คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลิขสิทธิ์รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
ลิขสิทธิ์รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
สวัสดีค่ะ มัลลิกาหน้าหวานมาอีกแล้วค่ะ วันนี้เอาความรู้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์มาฝากกัน บทความนี้จะเกี่ยวเนื่องจากบทความที่แล้วที่มัลลิกาโพสไว้แล้ว “มาจดลิขสิทธิ์กันเถอะ” ซึ่งเป็นบทความที่บอกรายละเอียดการจดลิขสิทธิ์ผลงานของเรา
แต่บทความนี้จะบอกว่าลิขสิทธิ์คืออะไร ผลงานแบบไหนที่จดลิขสิทธิ์ได้ ผลงานแบบไหนจดลิขสิทธิ์ไม่ได้ ลิขสิทธิ์เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง และลิขสิทธิ์ป้องกันการลอกได้หรือไม่ ชักน่าสนใจแล้วสิ ถ้างั้นอ่านข้างล่างต่อเลย
ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ค์ได้ทำขึ้น
สิ่งที่ยื่นขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ได้ มีดังต่อไปนี้
-วรรณกรรม
-นาฎกรรม
-ศิลปกรรม
-ดนตรีกรรม
-โสตทัศนวัสดุ
-ภาพยนตร์
-สิ่งบันทึกเสียง
-งานแพร่เสียงแพร่ภาพ
-งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
สิ่งที่ยื่นขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ไม่ได้ มีดังต่อไปนี้
-ความคิด ขั้นตอน กรรมวี ระบบ วิธีใช้หรือวิธีทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์
-ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
-รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
-ระเบียบ ข้อบังคับประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง
ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
-คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
-คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตามข้อ 2-5 ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วย
งานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น
ลิขสิทธิ์เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง โดยปกติลิขสิทธิ์เป็นสิทธิ์ที่เกิดขึ้นทันทีที่มีการสร้างสรรค์ผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน แต่การจดลิขสิทธิ์นั้นจะเอื้อประโยชน์ในทางธุรกิจเป็นสำคัญ เป็นการส่งเสริมให้เจ้าของสามารถนำผลงานอันมีลิขสิทธิ์ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้การแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมายเพิ่มขึ้นจากสิทธิ์ที่มีอยู่เดิมของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง (ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจาก www.ipthailand.org)
จากข้อมูลข้างต้นเพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เกิดจากการสร้างสรรค์และสร้างสรรค์เสร็จแล้วสามารถนำมาจดลิขสิทธิ์ได้ ยกเว้นว่าสิ่งที่สร้างสรรค์เป็นผลงานของหน่วยงานภาครัฐที่กระทำเพื่อสาธารณะเช่นกฎหมายต่างๆ จะจดลิขสิทธิ์ไม่ได้
ดังนั้นนิยายของเราที่เขียนลงเว็บจึงเข้าข่ายเป็นผลงานที่จดลิขสิทธิ์ได้ แต่โดยปกติผลงานที่เผยแพร่ในเว็บก็จะได้รับการรับรองตามกฎหมายอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมาแจ้งขอจดลิขสิทธิ์อีก
แฮะๆๆ พอเขียนมาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงสงสัยแล้วสิว่างั้นหนูลิก้า (ชื่อเล่นแบบฝรั่งของมัลลิกาเอง อ๋อชื่อเล่นแบบญี่ปุ่นก็มีนะคะ คือ ลิกะ ชอบแบบไหนเรียกแบบนั้นได้ค่ะ)
อะแฮ่มๆ หลังจากที่นอกเรื่องมาพอสมควรก็มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า การจดลิขสิทธิ์ต้องมีประโยชน์แน่ค่ะ ไม่งั้นลิก้าคงไม่เพียรชวนเพื่อนๆ มาจดหรอกค่ะ
ประโยชน์ที่เห็นๆ ของการจดลิขสิทธิ์ก็คือ ใบรับรองลิขสิทธิ์นั้นสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันที่แน่นหนาได้ว่างานนั้นเป็นของเรา เราสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อไร ถ้าหากมีการลอกหรือที่เรียกอย่างหรูว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ เราก็สามารถนำใบรับรองมาแสดงเพื่อแสดงสิทธิ์ในงานของเราได้
แต่สำหรับคนโพสงานในเน็ตที่เขียนไปโพสไป ลิก้าขอแนะนำว่าควรเก็บตอนจบของเรื่องไว้ก่อนอย่าเพิ่งโพส พอเขียนเสร็จเอาไปจดลิขสิทธิ์ให้เรียบร้อยแล้วค่อยนำมาโพส เพราะคนที่จ้องลอก ยังไงก็ไม่มีทางลอกไปได้ก่อนวันที่เราไปจดลิขสิทธิ์หรอกค่ะ
อย่างเรื่องหอบรักห่มใจของลิก้าเอง นิยายเรื่องนี้เขียนจบตั้งแต่วันที่ 5 ธค 50 ลิก้านำผลงานชิ้นนั้นไปจดลิขสิทธิ์ในวันที่ 18 ธค 50 ก่อนจะมาโพสตอนจบในวันที่ 21 ธค 50 แค่นี้ก็ปลอดภัยหายห่วงค่ะ อ๋อ แต่ถ้าให้ดีควรเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนั้นไว้ด้วยนะคะ เพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
รายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ของคนอื่นเป็นยังไงลิก้าไม่แน่ใจ แต่ของลิก้าเป็นกระดาษที่เขียนพล็อตเรื่องทั้งหมดเอาไว้ ฮาร์ดกอปปี้ 2 ชุด ที่ผ่านการรีไรท์ ซึ่งตัวฮาร์ดกอปปี้ตัวนี้จะบอกพัฒนาการของชิ้นงาน ซึ่งเป็นหลักฐานในการสร้างสรรค์ที่ดีค่ะ
ส่วนการนำลิขสิทธิ์ไปใช้ประโยชน์นั้น ถ้าอ่านข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า มันมีประโยชน์ในทางพาณิชย์เป็นหลัก คือสามารถให้ใครมาเช่าลิขสิทธิ์ผลงานของเราก็ได้ หรือถ้าเรามีชื่อเสียงมากพอก็อาจนำไปใช้คำประกันทางการเงินได้เช่นกัน
แต่นักเขียนไซเบอร์แบบเราเอาแค่ว่า ป้องกันการลอก และเพื่อสร้างความภูมิใจ ก็น่าจะพอแล้วนะคะ คราวหน้าจะเอา พรบ.ลิขสิทธิ์มาให้ดู วันนี้เมื่อยมือแล้ว บายก่อน รักนะจุ๊บๆๆ ลิก้าจ้ะ
ความคิดเห็น