ตอนที่ 5 : บทที่ 3 สวรรค์เปิดในวันนรกแตก (1)
ครั้งแรกเหรอ ฮึ! ไม่อยากจะเชื่อ แต่ใครจะสนล่ะ เขาไม่ได้พวกบูชาหญิงพรหมจรรย์อยู่แล้ว นี่มันยุคไหนกัน เขาบูชาผู้หญิงดีๆ มากกว่า ชายหนุ่มบีบใบหน้าหวานที่เปรอะคราบน้ำตา
“อย่าเพิ่งเหนื่อย ฉันยังได้ไม่พอ ยาที่เธอให้ฉันกินแรงใช้ได้เลยนะ อย่าร้อง ฉันรู้ว่าเธอชอบ”
นิชาภัทรผลักเขาออกจากตัวแต่เหมือนเรี่ยวแรงถูกดูดกลืนไปหมด มือเล็กๆ จึงไม่อาจทำอะไรคนตัวโตได้ เหนือตะวันเริ่มดำเนินเกมรักอีกครั้งเมื่อยายังไม่หมดฤทธิ์ หญิงสาวได้แต่ภาวนาให้มันจบลงเร็วๆ แต่ทุกครั้งที่เกมจบเขาก็สร้างอารมณ์ปรารถนาขึ้นมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนฟ้าใกล้สว่างเจ้าของร่างแข็งแรงจึงทิ้งตัวลงข้างร่างนุ่มนิ่มของหญิงสาวและหลับไปอย่างง่ายดาย
“แม่ครับ อย่าเลยครับ”
น่านฟ้าดึงแขนมารดาที่พยายามจะเปิดประตูห้องพี่ชาย หลังได้รับรายงานจากศรีสะอาด แม่บ้านวัยสี่สิบว่าเจ้านายหนุ่มหิ้วสาวเซ็กซี่ไปจ้ำจี้ถึงในห้องนอน พิมพ์อรก็เดือดดาลทันที
“อย่าเชียวนะ อย่าคิดจะปกป้องพี่ชายตัวแสบของแกเชียว แกก็เหมือนกัน ระวังตัวไว้ให้ดี เราตกลงกันแล้วว่า ถึงจะเป็นหนุ่มเต็มตัวก็ให้ไปแสดงความเป็นชายที่อื่น ไม่ใช่ที่บ้าน”
“อะไรกันคุณ” ชาครเดินตามมาสบทบ หลังจากได้ยินเสียงโต้เถียงของภรรยากับบุตรชายคนเล็ก
“เปิดเข้าไปดูพร้อมกันเลยค่ะ”
ประตูถูกเปิดออกแทนคำตอบ พิมพ์อรเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว มีสามีกับลูกชายคนเล็กตามมาติดๆ มุ่งตรงไปยังเตียงนอนซึ่งต้องผ่านห้องโถงที่ออกแบบให้เป็นทั้งห้องทำงานและนั่งเล่น
“เฮียเหนือ ทำอะไรอยู่ พ่อกับแม่เข้าไปแล้วน้า...” น่านฟ้าตะโกนบอกพี่ชายด้วยความหวังดี
แต่สายเกินไป พ่อแม่ลูกเดินมาหยุดที่ปลายเตียงขนาดคิงไซซ์ ทั้งหมดยืนนิ่งตาไม่กะพริบ ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตานอนกอดหญิงสาวที่คุ้นมากพอกัน ทั้งคู่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่ปกปิดอย่างหมิ่นเหม่
“เพลง...”
สามเสียงที่ดังประสานกันปลุกตัวการทั้งสองให้ตื่นจากนิทรา เหนือตะวันหรี่ตาเพื่อปรับแสงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นทั้งครอบครัวยืนอยู่ตรงหน้า ส่วนนิชาภัทรนั้นหรือ หล่อนปล่อยโฮทันทีเมื่อเห็นแววตาตื่นตะลึงของคนทั้งสาม เสียตัวไม่พอ ผู้ใหญ่ที่เคารพรักยังมาเห็นหล่อนในสภาพไม่น่ามองอีก คนร่างบางดึงผ้าห่มมาปิดมิดถึงคอ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งชันเข่า ซุกหน้าลงกับต้นขา ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น
ชาครขบกรามแน่น พลันเหลือบไปเห็นคราบเลือดที่เลอะที่นอนสีขาว ยิ่งแน่ใจว่าเมื่อคืนทั้งคู่คงไม่ได้แค่นอนกอดกันเป็นแน่
“รีบแต่งตัวแล้วลงไปคุยกันข้างล่าง เดี๋ยวนี้!”
“ไม่ ไม่ ไม่เด็ดขาด!”
เหนือตะวันปฏิเสธพัลวัน สีหน้าเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด ‘นรกแตกรึไงกัน ให้แต่งงานกับยายบ้าผู้ชายเนี่ยนะ ตายเสียยังดีกว่า’
“เหนือตะวัน ฉันไม่เคยสอนลูกให้เป็นหน้าตัวเมีย!”
ประมุขของบ้านปริยากรโสภณตวาดลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาทุกคนตกใจกันไปหมด จนพิมพ์อรต้องแตะแขนสามีเบาๆ เพื่อปรามให้เย็นลง
“พ่อครับ” คู่สนทนาเสียงเบาลงทันที ตั้งแต่เล็กจนโตเหนือตะวันไม่เคยเห็นบิดาโกรธถึงเพียงนี้ ตวัดสายตามองตัวตนเหตุที่เอาแต่นั่งก้มหน้า “ผมอยากให้พ่อและทุกคนฟังผมบ้าง ผมทำไปโดยขาดสติ ยายนี่วางยาผมนะครับ”
นิชาภัทรที่กำลังตกใจเงยหน้ามองเทพบุตรของหล่อนด้วยความเจ็บปวด เขาช่างร้ายเหลือเกิน
“เพลงไม่ได้ทำค่ะ”
หญิงสาวยืนยันหนักแน่น อยากจะหยุดร้องไห้เพื่อตั้งสติแต่น้ำตากลับไม่เป็นใจ หล่อนรู้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมีบางอย่างไม่ปกติ เหนือตะวันเป็นสุภาพบุรุษเต็มขั้น เขาอาจโดนวางยาจริง แต่ใครทำล่ะ อาจจะเป็นใครก็ได้ที่หวังประโยชน์จากเขา
“นิชาภัทร” เหนือตะวันเรียกชื่อหล่อนอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ “ถ้าเธอสารภาพความจริงมา ฉันจะลืมความโกรธแค้นทั้งหมด เพราะฉันไม่มีวันแต่งงานกับเธอแน่ ต่อให้ต้องลงนรกก็ตาม ดังนั้น อย่าดื้อด้านโกหกต่อไปอีกเลย”
“เพลงพูดความจริงค่ะ เพลงไม่ได้ทำ!”
“อย่าตอแหล!” เหนือตะวันเหลืออด หลุดคำพูดที่ไม่เคยใช้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต
“ตาเหนือ” สองสามีภรรยาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีเรียกลูกชายพร้อมกันอย่างตกใจ
ทั้งสองเลี้ยงลูกชายโดยถือคติสำคัญคือความเป็นสุภาพบุรุษเสมอมา คำพูดที่เหนือตะวันใช้กับนิชาภัทรถือเป็นเรื่องไม่สมควรยิ่ง
“ยังไงก็ต้องแต่งงาน หนูเพลงไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป เธอเป็นลูกสาวของปพณ รัตนะบำรุง ประธานร่วมบริษัทรุ่งเรืองการช่าง มีสถานะเท่าพ่อ ดังนั้นแกจะมาข่มเหงเล่นๆ ไม่ได้” ชาครเอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาด
“แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยค่ะคุณชาคร” พิมพ์อรพูดขัดขึ้น หล่อนไม่ได้ยินดีหากบุตรชายของตนจะไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ แต่ก็ไม่ต้องการให้เขาแต่งงานและอยู่กับผู้หญิงที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิต “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดิฉันไม่เห็นถึงแรงจูงใจของตาเหนือที่อยากจะ เอ่อ...ล่วงเกินหนูเพลงสักนิด ใครๆ ก็รู้ว่าหนูเพลงเธอหลงรักตาเหนือมากแค่ไหน แล้วตาเหนือรู้สึกอย่างไร ถ้าเรื่องที่ลูกชายเราพูดเป็นเรื่องจริง ดิฉันว่ามันไม่ยุติธรรมนะคะ”
นิชาภัทรดวงตาร้อนผ่าว เมื่อครู่หล่อนคิดว่าตนกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าเพียงชั่วข้ามคืน แต่เมื่อฟังพิมพ์อรพูดหล่อนจึงได้รู้ว่า ตนไร้ค่าตั้งแต่แสดงตัวว่าหลงรักเหนือตะวันแล้ว จะโทษใครได้หล่อนทำตัวเองทั้งนั้น
“คุณพิมพ์ อย่าให้ท้ายลูกแบบนี้สิ ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ” ชาครแย้ง
“ดิฉันไม่ได้ให้ท้ายลูกนะคะ แค่อยากให้เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หนูเพลงอย่าโกรธป้าเลยนะ ถ้าป้าจะพูดว่าหญิงชายสมัยนี้คบกันแล้วมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกันออกถมถืด ถ้าหนูพอจะเข้าใจ ป้าก็อยากขอให้ทั้งสองลองคบหาดูใจกันฉันคนรักก่อนดีกว่า ขืนแต่งงานกันไปโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้รักกัน รังแต่จะเลิกกันให้อับอายมากกว่าเก่า”
เหนือตะวันยิ้มนิดๆ เห็นด้วยกับผู้เป็นมารดา แค่คบเขายังพอรับได้แม้จะกระอักกระอ่วนใจก็ตาม ส่วนน่านฟ้าได้แต่ยืนอึ้งเมื่อได้รู้ความคิดของมารดา เพิ่งทราบเหมือนกันว่าบุพการีเป็นคนหัวสมัยใหม่ หรือเพิ่งจะมาหัวสมัยใหม่เอาตอนนี้ก็ไม่ทราบ
“แล้วถ้าเพลงท้องล่ะคะ” นิชาภัทรพูดออกไปด้วยความแค้นใจ แม้จะเป็นหญิงสาวตัวคนเดียว แต่ก็ใช่ว่าหล่อนจะยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่ายๆ หากไม่ใช่เหนือตะวันแล้วละก็ หล่อนจะไม่เอ่ยคำพูดไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้เด็ดขาด
“ท้องเหรอ ฉันก็จะรับผิดชอบแค่เด็ก ส่วนเธอฉันไม่เอา” เหนือตะวันโพล่งทันควัน
ชาครเห็นว่าถ้าหาข้อยุติที่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่
“ดี คุณพิมพ์ คุณพูดในฐานะแม่ของฝ่ายชาย ผมก็ขอพูดในฐานะผู้ปกครองของฝ่ายหญิงบ้าง เห็นแก่วิญญาณของปพณ เหนือตะวันต้องรับผิดชอบหนูเพลง ‘หนึ่งปี’ ถ้าแน่ใจแล้วว่าหนูเพลงจะไม่ท้อง วันนั้นถึงจะยอมให้หย่า”
“หนึ่งปี? นานไปนะครับพ่อ เรื่องแบบนี้เดือนสองเดือนก็รู้เรื่องแล้ว” เหนือตะวันรีบแย้ง
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าแกจะไม่รังแกน้องอีก ภายในหนึ่งปีถ้าหนูเพลงไม่ท้องก่อนก็หย่าได้เลย”
“เอาตามนี้เถอะเฮียเหนือ” น่านฟ้าสนับสนุนความคิดของบิดา ดวงหน้าหล่อเหลาไม่ต่างกับพี่ชายมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อต้องชั่งใจว่าจะเชื่อคำพูดของพี่ชายหรือเชื่อน้ำตาของนิชาภัทรดี อย่างไรก็ตาม เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง “อย่าทำให้คุณพ่อโมโหมากไปกว่านี้เลย หนึ่งปีไม่นานหรอกเฮีย ดีไม่ดียายเพลงอาจทนไม่ไหวขอหย่าก่อนก็ได้”
นิชาภัทรเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินคำพูดของน่านฟ้า ฮึ! ทั้งแม่ทั้งลูกพูดถึงหล่อนเหมือนหล่อนไม่ได้นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ คิดว่าหล่อนเป็นคนอย่างไรกัน เห็นว่าเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กและคุ้นเคยกันดี ไม่เช่นนั้นหล่อนจะลุกไปชกหน้าคนพูดเสียเดี๋ยวนั้น
เหนือตะวันมองหน้าน้องชายอย่างชั่งใจ ดูจากสถานการณ์แล้วคงดิ้นไม่หลุด
“ก็ได้ครับ แต่ถ้าเธอทนไม่ไหวขอหย่าเอง หวังว่าพ่อจะยอมรับนะครับ”
ชายสูงวัยพยักหน้าพอใจ แต่เหนือตะวันกลับพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเครียด ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด อุตส่าห์ระวังตัวแทบตาย สุดท้ายก็แพ้ทางจนได้
นิชาภัทรลอบมองชายหนุ่ม เห็นสีหน้าเครียดขรึมของเขาก็อดน้อยใจไม่ได้ อันที่จริงหญิงสาวจะปฏิเสธก็ย่อมได้ เพราะหล่อนเป็นฝ่ายเสียหาย หากปฏิเสธความรับผิดชอบจากเขางานแต่งงานก็คงไม่เกิด แต่อีกใจคิดว่า การได้แต่งงานกับเหนือตะวันถือเป็นความฝันอันสูงสุดของหล่อน แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เคยคิดว่าเขาจะเต็มใจแต่งกับหล่อนด้วยความรัก และแม้จะรู้ดีว่ามันไม่ยังยืน แต่แค่ได้เข้าใกล้เขาขึ้นอีกนิด เพียงปีเดียวก็ถือว่าดีมากแล้ว
พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์รัตนะบำรุง ขบวนขันหมากพร้อมขบวนกลองยาวค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างครึกครื้น นอกจากผู้คนในแวดวงธุรกิจแล้ว ยังมีเหล่านักข่าวสายบันเทิงแห่แหนมาอย่างคับคั่ง แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่ก็เป็นที่สนใจของสาธารณชน เนื่องจากเป็นไฮโซรุ่นใหม่ที่ทั้งสวยและหล่อ อีกทั้งการแต่งงานยังเกิดขึ้นสายฟ้าแลบ ข่าวคาวเช่นนี้ย่อมขายดีกว่าข่าวการแต่งงานธรรมดาๆ อย่างแน่นอน
แม้บรรยากาศโดยรอบจะครึกครื้นเพียงใด แต่เหนือตะวันกลับคิดว่าโลกของเขากำลังจะดับลงด้วยพันธนาการของนิชาภัทร การแต่งงานเมื่ออายุเพิ่งย่างเข้าสามสิบปีเป็นเหมือนฝันร้ายของชีวิตลูกผู้ชาย แล้วยิ่งเจ้าสาวเป็นผู้หญิงที่เขาเกลียดด้วยแล้ว ไม่ต่างอะไรกับการเดินสู่นรกอเวจี
‘นิชาภัทร’ ชื่อที่อยู่ในความทรงจำร้ายๆ ของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงคราวที่เขาจะไปอยู่ในความทรงจำร้ายๆ ของหล่อนบ้างแล้ว และมันจะเป็นความทรงจำเลวร้ายชนิดที่ว่าหล่อนจะไม่หวนคิดถึงมันอีกเลย คิดได้ดังนั้นดวงตาหม่นก็แข็งกร้าวขึ้น
‘เธอเลือกเองนะนิชาภัทร’
หญิงสาวร่างระหงสวมชุดไทยสีชมพูอ่อนมองดูขบวนขันหมากจากริมหน้าต่างของคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่ลึกๆ แล้วหล่อนก็มีความสุขที่การแต่งงานของหล่อนวันนี้มีเจ้าบ่าวเป็น ‘เหนือตะวัน’ ผู้ชายที่หล่อนรักสุดหัวใจ
“ยายเสือสาวพราวเสน่ห์ วันนี้หล่อนพร้อมจะขย้ำราชสีห์หรือยังจ๊ะ”
คนพูดไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของหล่อนเอง ซึ่งเลยเถิดมาเป็นเพื่อนร่วมคณะในรั้วมหาวิทยาลัยด้วย นุช หรือ นารีรัตน์ สาวร่างเล็กผิวสีแทน ตัดผมสั้นแค่บ่า เวลายืนสูงเลยไหล่นิชาภัทรมานิดเดียว รูปลักษณ์ภายนอกนั้นต่างกับนิชาภัทรทุกกระเบียด ฐานะก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะนารีรัตน์เป็นเพียงชนชั้นกลาง ลูกสาวเจ้าของร้านขายผ้าย่านนนทบุรี แต่ถึงจะต่างเพียงใดก็ไม่ได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของทั้งสองแม้แต่น้อย
“ยายนุช เพื่อนแกเป็นผู้หญิงนะคะ” นิชาภัทรค้อนควับให้หนึ่งที
“อ้าว! ก็แกรอคอยวันนี้มาตั้งแปดปี ไม่ใช้เรอะ เป็นฉันรึ หาผัว เอ้ย! แฟนดีๆ ไปนานแล้ว วันนี้ที่รอคอยมาถึงทั้งทีก็ต้องจัดเต็ม คริๆ”
นารีรัตน์ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของการแต่งงานวันนี้ ถ้ารู้เจ้าหล่อนต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ก็รายนี้เป็นผู้พิทักษ์สิทธิสตรีนี่นะ ขืนรู้ว่าเพื่อนรักโดนพร่าพรหมจรรย์ไปด้วยวิธีสุดแสนป่าเถื่อนละก็ มีหวังบ้านแตกแน่
“พอเถอะน่า มาดูขบวนขันหมากเร็ว”
นิชาภัทรเสมองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง คราวนี้เจ้าบ่าวยืนอยู่ในจุดที่หล่อนมองเห็นพอดี
“ว้าย...” นารีรัตน์แผดเสียงจนเจ้าสาวสะดุ้งโหยง
“อะไรของแกยายนุช”
“เจ้าบ่าวแกหล่อกว่าวันนั้นที่ฉันเจออีก หล่อมาก มองไกลๆ คิดว่าลูกครึ่ง เป็นฉันนะ จะควบทั้งวันทั้งคืนไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย”
“ในสมองแกมีแต่เรื่องบนเตียงนะ รู้ตัวปะเนี่ย”
นิ้วเรียวยาวจิ้มไปที่หน้าผากของเพื่อนเจ้าสาว แต่เจ้าของนิ้วกลับหวามไหวเสียเอง เพราะเผลอคิดถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมา หญิงสาวลอบมองเจ้าของใบหน้าคมเข้ม ที่สวมสูทสีครีมคู่กับโจงกระเบนสีทองแดงอย่างชุดไทยร่วมสมัย หล่อนสังเกตเห็นดวงตาเรียวรีมีแววกังวลฉายชัด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากหยักลึกเม้มเป็นเส้นตรง เหมือนคนถูกบังคับให้เดินลงไปในหุบเหวแห่งความตาย หล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าเพราะอะไร วูบหนึ่งที่ความเศร้าเกาะกุมในหัวใจ เจ็บปวดอยู่ในอก เพื่อให้ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก หล่อนต้องทำถึงเช่นนี้เชียวหรือ เป็นคำถามที่หล่อนไม่คิดหาคำตอบ เพราะคำตอบอาจจะทำให้หล่อนล้มเลิกความตั้งใจลงได้ง่ายๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านแล้วเกลียดยายนุ้งเพลงนะ ความรักมันบังตาจนลืมศักดิ์ศรีของผู้หญิง. อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวรักแต่เขาไม่ได้รักตัว. จะมีความสุขได้อย่างไร ฝันกลางวันเสียแล้ว