“ผู้หญิงที่ไหนงั้นเหรอคะ”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่ามีน้ำเสียง ‘เหี้ยม’ แฝงมาในคำถามนั้นด้วย คนที่ผู้หญิงที่ไหนก็ตกหลุมรักยักไหล่หนึ่งทีแทนคำตอบ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปโดยไม่สนใจคิ้วที่ขมวดจนแทบชนกันของคนข้างกายอีกเลย ยั่วให้หึงคงเป็นการทรมานหล่อนอย่างหนึ่งที่ได้ผลทันตาเห็น
ประตูถูกปิดลงหลังจากร่างของคนสองคนก้าวเข้ามาในห้อง นิชาภัทรหอบหิ้วผักผลไม้และของสดไปเก็บในตู้เย็น ขณะที่เหนือตะวันถือของหนักๆ จำพวกนมและเครื่องดื่มตามมาติดๆ
“มื้อเย็นพี่เหนืออยากทานอะไรคะ” นิชาภัทรเอ่ยเสียงหวาน “ถ้าหากว่าเบื่อข้าวแล้ว จะทานสเต๊กเพลงก็ทำเป็นนะคะ แถมสลัดผักให้ด้วยก็ยังได้ ที่สำคัญอร่อยมากๆ ด้วยค่ะ”
คนตัวเล็กหยิบโน่นจับนี่อย่างเพลิดเพลิน ไม่ทันสังเกตแววตาของคนที่สนทนาด้วยซึ่งบัดนี้จ้องหล่อนไม่วางตา
เหนือตะวันวางของลงก่อนจะโยนสูทในมือตามด้วยเนกไทสีน้ำเงินเข้มไปพาดไว้บนเก้าอี้ คนร่างสูงก้าวสองทีก็ถึงตัวแม่ครัวที่กำลังอวดฝีมือการทำอาหารของตัวเอง แขนแข็งแรงตวัดร่างอีกฝ่ายมาอยู่ในวงแขนอย่างง่ายดาย
“อุ๊ย!”
คนถูกคุกคามเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะทะลุออกมาจากอก
“อาหารที่เพิ่งกินมายังไม่ย่อยเลย ฉันคิดว่ามื้อเย็นคงต้องงดไปก่อน หาของหวานกินแทน” ไม่พูดเปล่า จมูกโด่งของเขาถูไปกับแก้มนวลเนียนอย่างอ้อยอิ่ง
นิชาภัทรไม่ได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ดวงตากลมโตที่เคยเต็มไปด้วยความมั่นใจไหวระริก มือเล็กของหล่อนกลายเป็นสิ่งเกะกะ ไม่รู้ว่าจะเอามันไปไว้ตรงไหนดี สุดท้ายจึงวางมันลงบนหน้าอกแข็งแกร่งด้วยความประหม่า ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา
“ถ้าจะทานของหวานคงต้องลงไปซื้อนะคะ เพราะถ้าทำก็ต้องใช้เวลานาน”
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะซื่อจริงๆ หรอกนะนิชาภัทร” ริมฝีปากร้อนโน้มลงมาหาความหอมที่ซอกคอขาวเนียน หญิงสาวไหวสะท้านจนเขาสัมผัสได้ “กลัวเหรอ ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอนี่”
“แต่ถ้านับครั้งนี้ก็เพิ่งจะเป็นครั้งที่สาม”
“แน่ใจเหรอว่าแค่สาม เธอต้องเรียนการนับใหม่นะ” ขณะที่พูดริมฝีปากของเขายังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่างผิวกายเนียนละเอียด ไล่จากซอกคอเรื่อยมายังไหล่กลมมน
นิชาภัทรหน้าร้อนผ่าว หล่อนนับมันไม่ถูกจริงๆ เพราะแค่ครั้งแรกก็ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เขานับกันอย่างไรล่ะ หล่อนไม่รู้จริงๆ หญิงสาวเผลอสะบัดศีรษะจนใบหน้าคมที่คลอเคลียอยู่ชะงัก
“ไม่ต้องคิดแล้วน่า”
มือเรียวจัดแจงรูดซิบหลังของชุดเดรสที่นิชาภัทรสวมอยู่อย่างชำนาญ เสี้ยววินาทีเดรสตัวสวยก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น ร่างงามที่มีเพียงชุดชั้นในปกปิดเบียดกายเข้าหาคนตัวโตอย่างตั้งใจ หวังเพียงกายของเขาจะช่วยปกปิดเนื้อขาวๆ จากสายตาของเขาเอง แต่การกระทำนั้นกลับปลุกอารมณ์ปรารถนาให้ลุกโชน
“หยุดเดี๋ยวนี้นิชาภัทร” บ้าชะมัด เขาตั้งใจจะทำให้หล่อนคลั่ง แต่ตอนนี้เขากำลังจะคลั่งเสียเอง
“เพลงยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ พี่เหนือต่างหากที่ทำ”
วาจาเจื้อยแจ้วถูกหยุดด้วยริมฝีปากร้อน เหนือตะวันใช้แขนรัดร่างนุ่มนิ่มให้แน่นขึ้น จากนั้นจึงยกลำตัวหล่อนขึ้นเล็กน้อยจนคนตัวเล็กต้องเขย่งปลายเท้า มือหนาอีกข้างขยุ้มโคนผมสลวย ดึงเบาๆ ให้ใบหน้าหวานแหงนรับจูบร้อนแรงได้ถนัดถนี่
นิชาภัทรเรียนรู้ที่จะจัดการกับจูบอันดูดดื่มอย่างเงอะงะ หล่อนรู้ว่าหล่อนทำได้มากกว่ารอรับสัมผัสจากเขาอยู่ฝ่ายเดียว ริมฝีปากอุ่นจึงจูบตอบกลับไปในบางครา การกระทำอย่างคนไร้ประสบการณ์นั้นกลับทำให้เขาครางอย่างพอใจ
“จูบฉันอีกสิ”
เหนือตะวันเริ่มเรียกร้องสัมผัสนั้นคืนและคนถูกขอก็ตามใจอย่างว่าง่าย ความกล้าๆ กลัวๆ ของหล่อนยิ่งทำให้คนตัวโตแทบคลั่ง
ชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อตัวเองอย่างร้อนรน ในขณะที่ริมฝีปากยังไม่ละจากรสจูบหวานหอม เมื่อเหลือแค่กางเกงตัวเดียว เขาก็ช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นมาอุ้มก่อนจะพาไปยังเตียงกว้างในห้องนอน วางหล่อนลงอย่างเบามือ ไม่ถึงวินาทีร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ตามลงมาทาบทับทันที แต่คราวนี้เขาปล่อยให้ริมฝีปากหวานละมุนเป็นอิสระ เพราะหันมาสนใจทรวงอกอวบขาว ของหล่อนแทน
“พี่เหนือคะ...” หล่อนเรียกเขา ในขณะที่เขายังทำเป็นไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ใช้ลิ้นสำรวจเรือนร่างของหล่อนอย่างเพลิดเพลิน
นิชาภัทรทั้งหวามไหวและสับสนอยู่ในที หล่อนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นเกิดจากสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์หรือไม่ หล่อนควรจะขัดขืนหรือยินยอม หญิงสาวไม่แน่ใจเลยสักนิด แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจเสมอมาคือหล่อนไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองท้องกับผู้ชายที่ไม่เคยเอ่ยคำว่า ‘รัก’ กับหล่อนอย่างแน่นอน เพราะหากเป็นเช่นนั้นลูกจะกลายเป็นเพียง ‘สิ่งผูกมัด’ ไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจพ่อกับแม่
“พี่เหนือคะ” หล่อนเรียกเขาอีกครั้ง
“หืม...”
“เครื่องป้องกันล่ะคะ”
เหนือตะวันชะงัก เขาละจากทรวงอกอวบอิ่มมามองใบหน้าอ่อนหวาน ภายใต้ดวงตาหวานเยิ้มของหล่อนไม่ได้บ่งบอกอะไร เพียงแต่เขาไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากคนที่หลงรักเขาหมดหัวใจ หล่อนควรจะดีใจไม่ใช่หรือ เพราะหากเขาทำหล่อนท้องเมื่อไร เขาจะพลาดโอกาสในการหย่าไปตลอดชีวิต เขาเองก็เช่นกัน เขาควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้ แต่ร่างขาวนวลตรงหน้าก็ทำให้ไม่อยากคิดอะไรอีกนอกจากดินแดนแห่งรสรักที่รออยู่รำไร
“ฉันมีวิธีป้องกันในแบบของฉัน”
“ยังไงคะ”
“เธอไม่ต้องรู้หรอกน่า”
โดยไม่รอให้คนใต้ร่างหนาสงสัยอะไรอีก เหนือตะวันประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากหวานละมุนอีกครั้ง มืออุ่นครอบครองทรวงอกอวบอิ่ม เคล้นเบาๆ ผู้หญิงร่างเล็กก็สะท้านจนต้องแอ่นตัวขึ้นประท้วงให้เขาหยุด แต่การกระทำของหล่อนกลับยิ่งสุมไฟสวาทให้ลุกโชน
ร่างกายแข็งแกร่งเบียดแทรกเรียวขางาม ไม่ว่ากี่ครั้งเขาก็มองว่าเรือนร่างนี้ช่างไร้ที่ติเหมือนตุ๊กตายางที่มีชีวิต วินาทีต่อมาเขาจึงส่งความเป็นชายเข้าไปสู่เรือนกายสาว นิชาภัทรหลับตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความต้องการของเขา เพราะทั้งวิญญาณและร่างกาย หล่อนเต็มใจยกให้เขา และไม่ว่าหลังจากนี้ไปหล่อนต้องพบเจออะไร จะดีหรือร้ายหล่อนก็ยินดีรับมัน
พายุรักสงบลงแล้ว เหนือตะวันยังคลอเคลียอยู่อยู่กับร่างนุ่มนิ่มไม่ห่าง มือหนาไล้ไปทั่ว สำรวจตรงนั้นทีตรงนี้ทีอย่างซุกซน
นิชาภัทรรีบตะครุบมือนั้นเมื่อดูเหมือนจะล่วงล้ำไปยังส่วนที่หวงแหน เขาพลิกมือเล็กมาจับไว้ก่อนบรรจงจูบอย่างอ่อนโยน
“เหนื่อยไหม”
คำพูดธรรมดาแต่เป็นน้ำเสียงที่หวานมากกว่าครั้งไหนๆ เหนือตะวันไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังเดินออกนอกแผนที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกหรือไม่ สมองเลอะเลือนไปชั่วขณะเพราะกำลังลุ่มหลงร่างกายแสนเย้ายวน
“เหนื่อยค่ะ แต่เพลงขอไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เหนียวตัวไปหมด” นิชาภัทรแกะแขนแข็งแรงออกจากลำตัวแต่ไม่สำเร็จ “พี่เหนือคะ ปล่อยค่ะ”
“จะรีบไปไหน” เสียงแผ่วเบาแต่หล่อนได้ยินมันชัดเจน เพราะคนพูดกระซิบอยู่ข้างหู แถมยังใช้ริมฝีปากร้อนขบใบหูให้หล่อนสะท้านเล่นๆ อีก
“อื้อ...” หล่อนผลักเขาออกเล็กน้อยเมื่อคิดว่าถ้ากอดกันไปคุยกันไปแบบนี้คงคุยไม่จบแน่
“เธอไม่ชอบเหรอ ไหนบอกว่ารักฉันไง” ไม่พูดเปล่า เขาจ้องลึกลงไปในดวงตากลมใส
“ก็...”
นิชาภัทรกลับหลบสายตาด้วยความขัดเขิน เขากำลังจะทำให้หัวใจของหล่อนหลอมละลาย ไม่เพียงแต่หัวใจเท่านั้น ร่างกายหล่อนก็เช่นกัน มันร้อนจนเครื่องปรับอากาศภายในห้องไม่มีความหมาย
เหนือตะวันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อแม่เสือสาวจอมยั่วสวาทที่เขาเคยรู้จักกลับกลายร่างเป็นนางอายที่เอาแต่มุดหน้าหนี แทนคำอนุญาต เขายอมปล่อยหล่อนจากอ้อมกอด นิชาภัทรเอื้อมไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาปิดร่างกายไว้ ส่วนชายหนุ่มที่ท่อนบนโผล่พ้นผ้าห่มหนามองทุกอากัปกิริยาอย่างขันๆ
“อาบน้ำเสร็จทำสเต๊กให้กินด้วยนะ หิวจะแย่”
“อ้าว! ไหนบอกไม่หิวไงคะ”
“เธอนอนเฉยๆ จะรู้อะไร ฉันใช้พลังงานไปตั้งเท่าไหร่ เสีย ’น้ำ’ ในร่างกายไปตั้งมาก” เขาตั้งใจเน้นคำว่าน้ำเพื่อยั่วให้หล่อนอายมากขึ้น เวลาแก้มเนียนมีสีแดงระเรื่อน่ามองเพิ่มขึ้นเป็นกอง
“บ้า!”
นิชาภัทรคว้าหมอนปาไปที่แผงหน้าอกแกร่ง แต่แทนที่เขาจะเจ็บกลับยิ่งหัวเราะขบขันไปใหญ่ เมื่อทำอะไรไม่ได้ คนที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นเป็นลูกตำลึงจึงรีบสาวเท้ามุ่งไปยังห้องน้ำทันที
อาหารมื้อค่ำถูกย้ายมาหน้าโทรทัศน์เมื่อวันนี้มีถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดสำคัญ เหนือตะวันเปิดเบียร์กระป๋องจิบอย่างอารมณ์ดีแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนุ่มหล่อเอาแขนข้างหนึ่งพาดพนักโซฟา มืออีกข้างถือกระป๋องเบียร์ไว้หลวมๆ จ้องจอภาพสี่เหลี่ยมนิ่ง
นิชาภัทรแอบมองสามีจากในห้องครัว ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อคิดถึงรสสัมผัสจากเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เหมือนประหนึ่งว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความฝัน กึ่งหลับกึ่งตื่น ความรักและความปรารถนาดีที่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียวช่างไร้ความหมายเมื่อเทียบกับตอนนี้ ตอนที่หล่อนได้รับสัมผัสอ่อนโยนจากเขา
“ทานก่อนสิคะ ท้องว่างแล้วดื่มเบียร์เดี๋ยวก็เมากันพอดี” หญิงสาวเตือนขณะวางจานสเต๊กเนื้อลงบนโต๊ะตัวเล็กพร้อมกับจานสลัดผัก วันนี้หล่อนไม่แสดงฝีมือทำน้ำสลัดแต่อาศัยน้ำสลัดสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ
“ป้อนหน่อยสิ” เหนือตะวันช้อนตามองนิชาภัทรที่ตอนนี้หล่อนยังคงยืนมองเขาอยู่
“ป้อนทำไมคะ มือพี่เหนือก็ว่าง”
“ว่างตรงไหน ฉันถือกระป๋องเบียร์อยู่” เขายืนยันคำพูดด้วยการเขย่ากระป๋องเบียร์ไปมา
“อีกมือนึงล่ะคะ”
“ไม่ว่างแล้ว” พูดจบมือแข็งแรงก็ดึงแขนร่างเล็กลงมานั่งแนบชิด จากนั้นก็ใช้วงแขนกอดหล่อนเอาไว้หลวมๆ แต่มั่นคง
“อุ๊ย!”
นิชาภัทรทั้งตกใจทั้งขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูก หล่อนกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง เป็นกิริยาที่หล่อนทำเสมอเมื่อสับสน แต่เหนือตะวันมองภาพนั้นเหมือนหล่อนตั้งใจยั่วให้เขาสติแตก ริมฝีปากหยักลึกโฉบลงมาสัมผัสกลีบปากหวานละมุนเบาๆ ชั่วขณะหนึ่งเมื่อเจ้าหล่อนเริ่มประท้วงเขาจึงยอมถอนริมฝีปาก
“อย่ากัดปากตัวเองแบบนี้อีก”
“ทำไมคะ” คนถูกห้ามงุนงง
“ห้ามก็แล้วกัน ถ้าเธอทำต่อหน้าฉัน ฉันจะจูบเธอ แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอไปทำต่อหน้าใคร ฉันจะฆ่าเธอ จำไว้”
นิชาภัทรขมวดคิ้ว ‘บ้าจริง! ห้ามอะไรไม่เข้าเรื่อง’
หญิงสาวสลัดความสงสัยทิ้งเสีย เพราะวันนี้เกิดเรื่องที่หล่อนไม่คาดฝันขึ้นตั้งเยอะ ความจริงแล้วหล่อนไม่รู้ว่าควรจะคิดเรื่องไหนก่อนดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้เหมือนกับสิ่งที่วาดฝันไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันก็ตรงที่มันเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล
การที่เจ้าชายอสูรจะกลายร่างเป็นเจ้าชายรูปงามได้เพียงชั่วข้ามคืนนั้นมีเพียงแค่ในโลกของเทพนิยาย จะเกิดขึ้นในโลกของความจริงได้อย่างไร แม้จะคิดแบบนั้น คนเพ้อฝันอย่างหล่อนก็ยินยอมที่จะอยู่ในเรื่องเหมือนฝันเช่นนี้ต่อไป หากมันจะช่วยทดแทนเวลาความสุขที่ตนไม่เคยได้รับมาก่อนเลยหลังสูญเสียบุพการีได้แล้วละก็ หล่อนยินดีที่จะปิดหูปิดตา
นิชาภัทรจัดการหั่นชิ้นเนื้อให้พอดีคำ ก่อนจะส่งมันเข้าปากของคนเอาแต่ใจ
เหนือตะวันรับชิ้นเนื้อเข้าปากในขณะที่สายตายังไม่ละจากรายการฟุตบอลตรงหน้า
“รสชาติใช้ได้”
คนถูกชมได้แต่แอบยิ้มไม่พูดอะไร หล่อนใช้เวลานี้สำรวจใบหน้าของสามีอย่างหลงใหล ถ้าใครมาเห็นเข้าคงอดคิดไม่ได้ว่า หล่อนเป็นผู้หญิงที่บ้าผู้ชายเข้าขั้นหนัก แต่ต่อให้ไม่ใช่หล่อน ถึงจะเป็นคนอื่นก็ต้องตกหลุมรักเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ ยามอยู่ในอิริยาบถแบบนี้พี่เหนือของหล่อนดูอบอุ่นและมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ
“ใจคอคิดจะจ้องฉันอยู่แบบนี้รึไง”
นิชาภัทรเบิกตากว้าง เมื่อดวงตาคมเข้มที่จับจ้องหน้าจอโทรทัศน์หันมาสบตากับหล่อนในขณะที่ใบหน้าห่างกันแค่คืบ ชั่วนาทีต่อมาหล่อนถึงตั้งสติได้ แต่ไม่อาจควบคุมอาการเลิ่กลั่กให้เป็นปกติได้
“เอ่อ...คือ เพลงไม่ได้จ้องนะคะ แต่ว่า...”
คนถูกจับได้โบกมือสองข้างไปมายืนยันว่าไม่ได้มอง ซึ่งมันเชื่อไม่ได้สักนิด
“เอาเถอะ เธอจะจ้องต่อไปฉันก็ไม่ได้ว่านะ แต่ถ้าขืนยังทำตาหวานเยิ้มแบบนี้อีก ฉันเกรงว่าวันนี้เราอาจจะไม่ได้นอน” ดวงตาเจ้าเสน่ห์จ้องใบหน้าหวานนิ่งเพื่อสื่อความนัย
นิชาภัทรเข้าใจความหมายของสายตานั้นทันที หล่อนจึงรีบละจากใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าแทน อาการไม่ปกตินั้นสร้างความขบขันให้เหนือตะวันอย่างมากจนเขาต้องหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ”
“ช่วงนี้พี่เหนืออารมณ์ดีนะคะ หัวเราะบ่อยเชียว” นิชาภัทรค่อนขอด หล่อนควรจะชอบเสียงหัวเราะของเขาหากว่าอารมณ์ขันนั้นไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมอันน่าอายของหล่อน
“มีเรื่องให้ขำก็ต้องหัวเราะสิ” เขาตอบพร้อมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบท่าทีสบายใจ
ไม่มีการสนทนาใดๆ ต่อจากนี้ เพราะคนทั้งคู่ต่างสนใจดูรายการฟุตบอลตรงหน้าแทน เมื่อทีมที่เป็นรองยิงเข้าประตูทีมที่เป็นต่ออย่างเกินความคาดหมาย ทำเอาคนติดฟุตบอลขั้นหนักอย่างเหนือตะวันตาค้าง เลิกสนใจหญิงสาวข้างกายทันที
เกมการแข่งขันเดินทางมาถึงนาทีสุดท้าย กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา จังหวะนั้นเหนือตะวันหันกลับมาสนใจคนตัวเล็กข้างกายซึ่งบัดนี้หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขา ริมฝีปากหยักลึกเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเห็นเจ้าของใบหน้าหวานสิ้นฤทธิ์อยู่บนไหล่ ขนตายาวเป็นแพปิดสนิท ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเรียกร้องให้เขาสัมผัสมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกหวั่นไหว สมองที่จดจำเรื่องราวทุกอย่างได้เป็นเลิศของชายหนุ่มก็คอยย้ำเตือนเสมอว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะรัก
“แผนของเธอใช้ได้นะนิชาภัทร แต่ฉันไม่มีทางตกหลุมพรางเธอแน่”
เหนือตะวันสลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง เขาอุ้มร่างเล็กที่เบาเหมือนนุ่นขึ้นอย่างง่ายดาย แต่จังหวะเดียวกันนั้นคนขี้เซาก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน
“พี่เหนือคะ”
“เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนไปเถอะน่า”
เหนือตะวันก้าวท้าวเข้าห้องนอนก่อนจะวางหล่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ
“เพลงนอนในห้องนี้ได้เหรอคะ” นิชาภัทรถามทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท
“ได้สิ ฉันอนุญาต”
เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ นิชาภัทรก็ยิ้มกว้างออกมา มือเล็กดึงหมอนอีกใบมากอดและหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“เอาหมอนไปกอดแล้วฉันจะหนุนอันไหนล่ะ ยายเด็กบ้า”
คนตัวโตเอนร่างลงข้างเรือนกายหอมกรุ่น นอนหนุนหมอนใบเดียวกัน นาทีนี้เขารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ต้องการสักนิดแต่มันกลับแทรกเข้ามาอย่างดื้อด้าน หัวใจเย็นชาเวลานี้หมดแรงที่จะต่อต้าน วงแขนแข็งแรงตวัดร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอดอย่างหงุดหงิด
‘อย่าเพิ่งได้ใจล่ะนิชาภัทร ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่หลงเธอง่ายๆ หรอก’
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หนังสือสั่งพิมพ์แล้วนะคะ E-book วางขายไม่เกินวันที่ 5 ก.ย.นี้ ค่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วววววว