คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 9 ผู้ชายขี้อ้อนกับอาหารเดลิเวอรี่ (30%)
บทที่ 9
ผู้ชายขี้อ้อนกับอาหารเดลิเวอรี่
เสียงลงน้ำหนักเท้าอย่างสม่ำเสมอเดินตรงเข้ามาหาเจ้าของห้อง ก่อนจะยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มีคนร่างสูงก้มหน้าทำงานโดยไม่สนใจสิ่งรอบกาย พร้อมกับรวมมือมากุมไว้เบื้องหน้าอย่างนอบน้อม และเตรียมจะรายงานในสิ่งที่เจ้าของห้องได้สั่งตนไว้ทว่ายังไม่ทันที่จะได้กล่าวสิ่งใดออกไปก็มีเสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหมนที” เจ้าของร่างสูงเอ่ยขึ้นทั้งที่ตนเองยังคงก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับบอส”นทีเอ่ยรายงานเจ้านายหนุ่มด้วยเสียงสุภาพ“ผมจัดการโอนเงินให้สถานสงเคราะห์บ้านวรกานต์สิทธิ์ ในนามคุณมีนา พิมพ์พิลาวัลย์ ตามที่บอสสั่งเรียบร้อยครับ”
“ขอบใจมากนที”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับจะปิดแฟ้มงานที่ตนตั้งใจอ่านมาเกือบค่อนชั่วโมงและวางปากกาในมือลงเมื่อเซ็นชื่อกำกับอนุมัติงานเรียบร้อยเงยหน้าขึ้นมามองเลขาหนุ่มด้วยความขอบคุณ
นนทพัทธ์ยกมือผสานกันยกขึ้นไปรองท้ายทอย พร้อมกับเอนหลังนอนราบไปกับเก้าอี้ทำงาน ค่อยๆ หลับตาลงด้วยความเหนื่อย
“วันนี้เป็นวันเกิดของมีนา…” ชายหนุ่มเล่าทั้งที่ยังหลับตาอยู่ “ฉันไม่มีอะไรจะทำให้ นอกจากจะบริจาคเงินช่วยเหลือคนอื่นในนามของเธอ”
“คุณมีนาคงรับรู้ได้ว่าบอสยังคิดถึงเธอเสมอ” นทีเอ่ยปลอบ เพราะเขาพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้านายและพี่ชายคนนี้พอสมควร
นนทพัทธ์ลืมตาขึ้นลุกนั่งตัวตรง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“นายตามหาน้องสาวนายไปถึงไหนแล้ว”
“ยังไม่ถึงไหนเลยครับ รู้เพียงแค่ว่าเธอออกจากบ้านหลังนั้นไปแล้ว” นทีเล่าถึงความคืบหน้าเรื่องของการตามหาน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาให้เจ้านายฟัง
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกฉันได้” นนทพัทธ์เอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจ
“ถ้าผมจนปัญญารับรองว่าบอสได้ช่วยผมสมใจแน่ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริง ทว่าก็รับรู้ได้ถึงน้ำใจที่พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้มอบให้ แต่เขาก็อยากจะพยายามหาทางด้วยตัวเองก่อนที่จะพึ่งคนเป็นนาย
นนทพัทธ์เองก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่างทั้งบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ของตระกูลพิมพ์พิลาวัลย์ รวมถึงโรงแรมในเครือตระกูลธันย์นารากรของครอบครัวทางฝั่งมารดาที่มีกันตภัทรญาติผู้พี่นั่งบริหารเป็นประธานใหญ่ โดยมีชายหนุ่มร่วมบริหารอยู่ด้วย
นทียกแขนมองดูนาฬิกาที่ข้อมือหนา ก่อนจะเอ่ยถามผู้เป็นนาย “ว่าแต่บอสจะรับอาหารเที่ยงเลยรึเปล่าครับ”
“ถึงเวลาแล้วหรือนี่” เมื่อได้ยินเลขาหนุ่มเอ่ยถามชายหนุ่มถึงได้รู้ว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยครึ่งค่อนวันมาแล้ว เพราะมัวแต่ทำงานเพลินจนไม่ได้สนใจเวลาอาหาร ทว่าพอนทีพูดขึ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหารก็เริ่มทำงาน
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ แล้วพูดต่อ “บอสจะรับในห้องทำงานเลยหรือว่าจะลงไปทานข้างล่างหรือว่าจะออกไปข้างนอกครับ”
“ฉันมีทางเลือกเยอะขนาดนั้นเลยหรือวะ”
“แน่นอนสิครับ เผื่อบอสอยากจะออกไปทานข้างนอกกับน้องนางแบบ น้องนางเอก” นทีเอ่ยตอบพร้อมทำหน้าตาทะเล้นใส่ โดยไม่เกรงกลัวเจ้านายหนุ่มแม้แต่น้อย
“งั้นฉันขอเลือกอย่างแรกก็แล้วกัน” ชายหนุ่มบอกความต้องการของตนเองอย่างอ่อนใจกับความขี้เล่นของลูกน้องหนุ่ม
“บอสต้องการน้องนางแบบใช่ไหมครับ” เลขาผู้ทรงคุณภาพเอ่ยทวนความต้องการของเจ้านาย ทว่าก็แทบกระโดดหลบปากกาด้ามแพงของเจ้าของห้องแทบไม่ทัน
“ฉันหมายถึงจะทานในห้องทำงาน”
นนทพัทธ์ย้ำความต้องการของตัวเองอีกครั้งอย่างนึกหมั่นไส้กับความทำเป็นไม่เข้าใจของเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพ เขารู้ว่านทีเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ ทว่าก็ยังแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจตามนิสัยความขี้เล่นของตัวเอง
“ไอ้เราก็คิดว่าต้องการน้องนางบงนางแบบร่วมโต๊ะ” คนถูกประทุษร้ายก็ยังไม่วายเลิกแกล้ง
“ถ้าแกยังพล่ามไม่เลิก สิ้นเดือนนี้โบนัสไม่ออกแน่นอนไอ้นที”
“ผมจะสั่งแม่บ้านให้ตามที่บอสต้องการครับผม ไม่เกินสิบนาทีอาหารทุกอย่างจะวางอยู่ที่โต๊ะ บอสเตรียมท้องไว้รอเลยครับ ถ้างั้นผมออกไปบอกแม่บ้านเลยนะครับ”
คำประกาศิตของผู้จ่ายเงินเดือนทำให้คนขี้แกล้งรีบทำงานอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีท่าทีของความขี้เล่นแบบเมื่อครู่อีกเลยแม้แต่น้อย
“อือ ตามสบาย” นนทพัทธ์รับคำ ก่อนจะเอ่ยเรียกเลขาหนุ่มไว้อีกครั้ง เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “เดี๋ยวนที”
นทีที่กำลังจะเปิดประตูออกไปจากห้องเจ้านายด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะชวดเงินโบนัสก้อนโตก็ต้องรีบหันกลับมาที่เจ้าของเสียง เพื่อรอรับคำสั่งอย่างแข็งขัน
“ครับบอส”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” นนทพัทธ์ให้คำตอบ
“เปลี่ยนใจที่จะรับเป็นน้องนางแบบใช่ไหมครับ” ทว่าความขี้เล่นที่เป็นนิสัยประจำตัวอยู่แล้ว ทำให้พลั้งเผลอหลุดปากถามไปอย่างห้ามไม่อยู่
“ถ้าแกยังพูดอีกแค่คำเดียว” นนทพัทธ์คาดโทษ ก่อนจะขยายความเรื่องความต้องการของตนเอง “นายไม่ต้องเตรียมอาหารแล้ว เดี๋ยวฉันให้คนที่บ้านเอามาส่ง”
“อ่า เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มรับคำ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจผู้เป็นนายก็ตามว่าจะทำให้มันยุ่งยากทำไม ทว่ามันก็เป็นเรื่องของเจ้านายอ่านะ
“อืม”
ชายหนุ่มรับคำเพียงในลำคอ เมื่อเห็นเลขาหนุ่มที่ออกจากห้องทำงานไปด้วยใบหน้าที่งงงวยเรียบร้อยแล้ว จึงจัดการตามที่ตัวเองต้องการทันที
นนทพัทธ์หยิบมือถือเครื่องจิ๋วขึ้นมากดหมายเลขที่จำขึ้นใจทันที รอสายเพียงไม่นานปลายสายก็ส่งเสียงหวานทักทายกลับมา
“สวัสดีค่ะ ชามพูดค่ะ”
.............................................
ฝากติดตามด้วยจ้าา
ความคิดเห็น