ตอนที่ 48 : บทที่ 21 อยากรู้ใจตัวเอง (1)
“แล้วคุณชอบเขามั้ย”
“เดี๋ยวนะคะ เวลาแค่ไม่กี่นาทีคงไม่ทำให้ฉันชอบใครได้หรอกค่ะ”
“แล้วผมล่ะ”
“...”
“คุณใช้เวลากี่นาทีในการชอบผม”
“...”
พัฒน์นรีหัวใจกระตุกรุนแรง ก่อนจะตามมาด้วยอาการเต้นตุบตับจนคิดว่าอกจะระเบิดเอาให้ได้ เธอมองเขาอย่างค้นคว้า แต่ไม่พบอะไรนอกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลกับเธอมากเหลือเกิน มากจนไม่อาจคิดว่าคำพูดของเขามีความหมายอื่นใด
“แค่เสี้ยววินาทีค่ะ...” เธอหันมายิ้มให้เขา “ฉันเห็นคุณแค่เสี้ยววินาทีก็ตกหลุมรักเลย”
คำตอบของพัฒน์นรีทำให้ความรู้สึกรุนแรงก่อนหน้าหายไป คงเหลือแต่เพียงความรู้สึกล้ำลึกที่เขาไม่แน่ใจว่าเคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อนหรือไม่ รองประธานฯ หนุ่มค่อยๆ เลื่อนสายตาจากท้องถนนที่การจราจรคับคั่งมามองคนพูด โชคดีที่รถติดทำให้เขามีเวลามากพอที่จะมองเธอให้เต็มตา
“ฉันประจบเอาใจหวังโบนัสปลายปีน่ะค่ะ”
พิชญ์หัวเราะออกมาอย่างที่รู้ว่าเธอตั้งใจเบี่ยงเบนประเด็น ก่อนที่จะใช้แววตาลึกซึ้งมองเธออย่างตั้งใจ “ถึงจะพูดแบบนั้น ผมก็เชื่ออยู่ดีว่าคุณพูดจริง”
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” พิชญ์ถามขึ้นขณะส่งบอลให้น้องชายที่อยู่ๆ ก็โผล่มาหาถึงยิมออกกำลังกาย ทำเอาบรรดาสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ที่นักฟุตบอลสโมสรดังของลีคอังกฤษโผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย
“อยากกลับก็กลับน่ะเฮีย อยู่ได้ไม่นานหรอก” พุฒเลี่ยงบอกความจริง เพราะว่าเหตุผลที่กลับมาเป็นเพราะสายด่วนจากพี่ชายคนโต
“มาหาฉัน ทำไม มีเรื่องอะไร”
“ไม่มีเรื่องอะไรมาหาไม่ได้เหรอ” พุฒหยุดบอลที่ส่งมาด้วยปลายเท้า เหงื่อซึมออกมาข้างขมับและแผ่นหลังบ่งบอกว่าร่างกายผ่านการเคลื่อนไหวมาสักพักใหญ่แล้ว นักกีฬาหนุ่มเป็นฝ่ายที่ล้าก่อน เขาทรุดกายนั่งลงกลางสนามหญ้าเทียมที่มีแค่เขากับพี่ชาย “พักแป๊บเฮีย”
“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอ นักกีฬาภาษาอะไรวะ”
“เฮีย อย่ามาดูถูกกันหน่อยเลย ผมเพิ่งลงเครื่องเมื่อเช้ายังเพลียอยู่ พรุ่งนี้เจอกันอีกรอบค่อยตัดสินดีกว่า”
“เฮอะ! อ้างไปเรื่อยเหมือนเดิม” พิชญ์หัวเราะเยาะก่อนทรุดกายลงนั่งบ้าง ยืดขาเพื่อคลายกล้ามเนื้อโดยไม่รู้เลยว่าน้องชายกำลังมองมาด้วยสายตาเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ลังเล
“เฮีย”
พิชญ์เงยหน้ามองคนเรียก เห็นสายตาของอีกฝ่ายก็รู้ได้ทันทีว่าน้องชายไม่ได้มาพบเขาด้วยความคิดถึงจริงๆ ซึ่งนั่นเขาคิดไว้อยู่แล้ว “ว่าไง”
“เฮียกับพริ้มไปด้วยกันได้ดีใช่มั้ย”
“อะไรคือเข้ากันได้ดีวะ” พิชญ์ถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็เข้ากันได้ ถึงขนาดจะแต่งงานกันไง”
“ก็คงได้มั้ง”
“เฮียรักเขา...ใช่มั้ย” ในฐานะน้องชายที่รู้จักพี่ชายดี การถามคำถามบางคำกับคนที่อ่านยากแบบนี้ก็ทำให้ต้องคิดหนักเหมือนกัน
“แกคุยกับหนึ่งมาแล้วใช่มั้ย ถึงได้มาถามเรื่องนี้กับฉัน” พิชญ์มองน้องชายอย่างรู้ทัน
“ก็เฮียหนึ่งอะดิ โทรมาบ่นว่าเฮียจะแต่งงานเพราะเหตุผลเรื่องสัญญาเช่าที่ดิน ในฐานะลูกชายของพ่อที่ไม่ได้ช่วยอะไรครอบครัวเลยก็อดเป็นห่วงเฮียไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองผลักภาระทุกอย่างให้เฮียรับผิดชอบเหมือนคนเห็นแก่ตัว” พุฒพูดออกไปด้วยความรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
“อย่าคิดมากเลย ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
“ถ้างั้นก็ตอบมาคำนึง เฮียรักพริ้มเขาหรือเปล่า”
“ไม่รู้!”
“จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะเฮีย แค่รักหรือไม่รักแค่เนี้ย”
“ก็คนมันไม่รู้ จะคาดคั้นอะไรนักหนาวะ” พิชญ์โพล่งออกไปอย่างหงุดหงิด เขาไม่ชิดกับสถานการณ์ที่ถูกคาดคั้นกดดันให้ตอบคำถามที่ตัวเองตอบไม่ได้
คนเป็นน้องชายเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน ถ้าเป็นตอนเด็กๆ เขาคงชักดิ้นชักงอกับพื้นสนามด้วยความขัดใจ
‘แค่รักไม่รักก็ยังไม่รู้ โตมาได้ยังไงจนป่านนี้วะ’
“ไม่คิดเลยนะว่าจะต้องมานั่งอธิบายเรื่องแบบนี้ให้คนอย่างเฮียฟัง” นักฟุตบอลหนุ่มยังไม่หายเซ็ง แต่ต้องปรับอารมณ์เพราะไม่เช่นนั้นที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในวันนี้อาจจะคว้าน้ำเหลว ศูนย์เปล่า “แค่รักมันไม่ยากหรอก คิดถึงเขาบ่อยๆ อยากเจอ อยากไปหา พอไม่ได้เจอจะหงุดหงิด อารมณ์เสีย เคยเป็นมั้ย”
พิชญ์ไม่ตอบ แต่สิ่งที่พุฒพูดทำให้เขาคิดไปถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คนที่เขาคิดถึงและอยากเจอบ่อยๆ ในช่วงนี้คงจะเป็น...
ไม่ใช่หรอก! แค่เรื่องงานเท่านั้นแหละที่ทำให้เขาคิดถึงเธอ พัฒน์นรีเป็นเลขาฯ ของเขา เขาชอบทำงาน เวลาทำงานก็ต้องคิดถึงเลขาฯ เป็นเรื่องธรรมดา
พุฒเห็นพี่ชายไม่ตอบแต่ก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จึงค่อยๆ ใส่ข้อมูลเข้าไปอีก “ถ้าเรารักเขา เวลาที่เห็นเขาอยู่กับผู้ชายคนอื่น ใจมันจะร้อนรุ่มหึงหวงแบบห้ามไม่อยู่ อยากจะเดินเข้าไปซัดไอ้หมอนั่นแบบไม่ยั้งจนกว่ามันจะหายจากโลกนี้ไป”
“เว่อร์เป็นบ้า ใครจะไปหึงหน้ามืดขนาดนั้นวะ”
“ไม่เว่อร์หรอกเฮีย เฮียไม่เคยรักใครจะรู้อารมณ์หึงหวงได้ยังไง”
“หึ! ถ้ารักแล้วเป็นบ้าขนาดนั้น ฉันยอมเป็นคนไร้หัวใจดีกว่าว่ะ” แค่คิดภาพตัวเองอยู่ในอารมณ์แบบนั้นพิชญ์ก็แทบรับตัวเองไม่ได้
“สาบานนะ ว่าไม่เคยรู้สึกหึงใครเลย”
CEO หนุ่มถึงกับนิ่งไปเพราะภาพงานเลี้ยงเมื่อวันก่อนลอยเข้ามาในความคิด ความรู้สึกรุ่มร้อนในอกเคยเกิดกับเขาแค่ครั้งเดียวก็คือตอนที่จิณณพัตรพยายามมาทาบทามเลขาฯ ของเขาไปทำงานด้วย แต่นั่นก็เพราะว่าเขาโมโหเรื่องานมากกว่า
...สาบานก็ได้
“เอางี้เฮีย! คนจิตใจด้านชาแบบเฮียเนี่ยนะ อาจจะรู้ใจตัวเองยากสักหน่อย ผมมีทางลัดให้” พุฒทำเสียงเบาลงราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน ทั้งที่ตรงนั้นก็ไม่มีใคร
“ยังไงวะ”
“จูบเลย” คนอ่อนวัยแต่มากประสบการณ์บอกอย่างจริงจัง แต่สีหน้าคนฟังแสดงออกชัดว่าไม่เชื่อถือ “จริงๆ เฮีย จูบผู้หญิงที่ตัวเองรักกับจูบผู้หญิงทั่วไปไม่เหมือนกันนะ ไม่เหมือนโดยสิ้นเชิง แล้วก็อธิบายไม่ได้ด้วยว่าเป็นยังไงจนกว่าจะเฮียจะจูบเธอด้วยตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่ารักไม่รัก ใช่ไม่ใช่...ก็จูบเลยเฮีย”
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จ้า เชื่อน้องชายบ้างก็ดีนะ
ว่าแต่ใครเดาถูกบ้างมั้ยว่าแก้มจะตอบแบบนี้ 5555 ดีใจที่หลายคนทายถูก แสดงว่ารู้จักแก้มดี ไม่ก็เป็นคำตอบที่ตรงกับใจ อิอิ
ปล. พีร์ เปลี่ยนชื่อเป็นพุฒเน่อ
ปล.2 หนังสือวางขายงานสัปดาห์หนังสือมีนานี้จ้า อีบุ๊คก็มี...แต่หลังจากวางขายไปแล้วหนึ่งเดือนค่ะ
ปล.3 เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เบนซ์แก้ไขตรงเหตุผลในการกลับมาไทยของพุฒ (ไม่ใช่เพราะหยุดช่วงเทศกาลคริสมาสต์) ขอบคุณนักอ่านที่ท้วงเข้ามานะคะ
ก็ว่าใครวะ พุฒ 5555
จูบแล้วไม่รู้สึกอะไร
คนเสียหายก็ยังเป็นอีกคนอยู่ดี
เจ้พริ้ม เค้าไม่ผิดอะไรอย่าให้ต้องกลายเป็นคนร้ายกาจเลย โลกนี้มีคนเลวเยอะแล้ว
ให้ท่านรองไปจูบคู่หมั้นเขาโน่นแล้วให้น้องแก้มเห็นจะได้เมีนท่านรองไปนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน.
เลือกให้ถูกคนแล้วกัน^^ เชียร์แก้มเต็มกำลัง ป้ายไฟมา!
ท่านรองเลือกจูบให้ถูกคนนะค้าาาาาา
พี่น้อง เค้ามารุมช่วยละ เจ้าตัวว่าไงละคะ
ท่านรองจะพิสูจน์ด้วยการจูบใครน้อออ
กล้าป่าวเฮีย จูบอ่ะกล้าป่าว...
จูบเลย จูบเลย ^_^ รอฟินนนนนน
ท่านรองจะพิสูจน์จูบกับใครอ่ะ เลขาหรือพริ้ม