"แพร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องโรงแรมผีสิง
ดิฉันรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ย่างเท้าเข้าไปในห้องนั้นแล้วค่ะ!
มันเป็นห้องสวยหรูน่าสบายบนชั้น 14 ของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา มองเห็นวิวทะเลกว้างใหญ่ไพศาล...ดิฉันควรจะพอใจและสบายใจใช่ไหมคะ? แต่เปล่าเลย...มันอึดอัดพิกล มีอะไรบางอย่างลอยวนอยู่ในอากาศ
ดิฉันมาพักร้อนสุดสัปดาห์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานค่ะ เรามากันสามสาวและเช่าอยู่ห้องเดียว คิดๆ ดูก็ไม่น่ากลัวหรอกนะคะ เรานอนรวมกันตั้งสามคน
หลังจากเช็กอินแล้ว เราก็ถือกุญแจห้องขึ้นลิฟต์มาชั้นที่ 14 พอประตูลิฟต์เปิดก็มองเห็นประตูห้องพอดีเลยล่ะค่ะ!
"เขาว่าห้องที่อยู่ตรงกับลิฟต์นี่ผีดุนะ" วลัย-เพื่อนสาวแสนสวยของดิฉันเอ่ยออกมาตรงๆ ทำให้ดิฉันกับพัดชาหันไปฟาดแขนเธอคนละผัวะ...อยากปากดีนักนี่! ไม่ทันไรก็มาข่มขวัญกันเฉยเลย แต่คนถูกตีกลับหัวเราะกิ๊ก "นอนกันตั้งสามคนยังจะกลัวอีก"
ดิฉันเป็นคนเสียบกุญแจ เปิดประตูเข้าไป ลมเย็นๆ พัดวูบมาปะทะหน้าเหมือนจะทักทาย...รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นไปตามผิว ทำให้ขนลุกซ่า...ความผิดปกติเหล่านี้ทำให้ดิฉันหันไปมองหน้าเพื่อน แต่เจ้าหล่อนทั้งคู่ก็ดูจะไม่รู้สึกอะไรเลย...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดิฉันมีอาการแปลกๆ พวกหล่อนมัวแต่ตื่นเต้นว่าห้องก็สวย วิวก็ดี...
วลัยกับพัดชานอนเตียงเดียวกัน ส่วนดิฉันนอนเตียงที่ติดผนังห้องน้ำ
ไม่ใช่พวกเราเก่งกาจอะไรหรอก ความจริงน่ะเป็นนักกลัวผีตัวยงเลยละ แต่ในทางตรงข้าม เราจะมีพฤติกรรมชอบฟังเรื่องผีๆ สางๆ เป็นที่สุด แว่วใครเอ่ยขึ้นมาเป็นไม่ได้ ต้องแจ้นไปขอฟังมั่ง...แล้วก็กลัวจนไม่กล้าอยู่คนเดียว!
เวลามาเที่ยวก็เหมือนกัน...บางคืนเราจะชวนคุยเรื่องผี แล้วก็จะเปิดไฟนอนเบียดกันตัวกลม แต่มาเที่ยวนี้แปลกตรงที่ตอนวลัยเอ่ยถึงผี ดิฉันรู้สึกสยองซะงั้น!
ตั้งแต่อยู่ในลิฟต์อย่างที่เล่ามาตอนต้นแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้เพราะอย่างนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ดิฉันสะท้านเมื่อเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง แต่ดิฉันขอยืนยันนะคะว่ารู้สึกถึงลมเย็นๆ กลิ่นอับๆ และกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ นั่นจริงๆ
คืนนั้นเราออกไปกินข้าว...ชมแสงสีของพัทยาจนดึกถึงได้กลับห้องพัก
พวกเราผลัดกันอาบน้ำจนครบทั้งสามคน แล้วก็เข้านอน โดยดับไฟในห้องแต่เปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้ ดิฉันไม่ลืมที่จะสวดมนต์ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ก่อนจะนอนตะแคง คลุมผ้าห่มถึงคอพยายามหลับให้เร็วที่สุด
...หลับก่อนสองคนนั่นได้ยิ่งดี แต่ไม่นานห้องก็เงียบ รู้สึกวังเวงใจพิกล
สองคนเตียงโน่นหลับไปแล้ว...ไม่นานดิฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ในห้องน้ำ เปิดน้ำดังซ่าๆ และกดชักโครกด้วย! เอ...หรือว่าเสียงนั้นมาจากห้องข้างๆ แต่หูดิฉันก็ดีเกินเหตุ...มันบอกตัวเองว่าเสียงดังอยู่ในห้องน้ำเราจริงๆ รู้สึกว่าแอร์เย็นจัดจนหนาวสะท้าน
ดิฉันชักอยู่ไม่สุข ความกลัวเริ่มคลานเข้ามาเกาะหัวใจ...ใครจะไปหลับลงเมื่อมีอะไรก็ไม่รู้เปิดน้ำ สลับกับชักโครกอยู่แค่เอื้อม!
ฉับพลัน เสียงใครคนนั้นก็ปิดน้ำ...ทำท่าเหมือนจะเดินออกมา เล่นเอาดิฉันหลับตาปี๋ รู้สึกจริงๆ ว่าเขาเดินออกจากห้องน้ำแล้วมาหยุดที่ปลายเตียงนี่เอง...
แม้จะหลับตา แต่จิตของดิฉันก็บอกว่าเขาเป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉันนี่แหละ ขณะนี้หล่อนนุ่งผ้าเช็ดตัวกระโจมอก ผมเปียกโชก...และมีเลือดสดๆ ปนน้ำไหลออกมาจากศีรษะ...หล่อนก้มตัวลง เอื้อมือมาจับผ้าห่มปลายเท้าดิฉัน! ผ้าห่มถูกดึงลงไปช้าๆ ดิฉันยึดผ้าห่มไว้แน่น กลัวจนแทบร้องไห้...รู้สึกชัดเจนถึงแรงดึงนั้น!
วินาทีต่อมา ผีก็เลิกชักเย่อผ้าห่มกับดิฉัน แต่กลับล้วงมือเข้ามาใต้ผ้าห่มแล้วจับเท้าไว้ทั้งสองมือ...มือที่แข็งและเย็นเฉียบ เป็นมือศพชัดๆ ดิฉันกำลังจะร้องไห้อยู่แล้วตอนที่ได้ยินเสียงวลัยร้องกรี๊ดแสบแก้วหู
เท่านั้นเอง เหมือนโลกแตกไม่มีผิด เราสามคนแข่งกันหวีดร้องจนดิฉันได้สติ เอื้อมไปเปิดไฟหัวเตียงสว่างพรึ่บ...
ปรากฏว่าขณะที่ผีกำลังหลอกดิฉันนั้น วลัยตื่นลืมตาขึ้นมา...หล่อนเห็นกับตาว่ามีผู้หญิงนุ่งผ้าเช็ดตัวกระโจมอก ผมยาวเปียกโชก กำลังก้มตัวลงจับปลายเท้าดิฉัน!
จะเป็นเพราะเสียงหวีดร้องหรือแสงไฟกันแน่...หล่อนหายวับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เราทั้งสามเผ่นแน่บออกจากห้อง ลงไปที่ห้องโถงข้างล่าง ไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น...เราขดตัวอยู่ที่เก้าอี้ในล็อบบี้จนเช้า...บอกกับทางโรงแรมว่าเราถูกผีหลอก ไม่อยู่แล้ว เรากลับบ้านในเช้านั้นเลย...หมดอารมณ์เที่ยว
แต่คิดอีกทีก็ดีนะ เราได้เรื่องผีมาคุยกันไปชั่วลูกชั่วหลานเลยล่ะค่ะ!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น