ลิขิตรักลำน้ำไนล์ Re-Up
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ ซึ้งกินใจ Tags : ลิขิตรักลำน้ำไนล์, อียิปต์, ฟาโรห์, ย้อนเวลา, มัลลิกา
ผู้แต่ง : mallika
My.iD :
https://my.dek-d.com/mallika/writer/
ตอนที่ 49 : บทที่ 15 ตอนที่ 2
บทที่ 15
พายุทะเลทราย
ตอนที่ 2
ฟาริดาห์นับหนึ่งถึงสิบในใจ ผู้ชายคนนี้มีความสามารถในการยั่วโมโหเป็นเลิศจริงๆ เธออยากรู้นักว่าเขาสอบผ่านเป็นนักการทูตมาได้ยังไง
“จะออกรถได้หรือยัง ฉันอยากอาบน้ำ เราจะไปบ้านคุณแดเนียลพี่ชายเธอไม่ใช่เหรอ” เขาหันมาดุเมื่อเห็นเธอนั่งเฉย
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยประชด ก่อนจะเหยียบคันเร่งพารถคันเก่งแล่นฉิวไปตามถนนว่างเปล่า สองหนุ่มสาวนั่งเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ฟาริดาห์จะเป็นฝ่ายแพ้ใจตัวเอง เธอลอบชำเลืองไปยังนักการทูตหนุ่มซึ่งนั่งเอนหลังหลับตาด้วยท่าทางผ่อนคลาย เขาผอมลงกว่าครั้งแรกที่เธอพบเล็กน้อย แต่ก็ดูแข็งแรงดีไม่มีอาการเจ็บป่วยให้เห็น
“ไม่มองถนนเดี๋ยวรถก็ชนหรอก” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นราวกับรู้ว่าถูกแอบมอง
ฟาริดาห์รีบหันกลับไปมองถนน สองข้างแก้มร้อนผ่าว แต่ก็ไม่วายอวดเก่ง “มือระดับนี้แล้ว หลับตาขับยังได้เลย”
“เหรอ...งั้นช่วยจอดข้างทางหน่อยนะ ฉันจะลง ฉันยังไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม”
“คุณนี่นะหนุ่ม แถวบ้านฉันอายุขนาดคุณ เขาเรียกว่าแก่ใกล้จะเป็นลุงแล้ว” เธอหัวเราะอย่างขบขัน แต่คนฟังไม่ขำด้วยสักนิด
ธันวาขยับนั่งหลัง ตรงดวงตาดำขลับเป็นประกายวาบด้วยแรงโทสะ เด็กบ้านี่หาว่าเขาแก่เป็นลุง
“แถวบ้านฉันอายุเท่าเธอ เขาก็เรียกว่าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเหมือนกันแหละ” เขาตอกกลับไปบ้างพลางจ้องมองด้วยสายตาของผู้ใหญ่มองเด็กเกเร
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ” เธอแหวใส่อย่างลืมตัว มือที่จับพวงมาลัยคลายออก รถยนต์คันเก่งแล่นฉิวออกนอกถนน พุ่งเข้าชนกอตะบองเพชรที่ขึ้นอยู่ข้างทางโครมใหญ่
“ฟาริดาห์!” ธันวากอดร่างเล็กบางไว้ แล้วพลิกร่างหนาของตนเข้ารับแรงกระแทกแทน
“อูย” ฟาริดาห์ร้องครางเบาๆ ก่อนจะยันตัวขึ้นมองไปรอบๆ เธอปลอดภัยดีไม่มีส่วนใดบุบสลาย แต่ผู้โดยสารของเธอไม่โชคดีเท่า ชายหนุ่มฟุบอยู่บนพื้นรถ ดวงตาที่เคยแจ่มจรัสปิดสนิท
“คุณธันวา คุณธันวาเป็นยังไงบ้าง” เธอประคองเขามานั่งบนเบาะพลางลูบเนื้อตัวด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่ตาย แต่ถ้าอยู่กับเธอบ่อยๆ คงรอดยาก” เขาเอ่ยเสียงห้วนพลางสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอฉันดูแผลหน่อยนะ” เธอกวาดตามองทั่วใบหน้าคม ก่อนจะเอ่ยอย่างโล่งใจ “แค่หัวโนน่ะ ประคบผ้าร้อนก็หายแล้ว”
เมื่อพูดจบก็ล้วงหน้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาอังกับริมฝีปาก หมายจะประคบบาดแผลให้เขา แต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ไม่ต้องหรอก รีบออกรถเถอะ ฉันอยากไปให้พ้นๆ จากเธอซะที”
ฟาริดาห์หน้าจ๋อย เธอเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าเสื้อแล้วหันไปติดเครื่องรถ แต่วิบากกรรมของเธอยังไม่หมด เมื่อจู่ๆ รถยนต์คันโปรดเกิดเกเรขึ้นมาดื้อๆ เธอลองบิดกุญแจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าพาหนะอายุครึ่งร้อยก็ไม่ยอมติดเสียที
“เกิดอะไรขึ้น รถเป็นอะไร” เขาเอ่ยถาม
“สตาร์ตไม่ติด” เธอหันกลับมาสารภาพเสียงอ่อย
“ให้ตายสิ แล้วจะทำยังไงกันล่ะทีนี้” ธันวาสบถด้วยความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เขาอยากจะบ้าตาย นี่นะไกด์ยอดเยี่ยมที่สุดในอียิปต์ ยังไม่ทันไรเจ้าหล่อนก็พาเขามากินข้าวลิงกลางทะเลทรายเสียแล้ว
“ฉันมีโทรศัพท์ เดี๋ยวโทร.ให้คนของพี่แดเนียลเอารถมารับเราที่นี่ก็ได้”
“งั้นก็รีบโทร.เข้าสิ” เขาเอ่ยเสียงห้วนแล้วเปิดประตูรถเดินออกไปข้างนอก ร่างสูงก้าวยาวๆ ไปยืนข้างถนนพลางกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะถอนใจยาวเหยียด ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากทรายกับทรายและตะบองเพชรที่ถูกรถชนหักครึ่งกอหนึ่ง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันเมื่อครู่” ฟาริดาห์เดินตามมายืนข้างๆ หลังจากที่โทรศัพท์ติดต่อพี่ชายเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังเส้นขอบฟ้าพลางสั่งตัวเองให้ใจเย็นๆ เขาไม่ได้เพิ่งประสบอุบัติเหตุ แต่กำลังจอดรถชมทิวทัศน์ทะเลทราย ยืนตากแดดมากๆ ผิวจะได้เป็นสีแทนดูแมนดี
ฟาริดาห์แอบมองเสี้ยวหน้าคมคายของนักการทูตหนุ่มจากเมืองไทยด้วยความรู้สึกผิด เธอมันแย่จริงๆ เลย ขับรถแค่นี้ก็ตกถนน แล้วเขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าเธอจะพาเขาท่องไปทั่วทะเลทรายได้ดังปากว่า
“ขอโทษนะคะที่ทำให้เจ็บตัว” เธอเอ่ยเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไร ชินแล้ว” เขาตอบเรื่อยๆ แต่ฟังเหมือนประชดยังไงไม่รู้
ฟาริดาห์หน้าจ๋อยไปนิดหนึ่ง ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์กวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะวกกลับมาจ้องมองเสี้ยวหน้าคมคายของนักการทูตหนุ่มอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะมีแรงดึงดูดบางอย่างในตัว ไม่ว่าเธอจะมองไปที่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องวกกลับมามองเขาอยู่ร่ำไป
“คราวนี้คุณจะอยู่นานไหมคะ” เธอเอ่ยถามเสียงแผ่ว หลังจากที่ชั่งใจอยู่พักใหญ่
“ฉันลางานได้อีกแค่เดือนเดียว หมดวันลาก็ต้องกลับไปทำงาน แต่ฉันขอย้ายมาประจำที่ไคโรแล้ว หากผู้บังคับบัญชาอนุญาตก็คงจะมาอยู่ที่นี่เลย ยังไงฉันก็ต้องหายายไอซ์ให้พบ” เขาตอบเรื่อยๆ อารมณ์เสียเมื่อครู่ทุเลาลงบ้างแล้ว
“อยู่ที่นี่เลยเหรอ…” เธออุทานด้วยความยินดีจนคู่สนทนาหันมามองด้วยความแปลกใจ
“ว่าอะไรนะ” เขาเอ่ยถามเมื่อรู้สึกแปลกๆ กับหางเสียงของอีกฝ่าย ฟังเหมือนเจ้าหล่อนดีใจที่เขาจะย้ายมาอยู่ที่อียิปต์
“อ๋อ...ฉันบอกว่าไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยคุณตามหาน้องสาวเอง” เธอยิ้มตาใสแล้วไถลไปอีกทาง
“ขอบใจนะ” ธันวาพึมพำเบาๆ แล้วหันไปจับจ้องเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง อากาศในทะเลทรายค่อนข้างร้อนเลยทำให้หูเขาแว่วไปเอง เด็กสาวหน้าตาดี ฐานะดีแบบหลานสาวชีคอัลฟาบาจะมาสนใจอะไรนักการทูตธรรมดาๆ อย่างเขา แต่ก็ดีเหมือนกัน ขืนอยู่กับเจ้าหล่อนไปนานๆ อายุเขาคงไม่ยืนยาวเป็นแน่
“คุณธันวา” เธอเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนเงียบๆ มาพักใหญ่
“มีอะไร” เขาเอ่ยถาม
“คนไทยมีภรรยาได้กี่คน” เธอเอ่ยถามเสียงเบาหวิว
“ถามทำไม” เขาหันมาจ้องมอง
“แค่อยากเรียนรู้วัฒนธรรมของชนชาติอื่นบ้าง” เธอยิ้มแล้วไถลออกไปอีกครั้ง
“คนเดียว หรือไม่ก็ทีละคน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเจือความรำคาญ ก่อนจะหันไปมองเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง
“เหรอ” หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่ว รอยยิ้มยินดีเข้ายึดครองสองแก้ม ความอบอุ่นคืบคลานเข้าสู่หัวใจดวงน้อย ทำไมวันนี้ทะเลทรายที่เคยเห็นจนชินตาถึงได้ดูสวยนัก ความจริงรถเสียกลางทางแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
‘ไม่ต้องรีบมาก็ได้นะคะพี่แดเนียล ฟาริดาห์อยากอยู่แบบนี้อีกสักพัก...’
####################
***อ่าน ลิขิตรักลำน้ำไนล์ ฉบับสมบูรณ์ได้ที่เมพ***
***อ่าน ปาริมา ราชินีไอยคุปต์ ฉบับสมบูรณ์ได้ที่เมพ***
***อ่าน เพลิงเสน่หา มนตราทะเลทราย ฉบับสมบูรณ์ได้ที่เมพ***
***อ่าน บันทึกรักสุดผืนทราย ฉบับสมบูรณ์ได้ที่เมพ***
***อ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ของมัลลิกา ได้ที่เมพ***
0 ความคิดเห็น