ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 8 แค่อยากอธิบาย (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 59


    ณ ร้านอาหาร

    “ทานเยอะๆ นะครับ จะได้โตไวๆ”

    “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันโตแล้วค่ะคุณนนทพัทธ์” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณนนทพัทธ์ที่เขาตักอาหารให้ พร้อมกับแก้คำพูดของคนตรงหน้าที่ว่าตัวเองยังไม่โต

    “แต่ตัวคุณเล็กนิดเดียว ถึงยังไงคุณก็ต้องทานเยอะๆ จะได้กอดอุ่นๆ” คนหน้ามึนไม่สนใจกับความขึงขังของคนตัวเล็ก ทว่ายังตักอาหารใส่จานหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง

    “นี่คุณ !

    หญิงสาวแหวกลับ เมื่อได้ฟังเหตุผลที่แท้จริงของเขา ทว่าเมื่อนึกถึงวันที่ชายหนุ่มไปนอนเฝ้าตนตอนที่ไม่สบายก็พาลทำให้ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาด แถมปากก็พาลแต่จะฉีกยิ้มจนน่าโมโห

    “อยากยิ้มก็ยิ้มเถอะน่า ผมไม่ล้อคุณหรอกนะชาม ฮ่าๆ” ชายหนุ่มเอ่ยเย้า แม้จะบอกว่าจะไม่ล้อ แต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเขินเขาก็ยิ่งชอบ

    “ฉันไม่ได้จะยิ้ม” หญิงสาวแก้ตัวเสียงขุ่น แต่น้ำเสียงกับใบหน้ากลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อหน้าหวานตอนนี้เริ่มซับสีเลือดเพราะความเขินอาย

    “โอเคๆ ไม่ยิ้มก็ไม่ยิ้ม ว่าแต่อีกนานไหมกว่าคุณจะเรียนจบ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เพราะสงสารหญิงสาวที่เขินจนแก้มแดง แม้เขาอยากจะแกล้งต่อ เพราะมันเป็นภาพที่น่ารักมากก็เถอะ

    “อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบ ก่อนจะก้มลงไปสนใจกับอาหารตรงหน้าตนต่อ

    “แล้วคิดไว้รึยังว่าจะทำอะไรต่อ จะทำงานหรือเรียนต่อ”

    “ทำงานค่ะ”

    หญิงสาวยังคงสนใจกับอาหารตรงหน้า แม้จะตอบคำถามเขาทุกคำถามก็เถอะ และนั่นมันทำให้คนยิงคำถามรู้สึกขันกับท่าทีของร่างบาง

    “ไหนตอนแรกบอกไม่หิวไง แต่ที่ผมเห็นตอนนี้เหมือนคุณจะหิวมากๆ เลยนะ”

    พอจบประโยคที่ชายหนุ่มพูด มือบางที่กำลังจะยื่นไปตักอาหารก็ชะงักทันที พร้อมกับรวบช้อนวางลงที่จานของตนเองและกระแอมไอกลบอาการเก้อเขินเมื่อครู่อย่างเนียนๆ

    “ฉันก็ไม่หิวจริงๆ นี่” ชาริกาทำหน้าไขสือตอบออกไป แม้การกระทำที่แสดงออกมามันจะจริงอย่างที่เขาว่าก็ตาม แต่เรื่องอะไรจะยอมรับล่ะว่าตัวเองหิวจัด

    “คุณนี่เหมือนเด็กจริงๆ เลย”

    นนทพัทธ์พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเช็ดที่มุมปากของหญิงสาว เมื่อมุมปากสวยเลอะคราบอาหารที่เธอตั้งใจทานเมื่อครู่อย่างอ่อนโยน

    ชาริกานั่งตัวแข็งทื่อ เมื่อคนที่เคยเกลียดตนเข้ากระดูกดำ แสดงความอ่อนโยนเช่นนี้ เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอนนี้คล้ายเป็นคนละคนกับผู้ชายที่ชื่อนนทพัทธ์ที่เคยรู้จักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ช่างอ่อนโยน ทั้งการกระทำและแววตาที่แสดงออกมา

    “เอ่อขอบคุณค่ะ”

    เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวจึงปัดมือหนาออกอย่างรักษามารยาทแล้วหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดคราบอาหารที่เลอะซึ่งเจ้าของมือเองก็เข้าใจยอมถอนมือกลับแต่โดยดี

    “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มหวาน ก่อนจะหันไปสนใจกับอาหารของตนเองบ้าง

    ชาริกามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสำรวจ นนทพัทธ์เป็นผู้ชายที่มีผิวขาวเนียนเฉกเช่นผู้หญิงตามกรรมพันธุ์ของบิดามารดาที่เป็นคนผิวขาว มีดวงตาคมที่กลมโต รับกับคิ้วเข้มดก มีริมฝีปากแดงสุขภาพดี แถมโชคดีที่มีจมูกโด่งสวยงาม พอทุกอย่างประกอบกัน ผู้ชายคนนี้กลายเป็นคนที่หน้าตาดีจนหาตัวจับยาก มิเช่นนั้นคงไม่มีข่าวคาวกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา

    พอพูดถึงประโยคหลังหญิงสาวก็เบ้ปากทันทีด้วยความหมั่นไส้ที่ข้างกายเขามีผู้หญิงอยู่ไม่ขาดสาย แต่ไม่รู้ว่าเธอจ้องเขานานไปรึเปล่า จนทำให้เหยื่อรู้ตัวจนได้

    “จ้องขนาดนี้ กินผมไปทั้งตัวเลยดีไหมฮึ” คนถูกจ้องเอ่ยถามด้วยความขบขัน ยิ่งเห็นอาการหน้าเหวอของหญิงสาวแล้วก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มขบขันเข้าไปใหญ่

    การที่เขาอยู่กับชาริกาในวันนี้ทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องปั้นหน้า แถมยังนับไม่ได้เสียด้วยสิว่าวันนี้เขาหัวเราะไปกี่ครั้งแล้ว

    “ใครเขาอยากจะกินคุณมิทราบคะคุณนนทพัทธ์” หญิงสาวแหวกลับทันทีเมื่อถูกจับได้

    ถ้าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายใจร้ายที่คอยกลั่นแกล้งมาตลอด เธอคงไม่มีวันเล่นตามเกมสงครามประสาทของเขาแน่ แต่ผู้ชายตรงหน้านี้กลับทำให้เธอลืมผู้ชายใจร้ายคนนั้นไปอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้เพียงผู้ชายขี้เล่นยิ้มง่ายคนนี้เท่านั้น และก็ทำให้เธอกล้าที่จะต่อปากต่อคำและคุยกับเขาได้อย่างสนิทใจ โดยใช้เวลาเพียงไม่นานหลักจากที่เขาเข้ามาทำดีด้วย ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเป็นนนทพัทธ์คนนี้ตลอดไป

    “ก็เห็นคุณจ้องผมปานจะกลืนกินขนาดนั้น เป็นใครๆ ก็คิดว่าคุณอยากกินผม”

    คนขี้แกล้งก็ยังคงแกล้งไม่เลิก เพราะเขาชอบเวลาเห็นหญิงสาวแก้มแดงด้วยความเขินอาย และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งเข้าไปอีก

    “ใครเค้าจะคิดบ้าๆ เหมือนคุณกัน”หญิงสาวแก้ตัวเป็นพัลวัน แต่คนขี้แกล้งก็ยังไม่คิดจะเลิก

    “จริงเนอะ ใครเขาจะอยากกิน ผมเพราะเค้าคงอยากชิมลิ้มรสเนื้อนิ่มๆ ของผมต่างหากล่ะ ใช่ไหมครับน้องชาม”

    ชายหนุ่มไม่เพียงพูดอย่างเดียว แต่ยังส่งสายตายบางอย่างให้คนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง จนทำให้คนได้รับสายตารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล แถมเจ้าหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่หยุดนั่นอีก ยิ่งทำให้หญิงสาวไปไม่เป็น ได้แต่ก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าแดงก่ำเอาไว้ก่อนจะถูกจับได้

    แต่ทว่ามันก็สายไปเสียแล้วสำหรับคนที่จ้องมองปฏิกิริยาของหญิงสาวตลอดเวลาอย่างนนทพัทธ์ ทุกการกระทำของชาริกาถูกบันทึกเข้าสมองไหลซาบซึมเข้าสู่หัวใจเขาอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งรีโมทคอยสั่งการ

    “คนทะลึ่ง ! ใครเค้าจะไปรู้กับคุณกันเล่า !” หญิงสาวตอบกลับอย่างร้อนรน แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า

    “หึหึ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อนสิคุณ ผมไม่แกล้งแล้ว”

    นนทพัทธ์พูดพร้อมกับยื่นมือไปเชยคางของหญิงสาวขึ้นมาให้สบตากัน แม้หน้าหวานจะยอมเงยหน้าขึ้นมา แต่สายตาเจ้ากรรมก็ไม่กล้าสบตาคมคู่นั้นอยู่ดี

    “มองหน้าผมสิครับชาม ผมบอกแล้วไงครับว่าจะไม่แกล้งแล้วหืมมองผมสิครับคนดี”

    ชายหนุ่มเอ่ยอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงที่ใช้กลับนุ่มทุ้มกว่ารอบแรก แถมยังเว้าวอน จนทำให้หญิงสาวหันหน้ามาสบกับสายตาคมตามคำขอตนได้

    หญิงสาวกุมมือที่ตักของตัวเองแน่น เมื่อมือหนายื่นมาเชยคางตนขึ้นให้สบตากับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงนุ่มทุ้มแสนอ่อนโยนนั่น เธอคงไม่มีวันสบตากับเขาแน่ เพราะมันจะทำให้หัวใจเธอรู้สึกดีกับเขามากขึ้นๆ

    แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะตอนนี้สองสายตากำลังผสานมองกันอย่างสื่อความหมายบางอย่าง แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่ามันคืออะไร

    ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะตกไปอยู่ในวังวนแห่งความคิดของตนเองก็มีเสียงแหลมดังแทรกขึ้นมาทำลายบรรยากาศเสียก่อน

    “สวัสดีค่ะนนท์”

    “เอ่อสวัสดีครับคุณน้ำริน” นนทพัทธ์กล่าวทักทายหญิงสาวผู้มาใหม่กลับ พร้อมกับปล่อยคางเล็กให้เป็นอิสระ

    “มาทานข้าวหรือคะนนท์” หญิงสาวผู้มาใหม่เอ่ยถาม แม้จะรู้ว่าเขามาทานข้าวอย่างที่ถามก็ตาม

    “ครับ”

    “มากับใครหรือคะ” น้ำรินยังคงยิงคำถามใส่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

    แม้ตอนนี้ในใจอยากจะจิกหัวผู้หญิงคนนี้ถามให้รู้เรื่องรู้ราวไปเสียทีว่าเป็นอะไรกับนนทพัทธ์ผู้ชายที่เธอรัก แต่ภาพลักษณ์ผู้หญิงเก่งและนิสัยดีที่แสดงออกให้เขาเห็นอยู่ตลอด ทำให้ต้องระงับอาการหึงหวงที่เกิดจากการรักฝ่ายเดียวไม่แสดงอาการเหวี่ยงให้เขาเห็นให้ได้ แม้ในใจจะร้อนระอุเสียยิ่งกว่าลาวาก็ตาม

    “นี่ชาริกาครับ”

    นนทพัทธ์ตัดสินใจแนะนำหญิงสาวตรงหน้าให้ลูกสาวของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทให้ได้รู้จัก แม้เขาจะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของอีกฝ่ายเลยก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถพูดตามที่ใจอยากพูดได้ เพียงเพราะความสัมพันธ์ที่มีมานานระหว่างเขาและบิดาของเธอ

    “สวัสดีค่ะ”

    หญิงสาวเจ้าของชื่อยกมือไหว้ผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม เพราะคิดว่าหญิงสาวคงจะอายุมากกว่าตนอยู่หลายปี ที่สำคัญคงจะสนิทกับนนทพัทธ์อยู่ไม่น้อยทีเดียว หลังจากนั่งเงียบฟังทั้งสองคุยกันมา

    “สวัสดีจ๊ะ” น้ำรินรับไหว้อย่างสวยงามเช่นเดียวกัน แม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่นนทพัทธ์ยังไม่พูดความสัมพันธ์ของทั้งสองเสียที

    นนทพัทธ์รู้ว่าหญิงสาวต้องการอะไร แต่เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำเรื่องส่วนตัวไปเปิดเผยให้ใครรู้ และไม่แปลกเลยที่น้ำรินจะไม่รู้ว่าชาริกาเป็นเด็กที่มารดาเขารับอุปการะเมื่อห้าปีก่อน เพราะหญิงสาวอยากให้ปกปิดเรื่องนี้ไว้ เนื่องจากไม่อยากตกเป็นข่าว ซึ่งสภาพจิตใจในช่วงนั้นของแต่ละคนก็ยังไม่คงที่และทุกคนต่างก็เห็นด้วย

    “น้ำขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ พอดีน้ำมาคนเดียว เลยอยากจะหาเพื่อนทานข้าวเสียหน่อย น้ำขอนั่งด้วยคะนะคะนนท์”

    แม้ปากหญิงสาวจะเอ่ยขออนุญาต ทว่าการที่เจ้าตัวนั่งลงร่วมโต๊ะแบบนี้ชายหนุ่มเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะน้ำรินเป็นลูกสาวของคู่ค้ารายใหญ่และเขาเองก็ไม่อยากผิดใจกันในเรื่องนี้ เลยจำต้องพยักหน้าอนุญาตไป แม้ใจจริงเขาอยากจะนั่งทานข้าวสองต่อสองกับชาริกามากก็ตาม

    น้ำรินนั่งลงข้างกายนนทพัทธ์อย่างเสร็จสรรพ โดยไม่ต้องรอคำเชิญ พร้อมกับสั่งบริกรสำหรับชุดทานอาหารของตนเรียบร้อย หลังจากนั้นทั้งโต๊ะอาหารก็มีเพียงเสียงของหญิงสาวผู้มาใหม่เป็นฝ่ายผูกการสนทนาทั้งหมด โดยมีชายหนุ่มข้างกายเป็นลูกรับทุกประโยค

    “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเย็นนะคะนนท์ น้ำมีความสุขมากๆ เลยค่ะที่ได้มาทานข้าวกับนนท์แบบนี้ วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ”

    เจ้าของเสียงหวานเอ่ยออดอ้อนนนทพัทธ์ตลอดทางเดินมายังที่จอดรถ พร้อมกับกอดแขนชายหนุ่มแน่นไม่ยอมคลาย แม้เจ้าตัวพยายามจะขืนออก ทว่าก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปอย่างรำคาญ

    ถ้าเป็นผู้หญิงหน้าหวานตาเศร้าที่เขาจ้องมองอยู่ตลอดมาทำเช่นแบบเดียวกับน้ำริน เขาคงยอมให้เธอกอดไม่ปล่อยเลยทีเดียว

    “ครับ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างขอไปที เพราะเริ่มจะเวียนหัวกับเสียงแหลมๆ ของสาวเจ้าเหลือเกิน

    “น้ำไปก่อนนะคะ จุ๊บ” หญิงสาวกล่าวลา พร้อมกับจูบแก้มชายหนุ่มไปทีหนึ่ง ก่อนจะไปประตูขึ้นรถตัวเองและขับออกไป ปล่อยให้นนทพัทธ์ยืนอึ้งกับการกระทำของน้ำรินที่ทำให้เขาหนักใจ เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาเศร้าของชาริกาที่มองมา

    “เรากลับกันเถอะครับชาม”

    ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้าไปกุมมือนุ่มไว้และออกตัวเดินไปที่รถหรูของตนเอง โชคดีที่น้ำรินจอดรถอยู่ชั้นเดียวกัน จึงไม่เสียเวลาเดินมากนัก

    เขาตั้งใจเปลี่ยนประเด็น เพราะไม่อยากเห็นสายตายแบบนั้นของหญิงสาว ทว่ามันกลับยิ่งไม่เป็นผล เพราะชาริกาเอาแต่เงียบตลอดการเดินทาง และนั่นคือสิ่งที่เขาไม่ชอบใจเลยจริงๆ

    “ผมกับน้ำรินไม่ได้เป็นอะไรกันครับ”

    นนทพัทธ์ตัดสินใจอธิบายออกไป ทั้งที่ชายหนุ่มเป็นคนไม่ชอบนำเรื่องตัวเองไปพูดให้ใครฟัง และเขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรก็ได้ แต่ใบหน้าหวานปนเศร้านั่นก็ทำให้เขาต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบคือการต้องมานั่งอธิบายเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้

    “แล้วคุณมาบอกฉันทำไมคะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงสูงอยากรวดเร็ว เมื่อคิดว่าเขาอาจจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ และนั่นทำให้นนทพัทธ์หลุดขำออกมากับคนปากไม่ตรงกับใจ

    “ผมแค่อยากอธิบายครับ”

    “คุณมาอธิบายกับชามทำไมล่ะคะ” หญิงสาวเผลอเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างเป็นกันเอง ซึ่งทำให้คนอธิบายชอบใจยิ่งนัก

    นนทพัทธ์ยิ้มขำคนปากไม่ตรงกับใจ แถมยังขี้งอนอีกต่างหาก ซึ่งภาพตรงหน้าเขาแตกต่างจากผู้หญิงที่กล้าต่อปากต่อคำและยังกล้าลองดีกับเขาอย่างสิ้นเชิงนี่คงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอสินะชาริกา

    “ถ้าผมไม่อธิบายกับชาม แล้วจะให้ผมไปอธิบายกับถ้วย กะละมังที่ไหนล่ะครับ” ชายหนุ่มพูดออกไปอย่างยียวน ทว่าหญิงสาวกลับทำหน้างง แต่เมื่อรู้ว่าโดนเขาแกล้งก็ทำหน้างอทันที

    “ฉันไม่คุยกับคุณแล้วค่ะคุณนนทพัทธ์” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างงอนๆ พร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองใหม่ จะได้ไม่ถูกเขาแกล้งอีก

    “แทนตัวเองว่าชามเหมือนเดิมสิครับ พี่ชอบแบบนั้นมากกว่า แล้วก็เรียกว่าพี่นนท์ด้วย เข้าใจไหมคะน้องชาม” ชายหนุ่มแนะ พร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานตนเช่นเดียวกัน

    “เอ่อ

    หญิงสาวอ้ำอึ้งว่าจะทำตามที่เขาขอดีหรือไม่ อีกใจหนึ่งก็ชอบเวลาเขาแทนตัวเองว่า พี่และเรียกเธอว่า น้องชามจึงตัดสินใจตอบตกลงไปในที่สุด

    “ดีมากค่ะ”

    “แล้วคุณเอ่อพี่นนท์กับคุณน้ำรินรู้จักกันมานานแล้วหรือคะ” หญิงสาวแกล้งถามออกไปอย่างใครรู้ทั้งที่จริงๆ แล้วอยากจะถามเขาเหลือเกินว่า พี่นนท์เป็นแฟนกับคุณน้ำรินหรือคะ

    “ไม่บอกครับ” ชายหนุ่มแกล้งตอบและกลั้นยิ้มเต็มที่ เมื่อหญิงสาวเผยไต๋เสียแล้วว่าหึงเขากับน้ำริน

    “ชามก็ไม่อยากรู้หรอกค่ะ แต่ก็ถามไปแบบนั้นเองตามมารยาท !

    ชาริกากอดอกเชิดหน้าแล้วหันไปหน้าหน้าต่าง แม้จะไม่มีวิวให้ชมเพราะเป็นกลางคืนแล้วก็ตาม ทว่าก็ยังหน้ามองกว่าหน้าหล่อกวนๆ ของเขาเสียอีก

    “เดี๋ยวคืนนี้พี่จะไปอธิบายที่ห้องของชามครับ แต่ตอนนี้พี่ไม่บอก” ชายหนุ่มยังคงพูดไปยิ้มไปอย่างขบขันกับอาการของหญิงสาวขี้งอน

    ชาริกาหันกลับมามองหน้าสารถีหนุ่มทันทีหลังจากที่ได้ยินเขาพูดจบประโยค

    “หมายความว่า

    “ใช่ครับ พี่จะไปนอนห้องของชามอีกในคืนนี้”



    ไรท์กลับมาแล้วจ้าาา หลังจากที่หนี่เที่ยวไปนาน
    ฝากติดตามด้วยค่าาา




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×