นคร
เปตรา (Petra) นครหินอันเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศจอร์แดน
เปตราซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับในหุบเขา วาดี มูซา หรือ หุบเขาโมเสส ซึ่งเป็นนครที่ในอดีตคิดว่าหายสาบสูญไปแล้ว ได้ถูกค้นพบครั้งแรกโดย โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท นักสำรวจชาวสวิส ในปี ค.ศ.1812 ปัจจุบันนี้ต้องเดินทางเข้าไปโดยอาศัยม้าเท่านั้น
ซึ่งในนคร
เปตราเคยเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างน้อย 20,000 คน มีถนนสายหลักที่ขนาบด้วยเสารายด้านด้านหน้าบ้านเรื่อนยังปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ถนนนี้ตัดขนานไปกับแนวแม่น้ำวาดี มูซา นอกจากนี้ยังมีอัฒ
http://feelfree.exteen.com/20080805/entryจันทร์รูปครึ่งวงกลมสร้างด้วยหินโดยพวกนาบาเทียน แต่ภายหลังพวกโรมันบูรณะขึ้นใหม่ โรงละคนนี้จุผู้ชมได้ 4000 คน พวกเอโดไมต์เป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่ในเมืองนี้เมื่อ 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่อต่อมาศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช พวกนาบาเทียนซึ่งเป็นชาวอาหรับกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาอยู่ใน
เปตรา คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทรายเป็นบ้านเรือนและอาศัยอยู่ในถ้ำทีมีอยู่ทั่วเมือง
เปตรามีป้อมปราการตามธรรมชาติ มีน้ำใช้ตลอดปีจากแหล่งน้ำพุในช่องเขาซึ่งมีท่อน้ำต่อถึงกัน และยังตั้งอยู่ในทางแยกของเส้นทางการค้าหลักสอยสายคือ สายตะวันออก - สายตะวันตก ซึ่งเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับอ่าวเปอร์เซีย และ สายเหนือ - ใต้ ซึ่งเชื่อมทะเลแดงกับเมืองดามัสกัส พวกนาบาเทียนมีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ แต่เปลี่ยนมาค้าขายและรับจ้างเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้แก่กองคาราวาน คนเผ่านี้มีความซื่อสัตย์ ค่าธรรมเนียมผ่านทางที่เรียกเก็บจากผู้สัญจรก็ช่วยให้พวกนาบาเทียนมีชีวิตที่รุ่งเรื่องขึ้น
เปตรากลายเป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ และนักเดินทางชาวกรีกมักนำเรื่องความมั่งคั่งมาเล่าสู่มาตุภูมิ
ในปี ค.ศ.106 พวกโรมันเข้ายึดครอง
เปตราและผนวกนครนี้เข้าในอาณาจักรโรมัน
เปตรายังคงเจริญรุ่งเรืองจนถึงราวปี ค.ศ.300 เมื่อจักรวรรดิโรมันเริ่มคลอนแคลน ในช่วงศตวรรษที่ 5
เปตรากลายเป็นที่ตั้งคริสต์ศาสนามณฑลของบิชอป แต่ถูกมุสลิมยึดในศตวรรษที่ 7 แล้วก็เสื่อมถอยมาเรื่อยๆ จนลบเลือนหายไปจากผู้คน
ความคิดเห็น