ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] 궁 (Goong) Palace #แบมแบมป่วนวัง

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.14K
      17
      23 ก.พ. 60

     




    Chapter 5



     


    ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วย ชายหนุ่มหน้าคมยืนมองใบหน้าน่ารักของน้องชายตัวเองที่ตอนนี้หลับตานิ่งสนิทอยู่บนเตียงขาวสะอาด มีเพียงสัญญาณจากเครื่องวัดชีพจรที่บ่งบอกว่า คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ทำไมเจ้าตัวแสบถึงยังไม่รู้สึกตัวอีก ถ้าทุกอย่างปกติดีทำไมถึงยังไม่ฟื้นสักที
     

    "นิชคุณฮยองครับ แบมยังไม่รู้สึกตัวอีกหรอครับ" คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ
     

    "ปกติทุกอย่าง แค่ไม่ตื่นขึ้นมา" พูดไปก็เอื้อมมือไปลูบปอยผมสีทองเกือบขาวของน้องชาย เขากำลังคิดหนักว่าควรโทรบอกที่บ้านดีหรือไม่ ดวงตาคมเสมองเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กในมือตัวเองอย่างใช้ความคิดอย่างหนัก นิ้วเรียวปลดล็อคระบบหน้าจอและกำลังจะต่อสายไปแต่ก็มีสายเข้ามา สีหน้าหลังการรับสายแย่มากจนรุ่นน้องคนสนิทต้องเอ่ยถาม
     

    "รอยร้าวของกระจกกระจายทั่วบานแล้ว" คำตอบสั้นๆ แค่นั้นก่อนที่ทั้งสองจะเร่งรีบออกจากโรงพยาบาลทันที ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงที่เกิดเหตุ ที่ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่จากจีนมาตรวจสอบด้วย ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะหาสาเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่จากจีนกำลังติดต่อให้นักวิทยาศาตร์เข้ามาช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม เกี่ยวกับวัสดุที่ทำกระจก มวลสารต่างๆ กับสภาพอากาศ เพราะมันอาจจะมีส่วนทำให้กระจกร้าวขึ้นได้ พอวางสายไป ดร.คนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
     

    "บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับตำนานนั้นก็ได้"
     

    "ดร.ก็พูดไร้สาระไปได้" หัวหน้าทำเสียงดุขึ้นมาทันที แต่ ดร.คนนั้นกลับทำท่ายักไหล่ แล้วเดินไปสำรวจกระจกอีกครั้ง
     

    นิชคุณพอฟังภาษาจีนออกเลยสงสัย เพราะถ้าเกี่ยวกับสภาพอากาศจริง ทำไมถึงอยู่ที่นี่มาได้ตั้งหลายร้อยปี แต่เขาก็ไม่อยากจะแย้งอะไร เขากลับสนใจตำนานที่ดร.คนนั้นพูดมากกว่า เขาเดินตามออกไปที่หน้าตำหนักเมื่อเห็นว่า ดร.คนนั้นเดินเลี่ยงออกไป
     

    "คุณทำอะไรที่กระจก"
     

    "ทำอะไร คุณพูดเรื่องอะไร"
     

    "ผมเห็นนะครับ"
     

    "ผมไม่เข้าใจคุณพูดเรื่องอะไร ผมขอตัว" ว่าจะเดินหนี หากแต่คำขู่จากเจ้าหน้าที่หน้าขาวกลับทำให้เขาต้องหยุดและหันกลับมา
     

    "ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องบอกหัวหน้าหลี่ให้ตรวจกระจกอย่างละเอียดอีกครั้ง" บอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป แต่ท่อนแขนเล็กก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน
     

    "นี่ก็เย็นแล้ว สนใจ เลี้ยงข้าวเย็นผมสักมื้อไหมล่ะครับ ผม อ๊ก แทคยอน ครับ" ดร.ยื่นมือออกไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ
     

    "ผม นิชคุณ ครับ" แม้จะแปลกใจกับชื่อที่ฟังยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนจีน แต่นิชคุณก็เลือกที่จะเก็บไว้ถามทีหลัง เขายื่นมือไปจับเพื่อทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ

     




     

    "ไอ้องค์ชายลามก!" แบมแบมตะโกนเสียงดัง
     

    "เรียกว่าองค์ชายต้วนที่รัก แบบนี้ดีกว่านะ"
     

    "ไม่!!! อ้ะ เอาถ้วยฟูคืนมานะ!"
     

    "หืมมม ถ้วยฟู" ทวนชื่อย้ำแล้วมองตามนิ้วเรียวที่ชี้มายังตัวขาวขนฟูที่กำลังยกขาหน้าสะกิดให้เขาเล่นด้วย แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร มือขาวก็เอื้อมมาที่ขาของเขาแล้วจับอุ้มเจ้าสี่ขาไปอยู่ในอ้อมอกแล้วลูบหัว เจ้าตัวน้อยก็หันไปเลียมือเล่นด้วย
     

    "อากาศหนาวทำไมเจ้าถึงแต่งกายเช่นนี้ออกมา" ว่าแล้วก็ปลดเสื้อคลุมตัวเองคลุมให้คนตัวเล็กตรงหน้า ก่อนริมฝีปากแดงสดนั้นจะขยับขึ้นลงเบาๆ ว่าขอบคุณ
     

    "คลุมให้แล้วก็ปล่อยสิ เราจะกลับตำหนัก" เสียงเล็กแหววออกมาเพราะสองมือหนาที่คลุมเสื้อให้เขาไม่ยอมเอามือออกจากไหล่ คราวนี้องค์ชายค่อยๆ ปล่อยมือออก
     

    "ชู่วววว" ทำท่าจุ๊ปากให้เงียบ  แล้วหันมองด้านหลังตัวเอง ที่ทหารคนสนิทวิ่งมาหา ภาษาจีนพูดรายงาน ใบหน้าหล่อดูเครียดขึ้นทันที พูดสั่งภาษาบ้านเกิดอีกสองสามคำ ทหารคนสนิทก็โค้งลาแล้วรีบวิ่งกลับไปทางเดิม
     

    "ข้าจะไปส่งเจ้าที่ตำหนัก" ประโยคบอกเล่าแต่น้ำเสียงเหมือนการออกคำสั่ง ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้ว
     

    "มีอะไรงั้นหรอ" ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับตำหนัก องค์ชายไม่ตอบอะไร แต่เดินตามหลังมา
     

    ความหนาวในตอนกลางคืนทำให้แบมแบมเอาก้อนกลมสีขาวซุกเข้าในตัวและกระชับเสื้อคลุมปิดกันลมให้ด้วย ระหว่างเดินทางกลับตำหนักไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ของทั้งสองคน แบมแบมคิดว่าก็ดีแล้ว อากาศหนาวแบบนี้ เขาควรอยู่บนเตียงห่มผ้าหนาๆ มากกว่า ไม่นานก็มาถึงหน้าตำหนัก เมื่อซูจีเห็นแบมแบมเดินมาก็รีบเข้ามาหา
     

    "หายไปไหนมาเพคะ เจ้าหญิง"
     

    "เจ้าถ้วยฟูมันวิ่งออกไปข้างนอก เราเลยตามไปจับมันกลับมาน่ะ" ซูจี มองเลยไปด้านหลังก็พบชายหนุ่มหน้าหล่อ แบมแบมหันกลับไปโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณตามมารยาท แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาเดินกลับก็โดนมือหนารั้งไว้ก่อน ใบหน้าน่ารักหันกลับมาทำหน้าสงสัย องค์ชายยิ้มบางๆ ให้แล้วยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหู ข้อความที่บอกนั้นเรียกเลือดให้สูบฉีดทั่วทั้งใบหน้า เพราะประมวลผลนานไปหน่อย พอคิดได้ว่าควรจะด่าอะไรกลับไป ที่จู่ๆ มาทำรุ่มร่าม คนต้นเหตุก็เดินไปไกลเสียแล้ว ก็ใครให้ใช้ให้เอาหน้าหล่อๆ มาใกล้ แล้วยังมากระซิบอะไรแบบนั้นอีก
     

     

    ไอ้องค์ชายเฮงซวย!

     

     

    "ซูจี หยุดยิ้มได้แล้ว จะยิ้มอะไรนักหนาเนี่ย" พอเข้าห้องมาก็หันมาวีนใส่คนสนิท ที่กำลังช่วยเขาถอดเสื้อคลุมออก เขาปล่อยถ้วยฟูลงที่พื้น แล้วเดินไปนั่งหน้างอที่เตียงนอน
     

    "ไม่ยิ้มแล้วก็ได้เพคะ แล้วนี่ไปเอาเสื้อคลุมองค์ชายมาอีกตัวแล้วนะเพคะ"
     

    "ก็หมอนั่นให้เอง ไม่ได้ขอซะหน่อย"
     

    "เรียกองค์ชายแบบนั้นไม่ได้นะเพคะ รีบบรรทมเถอะเพคะ พรุ่งนี้ต้องฝึกพิธีการแต่เช้านะเพคะ" แบมแบมพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอน ซูจีช่วยดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงคอ หันไปสั่งเจ้าตัวสีขาวที่นอนหมอบอยู่บนแท่นวางรองเท้าตรงเตียงว่าอย่าซน จากนั้นก็เดินไปดับเทียนและโค้งลาออกจากห้องไป
     

    แบมแบมรู้สึกอ่อนล้ามาทั้งวัน ทำนั่นนี่หลายอย่าง ดวงตากำลังจะปิดเพื่อพักผ่อน หาแต่เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเมื่อครู่ใหญ่ก็ลอยมาอีกครั้ง แบมแบมลุกนั่งแล้วยีหัวตัวเอง เขาจะมานั่งคิดอะไรนักหนาวะเนี่ย พอนึกถึงองค์ชายหน้าหล่อแล้ว เรื่องจูบก็ลอยเข้าหัวมาอีกด้วย มือบางยกแตะริมฝีปากตัวเอง ทำไมมันยังหวิวๆ อยู่เลย พรุ่งนี้เค้าต้องล้างปากนานๆ ซะแล้ว ฮึ่ย! คิดได้แล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ปากก็บ่นพึมพำๆ
     

     

    "ฝันดีที่รัก"
     

     

    ที่รักบ้าอะไร พูดมาได้ ถ้าฝันร้ายพรุ่งนี้จะต่อยหน้าให้ แล้วความอ่อนเพลียก็พาร่างบอบบางเข้าสู่ห่วงนิทรา
     

    อีกฝากของตำหนักองค์ชายที่รับฟังการรายงานของคนสนิทแล้วก็ไล่ให้ไปพักผ่อน แล้วก็ล้มตัวลงนอนบ้าง หากแต่เมื่อหลับตาลง ดวงหน้าน่ารักของเจ้าหญิงที่เป็นคู่หมั้นก็ลอยเข้ามาเรียกรอยยิ้มกว้างให้กับคนหน้าหล่อก่อนจะพูดเบาๆ กับตัวเองว่า คืนนี้แม้จะแปลกที่แต่ก็คงจะหลับฝันดีแน่ๆ

     




     

     

    เช้าแรกของการเป็นเจ้าหญิง แบมแบมก็ยังคงตื่นยาก กว่าซูจีจะลากลงจากเตียงให้ล้างหน้าและแต่งตัวให้ได้นั้นเรียกว่าเป็นงานหนักเลยทีเดียว
     

    "แบมยังง่วงอยู่เลยอ่า~" ทำเสียงอ้อนๆ ส่งให้หญิงสาวที่กำลังจัดชุดให้เขา
     

    "เสร็จแล้วเพคะ" ซูจีปาดเหงื่อตามไรผมของตัวเอง หลังจากที่จับคนตื่นยากมายืนแต่งตัวได้สำเร็จ พอมองเจ้าหญิงแสนซนที่ตัวเองดูแลก็ต้องยิ้มออกมา แบมแบมกำลังยืนพิงเสาแล้วหลับตา คงจะง่วงนอนจริงๆ
     

    "ทำไมเจ้าหญิงโบมีถึงไปยืนหลับแบบนั้น" เสียงเจ้าชายจินยองที่เดินเข้ามาในห้องร้องขึ้นทันทีที่เห็นสภาพของเจ้าหญิงของวัง แต่เสียงร้องก็ไม่ได้ทำให้คนต้นเหตุลืมตาตื่นขึ้น จินยองเดินเข้าไปตีแขนเจ้าหญิงขี้เซาเบาๆ แบมแบมสะดุ้งแล้วลืมตาพอเห็นเป็นจินยองก็รีบทำเสียงอ้อนใส่ บอกขอนอนต่ออีกหน่อย เจ้าชายส่ายหน้าเบาๆ แต่ก็อมยิ้มกับความน่ารักของเจ้าหญิงตัวปลอม
     

    "เจ้าต้องฝึกพิธีการนะ แบมแบม พระราชามีคำสั่งให้พวกซังกุงจากวังหลวงมาเตรียมการ และพรุ่งนี้พระราชาจะให้เจ้าเข้าเฝ้าพร้อมกับองค์ชายต้วนนะ" พอได้ยินชื่อองค์ชายที่มาก่อกวนอยู่ในความคิดตลอดคืน แบมแบมก็ยืดตัวตรงเบะปากทันที แค่ได้ชื่อก็ทำอารมณ์เสีย อย่ามาหาว่าเขาพาลเลย ก็เพราะองค์ชายต้วนนี่ไง ต้นเหตุของความง่วงของเขาในตอนนี้
     

    "คนที่ฝึกเจ้าวันนี้ทั้งวันคือพวกซังกุงจากวังใหญ่ เจ้าต้องระวังตัวเองนะ"
     

    "แบมจะรอดไหม" คนง่วงนอนเบะปากมากกว่าเดิม
     

    "ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอด ซูจีก็ด้วย" เมื่อได้ยินว่าจะมีคนอยู่ด้วยตลอดเจ้าหญิงตัวปลอมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย พยักหน้าเป็นการตอบตกลง จินยองยิ้มกว้างแล้วหันไปสั่งซูจีให้ไปแจ้งซังกุงทั้งหลายว่าเจ้าหญิงพร้อมแล้ว แบมแบมหันไปอุ้มเจ้าถ้วยฟูก่อนจะหันมาทางจินยองว่าตัวเองพร้อมลุยแล้ว
     

    เจ้าชายจินยองและเจ้าหญิงโบมีเดินไปยังห้องโถงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากตำหนักนี้ ขบวนมีผู้ติดตามอยู่ไม่มาก เพราะจินยองเองก็ไม่ชอบพิธีการมากมาย พอมาถึงก็พบซังกุงและนางในสิบกว่าคนโค้งคำนับ แบมแบมบีบมือจินยองแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกประหม่า เจ้าชายบีบมือตอบกลับพร้อมกระซิบว่า ไม่ต้องเกร็งเพราะเจ้าหญิงโบมีตัวจริงก็ไม่ค่อยเรียบร้อยอยู่แล้ว มันคือกำลังใจที่ดีจริงๆ  แบมแบมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้งก่อนจะส่งเจ้าถ้วยฟูให้ซูจีอุ้มไว้แล้วปล่อยมือจินยองเดินนำเข้าด้านใน
     

    ห้องโถงนี้เป็นสถานที่ที่ไว้สำหรับว่าราชการด่วนของพระราชาหากมาประทับอยู่สวนพีวอน ซึ่งครั้งนี้พระราชาอนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ฝึกพิธีการงานหมั้น เพราะทรงรู้นิสัยของเจ้าหญิงของวัง  พิธีนี้ค่อนข้างสำคัญ เกรงจะทำกริยาขายหน้าต่อคนจำนวนมาก
     

    ภายในนั้นจะมีแท่นที่ประทับของพระราชา และมีที่นั่งของเหล่าขุนนางทั้งซ้ายและขวา แต่ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยข้าวของและเครื่องประดับหลายอย่าง และมีซังกุง ตำแหน่งสูงสุดของนางในรับใช้ในวัง ที่ดูแลเรื่องภายในวังหลวงทั้งหมด ซังอึย ดูแลด้านพิธีการ การประกอบพิธีภายในวังหลวง ซังบก ดูแลห้องเย็บปัก เสื้อผ้าสวมใส่ของพระราชา เชื้อพระวงศ์ และซังซิก ดูแลห้องเครื่อง อาหารเครื่องสเวยต่างๆ ทั้งสี่คนยืนเรียงกันอยู่ด้านหน้า ด้านหลังมีนางในอีกจำนวนนึง ทั้งหมดโค้งคำนับให้เจ้าหญิงและเจ้าชายที่กำลังนั่งที่ที่จัดไว้ให้
     

    สำหรับการฝึกเรื่องแรกของแบมแบมเป็นการเรียนจาก ซังบก คือ รู้ถึงเสื้อผ้า เครื่องประดับที่สำคัญ เมื่อนั่งฟังการเรียกชื่อและประวัติความเป็นมา รวมถึงคำอธิบายต่างๆ แล้วทั้งหมดถูกใส่เข้าไปในตัวของเจ้าหญิงด้วย ตอนนี้เท่ากับแบมแบมใส่ชุดพิธีหมั้นอยู่ ส่วนที่อยู่บนผมนั้นค่อนข้างหนักทำให้เจ้าหญิงทรงตัวยากและเดินลำบากมาก แบมแบมกำลังคิดว่าเหมือนเขากำลังฝึกเดินแบบอยู่ที่ต้องเอาหนังสือวางบนหัวแล้วเดินให้ตรง แต่ต่างกันที่มันไม่ใช่หนังสือเบาๆ นี่แหละ
     

    แบมแบมกำลังคิดว่าเขาหาเรื่องให้ตัวเอง การมีของหนักๆ อยู่บนหัวไม่เป็นประเด็นเท่ากับรองเท้าที่เขาใส่อยู่ในตอนนี้ เมื่อวานที่เขาใส่มันเป็นแค่คัชชูผู้หญิงธรรมดา แต่รองเท้าในงานพิธีหมั้นนั้นทำไมต้องเสริมส้นให้มันยากขึ้นด้วย และเหมือนว่ารองเท้าจะเล็กเกิน เพราะรู้สึกคับจนบีบเท้าเขามากเกินไป แต่แบมแบมก็คิดว่าใส่ไปเดี๋ยวมันคงหลวมขึ้นเอง
     

    การเดินรอบแรกนั้นเรียกว่าแย่มาก แต่ละก้าวนั้นแบมแบมไม่สามารถทรงตัวได้เลยต้องมีซูจีมาช่วยประคองตลอด เดินไปได้เพียงสองสามก้าวก็จะสะดุดล้ม พอเริ่มเดินรอบสอง คราวนี้ดีขึ้นนิดหน่อย แบมแบมพอจะทรงตัวยืนด้วยตัวเองได้แล้ว และพอจะก้าวขาออกและก้าวสั้นๆ ได้บ้าง แต่ก็ยังสะดุดล้มอยู่ดี ยังดีที่มีซูจีคอยประคองอยู่ใกล้ๆ
     

    รอบที่สามเริ่มดีขึ้น หากแต่ตอนนี้แบมแบมเริ่มเจ็บเท้าตัวเองเพราะการบีบรัดของรองเท้า ใบหน้าหวานเริ่มบึ้งตึงขึ้นมาเพราะความเจ็บ แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยบ่นอะไรออกไป เขาก็ลืมคิดว่า ควรกัดรองเท่าก่อน มันจะได้ไม่กัดเรา แบมแบมคิดไว้ว่าเขาจะแอบมากัดมันคืนนี้
     

    เดินครบสามรอบแบมแบมก็รีบเปลี่ยนรองเท้าและสั่งให้ซูจีถอดส่วนที่ต่อกับผมบนหัวออกทันที ก่อนจะหันไปบอกให้ซังกุงสอนเรื่องต่อไป โดยเขาบอกว่าเขาจะไปฝึกเดินเองทีหลัง จินยองแอบขำเพราะเขาคิดว่า นอกจากแบมแบมจะเหมือนโบมีในเรื่องหน้าตาแล้ว นิสัยบางอย่างก็เหมือนกันอีก
     

    ความอดทนต่ำมาก โดยเฉพาะเรื่องพิธีการต่างๆ
     

    "แล้วองค์ชายลามก เอ่อ.. องค์ชายต้วนใส่ชุดไหน" แบมแบมถามออกมา หากเขาต้องใส่ชุดหนักแบบนี้ องค์ชายลามกต้องใส่ด้วยสิ จะได้หนักเหมือนกัน
     

    "ชุดขององค์ชายต้วนจะเป็นของจีนเพคะ"
     

    "อะไรเนี่ย ทำไมไม่มาหนักด้วยกัน เหอะ! ขี้โกงชะมัด" เสียงบ่นของเจ้าหญิงโบมีแสนซนของวังเรียกเสียงรอยยิ้มจากบรรดาซังกุงทั้งหมด แบมแบมเองได้แต่ยิ้มแหยๆ ใส่เพราะรู้ว่าตัวเองหลุดมาดเจ้าหญิงเสียแล้ว แก้เก้อต่อด้วยการเร่งให้ซังกุงสอนเรื่องต่อไปทันที
     

    "ใครขี้โกงอะไรรึ" เสียงทุ้มดังขององค์รัชทายาทที่แวะมาดูการซ้อมพิธีหมั้นของเจ้าหญิงเอ่ยถามออกมาหลังจากได้ยินเสียงโวยวายดังไปถึงด้านนอก ทุกคนในบริเวณนั้นก้มหัวทำความเคารพแจบอม จะยกเว้นก็เพียงแต่เจ้าของเสียงทำปากยู่ใส่คนมาใหม่ แล้วเดินไปหาก่อนจะเกาะแขนฟ้องเรื่องชุดที่ต้องใส่ว่ามันหนักเดินแทบจะไม่ได้ องค์รัชทายาทขำลั่น ถึงแบมแบมจะเป็นตัวปลอมแต่นิสัยขี้ฟ้องแบบนี้ก็เหมือนตัวจริงอยู่นะ แจบอมลูบหัวน้องสาวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยบอกให้ตั้งใจและอดทนกับการฝึกพิธีการ แบมแบมพยักหน้ายิ้มกว้างรับกำลังใจ องค์รัชทายาทกลับไปไม่นาน จินยองก็ได้รับคำสั่งจากพระพันปีให้เข้าเฝ้าที่ตำหนักใหญ่
     

    แบมแบมนั่งฟังซังซิกอธิบายเรื่องอาหารที่จะต้องใช้เข้าพิธีทั้งหมด โดยอาหารสำหรับพิธีหมั้นกับแต่งงานนั้นไม่เหมือนกัน ในพิธีแต่งงานอาหารคาวหวานจะเยอะกว่านี้ และจะมีอาหารสำหรับเข้าเรือหอด้วย แบมแบมเบ้หน้าทันที แต่มาคิดอีกทีเขาไม่ต้องเข้าพิธีแต่งงานนั้นนี่น่า เพราะองค์หญิงตัวจริงจะกลับมาแต่งงานเอง
     

    "อาหารคาวหวานทั้งหมดก็จะมีเท่านี้เพคะ" ซังซิก พูดจบก็โค้งแล้วเดินไปยืนเรียงแถวตามเดิม แบมแบมมองอาหารคาวหวานบนโต๊ะทั้งหมดอีกครั้ง เจ้าท้องก็ร้องประท้วงขึ้นมาเบาๆ ทันที ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วต้องมาฝึกเดินนั้นก็ใช้พลังงานไปเยอะอยู่นะ
     

    "เรากินอาหารนี่ได้ใช่ไหม" หันหน้าไปถามซังกุงที่อยู่หัวแถวที่เขาคิดไปเองว่าคงเป็นหัวหน้าซังกุงทั้งหมด แต่ก็เหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะมือบางเอื้อมไปหยิบตะเกียบแล้วคีบหมูชิ้นนึงเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
     

    "ทานได้เพคะ" ซังกุงที่ถูกถามอมยิ้มก่อนจะตอบคำถามเจ้าหญิง ที่ตอนนี้พยักหน้าแล้วคีบนั้นคีบนี่ใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย จนเกือบจะเกินงาม แต่ก็มีซูจีคอยสะกิดเตือนแบมแบมเลยปรับท่าทางให้ดีขึ้น ไม่นานอาหารก็หายไปเกือบหมด เจ้าหญิงลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะบอกซังกุงว่าขอเดินย่อยสักนิดก่อนจะเริ่มฝึกในช่วงบ่ายต่อ
     

    ซูจีอุ้มถ้วยฟูกลับตำหนักเพราะได้เวลาอาหารแล้ว และไม่เหมาะหากนำมาให้อาหารที่นี่ เพราะซังกุงจะตำหนิได้ แบมแบมจึงจะเดินเล่นรอรอบๆ นี้ เขาเดินวนมาด้านหลังก็เห็นเล่านางในกำลังก่อไฟต้มถังน้ำใบใหญ่ ก็สงสัยเลยถาม พอได้คำตอบว่า เป็นการนำสมุนไพรไว้อาบชำระร่างกายก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเดินกลับมาที่หน้าห้องโถงก็ได้ยินคำของซังกุงแจ้งถึงการฝึกในช่วงบ่ายแบมแบมแทบอยากจะกลับไปล้มถังน้ำนั้นจริงๆ
     

    "เจ้าหญิงต้องอาบน้ำสมุนไพรช่วงเวลานี้เพคะ พวกหม่อมฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว"
     

    "ห๊ะ อาบน้ำตอนนี้!" ซวยแล้ว ซูจีไม่อยู่ด้วย
     

    "ใช่เพคะ อาบตอนนี้ ด้วยน้ำอุ่นนะเพคะ" ซังกุงคงคิดว่าเจ้าหญิงกลัวน้ำเย็นตามสภาพอากาศ แต่ไม่ใช่เลย เขาจะทำไงดี มองหน้าซังกุงแล้วไม่รู้จะปฎิเสธยังไง
     

     

    งั้นแบบนี้ล่ะกัน...
     

     

    "เจ้าหญิงจะไปไหนเพคะ ตามเจ้าหญิงไปเร็ว" แล้วเสียงเรียกชื่อ เจ้าหญิงโบมีก็ดังขึ้นทั่วสวน
     

    "เจ้าหญิงจะวิ่งหนีไปไหนเพคะ"
     

    เจ้าหญิงโบมีเพคะ หยุดนะเพคะ"
     

     

    หยุดก็บ้าแล้ว… แบมแบมวิ่งหนีไปเรื่อยๆ จนเข้ามาอยู่ส่วนไหนของสวนพีวอนก็ไม่รู้ เขารู้แต่ว่าเขาอยู่โดนจับอาบน้ำไม่ได้แน่ๆ ยังไงรอจินยอง หรือไม่ก็ซูจีตามหาก็ล่ะกัน ด้วยชุดกระโปรงและรองเท้าแล้วการวิ่งของเขานั้นไม่ถนัดเลย แล้วยิ่งเจ็บเท้าจากการใส่รองเท้าพิธีหมั้นนั้นอีก
     

    ตอนนี้เจ้าหญิงเริ่มจะอ่อนแรง เขาวิ่งมาถึงศาลากลางน้ำที่มีกิ่งไม้ใหญ่พาดไปยังหน้าต่างด้านบน แบมแบมมองแล้วเห็นว่าขึ้นไปถึงใต้หลังคาได้ เขาเลยถกกระโปรงแล้วรีบปีนขึ้นไปก่อนจะไต่ตามกิ่งไม้ใหญ่นี้ไปเรื่อยๆ แต่เพราะรับน้ำหนักมากเกินไปทำให้กิ่งไม้ที่เกือบจะหักนั้นปริออกมากกว่าเดิมแบมแบมรีบปีนขึ้นไปยังใต้หลังคาได้สำเร็จก่อนที่กิ่งไม้จะหัก เขาตัดสินใจว่าจะแอบตรงนี้สักพักแล้วค่อยลงไปหรือไม่ก็รอใครสักคนมาตามเจอ นั่งเงียบๆ มองทหารที่วิ่งผ่านไปมาเพื่อหาเขา สักพักไม่มีคนผ่านมาอีก ด้วยความง่วงแบมแบมก็เลยพิงกับฝากั้นหลังคา
     


    หลับสักงีบล่ะกันนะ




     


     

    "เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นคนของไทเฮา"
     

    "แน่ใจพะยะคะ"
     

    "ไทเฮาคิดจะทำอะไรอีก ข้าก็หนีมาถึงเกาหลีนี่แล้ว"
     

    "อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่เจอองค์ชายอี้จางกระมั้งพะยะคะ"
     

    "แล้วคนของเราเจอหรือยัง เจ้าน้องคนนี้นี่แอบหนีไปไม่บอกอะไรไว้เลย เดือดร้อนกันไปหมด แล้วยังจะมีคนจ้องตามฆ่าอีก"
     

    "องค์ชาย พะยะคะ" ใบหน้าหล่อมองสบตากับลูกน้องคนสนิทเหมือนสื่อความหมายกันแล้วก็พยักหน้าให้
     

    "เจ้าไปได้แล้ว ทำตามที่สั่งเหมือนเดิม" เมื่อลูกน้องรับคำและโค้งลาออกไป

     


    "แอบมาฟังคนอื่นเขาคุยกันมันไม่ดีเลยนะ"
     

    "ใครแอบ เราไม่ได้แอบซะหน่อย เราอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้ว" องค์ชายต้วนมองตามเสียงขึ้นไปด้านบนก็พบใบหน้าน่ารักที่คุ้นเคยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนคานของศาลา
     

    "เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้น"
     

    "เรามานั่งเล่น" เป็นคำตอบที่แบมแบมคิดว่าดูงี่เง่าสุดแต่เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะบอกยังไง
     

    "นั่งเล่น? บนนั้น?"

     

    "เจ้าหญิงโบมีเพคะ เจ้าหญิงอยู่ไหนเพคะ"
     

    "ชู่ววววว" องค์ชายต้วนกลับมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง ยักคิ้วให้อีกครั้งก่อนจะตะโกนไปยังทหารและนางในที่กำลังออกตามหาเจ้าหญิงแสนซนนี้กันอยู่
     

    "อย่านะ องค์ชาย" แบมแบมตะโกนแล้วก็ต้องรีบเอามือปิดปากเพราะกลัวเสียงจะดังจนทำให้พวกนั้นตามเจอ แต่ก็เหมือนจะช้าไปแล้ว เมื่อนางในและทหารจำนวนหนึ่งวิ่งเข้ามาในศาลาแล้วโค้งทำความเคารพ แบมแบมภาวนาให้องค์ชายไม่ปากโป้ง
     

    "ตามหาเจ้าหญิงโบมีกันอยู่รึ"
     

    "เพคะ เจ้าหญิงวิ่งหนีการอาบน้ำสมุนไพร ยังหากันไม่เจอเลยเพคะ องค์ชายเห็นบ้างไหมเพคะ"
     

    "เห็นนะ" คำตอบขององค์ชายต้วนเล่นเอาคนที่นั่งเกร็งอยู่ด้านบนแทบหยุดหายใจ สายตาคมเหลือบสบตากันนิดนึง แบมแบมส่งสายตาวิงวอนกลับไป
     

    "เห็นอยู่ทางด้านโน้นตอนข้าเดินมานะ ไม่รู้เดินไปไกลแล้วหรือยัง" ได้ยินคำตอบทั้งหมดแล้ว เหล่านางในและทหารก็วิ่งตามทิศทางที่องค์ชายต้วนชี้มั่วๆ ไป คนด้านบนก็หายใจได้ทั่วท้องสักที
     

    "ให้องค์ชายช่วยโกหกนี่มันไม่ดีเลยนะ แล้วทำไมต้องหนีการอาบน้ำด้วย"
     

    "ก็มันหนาวนิ"
     

    "ลงมาคุยด้านล่างดีๆ" แบมแบมกำลังจะไต่ลงไปยังกิ่งไม้เดิมที่ปีนขึ้นมาแต่ก็ต้องร้องโวยวายเมื่อมันหายไป หันซ้ายขวามองอีกทีก็พบว่ามันหักแล้วไปลอยอยู่ในบึงน้ำเรียบร้อยแล้ว
     

    "โอ้ยยยย แล้วจะลงยังไงเนี่ย"
     

    "กระโดดลงมา เดี๋ยวข้ารับเอง"
     

    "ไม่ๆๆ ถอยไปเดี๋ยวเราโดดเอง"
     

    "โดดมาเถอะน่า"
     

    "หนีไป… เห้ยยยยยย" แบมแบมหลับตาปี๋เพราะก้าวพลาดและต้องลงพื้นมันต้องเจ็บแน่ๆ

     

     

    ตุ๊บ!


     

     

    ทำไมไม่เจ็บ?

     

     

    แน่ล่ะก็หล่นลงมาแบบนั้น ดีที่องค์ชายวิ่งเข้าไปรับได้ทันพอดี แต่ท่าทางเหมือนจะไม่ปลอดภัยเท่าไร มือขวารวบเอวไว้ส่วนมือซ้ายขององค์ชายวางอยู่บนหน้าอกของเจ้าหญิงพอดี องค์ชายรีบชักมือกลับเพราะไม่เหมาะสม แล้วจัดการจับเจ้าหญิงให้ยืนขึ้นพอเห็นว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วจึงถามคำถามที่ทำเอาแบมแบมไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว






     

     

    "เจ้าเป็นผู้หญิงจริงๆ ใช่ไหม"








    #แบมแบมป่วนวัง
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×