ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 11 คิดหนัก (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.44K
      31
      8 พ.ค. 59




    ร่างบางที่เดินมาจากห้องน้ำมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันรอบกาย มีหยดน้ำเกาะพราวตามลำตัว เนื่องจากเพิ่งผ่านการชำระร่างกายมาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ต้องตกใจ เมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญบุกถึงห้องส่วนตัวในยามวิกาล

    ทว่าคนไร้มารยาทก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะคนที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนเตียงนั้นคือลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านหลังนี้

    แม้นนทพัทธ์จะบุกเข้ามาหาตนอยู่บ่อยครั้ง แต่รอบนี้กลับแปลกไปจากเดิม เมื่อรอบกายชายหนุ่มมันมีรังสีความไม่พอใจบางอย่างแผ่กระจายออกมาจนสามารถรับรู้ได้

    แล้วยังหน้าที่นิ่งเครียดไม่ยอมปริปากพูด แต่กลับจ้องเธอราวกับจะฉีกทึ้งให้ขาดด้วยความไม่พอใจนั้นก็สรุปได้ว่าเขากำลังไม่พอใจเธออยู่ แต่ด้วยเรื่องอะไรก็ไม่ทราบได้ เมื่อเขาไม่ยอมพูดก็ไม่เห็นต้องสน

    ชาริกาเดินไปยังตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่อยู่ภายในห้องนอน ก่อนจะเปิดออกหยิบชุดนอนมาสวมใส่ ณ ตรงนั้น โดยไม่เกรงในผู้บุกรุกแม้แต่น้อย ทำเหมือนชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในห้องนี้ก็ไม่ปาน

    ทางด้านนนทพัทธ์ที่บุกเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตกำลังนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ เมื่อคนตัวเล็กที่กำลังสวมใส่ชุดนอนต่อหน้าต่อตาเขาด้วยความสบายใจอยู่นั้นไม่คิดสนใจหรือถามว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่หญิงสาวยังคงทำกิจวัตรส่วนตัวแบบปกตินี่สิ

    เขารึอุตส่าห์รีบเข้ามาหา เมื่อบังเอิญไปได้ยินเรื่องที่มารดาของเขาเรียกเข้าไปพบ เรื่องที่หญิงสาวจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้หลังเรียนจบและจัดการทุกอย่างเรียบร้อย

    ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ชาริกาไม่คิดถามหรือปรึกษาอะไรเขาบ้างเลยในเรื่องนี้ ถ้าเมื่อก่อนเขาอาจจะดีใจที่เธอจะย้ายออกไปให้พ้นหน้า

    ทว่าตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่หญิงสาวจะย้ายออก นอกเสียจากว่าเธอไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับเขาอย่างที่เคยพูดเคยบอกมาตลอด

    ด้วยเหตุนี้เขาจึงร้อนใจเลยรีบบุกเข้ามาหาคนต้นเรื่องถึงในห้อง แต่เจ้าของห้องกลับไม่ทุกข์ร้อนในการมาของเขา ทำเสียกับว่าเขานั้นเป็นลมอากาศที่ไม่มีตัวตน

    แม้การที่เห็นร่างบางที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ตามตัวมีหยดน้ำเกาะพราว ซึ่งกำลังหาชุดเปลี่ยนเพื่อเข้านอน จนทำให้เขามองจนเพลินตาตามไปด้วย แต่มันก็ไม่สามารถดับไฟที่ร้อนรุ่มอยู่ในอกเขาลงได้แม้แต่น้อย ถ้าไม่พูดกันให้เข้าใจเขาคงนอนไม่หลับแน่คืนนี้

    “มองเห็นพี่แล้วเหรอแม่ตัวดี”

    คนร้อนใจถามอย่างประชดประชันออกไป เมื่อคนที่เดินวุ่นทั่วห้องนอนอย่างกับผึ้งงานยอมหยุดเดินเสียที นั่นยังไม่น่าหมั่นไส้กับท่าทางเจ้าหล่อนที่ยืนกอดอกประชันหน้าเขาอยู่ตอนนี้ พร้อมกับส่งสายตามาถามว่าเขามีอะไรถึงได้เข้ามาดึกดื่นนี่สิ

    “ค่ะ”

    เจ้าของห้องตอบอย่างเบื่อหน่าย ทั้งที่มาหยุดยืนตรงหน้าเพื่อให้เขาได้พูดธุระเสียที โดยนนทพัทธ์ก็ยังเป็นนนทพัทธ์อยู่วันยังค่ำ

    “มานี่เลยแม่ตัวดี”

    ชายหนุ่มพูดพร้อมกับกระตุกมือเล็ก ทำให้ร่างเล็กของชาริกาเซลงมานั่งตักเขาอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของตักแกร่งจะกอดรัดร่างนุ่มแน่น พร้อมกับก้มลงไปฟัดแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยว

    “กรี๊ด ปล่อยชามเดี๋ยวนี้เลยนะคะพี่นนท์”

    เจ้าของแก้มนุ่มพยายามปัดป้องใบหน้าคมที่โน้มลงมาหอมแก้มตนเป็นพัลวัน ทว่าก็ไม่เป็นผล เมื่อคนตัวโตไม่คิดจะปล่อยตามคำขอจึงได้แต่นั่งนิ่งให้เขาประทุษร้ายแก้มนุ่มของตนต่อไป จนพอใจนั่นแหละเขาจึงจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

    “ชื่นใจที่สุด”

    นนทพัทธ์ผละออกจากแก้มนุ่ม เมื่อจัดการฟัดจนตนเองพอใจ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนบนตักให้เป็นอิสระ เพียงแค่คลายอ้อมกอดลง หญิงสาวจะได้ไม่อึดอัดจนเกินไป เพราะเขาจะนั่งคุยในท่านี้จนเข้าใจกันนั่นแหละ

    จากอาการร้อนใจจนต้องบุกห้องนอนคนอื่นยามวิกาล ทว่าเมื่อพอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาว พร้อมกับได้ชื่นใจชาริกาเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้ไฟร้อนในอกลดอุณหภูมิลงมาได้มากทีเดียวแถมยังมีร่างนุ่มนิ่มให้คลอเคลียตลอดเวลาเช่นนี้ก็ทำให้ร้อนกลายเป็นอบอุ่นทันทีทันใด

    “พี่นนท์มีอะไรคะ” หญิงสาวถามขึ้น พร้อมกับพยายามลุกออกจากตักแกร่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงเลือกจะนั่งนิ่งต่อไป เพราะลึกๆ แล้วก็อยากให้เขากอดตนไว้เช่นนี้เช่นเดียวกัน

    “ชามจะย้ายออกจาก บ้านของเราจริงๆ หรือคะ” นนทพัทธ์ถามเสียงอ้อน พร้อมกับเกยคางบนบ่าเล็กของคนในอ้อมแขนอย่างน่าสงสาร

    “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ ก่อนจะอธิบายต่อ “ชามคุยกับคุณท่านไว้ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วค่ะ”

    แม้จะรู้สึกหวั่นไหวกับคำว่า บ้านของเราที่นนทพัทธ์ใช้เรียก แต่ก็ยังคงรักษาน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด เนื่องจากกลัวเขาจะจับได้ว่าเสียงตนสั่นเพียงใด ไม่อยากให้เขารู้ว่าการอ้อนของเขาทำให้เธอหวั่นไหวเสียจนไม่เป็นตัวของตัวเองและกลัวว่าเขาจะนึกสมเพชที่เธอแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาไม่อยากให้เธอออกจากบ้านหลังนี้

    “ไม่ย้ายออกไม่ได้เหรอ”

    นนทพัทธ์ยังคงออดอ้อนอยู่เช่นเดิม เผื่อหญิงสาวอาจจะเปลี่ยนใจ

    ความจริงที่เพิ่งรู้ว่าชาริกาตั้งใจจะย้ายออกจากบ้านพิมพ์พิลาวัลย์หลังจากเรียนจบ ทำให้เขาย้อนกลับไปถึงถ้อยคำร้ายกาจที่เคยพ่นใส่หน้าหญิงสาวที่เวลานั้นเขาอยากให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้จริงๆ

    ทว่าตอนนี้เวลาที่หญิงสาวกำลังจะย้ายออกไป เขากลับไม่รู้สึกดีใจเอาเสียเลย แต่กลับรู้สึกหน่วงๆ ที่อกข้างซ้าย อยากทำทุกอย่างเพื่อให้เธอไม่ไปและอยู่ด้วยกันต่อไปเรื่อยๆ

    “ไม่ได้หรอกค่ะ ชามตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” หญิงสาวเว้นจังหวะการพูด ก่อนจะพูดต่อ “ชามไม่อยากรบกวนคุณท่านทั้งสองไปมากกว่านี้ เพียงแค่ที่ท่านมอบให้ตลอดมาชามยังไม่รู้จะชดใช้ยังไงให้หมด”

    นนทพัทธ์นิ่งไปกับสิ่งที่คนตัวเล็กพูดมา คิดว่าชาริกาคงลำบากใจมาตลอดกับการอยู่ที่นี่ หญิงสาวจึงเลือกใช้ชีวิตเหมือนเด็กในบ้านคนหนึ่งซึ่งโชคดีที่เจ้าของบ้านใจดีอุปการะเลี้ยงดู ไม่คิดเทียบเสมอนายทั้งที่มารดาของเขาอยากให้เจ้าหล่อนมาเป็นลูกสาวอีกคน

    ทว่าชาริกากลับไม่ได้เรียกร้องอะไรไปมากกว่าที่พวกท่านจะให้ แต่บางอย่างหญิงสาวเองก็เลือกจะปฏิเสธไปหากดูแล้วว่าไม่จำเป็นกับตน

    “งั้นย้ายไปอยู่ที่คอนโดฯ พี่ไหม” ชายหนุ่มเสนออย่างใจป้ำ คนถูกชวนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

    “ทำไม” เขาถามเสียงห้วน เพราะไม่เข้าใจว่าชาริกาคิดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะชวนหรือเสนออะไรก็เอาแต่ปฏิเสธ

    “ชามอยู่กับเพื่อนค่ะ”

    หญิงสาวปดไปอีกรอบ หวังว่านนทพัทธ์จะปล่อยตนไปเช่นมารดาของเขาเมื่อได้ฟังเหตุผลในข้อนี้ แต่มันกลับไม่ง่ายเอาเสียเลย เมื่อชายหนุ่มฉลาดเป็นกรด

    “ชามไม่ต้องมาโกหกพี่ พี่รู้ว่าชามพูดเพียงเพราะต้องการให้แม่มิวสบายใจ ทั้งที่ชามยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จริงไหมคะ”

    “เอ่อคือ”

    หญิงสาวหาข้อมาโต้แย้งไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่เขาพูดมานั้นถูกทุกอย่าง ไม่คิดว่านนทพัทธ์จะดักทางตนได้ ก็แน่ล่ะในเมื่อเขาเป็นนักธุรกิจมือทอง เรื่องแค่นี้คงไม่คณามือเขาหรอก

    “ไม่ต้องคิดหาข้อแก้ตัวหรอกค่ะ ไม่ว่าอย่างไรน้องชามก็ต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดฯ ของพี่ เพราะนี่คือคำสั่ง!” นนทพัทธ์พูดเสียงจริงจังจนชาริกาไม่กล้าแย้ง

    หญิงสาวสับสนกับความรู้สึกของตนเองยิ่งนัก เมื่อใจหนึ่งก็อยากไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้ เนื่องจากกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมาร้ายใส่ตนเช่นดังในอดีตที่ผ่านมา

    ทว่าอีกใจหนึ่งกลับโอนอ่อนไปกับเขาเสียทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะพูดหรืออ้อนอย่างไรก็พร้อมจะเดินไปตามทางที่เขาชี้แนะ แม้จะรู้ว่าทางนั้นอาจจะทำให้ตัวเองเจ็บเข้าสักวันหนึ่ง แต่ก็อยากจะลองเดินไปดูสักครั้ง ไม่ว่าจะต้องเจอกับความเจ็บปวดเจียนตายก็พร้อมจะลองเสี่ยง

    เมื่อตัดสินใจจึงเลือกจะเดินต่อ ถึงแม้ทางข้างหน้าที่เดินไปอาจจะเป็นทางตันหรืออาจจะเป็นหุบเหวที่รออยู่เบื้องหน้า แต่เมื่อครั้งหนึ่งมีโอกาสใกล้ชิดกับคนที่ทำให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหวก็อยากจะลองเดินไปข้างหน้าไม่คิดถอยหลัง และพร้อมจะรับกับความเจ็บปวดหากหนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หวัง
     

    ฝากติดตามด้วยจ้าา

     



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×