ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ์Chapter 1
Title: No doubt 1
Author: War(warrior)
Category: AU / Drama / Romance
Pairing: SB/SS
Rating: PG-13 – R
Disclaimer: ไม่ใช่ของวอร์คะ ของท่าป้าเจเค
Summary: ..ไร้ซึ่งคำบอกเล่า
………………………..
POV Severus
หากเป็นได้ดังหิมะ หัวใจคงไม่ต้องเศร้า น้ำตาก็คงไม่ไหลริน บาดแผลก็คงไม่เจ็บอีกต่อไป
แผลที่ยังกลัดหนองหากไม่ลิดมันออกก็ยังเจ็บ ใครคนหนึ่งบอกผมเช่นนั้น ผมรู้วิธีแก้แต่มันยากเหลือเกินที่จะแก้ พิษรักนั้นร้อนแรง แม้ว่าจะมีวัตถุดิบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์เดียวกัน
รักของผมจบตั้งแต่เริ่ม หากรู้ว่าต้องรักเขาผมจะไม่สานต่อการเริ่มต้นนั้นเลย เพียงจูบเดียวแห่งการท้าทาย
เราไม่เคยไปกันได้ ก็แค่ปลดปล่อยตัณหาของร่างเนื้อ ไม่ใช่ปรารถนาแห่งหัวใจ
มันเคยเป็นความสนุกแต่เมื่อหัวใจเกี่ยวข้องปรารถนาที่ซุกซ่อนไว้ยิ่งนานวันมันไม่อาจดำเนินต่อไปได้ มันร้าวรานใจอย่างที่ไม่เคยเป็น ยิ่งกว่าศักดิ์ศรี ยิ่งกว่าทิฐิ ยิ่งกว่ากำแพงใดๆ คือเขา ไม่มีวันเห็นความรู้สึกที่อยู่ข้างใน
แล้ววันหนึ่งผมตระหนักว่าจุดจบของความใคร่จะเป็นอะไรไปมากกว่าจุดเริ่ม
เจ็บแต่ได้อยู่ข้างๆ หรือเจ็บครั้งเดียวแต่ไม่มีโอกาสได้ชิดใกล้อีกเลย ทางเลือกแรกผมไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด ทางเรื่องที่สองผมยังมีศักดิ์ศรีให้ภูมิใจบ้าง
เสียงหัวใจดังเป็นจังหวะรั่วเร็วและช้าลงจนสม่ำเสมอข้างหูผม มันนานมากกว่าจะเริ่มพูดแต่ก็ชั่ววูบเดียวของคำพูด “ ซีเรียส ตื่นอยู่รึเปล่า? ” ผมถามขึ้นขณะที่ยกตัวเองจากอกเขา จังหวะหัวใจสม่ำเสมอเกินไป หากเขาตอบรับผมจะบอก หากไม่ผมก็จะรอโอกาสหน้า หัวใจผมยังลังเล ทิฐิผมเท่านั้นยังซื่อตรงเหลือเกิน
“ อะไร? บอกเหนื่อย” เขาตอบรับยานๆ พร้อมกับฝ่ามือถูอยู่ที่หน้าขาผมเบาๆ
“ ไม่ใช่ ซีเรียส ฟังรึเปล่าก็แล้วแต่นาย ฉัน…” ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ
“ ถ้านายจะพูดก็พูด อย่าช้า”
“ ชั้นมาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย “
“ นายเพี้ยนอะไรขึ้นมาเนี้ย “ น้ำเสียเขาฟังชัดไม่งัวเงีย
“ นายจะฟังรึเปล่าก็แล้วแต่นาย ทีนี้ นอนได้แล้ว นอนสิ ” ผมรู้ว่าผมรวนเขา แต่จะให้พูดไรละ ก็จบแล้วนี่ ผมหันหลังให้แล้วล้มตัวลงนอน หวังว่าผมจะหลับแล้วตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น ไม่พะวงใดๆอีก จบแล้ว มันจบแล้ว
“ เซ…บ้าเอ้ย ” เขาดึงไหล่ผมให้หันกลับเผชิญหน้าดับเขาโดยแรง เขามองหน้าอยู่อึดใจแล้วสบถเบาก่อนจะจูบผมริมฝีปากผมเจ็บระบม เลือดมีรสเค็ม ถึงกระนั่นเขาไม่หยุด มันอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่เขาจะส่งท้ายระหว่างเราก็ได้ ของเล่นชิ้นนี้มันก็ยังมีชีวิตถ้าเขาจะรู้ ...มันมีชีวิตของมันเอง มันมีจิตใจของมันเองพอที่จะทำให้เดินออกจากเส้นทางของเขา
น้ำตาของผมไหลริน ทั้งเสียใจทั้งสุขสม…คืนสุดท้าย สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้เอ่ยบอกอะไรไปมากกว่าเสียครางของความสุข และคำ…สิ่งสุดท้ายที่จะเก็บไว้กับตัวเอง
ผ่านมาค่อนรุ่งผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตื่นมาด้วยความมึน อาจจะเพราะเมื่อคืนมันรุนแรงเกินไปหน่อย ผมพบตัวเองถูกขึงไว้กับเตียงด้วยริบบิ้นสีชมพู ขึงจนแน่นขยับไปไหนไม่ได้
ผมดิ้นรนให้หลุดแต่มันไม่มีผลอะไรเลย ผมนอนจ้องเพดานอยู่นานสองนานอย่างหมดแรง
แสงจากบานประตูระเบียงที่เปิดไว้เริ่มมีแสงสว่างทอจนเห็นชัดไปเสียทุกอย่างนี้มันคงสายมากแล้ว แสงเริ่มสาดแรงขึ้นทุกที ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา จะใครเสียอีกละถ้าไม่ใช่คนที่นอนก่ายกันเมื่อคืน
“ มาปล่อยฉันออกไปเลยนะซีเรียส เล่นบ้าอะไรอีก ” ผมตะโกนใส่เขาทันทีที่เห็นหน้า เขาเพียงแต่เลิกคิ้วอย่างไม่แยแส
“ ไม่ปล่อย นายอยากพูดอะไรงี่เง่าเองนี่ เสียแผนฉันหมด ” เขาว่าขณะหอบถุงลงบนโต๊ะทานอาหาร ผมรู้สึกว่าเลือดของผมมันพุ่งจี้ขึ้นสมองโดยทันที
“ ซีเรียส ฉันพูดจริง มันถึงเวลาต้องจบซะที นายไม่ได้มีแต่ฉันที่จะนอนกับนาย ซีเรียส ” ผมได้แต่หวังว่าการพูดจาดีๆมันน่าจะทำให้เขาปล่อยผมเร็วขึ้น ถ้ามันจบลงเร็วมันคงดีกับผมไม่น้อย มันไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ ขอบใจนะที่ชมว่ามีเสน่ห์ ทำไมนายพูดช้าจัง ” ซีเรียสยิ้มให้ผม มันเป็นยิ้มเหี้ยมๆที่หมายมั่นไม่ยอมปล่อยเหยื่อ
“ นายจะคิดแบบไหนก็ช่างซีเรียส ปล่อยฉันออกจากไอ้ริบบิ้นบ้าๆนี่ซักที” ริบบิ้นเหนียวหนึบรัดแน่นถึงไม่เจ็บ แต่ทุเรศตัวเองที่ใส่แต่เสื้อตัวเดียวกลางแสงจัดจ้าน มันเหมือนกับผมเปลือยให้เขาเห็นไปทุกอย่างแม้แต่จิตใจ ผมไม่ต้องการเช่นนั้นเลย
“ นายเป็นอะไร ?” เขาถามแต่ผมไม่ตอบ เขาพูดต่อไป
"คนอย่างนายมีเหตุผลเสมอ ฉันไม่ใช่คนทีนายจะปั่นหัวได้ บอกออกมาแล้วฉันจะปล่อยนาย ” ผมมองอาการหัวเสียของเขาอย่างไม่เข้าใจนัก เขาน่าจะดีใจนะ หรือรู้สึกเสียหน้าที่ผมบอกก่อน
“ นายน่าจะเบื่อฉัน มันก็ตั้ง 3 ปีแล้ว ”
“ ฉันบอกนายรึไงว่าเบื่อ ”
“ เปล่า แต่มันต้องมีเวลาจบซะทีละมั้ง ” ก็เพราะนายไม่รักฉันเท่านั้นแหละฉันถึงต้องไป ฉันอยู่โดยไม่มีศักดิ์ศรีไม่ได้โว้ย
“ ทำไม? “ อ้ะ! ไอ้นี่ยังจะถามอีก ผมได้แต่วีนในใจ
“ ฉันรักตัวเอง แบล็ค รักเกินไปที่จะอยู่กับนาย ทีนี้ปล่อยฉันได้รึยัง ฉันบอกความจริงแล้วนี้ นายชนะแล้ว ทีนี้ปล่อยฉัน” ผมหลีกเลี่ยงสุดความสามารถ
“ ทำไมอยู่ดีๆนายก็บอกเลิก นายมีคนอื่นที่จริงจังด้วยแล้ว? ” โธ่เอ่ย นอนด้วยกันกี่ครั้งร่างกายเคยฟ้องว่ามีสัมพันธ์กับคนอื่นรึไงว่า ไอ้โง่
“ เออ! รักมากด้วยไม่อยากเสียไป ปล่อยได้รึยัง ” ผมตะโกนด้วยความโมโห เขามองผมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนมันทำให้ผมกลัวแต่เขาเพียงหยิบไม้วิเศษสะบัดเพียงครั้งเดียวริบบิ้นก็คลายปม
“ เมื่อไหร่ที่นายเจอคนคนนั้น ” เขาก้าวเข้ามานั่งข้างเตียง
“ 3 ปี “
“ 3 ปี พร้อมกันที่เราเริ่มมีอะไรกัน สำส่อน” เขากัดฟันพูดพ่นคำด่าออกมา
“ แล้วไง อย่าฉันมันสำส่อน อย่างนายเขาจะเรียกว่าอะไร? อย่าบอกนะ 3 ปีนี้นายไม่มีคนอื่นเลย เราเป็นอิสระต่อกัน พวกเราตั้งแต่แรกก็เกลียดกันอยู่แล้วนี่ ก็แค่เสียคู่ขาไปคนนายเสียดายอะไร นายมีจนนับไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราอยู่แบบนี้มาได้ 3ปีนี่มันนานเกินคาดต่างหาก ” ผมลุกหนีคว้าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไม่อยากจะมองหน้าของเขาเลยซักนิด ผมมันก็แค่คู่ขาจะเอาอะไรกับมันนักหนา
“ นายร้องไห้ ทำไม ? ” เพราะนายนั้นแหละ ไอ้เฮงซวย
“ เปล่า ฉันไม่ได้ร้องไห้ซักนิดเดียว ” ผมตอบให้ถูกคือกัดฟันตอบ
“ แต่นายร้อง” น้ำตาผมไหลเป็นทาง
“ ไม่ ได้ ร้อง เข้าใจไหม๊ ไม่ได้ร้อง ” ยอมรับในความหัวแข็งของตัวเองนิดๆจริงๆ
“ นายร้องไห้เซเวอรัส เลิกบ้าได้ไหม๊ โธ่เว้ย ไอ้บ้านั้นชื่ออะไร ”
“ ทำไม บอกนายแล้วได้อะไร ” ผมถามกลับ
“ ได้แน่ อยากจะรู้ว่าไอ้บ้านั้นหน้าตาแบบไหน ดีกว่าฉันตรงไหน ”
“ ไม่รู้ ฉันนะอาบน้ำหลีกทางซิโว้ย” อยากบอกเหมือนกันไอ้บ้าที่ว่าไม่ไกลหรอกส่งกระจกดูสิ
“ ไม่หลีก ”
“ เออ ไม่หลีก ย่อมได้ ” ผมโมโหจนไม่รู้ว่าทำลงไปได้ไง คว้าแจกันโปะไปที่หัวของเขา สลบเหมือนไปเลย
“ ซีเรียส ฉันขอโทษ”
………………………………………………………………………
POV Sirius
“เออ ไม่หลีก ย่อมได้ ” เสียงดังโพละแถวๆข้างกระหม่อมผม ผมรู้สึกหมดแรง
“ ซีเรียส ฉันขอโทษ ” น้ำเสียงเขาแหลม ต่อจากนั้นผมไม่เห็นอะไรเลย
ผมสะดุ้งพรวดขึ้นมาภายนอกท้องฟ้าเป็นสีม่วงครามเสียแล้ว ผมมองหารอบห้องอย่างตกใจแต่เขานอนคู้อยู่ข้างๆผมนะเอง แขนเขาเกาะผมไว้แล้วหลับด้วยสีหน้าอมทุกข์ เขากลุ่มใจด้วยเรื่องของไอ้บ้านั้นรึเปล่าผมสงสัย มีใครคนอื่นที่ค้นพบดอกไม้ป่าของผมแล้วหรือ ? ผมชักช้าเกินไปอย่างที่เจมส์บอกรึไง ผมอาจจะมีคนอื่นมากมายแต่มันก็แค่นั้น ไมมีใครแทนเซเวอรัสได้ ผู้หญิงทุกคนที่ผมคบหาด้วย มีผมสีดำยาว ผิวต้องขาว ปากบางต้องสีชมพู ผอมบางน่าทะนุถนอม นิ้วมือต้องเรียวยาวสวย ผมยอมรับว่าเป็นไอ้สาระเลวที่ควงพวกหล่อนเพื่อปลอบใจตัวเอง ทดแทนความอ่อนหวานที่เขาไม่ยินยอมให้ผม ต้องให้ทำยังไง…ที่รักถึงจะได้สิ่งนั้นจากนายมา
“ เฮ้ ตื่นได้แล้ว นายขี้เซา ” เขาเหมือนลูกแมวเวลานอน มีคนเห็นเขาแบบที่ผมเห็นแล้วเหรอ ไอ้บ้านั้นมันดีกว่าผมแค่ไหน รักได้มากกว่าผมเหรอ อดทนได้มากกว่ารึเปล่า เขาจะถูกทำรุนแรงมั๊ย(!?) สมองผมเหมือนจะแตกเมื่อนึกถึงสิ่งที่หมอนั้นจะได้จากเจ้าของร่างบางๆนี่ ...ความรัก
เขาลืมตาขึ้นมาด้วยอาการง่วงๆงงๆ เขายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน หลายครั้งเขาทำแบบนี้ด้วยความเผลอตัว “ ตื่นแล้ว” เขาบอกเบาๆและตาก็ปิดอีกรอบ ใบหน้านั้นหลับตาลงอย่างเป็นสุข ผมใช้ปลายผมของเขาเกลี้ยที่ปลายจมูก เขาปัดอย่างรำคาญ
“ อย่านะ “ เขาพูดในอาการง่วงงุง ดูเหมือนเขาจะหยุดขยับนิดหน่อย แล้วเขาก็ลุกพรวดขึ้นมาเผชิญหน้ากับผม ตาโตๆของเขามองมาที่ผม สองมือเรียวยาวเหมือนอาร์ทติสจับใบหน้าผมมองอย่างสำรวจ
“ นายไม่เป็นไรนะ ” เขาถาม “ปวดตรงไหนรึเปล่า” สายตาเขาห่วงอย่างจริงจัง ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย
“ นิดหน่อย “ เขาทำท่าจะเช็คผมเพิ่ม “ ไม่เป็นไร นายทำแผลแล้วนี่” ผมจับมือยาวสวยของเขาไว้นิ่งๆ “ เขาเป็นใครเซเวอรัส บอกมาสิ นายจริงจังกับเขาแค่ไหน ”
“ จริงจัง แต่ฉันบอกนายไม่ได้ เพราะฉันไม่แน่ใจว่า เขาหรือฉันกันแน่ที่จะรู้สึกแย่หลังจากบอกไป ” เขาทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อพูดถึงไอ้บ้านั้น
“ เขาจริงใจกับนายรึเปล่า ” แววตาเขาหม่นแสงลง เขาก้มหน้าตอบ
“ เขาไม่ได้แสดงออกว่าฉันพิเศษกว่าคนอื่น เหมือนที่นายกับฉันนั้นแหละ “ เขาลงทุนเพื่อไอ้หมอนั้น ขนาดเลิกกันผมเนี่ยนะ รับไม่ได้สุดๆ นางเอกไปแล้ว ถ้าไอ้บ้านั้นไม่จริงจังแล้วไปอยู่กับมันทำไม ผมสิให้หมดใจทั้งดวงเลย เสี้ยวเล็กเสี้ยวใหญ่เสี้ยวนิดก็ให้ไม่เหลือ (A/Nแล้วแกเคยบอกเขารึเปล่าว่ะ)
“ ถ้าฉันจริงจังละ ” ผมลองถามเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ
“ อย่าพูดสิ่งที่นายทำไม่ได้ แบล็ค อย่าพูดเพราะสมเพชฉันด้วย อย่าเล่นเกมส์นี้กับฉัน ฉันไปดีกว่า ” เสียงเขาสั่นเครือแต่ผมรู้เขาสะเทือนใจ พยายามควบคุมตัวเอง เข้มงวด ทระนง ทิฐิ มันเป็นเอกลักษณ์ไปเสียแล้ว ผมอาจจะชอบเพราะเขาไม่เหมือนใคร เขามองผมอย่างที่ผมเป็น น่าแปลกที่เขาไม่เห็นว่าหัวใจผมบอกอะไร
“ ถ้าพูดจริงนายเลิกกับหมอนั้นแล้วอยู่กับฉันคนเดียวรึเปล่า” ผมฉุดเขามาก่อนที่เขาจะลงจากเตียงไป ใช้ตัวเองทับเขาไว้ เหมือนที่เขาอยู่ใต้ร่างผมตลอด 3 ปี
“ ฮึๆ” เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงข่มขื่นเหมือนมันน่าสมเพช เหลือทน
“ นายบ้ารึเปล่า แบล็ค นึกจะมาเป็นพ่อพระตอนนี้สายไปแล้วโว้ย ให้ฉันอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉันเนี่ยนะ ฉันจะตัดใจจากไอ้ผู้ชายๆโง่ๆอย่างนายนะแหละ ฉลาดขึ้นรึยัง ไอ้บ้าที่นายอยากรู้จักไปส่องกระจกก็เห็นแล้ว “ เขายังไม่สิ้นฤทธิ์แค่นั้นเบาผ่าหมากซะอย่างนั้น
“ …” เขาจากไปปล่อยผมไว้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง…มันเจ็บไปถึงหัวใจทีเดียว
กว่าผมตระหนักได้ ผมก็เสียเวลาไปนานนับปี รุ่งขึ้นผมไปหาเขาที่บ้านพร้อมแจกันดอกไม้ช่อโต ผมเคาะประตูเท่าไหร่ก็ไร้เสียงตอบกลับ ผมทรุดตัวลงนั่งหน้าประตูอยู่นานสองนานผมจึงเริ่มหาอะไรค่าเวลา ผมมองไปรอบๆ กระดาษเล็กๆ ทิ้งอยู่ใกล้ๆ ตู้จดหมาย ผมคาดว่ามันคงหล่นลงมา
‘ ตอนนี้ผม ไม่อยู่บ้านจนกว่าวันที่13 มกราคม หากมีธุระด่วนส่งเมล์มา‘
เซเวอรัส สเนป ‘
………………TBC……………………..
Author: War(warrior)
Category: AU / Drama / Romance
Pairing: SB/SS
Rating: PG-13 – R
Disclaimer: ไม่ใช่ของวอร์คะ ของท่าป้าเจเค
Summary: ..ไร้ซึ่งคำบอกเล่า
………………………..
POV Severus
หากเป็นได้ดังหิมะ หัวใจคงไม่ต้องเศร้า น้ำตาก็คงไม่ไหลริน บาดแผลก็คงไม่เจ็บอีกต่อไป
แผลที่ยังกลัดหนองหากไม่ลิดมันออกก็ยังเจ็บ ใครคนหนึ่งบอกผมเช่นนั้น ผมรู้วิธีแก้แต่มันยากเหลือเกินที่จะแก้ พิษรักนั้นร้อนแรง แม้ว่าจะมีวัตถุดิบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์เดียวกัน
รักของผมจบตั้งแต่เริ่ม หากรู้ว่าต้องรักเขาผมจะไม่สานต่อการเริ่มต้นนั้นเลย เพียงจูบเดียวแห่งการท้าทาย
เราไม่เคยไปกันได้ ก็แค่ปลดปล่อยตัณหาของร่างเนื้อ ไม่ใช่ปรารถนาแห่งหัวใจ
มันเคยเป็นความสนุกแต่เมื่อหัวใจเกี่ยวข้องปรารถนาที่ซุกซ่อนไว้ยิ่งนานวันมันไม่อาจดำเนินต่อไปได้ มันร้าวรานใจอย่างที่ไม่เคยเป็น ยิ่งกว่าศักดิ์ศรี ยิ่งกว่าทิฐิ ยิ่งกว่ากำแพงใดๆ คือเขา ไม่มีวันเห็นความรู้สึกที่อยู่ข้างใน
แล้ววันหนึ่งผมตระหนักว่าจุดจบของความใคร่จะเป็นอะไรไปมากกว่าจุดเริ่ม
เจ็บแต่ได้อยู่ข้างๆ หรือเจ็บครั้งเดียวแต่ไม่มีโอกาสได้ชิดใกล้อีกเลย ทางเลือกแรกผมไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด ทางเรื่องที่สองผมยังมีศักดิ์ศรีให้ภูมิใจบ้าง
เสียงหัวใจดังเป็นจังหวะรั่วเร็วและช้าลงจนสม่ำเสมอข้างหูผม มันนานมากกว่าจะเริ่มพูดแต่ก็ชั่ววูบเดียวของคำพูด “ ซีเรียส ตื่นอยู่รึเปล่า? ” ผมถามขึ้นขณะที่ยกตัวเองจากอกเขา จังหวะหัวใจสม่ำเสมอเกินไป หากเขาตอบรับผมจะบอก หากไม่ผมก็จะรอโอกาสหน้า หัวใจผมยังลังเล ทิฐิผมเท่านั้นยังซื่อตรงเหลือเกิน
“ อะไร? บอกเหนื่อย” เขาตอบรับยานๆ พร้อมกับฝ่ามือถูอยู่ที่หน้าขาผมเบาๆ
“ ไม่ใช่ ซีเรียส ฟังรึเปล่าก็แล้วแต่นาย ฉัน…” ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ
“ ถ้านายจะพูดก็พูด อย่าช้า”
“ ชั้นมาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย “
“ นายเพี้ยนอะไรขึ้นมาเนี้ย “ น้ำเสียเขาฟังชัดไม่งัวเงีย
“ นายจะฟังรึเปล่าก็แล้วแต่นาย ทีนี้ นอนได้แล้ว นอนสิ ” ผมรู้ว่าผมรวนเขา แต่จะให้พูดไรละ ก็จบแล้วนี่ ผมหันหลังให้แล้วล้มตัวลงนอน หวังว่าผมจะหลับแล้วตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น ไม่พะวงใดๆอีก จบแล้ว มันจบแล้ว
“ เซ…บ้าเอ้ย ” เขาดึงไหล่ผมให้หันกลับเผชิญหน้าดับเขาโดยแรง เขามองหน้าอยู่อึดใจแล้วสบถเบาก่อนจะจูบผมริมฝีปากผมเจ็บระบม เลือดมีรสเค็ม ถึงกระนั่นเขาไม่หยุด มันอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่เขาจะส่งท้ายระหว่างเราก็ได้ ของเล่นชิ้นนี้มันก็ยังมีชีวิตถ้าเขาจะรู้ ...มันมีชีวิตของมันเอง มันมีจิตใจของมันเองพอที่จะทำให้เดินออกจากเส้นทางของเขา
น้ำตาของผมไหลริน ทั้งเสียใจทั้งสุขสม…คืนสุดท้าย สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้เอ่ยบอกอะไรไปมากกว่าเสียครางของความสุข และคำ…สิ่งสุดท้ายที่จะเก็บไว้กับตัวเอง
ผ่านมาค่อนรุ่งผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตื่นมาด้วยความมึน อาจจะเพราะเมื่อคืนมันรุนแรงเกินไปหน่อย ผมพบตัวเองถูกขึงไว้กับเตียงด้วยริบบิ้นสีชมพู ขึงจนแน่นขยับไปไหนไม่ได้
ผมดิ้นรนให้หลุดแต่มันไม่มีผลอะไรเลย ผมนอนจ้องเพดานอยู่นานสองนานอย่างหมดแรง
แสงจากบานประตูระเบียงที่เปิดไว้เริ่มมีแสงสว่างทอจนเห็นชัดไปเสียทุกอย่างนี้มันคงสายมากแล้ว แสงเริ่มสาดแรงขึ้นทุกที ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา จะใครเสียอีกละถ้าไม่ใช่คนที่นอนก่ายกันเมื่อคืน
“ มาปล่อยฉันออกไปเลยนะซีเรียส เล่นบ้าอะไรอีก ” ผมตะโกนใส่เขาทันทีที่เห็นหน้า เขาเพียงแต่เลิกคิ้วอย่างไม่แยแส
“ ไม่ปล่อย นายอยากพูดอะไรงี่เง่าเองนี่ เสียแผนฉันหมด ” เขาว่าขณะหอบถุงลงบนโต๊ะทานอาหาร ผมรู้สึกว่าเลือดของผมมันพุ่งจี้ขึ้นสมองโดยทันที
“ ซีเรียส ฉันพูดจริง มันถึงเวลาต้องจบซะที นายไม่ได้มีแต่ฉันที่จะนอนกับนาย ซีเรียส ” ผมได้แต่หวังว่าการพูดจาดีๆมันน่าจะทำให้เขาปล่อยผมเร็วขึ้น ถ้ามันจบลงเร็วมันคงดีกับผมไม่น้อย มันไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ ขอบใจนะที่ชมว่ามีเสน่ห์ ทำไมนายพูดช้าจัง ” ซีเรียสยิ้มให้ผม มันเป็นยิ้มเหี้ยมๆที่หมายมั่นไม่ยอมปล่อยเหยื่อ
“ นายจะคิดแบบไหนก็ช่างซีเรียส ปล่อยฉันออกจากไอ้ริบบิ้นบ้าๆนี่ซักที” ริบบิ้นเหนียวหนึบรัดแน่นถึงไม่เจ็บ แต่ทุเรศตัวเองที่ใส่แต่เสื้อตัวเดียวกลางแสงจัดจ้าน มันเหมือนกับผมเปลือยให้เขาเห็นไปทุกอย่างแม้แต่จิตใจ ผมไม่ต้องการเช่นนั้นเลย
“ นายเป็นอะไร ?” เขาถามแต่ผมไม่ตอบ เขาพูดต่อไป
"คนอย่างนายมีเหตุผลเสมอ ฉันไม่ใช่คนทีนายจะปั่นหัวได้ บอกออกมาแล้วฉันจะปล่อยนาย ” ผมมองอาการหัวเสียของเขาอย่างไม่เข้าใจนัก เขาน่าจะดีใจนะ หรือรู้สึกเสียหน้าที่ผมบอกก่อน
“ นายน่าจะเบื่อฉัน มันก็ตั้ง 3 ปีแล้ว ”
“ ฉันบอกนายรึไงว่าเบื่อ ”
“ เปล่า แต่มันต้องมีเวลาจบซะทีละมั้ง ” ก็เพราะนายไม่รักฉันเท่านั้นแหละฉันถึงต้องไป ฉันอยู่โดยไม่มีศักดิ์ศรีไม่ได้โว้ย
“ ทำไม? “ อ้ะ! ไอ้นี่ยังจะถามอีก ผมได้แต่วีนในใจ
“ ฉันรักตัวเอง แบล็ค รักเกินไปที่จะอยู่กับนาย ทีนี้ปล่อยฉันได้รึยัง ฉันบอกความจริงแล้วนี้ นายชนะแล้ว ทีนี้ปล่อยฉัน” ผมหลีกเลี่ยงสุดความสามารถ
“ ทำไมอยู่ดีๆนายก็บอกเลิก นายมีคนอื่นที่จริงจังด้วยแล้ว? ” โธ่เอ่ย นอนด้วยกันกี่ครั้งร่างกายเคยฟ้องว่ามีสัมพันธ์กับคนอื่นรึไงว่า ไอ้โง่
“ เออ! รักมากด้วยไม่อยากเสียไป ปล่อยได้รึยัง ” ผมตะโกนด้วยความโมโห เขามองผมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนมันทำให้ผมกลัวแต่เขาเพียงหยิบไม้วิเศษสะบัดเพียงครั้งเดียวริบบิ้นก็คลายปม
“ เมื่อไหร่ที่นายเจอคนคนนั้น ” เขาก้าวเข้ามานั่งข้างเตียง
“ 3 ปี “
“ 3 ปี พร้อมกันที่เราเริ่มมีอะไรกัน สำส่อน” เขากัดฟันพูดพ่นคำด่าออกมา
“ แล้วไง อย่าฉันมันสำส่อน อย่างนายเขาจะเรียกว่าอะไร? อย่าบอกนะ 3 ปีนี้นายไม่มีคนอื่นเลย เราเป็นอิสระต่อกัน พวกเราตั้งแต่แรกก็เกลียดกันอยู่แล้วนี่ ก็แค่เสียคู่ขาไปคนนายเสียดายอะไร นายมีจนนับไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราอยู่แบบนี้มาได้ 3ปีนี่มันนานเกินคาดต่างหาก ” ผมลุกหนีคว้าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไม่อยากจะมองหน้าของเขาเลยซักนิด ผมมันก็แค่คู่ขาจะเอาอะไรกับมันนักหนา
“ นายร้องไห้ ทำไม ? ” เพราะนายนั้นแหละ ไอ้เฮงซวย
“ เปล่า ฉันไม่ได้ร้องไห้ซักนิดเดียว ” ผมตอบให้ถูกคือกัดฟันตอบ
“ แต่นายร้อง” น้ำตาผมไหลเป็นทาง
“ ไม่ ได้ ร้อง เข้าใจไหม๊ ไม่ได้ร้อง ” ยอมรับในความหัวแข็งของตัวเองนิดๆจริงๆ
“ นายร้องไห้เซเวอรัส เลิกบ้าได้ไหม๊ โธ่เว้ย ไอ้บ้านั้นชื่ออะไร ”
“ ทำไม บอกนายแล้วได้อะไร ” ผมถามกลับ
“ ได้แน่ อยากจะรู้ว่าไอ้บ้านั้นหน้าตาแบบไหน ดีกว่าฉันตรงไหน ”
“ ไม่รู้ ฉันนะอาบน้ำหลีกทางซิโว้ย” อยากบอกเหมือนกันไอ้บ้าที่ว่าไม่ไกลหรอกส่งกระจกดูสิ
“ ไม่หลีก ”
“ เออ ไม่หลีก ย่อมได้ ” ผมโมโหจนไม่รู้ว่าทำลงไปได้ไง คว้าแจกันโปะไปที่หัวของเขา สลบเหมือนไปเลย
“ ซีเรียส ฉันขอโทษ”
………………………………………………………………………
POV Sirius
“เออ ไม่หลีก ย่อมได้ ” เสียงดังโพละแถวๆข้างกระหม่อมผม ผมรู้สึกหมดแรง
“ ซีเรียส ฉันขอโทษ ” น้ำเสียงเขาแหลม ต่อจากนั้นผมไม่เห็นอะไรเลย
ผมสะดุ้งพรวดขึ้นมาภายนอกท้องฟ้าเป็นสีม่วงครามเสียแล้ว ผมมองหารอบห้องอย่างตกใจแต่เขานอนคู้อยู่ข้างๆผมนะเอง แขนเขาเกาะผมไว้แล้วหลับด้วยสีหน้าอมทุกข์ เขากลุ่มใจด้วยเรื่องของไอ้บ้านั้นรึเปล่าผมสงสัย มีใครคนอื่นที่ค้นพบดอกไม้ป่าของผมแล้วหรือ ? ผมชักช้าเกินไปอย่างที่เจมส์บอกรึไง ผมอาจจะมีคนอื่นมากมายแต่มันก็แค่นั้น ไมมีใครแทนเซเวอรัสได้ ผู้หญิงทุกคนที่ผมคบหาด้วย มีผมสีดำยาว ผิวต้องขาว ปากบางต้องสีชมพู ผอมบางน่าทะนุถนอม นิ้วมือต้องเรียวยาวสวย ผมยอมรับว่าเป็นไอ้สาระเลวที่ควงพวกหล่อนเพื่อปลอบใจตัวเอง ทดแทนความอ่อนหวานที่เขาไม่ยินยอมให้ผม ต้องให้ทำยังไง…ที่รักถึงจะได้สิ่งนั้นจากนายมา
“ เฮ้ ตื่นได้แล้ว นายขี้เซา ” เขาเหมือนลูกแมวเวลานอน มีคนเห็นเขาแบบที่ผมเห็นแล้วเหรอ ไอ้บ้านั้นมันดีกว่าผมแค่ไหน รักได้มากกว่าผมเหรอ อดทนได้มากกว่ารึเปล่า เขาจะถูกทำรุนแรงมั๊ย(!?) สมองผมเหมือนจะแตกเมื่อนึกถึงสิ่งที่หมอนั้นจะได้จากเจ้าของร่างบางๆนี่ ...ความรัก
เขาลืมตาขึ้นมาด้วยอาการง่วงๆงงๆ เขายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน หลายครั้งเขาทำแบบนี้ด้วยความเผลอตัว “ ตื่นแล้ว” เขาบอกเบาๆและตาก็ปิดอีกรอบ ใบหน้านั้นหลับตาลงอย่างเป็นสุข ผมใช้ปลายผมของเขาเกลี้ยที่ปลายจมูก เขาปัดอย่างรำคาญ
“ อย่านะ “ เขาพูดในอาการง่วงงุง ดูเหมือนเขาจะหยุดขยับนิดหน่อย แล้วเขาก็ลุกพรวดขึ้นมาเผชิญหน้ากับผม ตาโตๆของเขามองมาที่ผม สองมือเรียวยาวเหมือนอาร์ทติสจับใบหน้าผมมองอย่างสำรวจ
“ นายไม่เป็นไรนะ ” เขาถาม “ปวดตรงไหนรึเปล่า” สายตาเขาห่วงอย่างจริงจัง ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย
“ นิดหน่อย “ เขาทำท่าจะเช็คผมเพิ่ม “ ไม่เป็นไร นายทำแผลแล้วนี่” ผมจับมือยาวสวยของเขาไว้นิ่งๆ “ เขาเป็นใครเซเวอรัส บอกมาสิ นายจริงจังกับเขาแค่ไหน ”
“ จริงจัง แต่ฉันบอกนายไม่ได้ เพราะฉันไม่แน่ใจว่า เขาหรือฉันกันแน่ที่จะรู้สึกแย่หลังจากบอกไป ” เขาทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อพูดถึงไอ้บ้านั้น
“ เขาจริงใจกับนายรึเปล่า ” แววตาเขาหม่นแสงลง เขาก้มหน้าตอบ
“ เขาไม่ได้แสดงออกว่าฉันพิเศษกว่าคนอื่น เหมือนที่นายกับฉันนั้นแหละ “ เขาลงทุนเพื่อไอ้หมอนั้น ขนาดเลิกกันผมเนี่ยนะ รับไม่ได้สุดๆ นางเอกไปแล้ว ถ้าไอ้บ้านั้นไม่จริงจังแล้วไปอยู่กับมันทำไม ผมสิให้หมดใจทั้งดวงเลย เสี้ยวเล็กเสี้ยวใหญ่เสี้ยวนิดก็ให้ไม่เหลือ (A/Nแล้วแกเคยบอกเขารึเปล่าว่ะ)
“ ถ้าฉันจริงจังละ ” ผมลองถามเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ
“ อย่าพูดสิ่งที่นายทำไม่ได้ แบล็ค อย่าพูดเพราะสมเพชฉันด้วย อย่าเล่นเกมส์นี้กับฉัน ฉันไปดีกว่า ” เสียงเขาสั่นเครือแต่ผมรู้เขาสะเทือนใจ พยายามควบคุมตัวเอง เข้มงวด ทระนง ทิฐิ มันเป็นเอกลักษณ์ไปเสียแล้ว ผมอาจจะชอบเพราะเขาไม่เหมือนใคร เขามองผมอย่างที่ผมเป็น น่าแปลกที่เขาไม่เห็นว่าหัวใจผมบอกอะไร
“ ถ้าพูดจริงนายเลิกกับหมอนั้นแล้วอยู่กับฉันคนเดียวรึเปล่า” ผมฉุดเขามาก่อนที่เขาจะลงจากเตียงไป ใช้ตัวเองทับเขาไว้ เหมือนที่เขาอยู่ใต้ร่างผมตลอด 3 ปี
“ ฮึๆ” เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงข่มขื่นเหมือนมันน่าสมเพช เหลือทน
“ นายบ้ารึเปล่า แบล็ค นึกจะมาเป็นพ่อพระตอนนี้สายไปแล้วโว้ย ให้ฉันอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉันเนี่ยนะ ฉันจะตัดใจจากไอ้ผู้ชายๆโง่ๆอย่างนายนะแหละ ฉลาดขึ้นรึยัง ไอ้บ้าที่นายอยากรู้จักไปส่องกระจกก็เห็นแล้ว “ เขายังไม่สิ้นฤทธิ์แค่นั้นเบาผ่าหมากซะอย่างนั้น
“ …” เขาจากไปปล่อยผมไว้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง…มันเจ็บไปถึงหัวใจทีเดียว
กว่าผมตระหนักได้ ผมก็เสียเวลาไปนานนับปี รุ่งขึ้นผมไปหาเขาที่บ้านพร้อมแจกันดอกไม้ช่อโต ผมเคาะประตูเท่าไหร่ก็ไร้เสียงตอบกลับ ผมทรุดตัวลงนั่งหน้าประตูอยู่นานสองนานผมจึงเริ่มหาอะไรค่าเวลา ผมมองไปรอบๆ กระดาษเล็กๆ ทิ้งอยู่ใกล้ๆ ตู้จดหมาย ผมคาดว่ามันคงหล่นลงมา
‘ ตอนนี้ผม ไม่อยู่บ้านจนกว่าวันที่13 มกราคม หากมีธุระด่วนส่งเมล์มา‘
เซเวอรัส สเนป ‘
………………TBC……………………..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น