ตอนที่ 7 : บทที่ 3 แววตาสังหาร (2)
และคนสุดท้ายที่นั่งติดกันกับพนิตนันท์คือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามแดดขึ้นเล็กน้อยแต่วันฟ้าใหม่มองว่ามันทำให้เขาดูหล่อสมบูรณ์แบบมากขึ้น แต่เธอไม่มีแก่ใจจะมัวมาชื่นชมความหล่อ เมื่อดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองมาคล้ายกับหมายจะสังหารเธอ
ไม่พบกันตั้งสี่ปี เขายังมีแววตาเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
‘ไหนว่าไม่โกรธแล้วไง นี่ถ้าสายตาฆ่าคนได้วิญญาณเราคงถึงมือยมบาลไปแล้ว กลับตอนนี้ทันไหมวะ’
วันฟ้าใหม่หายใจไม่ทั่วท้อง จะกลับก็ไม่ได้จะเดินหน้าก็ไม่มีหนทาง เธอยกมือขึ้นไหว้ทุกคนหลังจากคิดได้ว่าควรทักทายตามมารยาทไทยก่อนเป็นอันดับแรก
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า พี่นาง พี่อาทิตย์” ข้อความสุดท้ายของเธอแผ่วเบาอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หญิงสาวก้มหน้างุดแต่มิวายเหลือบมองคนที่โต๊ะรับประทานอาหาร ปรากฎว่าสายตาแห่งความเกลียดชังยังโจมตีมาที่เธออย่างไม่ลดละ พาลให้ขนแขนลุกชูชัน
ครองประทีปเดินรี่มาหา ใบหน้าของชายสูงวัยกระจ่างไปด้วยรอยยิ้ม
“หนูแป้ง มาได้ยังไงลูก ทำไมจะมาไม่บอกลุงก่อนจะได้เตรียมห้องหับไว้ให้ มะปราง เอ็งไปดูห้องให้คุณแป้งหน่อยไปเร็ว ให้คนไปทำความสะอาดห้องเดิมของคุณแป้งตอนนี้เลย” ครองประทีปหันไปสั่ง ก่อนกลับมาสนใจผู้เพิ่งมาถึงอีกครั้งพลางสัมผัสหัวไหล่บอบบางด้วยความเอ็นดู “ไปอยู่ที่โน่นเสียนาน ข้าวของมีแค่กระเป๋าใบเดียวเองหรือ หรือว่าอยู่ในรถลุงจะให้คนไปยกมาให้”
วันฟ้าใหม่รู้สึกว่าลำคอแห้งผากเป็นผง กับครองประทีปนั้นเธอได้พบอยู่เนืองๆ เพราะชายสูงวัยขยันไปเยี่ยมเธอไม่ต่ำกว่าปีละสามครั้งกอรปกับมีการสนทนาทางโทรศัพท์ตลอดจึงทำให้ความสนิทสนมมีอยู่มาก แต่อีกสามคนที่นั่งคอแข็งอยู่ที่โต๊ะนั้น ถ้าวันนี้จะเรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่ผิดอะไรนัก
“คุณลุงคะ แป้งขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ”
วันฟ้าใหม่นั่งกะพริบตาปริบๆ อยู่ที่โถงกลางของเรือนสุริยะสกุลร่วมกับพนิตนันท์และบรรดาสาวรับใช้ที่มองเธอปานประหนึ่งจะกินเลือดกินเนื้อ เจ้านายของพวกเขาหายเข้าไปในห้องทำงานของครองประทีป แว่วเสียงภายในห้องที่ดังออกมาพอให้เดาได้ว่าด้านในกำลังถกเถียงกันอยู่ด้วยประเด็นปัญหาที่มาจากตัวเธอ หญิงสาวถอนหายใจก่อนหันไปมองหญิงสาวอีกคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องเช่นเดียวกับเธอ
พนิตนันท์ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อสี่ปีก่อนเลย เธอสวยน่ามองเพราะผิวพรรณขาวผ่อง เครื่องหน้าสวยหวาน วันฟ้าใหม่เคยคิดอิจฉาความงามของเจ้าหล่อน ความจริงแล้ว...เธอน่าจะอิจฉาในความสัมพันธ์อันดีระหว่างหล่อนกับอาทิตย์มากกว่า
อย่ากระนั้นเลยพนิตนันท์เองก็ไม่น้อยหน้าเธอเท่าใดนัก เรียกว่าศีลเสมอกันก็ว่าได้
‘ทีหลังไม่ต้องหอบข้าวปลาอาหารมาให้นะ ที่นี่ใช่สถานสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ไม่ต้องคิดจะอยากมาทำบุญ’
วันฟ้าใหม่ในวัยย่างสิบเจ็ดปียืนกอดอกกล่าวต่อหญิงสาวผู้มีอายุมากกว่าหลายปีโดยไม่คิดกริ่งเกรง แววตาดื้นรั้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตร
‘ใช่ไม่ใช่ ที่นี่ก็รับเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่มาอยู่ตั้งหนึ่งคน นิสัยเสีย พฤติกรรมแย่เหมือนไม่เคยมีคนสั่งสอน ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของคุณลุงมีเหรอคนอย่างเธอจะได้ลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่’
‘เธอว่าใครไม่มีพ่อแม่’ วันฟ้าใหม่โกรธจนตัวสั่น นัยตาแดงจัดอย่างที่พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความคับแค้นไม่ให้ร่วมหล่น
‘เธอไง ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ฉันพูดผิดตรงไหนเหรอ’
วันฟ้าใหม่ในวันนั้นช่างโง่เขลานักต่างจากอีกฝ้ายที่เป็นนักศึกษาชั้นปีสี่ว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างพนิตนันท์ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูฉลาดทันคนและมักจะทำให้คนที่ไร้วุฒิภาวะอย่างวันฟ้าใหม่สติแตกได้เสมอ ด้วยบันดาลโทสะเด็กสาวก้าวเท้าไปผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนร่วงไปกองที่พื้น เหมือนชะตาเธอยังเลวร้ายไม่พอ อาทิตย์เปิดประตูมาเห็นภาพนั้นเต็มสองตา
วันฟ้าใหม่เผลอพ่นลมหายใจออกมาเมื่อจำสีหน้าของอาทิตย์ได้ดี เขาไม่ต่อว่าอะไรเธอด้วยคงเพราะไม่อยากเสวนาด้วย แต่รีบปรี่เข้าไปหาร่างที่กองอยู่กับพื้นทันที ปลอบประโลมพะเน้าพะน้อพนิตนันท์จนเธอในเวลานั้นแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บใจ
ตอนนั้นกับวันนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เธอไม่มีความรู้สึกริษยาความงามของพนิตนันท์อีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นความชื่นชมอย่างเงียบๆ เมื่อได้จ้องมองใบหน้าสวยหวานน่ามองของเจ้าหล่อนที่บัดนี้ด้วยสวยสะพรั่งกว่าแต่ก่อนมาก คงเป็นเพราะเธอดูแลตัวเองมากขึ้นตามวัย รสนิยมการแต่งกายก็ดูทันสมัยเรียบร้อยมาก
“คุณไม่เห็นใจลูกกับฉันบ้างหรือคะ เด็กคนนั้นจะทำให้ครอบครัวเราพัง ฉันยอมอยู่ร่วมชายคาบ้านกับเด็กโกหกสร้างเรื่องแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
เสียงคุณทับทิบลอดช่องประตูมากระทบโสตประสาทคนฟังด้านนอก วันฟ้าใหม่ไม่ได้โกรธที่ทับทิมกล่าวถึงเธอแบบนั้น เพราะหากเป็นเธอ เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะทนรับพฤติกรรมของวันฟ้าใหม่เมื่อสี่ปีก่อนได้หรือไม่ ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ทับทิมพูดมาก็ถือว่าสมควรแล้ว
พลั่วะ!
ประตูห้องถูกเปิดออก แม่เลี้ยงทับทิมก้าวข้ามธรณีประตูออกมา ใบหน้าเรียบตึงเหมือนมีคนตอกตะปูขึงไว้ก็มิปาน นางมองผู้เพิ่งมาถึงเหมือนจะสาปให้เป็นหิน ก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดสะบัดหน้าเดินหนีไป
อาทิตย์ลุงขึ้นยืนช้าๆ กล่าวกับบิดาด้วยเสียงอันดังเหมือนต้องการให้คนด้านนอกได้รับรู้ด้วย
“ที่นี่เป็นบ้านของพ่อนี่ครับ พ่อจะให้ใครอยู่หรือให้ใครไปผมคงห้ามไม่ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าให้เธอมายุ่งเกี่ยวกับผม ไม่ต้องโผล่มาให้เห็นหน้าได้เป็นดี แค่ต้องหายใจใช้อากาศร่วมกันก็หนักหนาเกินทนแล้ว”
พูดจบแค่นั้นเจ้าของร่างสูงก็เดินออกจากห้องมาหยุดตรงตำแหน่งเดียวกับที่ทับทิมยืนก่อนหน้า
‘แม่ลูกนี้แววตาถอดกันมาเปี๊ยบ มองกันเหมือนจะฆ่าให้ตาย’ วันฟ้าใหม่สบตาสีน้ำตาลคู่นั้นวูบเดียวก็ต้องเหลียวมองทางอื่น
“น้องนางครับ เราไปกันเถอะ” อาทิตย์เดินไปหาพนิตนันท์ที่นั่งทำตาโตไร้เดียงสา
วันฟ้าใหม่เผลอเบะปาก กับเธอทำเหมือนจะฆ่าจะแกง ไม่ถึงนาทีหันไปทำเสียงอ่อนเสียงวานกับอีกคน นับถือในความสามารถด้านการปรับอารมณ์ของเขาเหลือเกิน อ้อ...ความสามารถในการเลือกปฏิบัตินั่นด้วย
อาทิตย์และพนิตนันท์พากันเดินลงจากบ้านไป วันฟ้าใหม่พ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด โล่งใจที่สามารถรอดตายจากความอึดอัดก่อนหน้านี้มาได้
“ลุงขอโทษนะ ที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้”
ครองประทีปเดินออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่แววตาวิตกกังวลนั้นทำให้วันฟ้าใหม่กลับยิ่งรู้สึกผิดต่อชายสูงวัย เธอก่อเรื่องวุ่นวายจนทำให้ครองประทีปต้องพบกับความลำบากหลายต่อหลายครั้ง
ร่างบางในชุดเสื้อยืดแขนยาวลายขวางกับกางเกงยีนส์ยาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะยิ้มกว้างๆ ให้ครองประทีปเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นทุกข์อะไรกับการถูกเกลียดชังจากทับทิมและอาทิตย์หรือใครๆ เธอเข้าใจในเหตุผลแห่งความเกลียดชังที่ทุกคนมีต่อเธอ
“แป้งโอเคค่ะคุณลุง ถ้าหากว่าคุณป้ากับพี่อาทิตย์ไม่สบายใจ แป้งจะไปอยู่บ้านพักคนงานก็ได้ค่ะ ที่นั่นน่าจะมีห้องว่างสักห้อง”
คำตอบของวันฟ้าใหม่ทำให้ครองประทีปหยุดความคิดทั้งหมดแล้วหันมาพินิจใบหน้าของหลานสาวให้แน่ใจว่าคนที่พูดนั้นคือวันฟ้าใหม่ที่เขารู้จัก และก็พบว่าเธอไม่ได้พูดไปด้วยประชดประชันหรือแกล้งพูดเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ตรงกันข้ามแววตาของหญิงสาวกลับสุกใสเปล่งประกายและจริงใจอย่างที่สุด
------------------------------------------------------------------------------------------
//นี่แค่เริ่มต้นนะจ๊ะถุงแป้ง//
นางเอกโตขึ้นแล้วค่ะ สี่ปีกับการเรียนมหาวิทยาลัยทำให้คนๆ หนึ่งเปลี่ยนไปได้ไหม?
แรงบันดาลใจเกิดจากการเล่นเฟสบุ๊ค แต่ละวันมันจะคอยเตือนความจำเราว่า...
วันนี้เมื่อปีที่แล้วเราโพสต์อะไรไป
ซึ่งบางวันอารมณ์เรารุนแรงมาก มีแต่คำหยาบคาย คำด่าทอต่อว่า อาฆาตก็ยังมี 555
มองย้อนกลับไปวันนั้นเราเป็นแค่เด็กนักศึกษา เราเยาว์ และเราเขลามาก ซึ่งวันนี้เราไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นแล้ว เราเปลี่ยนไปจริงๆ เป็นเหตุผลให้มีนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
ฝากเอาใจช่วยถุงแป้งและเปย์ผู้ชายในสังกัดของเค้าด้วยน้า
ทีมนางเอกกก
มั้ยหน้อ^^ แต่ชอบอ่ะ
รอเก็บเล่มค่า^^
นางโตขึ้นจริงด้วย รู้จักคิด อย่างนี้ค่อยใช่นางเอกหน่อย
สี่ปีในรั้วหมาลัยทำให้เราเป็นไปเหมือนกัน
เปลี่ยนจาก M เป็น XL 5555555555555555
ถุงแป้งสู้ๆๆๆ แต่น่าจะมีใครอีกสักคนน้าที่เข้าใจนางบ้าง