่ารักของหญิงสาว ทำให้เด็กในบ้านที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ไม่ชอบให้คนอื่นเด่นกว่าตัวเองทำร้ายร่างกายจนต้องหนีออกมา

    ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้ท้อกับชีวิตที่แสนอาภัพนี้ มีนารับจ้างทำงานทุกอย่างที่ได้รับตอบแทน แม้จะถูกโกงค่าแรงอยู่บ่อยครั้ง เพราะอายุยังน้อยไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่เธอก็สู้จนสามารถส่งตัวเองเรียนจบมัธยมได้ ก่อนจะได้รับทุนเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังในระดับปริญญาตรี

    วันเปิดการศึกษาวันแรกนักศึกษาใหม่ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นไม่เว้นแม้กระทั่งมีนาเอง ด้วยความที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เพราะไม่กล้ารับใครเข้ามาในชีวิตอีก เนื่องจากกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม ทำให้หญิงสาวไม่ค่อยมีเพื่อนและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นนทพัทธ์สนใจในตัวผู้หญิงคนนี้

    นนทพัทธ์พยายามเข้าไปทำความรู้จักกับน้องใหม่ที่ลงเรียนวิชาเดียวกัน ทว่ามีนากลับไม่สนใจและมองรุ่นพี่คนนี้เป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น

    แม้หญิงสาวจะพูดคุยด้วยบ้างก็ตาม แต่คำพูดของมีนามันเหมือนมีกำแพงบางๆ กั้นตัวตนของเธอเอาไว้ และเขาจะเป็นคนทำลายกำแพงนั้นเอง

    และในที่สุดชายหนุ่มก็ทำสำเร็จจนได้ เพราะความจริงใจและสม่ำเสมอของนนทพัทธ์ทำให้มีนายอมเปิดใจที่จะรับเพื่อนใหม่เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ทั้งสองเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนและพัฒนาความสัมพันธ์กันเรื่อยมาจนกลายเป็นคนรัก ทำให้คนทั่วทั้งมหาลัยต่างก็อิจฉามีนากันทั้งนั้น

    เนื่องจากไม่มีใครไม่รู้จักลูกชายคนโตของตระกูลพิมพ์พิลาวัลย์ที่มีธุรกิจใหญ่โตมากมายทั้งทางฝั่งพ่อและแม่ ซึ่งลูกชายของบ้านนี้ต่างก็เป็นหนุ่มฮอตกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กันตภัทร ธันย์นารากร ลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่ม ที่มีดีกรีความหล่อและความรวยไม่แพ้กัน รวมถึงนันทพัทธ์น้องชายฝาแฝดจอมกะล่อนของนนทพัทธ์เองก็ด้วย

    มีนาอายุน้อยกว่านนทพัทธ์อยู่สองปี ทว่าความที่ขยันเรียนและเรียนเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้หญิงสาวสามารถเรียนเก็บหน่วยกิจจนจบพร้อมกันกับแฟนหนุ่มได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

    ความรักทั้งคู่งอกเงยขึ้นมาจนสุกงอมและตกลงจะแต่งงานกันทันทีหลังจากเรียนจบ ทว่าความฝันที่ทั้งสองฝันไว้ก็ต้องล่มลงไปต่อหน้าต่อตา เพราะว่าที่เจ้าสาวได้ลาจากโลกนี้ไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับอย่างกระทันหัน จากการกระทำของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างชาริกา

    นนทพัทธ์ไม่สามารถอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกันกับฆาตกรได้ เมื่อมารดารับชาริกาเข้ามาอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าหญิงสาวไม่มีญาติที่ไหนและไม่มีใครดูแล ชายหนุ่มจึงบินไปทำใจและเรียนต่อที่อังกฤษ ซึ่งมีคุณปู่จารัตน์และพี่ชายอย่างเดอิโก กฤตภัคร ชาน ธันย์นารากร คอยให้กำลังใจจนเขาพร้อมจะกลับมาทำหน้าที่ของตนเองที่ทิ้งไป

    ทว่าการกลับมาครั้งนี้ของนนทพัทธ์ช่างแตกต่างจากก่อนที่ชายหนุ่มบินไปยิ่งนัก เพราะนนทพัทธ์กลายเป็นคนเงียบขรึมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก และไม่มีใครรู้ว่าการกลับมาครั้งนี้ชายหนุ่มกลับมาพร้อมกับความแค้นอยู่เต็มอกที่เตรียมจะมอบให้แก่ผู้ที่ทำลายชีวิตตนอย่างไม่ปราณี

    ชาริกา สุทธิการณ์


     

    ไรท์กลับมาแล้วจ้าาาาาา
    วันนี้มาลงให้ครบ 100% เลยจ้าาาา
    ถ้าเห็นคำผิดบอกไรท์ด้วยนะคะ :):)


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×