คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro,,เปิดประเด็น
เปิดประเด็น
“ไงคีลเลอร์...เจ้าพร้อมรึยั...”
“ข้าขอปฏิเสธขอรับ” ข้าปฏิเสธเสียงแข็งทันควันก่อนที่ท่านพี่จะกล่าวจบ ซึ่งการกระทำของข้าเช่นนี้ทำให้ท่านพี่หันควับมามองหน้าข้าด้วยสายตากดขี่อย่างกับจะเขมือบให้หายสิ้นกันไปข้างหนึ่ง
จู่ๆ ท่านพี่ก็เสด็จมายังปราสาทอีกาซึ่งเป็นปราสาทย่อยออกมาอีกทีที่ข้าอาศัยอยู่ พอมาถึงก็จู่โจมข้าด้วยคำถามที่ข้าแสนเกลียดที่สุดใน3มิติ ไม่ใช่ว่าข้าไม่พร้อมแต่ต้องบอกว่า ‘ข้าไม่อยากทำ’ เลยก็ว่าได้ แล้วนี่ดูสิ...มาถึงก็ถามกันแบบนี้ตั้งแต่ยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของข้าจะให้ข้าทำเช่นไรล่ะ ไม่ ไม่ ไม่...ข้าไม่มีวันตกลงปลงดองกับใครง่ายๆ เป็นแน่
ท่านพี่หัวเราะอยู่ในลำคอ หึๆ จากนั้นก็ทอดกายย่างเข้ามานั่งบนโซฟาตัวสีเทาซึ่งจัดไว้สำหรับแขกตรงกลางห้องทำงานที่ข้าเตรียมไว้สำหรับรับแขกโดยเฉพาะ แต่แขกเช่นท่านพี่ขอเป็นข้อยกเว้น (ข้าไม่ต้อนรับ) ข้าแอบชายตามองท่านพี่เพื่อดูประติกริยาต่อไปว่าเขาจะทำอย่างไรแต่แล้วปรากฏว่าเขาขอน้ำชาข้าก่อนจะเอนตัวนอนแบบไม่เกรงอกเกรงใจเจ้าของห้องที่ยืนจ้องเขาจนแทบจะกระโจมเข้าไปงับหัว ชั่งไม่รู้อะไรบ้างเลย...
ในที่สุดความอดทนก็ถึงขีดจำกัดข้าจึงตวาดเสียงแข็งออกไปทำเอาท่านพี่สะดุ้งเล็กน้อย “ท่านพี่ ! ท่านมาทำอะไรกันแน่ขอรับอย่าเอาแต่นั่งๆ นอนๆ ในห้องทำงานของคนอื่นเช่นนี้สิขอรับ”
“ฮ่าๆ ในที่สุดเจ้าก็พร้อมที่จะรับฟังแล้วสินะ”
“มีอะไรก็รีบๆ ว่ามาเถอะขอรับ” เสียงค่อยๆ กลับเป็นปกติ
“หัวข้อในการสนทนาคือเจ้าจะต้องสืบทอดตำแหน่งต่อจากข้า” สะ...สะ...สืบทอด... เจ้าคิดว่าชีวิตเป็นอะไรกัน นิยาย ละคร งั้นหรอ? ไม่ตลกเลยนะท่านพี่ ข้าที่แสนจะเกลียดงานฝ่าฟันดงสหบาทาหรือลุยๆ อะไรเทือกนี้ยังไม่เกลียดเท่าการได้รับตำแหน่งใหญ่ๆ เลยนะ ให้ข้ากลับไปเซ็นแค่เอกสารก็พอแล้วมั้ง
“แต่ท่านพี่คัสม่าให้ข้าสืบทอดตำแหน่งเทพคุมกฎแห่งสรวงสวรรค์ไม่ใช่หรือขอรับ”
“แล้วยังไงล่ะ...ข้ากับเจ้านั้นอยู่คนละโลกแล้ว และตอนนี้เจ้าก็อยู่โลกเดียวกับข้าเพราะฉะนั้นข้าย่อมมีสิทธิ์มากกว่าคัสม่าและด้วยความจริงที่ว่าข้าเป็นพี่ใหญ่สุดยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง...ข้ามียศที่สูงกว่าพวกเจ้าจริงไหมคีลเลอร์” ท่านพี่จ้องหน้าข้าจนแทบจะกัดจิกและกลืนกินข้าได้ทั้งตัวด้วยอำนาจที่มีอยู่ล้นท่วมหัวทำให้ข้าไม่สามารถต่อต้านใดๆ ได้ บรรยากาศตอนนี้กดดันข้าเสียอึดอัดไปหมดแม้อยากจะเผชิญหน้ากับท่านพี่ตรงๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปแต่ข้ากลับทนเช่นนั้นไม่ได้นานก็ต้องหลบสายตาหนีแรงกดดันนั่น
เขาหัวเราะเล็กน้อยด้วยความรู้สึกสนุกสนานที่ได้เห็นข้ายอมหลีกถอยนัยน์ตาสีครามน้ำทะเลคู่สวยที่จ้องจะเอาเรื่องเข้าให้ได้อยู่เมื่อครู่
“มีอะไรน่าขำนักรึไงขอรับ...ท่านพี่” ข้าทำปากจู๋คล้ายเด็กสามขวบบนโลกมนุษย์
“น่าขำสิ้นดี...หมอนั้น...ทำไมถึงได้ไปอยู่บนนั้นทั้งๆ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์” ท่านพี่นั่งเอาขาขวาวางทับเข่าซ้ายกึ่งท่าไขว้ห้าวพรางจิบน้ำชาแต่สายตาที่มองตรงมาเหมือนมีความรู้สึกว่าทะลุผ่านข้าไปอย่างไร้จุดหมาย
“ก็เพราะท่านพี่คัสม่าเป็นคนดีกว่าท่านพี่เคซไงล่ะขอรับ” ข้าตอบตามที่เห็นไม่ได้เข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งสาบานได้...
“วะ...ว่าไงนะ!”
“ตามที่ได้ยินนั้นแหละขอรับ...แต่ก็ชั่งมันเถอะถึงท่านพี่จะดีน้อยกว่าท่านพี่คัสม่าแต่ข้าก็รักพวกท่านเท่ากันไม่ต้องแย่งกันหรอก ฮ่าๆ ”
“หนวกหูน่า...เอาล่ะเข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“ขอปฏิเสธ” ยังไม่ทันที่ท่านพี่จะเอ่ยประโยคต่อไปข้าก็ชิงพูดตัดบทเสียก่อนเป็นการยืนยันว่าถ้ายังจะยัดเยียดให้ข้าสืบทอดตำแหน่งต่อไปข้าจะไม่รับฟังใดๆ นอกจากคำว่า ‘ปฏิเสธ’
“ได้...โทษของเจ้าคนทรยศและไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า เจ้าจะต้องทำภารกิจตามจดหมายที่จะส่งมายังปราสาทนี้ทุกๆ ภารกิจ...” ข้าทำท่าจะอ้าปากร้องโหแต่แล้วเหมือนท่านพี่จะรู้แกวจึงพูดตัดหน้า “ห้ามโหและห้ามปฏิเสธนี่คือบทลงโทษ!”
พอหมดธุระแล้วท่านราชาแห่งความตายรุ่นที่สิบสี่ก็เดินออกจากห้องของข้าไปในทันทีกะไม่ให้ข้าได้เอ่ยสิ่งใดเพื่อถบเถียง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งชั่วขณะพอดีกับจังหวะที่ผู้ติดตาม...เอ่อ...ไม่สิ เพื่อนสมัยเด็กของข้าเดินเข้ามาแถมในแววตาของเจ้าเพื่อนแสนรักยังพ่วงโจทย์อะไรบางอย่างเข้ามาฝากข้าอีกเสียด้วย
“เมื่อครู่ข้าได้รับแจ้งมาว่าฝ่าบาททรงหายตัวไป...” ข้าแทรกขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘หายตัวไป’ ด้วยความตกใจสุดขีดทำให้น้ำเสียงที่ออกมาควบกันบ้างตีกันบ้างเสียไม่เป็นศัพท์ “ใจเย็นๆ และค่อยพูดค่อยจาเถอะขอรับ...ท่านจะพูดว่าเมื่อกี้นี้ยังเจอฝ่าบาทอยู่เลยงั้นหรือขอรับ”
“ชะ...ชะ...ชะ...ใช่! เมื่อกี้ท่านพี่ยังมาบอกกับข้าอยู่เลยว่าจะให้ข้าขึ้นครองตำแหน่งแทนแต่ข้าปฏิเสธไปเลยโดนโทษให้ทำภารกิจอะไรบ้างอย่างที่จะส่งมาทางจดหมาย” ค่อยยังชั่วและแล้วข้าก็พูดรู้เรื่องสักที
“ฮื๋อ? หมายความว่ายังไงนะขอรับ”
“ข้า...ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ ท่านพี่คงจะส่งจดหมายพร้อมภารกิจมาให้”
“แล้วที่บอกว่าฝ่าบาทจะมอบตำแหน่งให้...เช่นนั้นก็หมายความว่าฝ่าบาทจะลงจากบัลลังก์ในเร็วๆ นี้สินะขอรับ” สายตาของเขาจ้องมองลึกลงไปในนัยน์ตาของข้าด้วยสีหน้าตึงเครียดจนทำให้ข้ารู้สึกอยากจะลงไปนอนงีบที่โซฟาด้วยความรู้สึกอ่อนล้า รับไม่ได้! ข้าจะไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้เป็นอันขาด
ปัง! ข้าทุบโต๊ะ “แต่ท่านพี่บอกว่าข้าเป็นคนขัดคำสั่งเขาและให้บทลงโทษแล้วนี่...”
“มันก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าฝ่าบาทจะเลิกราจากท่านนะขอรับ” เออ...มันก็ถูกล่ะนะ
“...ข้าควรจะต้องทำอย่างไรดี”
“เอาเถอะ ไม่ลองก็ไม่รู้นะขอรับ”
“แล้วข้ายังจะต้องลองอะไรอีกล่ะ” เจ้าก็พูดได้นี่ก็เจ้าไม่ใช่ข้าซึ่งมันสยองไม่ค่อยจะมีรอยหยักเลยเข้าใจอะไรยากกว่าคนปกติอยู่สองเท่า ถ้าเปลี่ยนร่างกันได้ข้าจะขอเป็นเจ้าแทนคนแรกเลยออซก้า ทั้งฉลาด เท่ สมาด เดินไปที่ไหนก็มีแต่สาวกรี๊ด แต่ก็ยังสู้ข้าไม่ได้อยู่ดี...เดินไปที่ไหนก็มีแต่สาวๆ กรี๊ดแล้วพากันวิ่ง (เปล่า...วิ่งหนีนะ ไม่ใช่เข้ามาหา) ประหนึ่งว่าถ้าอยู่ในระยะห้าสิบเมตรสายตาข้าอาจจะทำให้เสื้อผ้าของพวกนางไหม้ได้
เหอๆ เป็นไงล่ะ ข้ามีอิทธิผลสุดๆ ไปเลยใช่ไหม (?) ชั่งมันก่อนเถอะข้าขอกลับไปที่ประเด็นหลัก
“ข้าหมายถึง...ลองเผชิญหน้ากับโชคชะตาน่ะขอรับ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ให้เผชิญหน้ารึ...แบบไหนละ? เอาแบบฉะกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างอะไรงี้หรือจะให้ข้าทำตัวเป็นเด็กดีแล้วค่อยมาคิดเอาทีหลังว่าจะทำอย่างไรน่ะรึ ให้ตายเถอะแผนมันซับซ้อนเกินไปฮาร์ทดิสในกะโหลกกะลาของข้ามันรับไม่ไหวหรอกนะ
“ชั่งมันเถอะน่า...ตอนนี้ข้าไม่อยากจะทำอะไรแล้วขอจิบชาให้สบายหัวก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เจ้าเองก็อยากจะไปไหนก็ไปสิ ไปทำงานทำการซะไป”
“เห็นข้าไม่โต้หน่อยทำเป็นวางกล้าเชียวนะไอ้เตี้ย” ข้าหันควับ นั่น! เจ้าออซก้าเพื่อนสมัยเด็กและผู้ติดตามตลอดชีวิตของข้าคนเดิมจริงๆ เสียด้วย นึกว่าชาตินี้ข้าจะไม่ได้ฟังเสียงหมอนี่ด่าข้าเป็นครั้งที่... (จำไม่ได้ ชั่งมัน) เสียแล้ว
ตอนนี้ข้าน่าจะใช้อำนาจทำให้เขาอยู่ภายใต้สิไม่ใช่ว่าให้เจ้าบ้านี่มาด่าว่าข้า ‘เตี้ย’ ชัดค่อยชัดคำแบบไม่มีอ้อมให้เสียเวลานั่งคิด ขอบใจ... ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เวลามามัวดีใจนะไอ้บ้าคีลเลอร์
ข้ามองค้อนใส่ “ว่าไงนะ! ‘ไอ้เตี้ย’ นั่นมันอะไร” แล้วก็โดนจับหัวหมุนซ้ายทีขวาที ด้วยความจริงที่ตัวข้าเป็นคนเตี้ย ไม่สิ... หมอนั้นอายุมากกว่าข้าตั้งสองร้อยกว่าปีไม่แปลกทีจะสูงกว่าจริงไหม? ชิ...
“รู้ไหมว่าข้าสวมบทผู้ติดตามและรับใช้เจ้ามากี่ปีแล้ว บางทีข้าก็นึกหมั่นเขี้ยวอยากจะงั่มเจ้าที่อยู่ในมาดองค์ชายจอมเอาแต่ใจเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย” ออซก้ายังคงสั่นหัวข้าไปมาอย่างมันมือ
“พอแล้ว แอ้ว แอ้ว แว้ว...”
“เจ้าตัวเตี้ยลงทุกวันๆ แล้วนะ ข้าก็ให้กินนมแต่ทำไมเจ้าถึงไม่สูง...” อ้าว...ถามงี้มาต่อยกันเลยดีกว่า แล้วข้าจะไปตรัสรู้ไหมไอ้บ้า “ตอนนี้ถ้าเทียบกับเด็กบนโลกมนุษย์เจ้าก็น่าจะอายุประมาณสิบหกถึงสิบเจ็ดแล้วไม่ใช่หรือ”
“เออน่า จะให้ทำไงก็คนมันไม่สูงไม่เหมือนใครบางคนหรอกนะ นึกจะสูงก็สูงพรวดพราดๆ ไม่ดูที่ดูทาง”
“อิจฉาล่ะสิ...”
“ไม่มีวันเสียหรอก ข้าจะกลับห้องนอนแล้ว เซง...” ว่าแล้วข้าก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปแถมปิดประตูดังปังใส่หน้าออซก้าผู้ติดตามคนสนิท
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าประตูภายในห้องทำงานขององค์ชายตัวกะเปี๊ยกผู้อารมณ์แสนจะแปรปรวนง่าย เขาล้วงจดหมายซองสีครีมออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อนอกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้องเพื่ออ่านรายละเอียดเนื้อหาข้อมูลที่ถูกเขียนด้วยปากกาขนนกหมึกสีน้ำเงินภายในจดหมาย
“เช่นนี้เองหรือ...ทำไมคนในตระกูลนี้ถึงชอบทำอะไรที่คนปกติเขาไม่ทำกันอยู่เรื่อยเลยสินะ”
ปิดประเด็น
ต่อไปนี้ก็จะพยายามมาอัฟให้ไม่อาทิตย์ล่ะบทก็ประมาณสองอาทิตย์บทนึงอะไรงี้
ความคิดเห็น