ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #88 : ตอนที่ 76 ค่ายอาสา 100 %เต็มแล้วจ้า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44.7K
      202
      15 พ.ค. 55











    ตอนที่
    76 ค่ายอาสา

     

     







    “อีปาร์คคคคคคคค”

     





    “คร้าบบบบบบบบบบบบบครับๆๆๆอีเจ้”




     

    “กูเรียกตั้งนานสองนานทำไมมึงยังไม่เสด็จอีกห๊า แล้วนี่แต่งองค์ขนาดนี้บ้านมึงอยู่เกาะชิชิลีรึไงย๊ะอีบ้ามึงหนาวอะไรขนาดนั้นกูว่ามันน้อยไปนะผ้าพันคอบนคอมึงหน่ะสนใจเอาผ้าดิบอีกซักผืนไปคลุมหน้าไหมคะอีชะมดเอาไหม มึงไปช่วยพี่พีมยกตะกร้าเดี๋ยวนี้เลยนะไป๊”

     





    เสียงอีกรีนวี๊ดๆแต่เช้าพวกเราชาวสวัสดิการก็แบบนี้แหละครับต้องตื่นก่อนนอนทีหลัง(นางทาสยังอาย)เพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวตอนกลางคืนก็ต้องหุงข้าวไว้เพราะถ้ารอหุงตอนเช้าเดี๋ยวไม่ทันเราไม่ได้ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้านี่หว่า

     




    แต่อีกรีนแม่งโคตรเทพมันใช้วิธีหุงแบบโบราณน่ะแต่ข้าวก็สุกนะที่พวกเราชาวค่ายไม่ตายมีข้าวให้กินตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ต้องยกความดีความชอบให้อีกรีนมัน พอผมชมมันว่าทำไมมึงเก่งจังวะกรีนมันก็ยิ้มหน้าบานแข่งกับฝาชีเลยทีเดียว

     




    และผมถึงกับหลุดหัวเราะที่เห็นมันยืนเท้าเอวชี้หน้าด่าไอ้น้องปาร์คอย่างออกรสเหตุเกิดเพราะไอ้ปาร์คมันมัวแต่แต่งองค์ทรงเครื่องหนาว เหมือนจะไปเดินแบบมิลานวินเทอร์แฟชั่นวีคโดยไม่สนใจเลยว่าคนอื่นเขาเร่งมือทำมื้อเช้ากันวุ่นวายแค่ไหนอีกรีนก็เลยองค์ประทับอย่างที่เห็นนี่แหละครับ

     



    คือผมเข้าใจผมรู้ว่าตอนเช้าของที่นี่อากาศค่อนข้างหนาวมากแถมยังมีหมอกหนาน้ำค้างตรึมอีกต่างหาก เรียกว่าแทบไม่อยากจะโดนน้ำกันเลยแต่ถึงจะหนาวแค่ไหนผมว่าไอ้ปาร์คมันก็….เยอะไปจริงๆนะทั้งหมวกไหมพรมเอยเสื้อโค้ทเอยไหนจะผ้าพันคอที่มองไกลๆกูนึกว่าอนาคอนด้ารัดคอมัน

     




    “โหยอีเจ๊เซาะกราวว่ะเค้าเรียกว่าแฟชั่นแบบผู้ดีบริทิชเว้ยกะเทยชราอย่างเจ๊ไม่รู้จักละสิ”

     





    “นะนะนะ หน้อย หน๊อยยยยยยไอ้ผู้ดีอังกฤษ? ถุ้ยอย่างแกน่ะแฟชั่นพาหุรัดก็หรูแล้วมึงไปเลยนะไปช่วยไอ้พีมยกหม้อยกเขียงไปล้างเดี๋ยวนี้เลยนะไป๊”

     




    ฮ่าๆรู้แล้วใช่ไหมครับว่าผู้ชายที่อยู่ฝ่ายสวัสดิการทำอะไรบ้างหน้าที่หลักๆก็มียก แบก หาม ตักน้ำ เชือดไก่ สับหมู ยกกระทะใหญ่ๆอะไรที่หนักๆที่พวกผู้หญิงเขาทำไม่ได้พวกผมก็ทำหมดและนี่คือประโยชน์ของผู้ชายฝ่ายสวัสดิการ T^T

               




    “แกก็ปล่อยมันเถอะกรีนนานน๊านนนมันถึงจะได้ใส่ถ้าอยู่กรุงเทพคงไม่มีโอกาสได้แต่งตัวแบบนี้เว้นแต่มันจะไปเดินเล่นในโรงงานน้ำแข็ง”

     




    พี่เมย์ที่กำลังชงกาแฟและโอวัลตินให้ชาวค่ายบอกพลางยืนขำไอ้ปาร์ค ขนาดพวกผู้หญิงเขาใส่แค่เสื้อกันหนาวกับผ้าพันคอก็จบไอ้ปาร์คมันก็บ่นอุบที่ไม่มีใครเข้าใจแฟชั่นของมัน มันตามแกล้งอีกรีนอยู่ซักพักถึงยอมวิ่งมาช่วยผมยกหม้อยกกระทะไปล้าง ส่วนพวกจานชามที่ใช้ในแต่ละมื้อก็ผลัดเวรกันล้างตามสี อ๋อ คือมีการแบ่งสีเล่นกีฬาน่ะครับเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลังนะเพราะมันเป็นอะไรที่วิลิศมาหรามาก

     



    “โหพี่พีมนี่เราต้องล้างหมดนี่เลยเหรอพี่อีเจ๊กรีนแม่งโหดดดดดด น้ำยิ่งเย็นๆอยู่ผมต้องถอดถุงมือด้วยใช่ไหมเนี่ย” สรุปแม่งห่วงแอคเซสซอรี่หรอกเหรอเชี่ยปาร์ค

     





    “มึงจะล้างทั้งถุงมือกูก็ไม่ว่านะเลิกบ่นแล้วไปตักน้ำมาปะ” ไอ้น้องปาร์คมันก็บ่นนู่นบ่นนี่แต่พอพวกพี่เมย์น้องกุ๊กแล้วก็พวกผู้หญิงมาช่วยล้างมันก็ยิ้มแป้น

     




    ก็ปล่อยผู้หญิงเขาล้างกันไปส่วนผมกับไอ้ปาร์คก็มีหน้าที่ตักน้ำในบ่อปูนขึ้นมาให้ที่จริงบนนี้มีน้ำประปานะครับไฟฟ้าก็มีรู้สึกจะใช้พลังงานจากแผงโซลาเซลแต่เห็นบอกว่าถ้าใช้มากๆมันจะหมดเพราะงั้นเลยต้องเก็บไว้ใช้ตอนกลางคืน

     


    พอได้ฟังแบบนี้ก็นึกถึงตอนเราอยู่กรุงเทพฯเนอะไม่รู้เปิดอะไรบ้างทั้งแอร์ คอมฯ ทีวี พัดลม ตู้เย็นเปิดแม่งให้หมดบางทีไม่ได้ใช้ยังเปิดเล้ยยไม่ได้ว่าใครนะว่าตัวผมเองนี่แหละ คนเมืองใช้แบบไม่รู้ค่าต่างกับคนที่เห็นค่าแต่กลับไม่ค่อยมีให้ใช้ คึ ระหว่างที่ล้างจานพวกสาวๆเขาก็แซวผมบ้างแซวไอ้ปาร์คบ้างเพราะมีผู้ชายอยู่แค่สองคนก็ขำๆเล่นๆไปถูกแซวจนชินตั้งแต่วันแรกแล้ว

     




    ตีห้ากว่าๆคนอื่นๆก็เริ่มตื่นกันหมดแล้วพอตื่นมาชาวค่ายอาสาก็สร้างประโยชน์ให้แก่สังคมด้วยการวิ่งเตะวิ่งเล่นกันอย่างกับเด็กๆโดยเฉพาะพวกพี่โต้งพี่แป๋วทั้งที่กำลังจะเป็นบัณฑิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพราะถ้าจะนับกันจริงๆพวกพี่ๆปีสี่ที่มาเขาเรียนจบแล้วพวกผมสิปีสี่ตัวจริง ^o^

     



    ผมเลยมองหากลุ่มตัวเองว่าพวกมันฟื้นคืนชีพมาสูดออกซิเจนยามเช้ากันรึยังมองหาอยู่ซักพักก็เห็นไอ้แทนไอ้คิวไอ้แมทเตะบอลอยู่กับพวกพี่โจ๊กพวกไอ้ดลไอ้เอ็มข้างๆสนามมีไอ้เต้ยนั่งหลับพิงไหล่ไอ้ฟ่างที่นั่งยองๆเท้าคางหาวหวอดๆดูไอ้แทนเตะบอลแบบสลึมสะลือ




    ส่วนไอ้คู่ดูโอ้นิชมิคและปันคิบอมนั้นหายไปไหนไม่รู้และพอมองไปมองมามองหาคนที่ผมอยากเจอก็เห็นหลังภูมิไอ้เชนไอ้เบียร์อยู่แถวๆลำธารสงสัยพวกมันคงไปล้างหน้าแปรงฟันกันมั้ง







    และจากตรงนี้เหมือนไอ้ภูมิกับไอ้เบียร์รวมหันกันแกล้งไอ้เชนด้วยการจะจับโยนลงน้ำ ผมยักไหล่ส่ายหัวให้กับความปัญญาอ่อนของพวกมันก่อนจะหันกลับมาสนใจกะละมังถ้วยถังที่สาวๆเขาล้างเสร็จแล้วและผมมีหน้าที่เอาไปเก็บ

     




    จากนั้นไม่นานเสียง8.9ริกเตอร์ของอีเฟรนก็ดังลั่นไปทั่วดอยมันแผดเสียงผ่านโทรโข่งว่าให้ทุกคนรีบล้างหน้าล้างตาแล้วไปรวมกันที่ลานหน้าเสาธงเพื่ออกกำลังกายตอนเช้าก่อนที่น้องๆจะมาโรงเรียน

     





    “สิบนาทีนะฮ้าสิบนาทีขอให้ทุกคนมารวมกันที่หน้าเสาธงอย่างด่วนจี๋เลยนะค๊า ย้ำว่าทุกคนยกเว้นอีพวกพ่อครัวแม่ครัวไม่ต้องมานะย๊ะเดี๋ยวพวกชั้นจะไม่ได้กินข้าว” พวกผมชาวครัวเลยส่งเสียงโห่ไปให้ผู้นำออกกำลังกายอย่างอีเฟรน

     




    ภูมิมันคงได้ยินเสียงผมมั้งมันเลยหันมามองทั้งที่ยังคาบแปรงสีฟันอยู่เหมือนว่ามันจะยิ้มแล้วกวักมือเรียกหรือไล่ผมก็ไม่แน่ใจเพราะระยะประมาณนี้บอกตรงๆว่ากูเห็นหน้ามึงไม่ชัดว่ะภูมิ ฮ่าๆ ก็ตรงที่ล้างจานกับลำธารมันก็ค่อนข้างไกลกันอยู่จะไม่ให้ไกลได้ไงเกิดน้ำล้างจานไหลลงลำธารคงได้สนุกกันทั้งค่ายละมิ้งงงง

     





    และหลังจากพวกฝ่ายอื่นมันออกกำลังกายพร้อมบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการเก็บขยะทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนเสร็จก็ได้เวลาเรียกพวกมันมากินข้าวเมนูอาหารเช้าวันนี้ได้แก่ข้าวต้มหมู คะน้าหมู ไข่เจียวหมูสับ โอวัลตินหมู เฮ้ย ไม่ใช่ๆฮ่าๆโอวัลตินธรรมดาและขนมปังปิ้งย่างครับ





     

    ที่เรียกแบบนี้เพราะพี่ฝนแม่งเอาขนมปังขึ้นย่างบนเต่าถ่านจริงๆเลย กร้ากก มันต้องแบบนี้แหละถึงจะเรียกว่าขนมปังปิ้งของแท้พี่แกนั่งจุดไฟตั้งแต่ตีสี่เลยนะครับเพราะเราจะทำแจกน้องๆด้วย กูว่าเอาคุ้กกี้ที่คนเขาบริจาคมาไปให้น้องมันจะไม่ง่ายกว่าเหรอครับพี่

     





    อ่อ อีกอย่างผักคะน้าที่เราใช้ทำกับข้าวชาวบ้านเขาเอามาฝากแหละครับสดๆจากไหล่เขา ฮ่าๆ แม้ว่าชาวบ้านรวมถึงน้องๆที่นี่จะค่อนข้างขี้อายไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าต่างถิ่นอย่างพวกผมซักเท่าไรแต่พวกเขาก็ใจดีมากๆเลยครับและแม้พวกเขาจะยังไม่กล้าคุยแต่ทุกคนก็มักจะมีรอยยิ้มให้พวกเราเสมอ

     






    ชาวบ้านที่นี่เป็นชาวไทยภูเขาภาษาพูดก็เป็นภาษาชาวเขาแต่เขาก็พูดกลางได้นะสำเนียงน่ารักดี(ซึ่งไอ้มิคติดใจแล้วเรียบร้อยมันฝึกพูดกับพวกผมทุกวันใกล้จะเป็นพม่าเข้าไปทุกที)การแต่งตัวก็ยังยึดตามประเพณีเผ่าตัวเองอยู่น่ารักมากๆ





     

    และสิ่งสำคัญที่พวกเราสัมผัสได้จากชาวบ้านและน้องๆที่นี่คือความจริงใจใสซื่อและความมีน้ำใจของพวกเขา การออกค่ายอาสาไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้นที่เป็นฝ่ายให้ชาวบ้านเองก็หยิบยื่นความรู้สึกดีๆและมิตรไมตรีให้พวกเราเช่นกัน

     





    “กินข้าวค่ากินข้าวมากินข้าวไวๆจะได้ไปใช้แรงงานกันเร็วๆนะค๊า อีเพื่อนเฟรนคะมึงจะแดกโทรโข่งแทนข้าวใช่ไหมอีหอยปล่อยบรรดาชะนีและสามีกูมากินข้าวได้แล้ว” อีกรีนเดินนวยนาดพลางตะโกนเรียกพวกพ้องชาวค่ายมากินข้าว พวกผมก็ช่วยกันยกหม้อข้าวกับข้าวจานช้อนส้อมมาวางไว้ให้พวกมันบริการตัวเอง



     

    “วะ วะ ว้าวววววว่าไงจ๊ะแม่ครัวตัวแคระหน้ามันแพล่บเชียวนะเพื่อนแล้วมื้อนี้ทำอะไรให้พวกพี่กินเหรอจ๊ะ”






    ผมกำลังจะเอากระติกไปรองน้ำจากแท็งค์แต่ต้องหยุดปะทะฝูงหมาในปากกับไอ้คิวซะก่อนพร้อมๆกับไอ้พวกกลุ่มเพื่อนตัวดีที่ดาหน้าเขามาอย่างพร้อมเพรียง พวกมันดูเหมือนจะยิ้มๆล้อๆผมยังไงไม่รู้โดยเฉพาะไอ้ภูมิที่ยิ้มจนจะกลายเป็นหัวเราะ

     





     “ของมึงกูเตรียมเพดดิกรีไว้ให้แต่ถ้าไม่ถูกใจจะเอาไก่เป็นตัวๆไปกินในลำธารก็ได้”

     




    “โอ๊ะโอ กูไม่ใช่แมวนะ”




     

    “เหี้ยเหอะคิว” ก่อนกินข้าวพวกสัมภเวสีมันก็มาร้องขอส่วนบุญแบบนี้แหละครับสงสัยต้องแบ่งข้าวไปวางที่โคนต้นไม้แล้วจุดธูปเรียกมันมารับส่วนกุศล ผมมองหน้าไอ้คิวที่หยิบยื่นรอยยิ้มอันล่อมือล่อตีนของผมให้คันยิบๆผมแกว่งกระติกกระแทกหลังไอ้คิวก่อนจะรีบเดินออกมาและแน่นอนว่าต้องมีคนเดินตาม

     





    “เมื่อเช้าทำไมไม่ปลุกกูฮึเตี้ย” ภูมิขึ้นมาเดินข้างๆผมและแย่งกระติกน้ำไปถือผมยักไหล่เหลือบมองมันนิดๆรู้จักทำตัวมีประโยชน์ด้วยเว้ย

     





    “ปลุกทำไมปลุกแล้วมึงจะมาช่วยกูหั่นผักหั่นหมูรึไงปล่อยให้นอนน้ำลายยืดอ่ะดีแล้ว”

     



    “อย่ามามั่วใครกันแน่ที่นอนน้ำลายยืด”





    “ก็มึงไง”




    “นอนกับมึงกูไม่เคยน้ำลายยืดหรอกแต่ถ้าน้ำอย่างอื่นน่ะไม่แน่” เหยดดดดดดดดดแม่มเดี๋ยวกูโบกหัวทิ่มแท็งค์น้ำ ภูมิมันยิ้มกว้างก่อนจะเปิดน้ำใส่กระติกแล้วหันมาผลักหัวผมเบาๆมันมอบรอยยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่เหมือนว่ามันได้ครองโลกทั้งใบ เชี่ยยยยยเรื่องเสื่อมๆนี่เร็วนักนะผมเลยเตะน่องมันกลับอีกรอบต้องเอาให้เข็ดแม่งชอบกินในที่ลับแล้วเอามาประจานในที่แจ้ง???

     




    “อ้าวๆสองคนนี้มาหวีดไรข้างแท็งค์น้ำครับชอบทำตัวเป็นโปรโตซัวหากินตามที่ชื้นนะพวกมึงเนี่ย ไปๆไปกินข้าวได้แล้ววันนี้ต้องเชื่อมเหล็กนะครับคุณภูมิให้ไวๆ” ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของแผนที่โลกไอ้ปันก็สามารถตามมาก่อกวนอยู่ร่ำไป

     





    “แล้วมึงมาทำไรแถวนี้วะปัน อ่อตรงนี้เป็นที่เดียวที่มีสัญญาณโทรศัพท์นิแล้วเป็นไงบ้างวะโทรได้ไหมพี่องุ่นตื่นรึยัง” คะ คะ คะ เค เย้(ซาวด์สะเก็ดข่าว)ผมตาเหลือกมองภูมิแบบทึ่งๆภูมิทำไมมึงร้ายกาจและฉลาดขนาดนี้ หึหึ

     





    ผมหันไปมองไอ้ปันพร้อมมอบรอยยิ้มเอียงๆให้มัน เชี่ยปันแม่งอ้าปากพะงาบๆมองพวกผมเหวี่ยงๆก่อนจะรีบเดินจากไปโดยไร้คำลาผมกับภูมิเลยเป่าปากแซวตามหลัง โห่ไม่แน่จริงนี่หว่าไอ้ประธานว่าแต่ว่ามันโทรหาพี่องุ่นจริงหรอวะ บนนี้มีสัญญาณด้วยเหรอ

     





    “ภูมิๆมึงรู้ได้ไงอ่ะว่าไอ้ปันมันมาคุยโทรศัพท์” ผมกระโดดและเขย่งตัวเพื่อกอดคอไอ้หล่อ(อนาถชิบหาย)

     





    “หอมก่อนดิแล้วจะบอก” ภูมิก้มมองผมด้วยสายตาระยิบระยับน่าจับดินทรายกรอกทั้งสองกระบอกตาแถมมันยังยกยิ้มมุมปากได้กวนมากจริงๆ

     


    “ตีนกูนิ”

     


    “หอมแก้มก็พอไม่ต้องหอมตีนกูหรอก หึหึ”

    =_=





    “น้ำล้นแล้วสาดดดรีบหิ้วตามกูมาเลยไอ้หื่น” กระโดดกัดติ่งหูไอ้ภูมิขาดแอนตาซินจ่ายเท่าไรกูอยากรู้ พอผมไม่สบอารมณ์มันก็ยิ่งหัวเราะอย่างสุขขีแม่งนิดๆหน่อยๆจะหากำไรจากร่างกายกูตลอด >O<

     



    “เฮ้ยเตี้ยรอด้วยดิ” เสียงตะโกนปนเสียงหัวเราะที่ลอยมาตามหลังทำเอาเส้นขมับผมเต้นตุบๆกูไม่รอแม่งรีบไปกินข้าวดีกว่าปล่อยมันยกกระติกน้ำหนักๆคนเดียวเลยอยากแกล้งกูดีนัก

     




    หลังจากอิ่มแปล้กับมื้อเช้าแต่ละฝ่ายก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองส่วนชาวครัวอย่างพวกผมว่างเลยไปช่วยทีมอื่นๆเขาทำงาน พวกผู้หญิงบางคนก็ไม่ช่วยทีมวิชาการสอนน้องๆบางคนก็ไปช่วยทาสีอาคารส่วนผมไม่ได้ไปไหนเพราะต้องช่วยอีกรีนปั้นบัวลอย แม่งกูปั้นจนหน้าจะกลมแข่งกับลูกบัวลอยแล้วนะโว้ยยยปล่อยกูไปได้แล้ว

     



    “อีพีมมมมมมอีดอกฝอยทองนั่นลูกบัวลอยหรือลูกนิมิตคะอีนี่มึงทำเล็กๆสิ โอ๊ยยยกูบอกจนมดลูกจะย้อยแล้วนะ”

     


    “เออๆกูก็ทำเล็กแล้วนี่ไงทีน้องปิ๊งทำใหญ่กว่ากูมึงไม่เห็นว่าเลย” น้องปิ๊งนั่งหัวเราะผมกับอีกรีนตั้งแต่เราเริ่มปั้นบัวลอยและน้องก็ยิ่งขำเมื่อผมยกตัวอย่างฝีมือมาเปรียบเทียบกัน

     



    “โหพี่พีมปิ๊งทำอันเล็กๆเองนะของพี่พีมอ่ะตลก ฮ่าๆ”

     



    “ใช่ มึงเอารูสะดือดูเหรอย๊ะถึงเห็นว่าของนังปิ๊งมันใหญ่กว่ามึงไม่ต้องเถียงกูเลยนะพีมหรือมึงอยากถูกเนรเทศออกไปใช้แรงงานห๊ะ” อีกรีนถลึงตาใส่ผมนั่นขนตารึแผงม้าวะอะไรจะหนางามงอนขนาดนั้นคิดดูเอาเถอะว่ามาค่ายอาสามันยังพากันแต่งหน้าอีกรีนนี่ยังดีเพราะมันมุ่งงานครัว ผมอยากให้พวกคุณเห็นอีสวีทอีจีอีเคมันจัดเต็มมากแต่อีเฟรนไม่เท่าไรเพราะมันไม่แต่งหญิง

     



    “ไปๆๆๆมึงจะปล่อยกูไปแล้วใช่ไหมกรีนนะครับกรีนคนสวยปล่อยพีมไปเถอะนะครับ”

     




    “ไม่!!!!!!!!!!!ดูปากกูนะคะเพื่อนชายว่าไม่!!!!มึงไม่ต้องพูดมากรีบๆปั้นไป” ขัดขวางความต้องการของมนุษย์เป็นงานของพวกแม่มดสินะ

     




    “อะแฮ่มมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

     





    พวกผมพร้อมใจกันเงยหน้ามองคนมาใหม่มันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไอ้หมอฟันนั่นเอง ผมกับอีกรีนสบตากันก่อนจะกรอกตามองหน้าไอ้เชนอีกหนแต่มันไม่ได้มองพวกผมเลยซักนิดเพราะกำลังส่งยิ้มหวานๆสายตาฉ่ำๆให้ผู้หญิงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้

     



    ใช่ครับเป้าหมายล่าสุดของไอ้เชนคือน้องปิ๊งสาวน้อยน่ารักจากคณะเภสัชจึงไม่แปลกที่จะเห็นหน้าไอ้เชนมาป้วนเปี้ยนแถวครัวจนผมเริ่มเอียน

     




    นอกจากไอ้ภูมิที่แวะเวียนมาให้สาวๆในครัวได้กรี๊ดบ่อยๆ(มันมาหาผมแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสาวๆถึงกรี๊ดมันนักแม่งหล่อตรงไหนวะ ^_<) ก็มีไอ้เชนนี่แหละที่โผล่มาวนเวียนแถวนี้ทุกครั้งที่มันมีโอกาส






    ทุกครั้งที่มันมามันก็จะแกล้งแอ๊บว่ามาหาผมแต่ความจริงคือมาจีบสาวและดูเหมือนว่าสาวเจ้าก็อาจจะเล่นด้วยช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยย

     




    ผมว่าจะหาโอกาสบอกน้องปิ๊งอยู่เหมือนกันว่าอย่าไปหลงหน้าตาคารมไอ้เชนเลยผมสงสารน้องน่ะ ถ้าผมช่วยน้องปิ๊งให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมครั้งนี้ได้ผมคงจะได้มหาบุญกุศลไปหลายภพหลายชาติว่าไหมครับ

     


    “แหมๆๆๆไม่ไปแจกวัคซีนแจกยาตรวจสุขภาพช่องปากเด็กๆแล้วหรอคะพี่หมอขา รู้สึกว่าพักหลังๆจะขยันเข้าครัวบ่อยซะจริ๊งงงไม่รู้มีอะไรดี หนูพอจะรู้ไหมคะน้องปิ๊งว่าที่นี่มีอะไรดีคุณหมอหนุ่มหล่อถึงได้เทียวเข้าเทียวออกบ่อยขนาดนี้”

     




    น้องปิ๊งยิ้มเขินๆมองไอ้เชนอย่างอายๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาปั้นแป้งเป็นก้อนๆต่อ ผมส่ายหน้าใส่ไอ้เพื่อนรักมันยิ้มหวานส่งซิกให้ผมขยับออกมาและผมก็ไม่ขัดศรัทธารีบเฟตตัวเองไปสู่ที่ใหม่เพื่อให้ไอ้เชนได้นั่งข้างน้องปิ๊งสมใจก็นะช่วยเพื่อนหน่อยล่ะครับจะดีจะชั่วจะมั่วจะเจ้าชู้ยังไงมันก็เป็นเพื่อน ฮ่าๆ แหมก็คนเขาจะมีความรักเราก็ต้องหนับหนุนๆใช่มะ

     




    “กรีน บัวลอยหม้อนี้มึงไม่ต้องเติมน้ำตาลนะแค่นี้มดก็เกาะแล้วว่ะ”

     



    “ต๊ายตายอิพีมมึงคิดเหมือนกูเลยค่ะถ้าได้ไบกอนมาฉีดซักหน่อยคงดีเพราะถ้าหวานกว่านี้กูคงล้วงคออาเจียนอ่ะค่ะ” ฮ่าๆผมกับอีกรีนก็ทำตัวเป็นลูกคู่ตัวชงให้ไอ้เชนจีบน้องปิ๊งอย่างสวัสดิภาพยิ่งกว่าบริษัทรับจัดหาคู่อีกเหอะ

     




    ไอ้หมอฟันดะมันก็หยอดมุขฮาบ้างมุขหวานบ้างแกล้งปั้นแป้งเป็นรูปหัวใจให้น้องปิ๊งบ้างน้องก็เขินๆตีไหล่ชกแขนไอ้เชนบ้างให้พวกผมอิจฉาเล่นๆแม่งมาค่ายอาสามันยังหาโอกาสอัพเลเวลสะสมแต้มเก็บคลอเลคชั่นได้กูอยากมอบโล่เกียรติยศพร้อมสายสะพายชายกลางให้มึงจริงๆเพื่อน

     




    “มึงชอบน้องเค้าจริงๆหรอเชน” ผมถามไอ้เชนระหว่างที่เราเดินออกมาจากครัวมุ่งหน้าสู่อาคารก่อสร้าง(อีกรีนตะโกนตามหลังผมมาอย่างโหยหวนแต่ดีที่น้องปิ๊งช่วยจับไว้ ดีมากครับน้องสมแล้วที่จะได้มาเป็นแฟนเพื่อนพี่ คึ)

     




    “เอ๊ามึงก็ถามแปลกนะพีมถ้าไม่ชอบกูจะจีบเหรอวะ”

     





    “เหรอออออออเมื่อก่อนกูก็ไม่เห็นว่ามึงจะชอบใครซักคนแม่งยังพาไปนอนด้วยเลย” ที่โวยวายนี่ไม่ใช่อะไรนะครับคือหมั่นไส้มันโว้ยยยยยยยทำไมไม่มีสาวมาชอบกูมั่งผู้หญิงสมัยนี้สเป็คไม่ได้เรื่องเล้ยยแบบไอ้เชนหล่อตรงไหน โด่ ผมดูดีกว่ามันตั้งเยอะ

     




    “ฮ่าๆ เชี่ยพีมมึงก็เข้าใจพูดแล้วมึงเคยเห็นกูบังคับรึไงก็สมัครใจกันทั้งนั้น เอาน่าเพื่อนมึงจะมีแฟนใหม่ทั้งทีต้องยินดีสิถึงจะถูก” มันกอดคอผมแล้วหัวเราะชอบใจ

     



    “แฟนใหม่คนที่เท่าไรละครับเพื่อนนนน เออๆจะจีบจะคบกันกูไม่ว่าหรอกแต่อย่าทำอะไรในค่ายละมึงแค่ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างกูก็จะสำรอกแล้ว”

     





    หึหึผมมีเรื่องจะกอซซิบครับทำตัวเป็นกูรูรู้แจ้งเรื่องชาวบ้านเข้าไปทุกทีแล้วกู คืองี้เมื่อคืนหลังจากที่พวกผมเตรียมตัวเข้านอนไอ้คู่รักตัวอย่างมันก็ชวนกันไปอาบน้ำไม่รู้มันพากันไปอาบที่อาเจนติน่ารึอย่างไรก็ไม่ทราบเพราะแม่งหายไปเป็นชั่วโมงและก็ไม่รู้มันอาบมันขัดสีฉวีวรรณกันซอกไหนมุมไหนบ้างกลับมาไอ้ฟ่างเดินซะเพลียเลยครับ




    “ฮ่าๆเออเมื่อคืนกูโคตรขำไอ้ฟ่างมันคิดว่ากูหลับมั้งด่าไอ้แทนซะกูคิดท่าตามได้”



     

    “กร้ากกกจริงดิกูก็นึกว่ามีกูคนเดียวซะอีกที่รู้พวกมันเกินคำบรรยายจริงๆนะมึงแม่งในค่ายอ่ะในค่ายยย” แม้จะไม่รู้ว่าไอ้แทนกับไอ้ฟ่างมันไปอาบน้ำถึงขั้นไหนแต่ผมกับไอ้เชนก็นินทาไอ้คู่รักนั่นอย่างสะใจไอ้เชนมันนอนติดไอ้ฟ่างไงครับเลยได้ข้อมูลมาเยอะ



     

     

    “เฮ้ยๆๆๆๆคนแคระขึ้นดอยเว้ยพวกมึงเคยเห็นไหมมาดูๆ”



     

    มีอยู่ตัวเดียวเท่านั้นแหละที่จะทักผมแบบนี้อย่าเรียกว่าทักเลยเรียกว่าประกาศสงครามจะดีกว่า สิ้นเสียงไอ้คิวพวกก่อสร้างทั้งหลายก็หัวเราะอย่างมีความสุขสนุกสนานสราญฤทัยนี่กูจะมาช่วยนะพวกมึงทำกับกูแบบนี้เหรอห๊ะ

     




    “ปากอย่างมึงเอาปูนโบกไว้ประเทศไทยคงเจริญขึ้นเยอะว่ะคิว”



     

    มันยักไหล่และผสมปูนต่อไปพลางล้อเลียนคำพูดผมไปด้วย พวกทีมก่อสร้างมันเฮฮาดีครับร้องเพลงบ้างตะโกนด่าตะโกนแซวคนนู้นคนนี้บ้าง ผมกับไอ้เชนไม่รู้จะทำอะไรเลยยืนดูไอ้คิวผสมปูนดูอยู่ซักพักภูมิก็ถือค้อนกับตะปูเดินเข้ามาหา




     

    มันใส่เสื้อยืดมอมๆทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวใส่หมวกสานสีส้มๆแบบชาวไร่ชาวสวนน่ะแล้วก็ใส่ถุงมือด้วย พวกกรรมกรทีมก่อสร้างส่วนมากก็แต่งตัวแบบนี้แหละครับ อ่อมีอีกพวกที่ถอดเสื้อแล้วใส่แค่กางเกงบอลอาทิเช่นไอ้แทนกับไอ้คิวแต่ภูมิใส่แบบนี้ก็ดูดีไปอีกแบบเพราะมันขึ้นมุงหลังคาด้วยมั้งเลยต้องมิดชิดหน่อยเพราะร้อนมากๆ



     

    “ในครัวว่างแล้วหรอ”

     



    “ในครัวว่างแย้วหยอ” ผมกำลังจะอ้าปากตอบภูมิแต่ไอ้คิวมันเบะปากดัดเสียงล้อเลียนพูดตามซะก่อนภูมิมันเลยเตะไอ้คิวไปที น่าจะเตะก้านคอสักป้าบนะกูว่าถึงจะสาสมกับความสาระแนของมัน

     




    “ว่างแล้วเลยมาช่วยไงมีไรให้ทำป่ะ”




     

    “มีไรให้เค้าทำป่าวอ่ะตัวเยงงงงง” ถ้าฆ่าไอ้คิวโบกปูนจริงๆจะมีใครคัดค้านไหมวะ ไอ้เชนมันหัวเราะตบหัวไอ้คิวก่อนจะเดินไปช่วยไอ้เบียร์กับไอ้แทนยกตู้หนังสือเก่าออกไปซ่อมแล้วก็ทาสีกันข้างนอก

     




    พี่ๆน้องๆบางส่วนก็ช่วยกันก่ออิฐบล็อกเพราะเหลืออีกด้านเดียวที่ยังไม่เสร็จ บางคนก็ฉาบบ้างไปทาสีห้องน้ำทาสีอาคารเรียนเก่าบ้าง แต่ก็แปลกนะทั้งที่งานที่ทำค่อนข้างจะหนักแต่ผมก็เห็นพวกมันเฮฮาสนุกสนานไม่รู้สึกเหนื่อยมีแต่รอยยิ้มแถมยังมีเสียงเพลงจากพวกพี่โจ๊กพี่โต้งด้วย

     

     





     

     

    มีไม้กระดาน  กระเบื้องมุงหลังคา

    มีเสาเอามา ไม่รอช้า  สร้างบ้านเรา

    มีค้อนตะปู  ตีตอกดังไม่เบา

    มีกบเลื่อยแต่งเสา  แต่งกระดานตามต้องการ

    มีเงิน   มีเลื่อย มีไม้ ยังไม่เป็นบ้าน

    แรงงาน   ของคนสิสร้างทุกสิ่งสรรค์ได้

    เกรียงไกร    ผู้ใช้แรงงาน   สร้างโลกโสภา

    แรงเหงื่อและแรงงาน  เป็นบ้านอาศัยมา

    ควรมองเห็นค่า แห่งแรงงานกรรมกร

    ฮุย  ฮุย  ฮุย  เล้  ฮุย ฮุย  ฮุย  ฮุย  เล้ ฮุย


    *เพลง คนสร้างบ้าง







     

    แอบได้ยินหนุ่มวิศวะแถวนี้ร้องคลอไปกับเขาด้วย พวกน้องกระปุกอีเฟรนลี่ที่พาน้องๆเล่นมอญซ่อนผ้าอยู่แถวนั้นยังลุกขึ้นมาเต้นเหอๆ เพลงคนสร้างบ้านมันยังเต้นกันได้ผมละนับถือจริงๆ





    จากวันแรกจนถึงวันนี้ห้องสมุดของน้องๆก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วครับมันเกิดขึ้นมาได้จากแรงกายแรงใจของพวกเราทุกคนแม้แต่อีสวีทที่ใส่เฟอร์มาทั้งชุดยังช่วยขนก้อนอิฐบล็อกทั้งวันถึงมันจะทำไปกรี๊ดไปก็เถอะ




    ส่วนทีมวิชาการมันก็ซี้กับน้องๆไปแล้วอย่างไอ้เต้ยน่ะเด็กติดมันเป็นพรวนเลยครับ เมื่อวานมันพาน้องๆไปปลูกผักสวนครัวด้วยจนไอ้คิวที่ขึ้นมุงหลังคาตะโกนแซวไม่หยุดสร้างความรำคาญไปทั่วทุกหัวระแหง




     

    ส่วนไอ้เชนมันอยู่ทีมวิชาการก็จริงแต่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องสาธารณสุขดูแลสุขภาพของชาวบ้านมันจัดกลุ่มคุณหมอสร้างทีมแพทย์อาสาแบบย่อมๆออกตรวจสุขภาพชาวบ้านแล้วก็พวกสัตว์เลี้ยงด้วยเมื่อวานมันไปตามฉีดยาหมูยาหมาด้วยครับ ฮ่าๆ

     





    “มีไรให้ช่วยไหมครับเพื่อน” ผมเดินหางานอยู่ซักพักก็มาเจอไอ้ฟ่างที่ก้มๆเงยๆเพ้นรูปอยู่ที่ผนังของอาคารน้องๆประถม มันใส่เสื้อร.ดมัดผมจุกแขนและขาเลอะสีเป็นหย่อมๆ

     




    “ช่วยสูงขึ้นอีกนิดดิ”


     

    “สัส”


     

    “หึหึ ไปวาดรูปตรงนั้นหน่อยไปฝีมือง่อยๆอย่างมึงวาดรูปนักเรียนได้ใช่ไหม” สาดดดดดดดด กูเอกจิตรกรรมนะเชี่ยฟ่างงงดรออิ้งบีพลัสตลอดสามปีโว้ยยย พอผมมาวาดรูปไอ้ฟ่างก็ไปทาสีผนังต่อและอยู่ๆผมก็นึกเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ คึคึ แกล้งไอ้ฟ่างหน่อยละกันถือเป็นการเอาคืนผมเลยนั่งจ้องมันแล้วก็ยิ้มผมจ้องอยู่ซักพักไอ้ฟ่างก็หันมามองหน้า

     




    “พ่อเสียเหรอ ยิ้มคยไร”




     

    “เปล๊ากูอารมณ์ดีก็ยิ้มไปเรื่อย” ผมยกคิ้วให้มันอีกสองที หึ วันนี้แหละที่กูจะเป็นเดอะวินเนอ เอ้อ เอ้อ เอ้อ คราวนี้ไอ้ฟ่างหันมามองผมตรงๆพร้อมกับวางแปรงทาสีลง




     

    “มึงคงอยากไปชมนรกพร้อมเพื่อนมึงสินะ” อ่า มันเดินเข้ามาแล้ว อ๊ากกกไม่นะถอยทันไหมวะกูและก่อนที่ไอ้ฟ่างจะถึงตัวผมก็มีผู้ใจดีมาช่วยไว้ทันแต่ผมไม่รู้ว่าควรจะดีใจรึเสียใจกับการช่วยเหลือครั้งนี้ดี










    “เฮ้ยไอ้แทนไอ้ภูมิเมียมึงแอบเล่นเลส”

     






    เชี่ยมิคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค









     

    การไปช่วยไอ้ฟ่างทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัยแถมยังถูกไอ้มิคบ่อนทำลายชื่อเสียงผมเลยอพยพไปหางานใหม่ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่กับภูมิคือกูไม่กล้าปีนขึ้นหลังคาครับไอ้หล่อมันไปซ่อมหลังคานู่นนนน เซ็งเลยคนดี(และหล่อ)ไม่มีที่อยู่




     

    “เฮ้ยทำไรวะ” ผมเดินมาทักไอ้เบียร์ที่เลื่อยไม้อยู่มันเงยหน้ามองก่อนจะมอบรอยยิ้มแบบผู้ดีมาให้เออคนจะหล่อแม้เหงื่อซกเต็มหน้าใส่เสื้อแลคตาซอยกางเกงขาสั้นก็หล่อได้เนอะ

     


    “ซ่อมขาเก้าอี้มึงมาพอดีช่วยกูจับหน่อย”

     




    “จับตรงไหนวะ”


     

    “ตรงหัวใจ โอ๊ย” เปล่านะ ผมไม่ได้เป็นคนตบหัวไอ้เบียร์นะแม้จะคลื่นไส้กับมุขโหลยโท่ยของมันแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนะ



     

    “ลามปามๆ” ภูมิชี้หน้าเพื่อนซี้มันก่อนจะเอาค้อนตีตะปูกับถังใส่ตะปูจากไป



     

    “มึงหึงแม้แต่กับกูเหรอภูมิ” ไอ้เบียร์ตะโกนกวนตีนไอ้ภูมิไอ้หล่อนั่นเลยหันกลับมามอง





     

    “ก็แฟนกู”





     

    >////////<













     

    …………………………………….

     







     

    หลังจากไปช่วยพวกทีมก่อสร้างในช่วงสายๆตอนบ่ายพวกผมก็ได้รับมอบหมายจากไอ้ประธานให้พาน้องๆไปทำภารกิจปลูกป่า หึ พูดซะดูดีที่จริงก็แค่ปลูกต้นกล้วยปลูกผักสวนครัวเองครับคุณ

     




    เมื่อได้รับคำสั่งเหล่าเดอะแก๊งค์กลุ่มผมก็เอาจอบเอาเสียมมาขุดดินบริเวณหลังโรงเรียนรอไอ้เต้ยไอ้เชนไอ้ปันมาน้องๆมาและระหว่างรอไอ้คิวก็ก่อกวนพวกผมไปเรื่อยมันแซวไอ้ฟ่างกับไอ้แทนเรื่องเมื่อคืนอย่างเปรมปรีดาโดยมีพวกผมเป็นลูกกระจ๊อกช่วยแหย่อีกทีฮ่าๆกูว่าอีกหน่อยไอ้ฟ่างต้องตบะแตกโยนจอบใส่กบาลพวกผมแน่ๆ

     





    ต่างจากไอ้แทนที่อารมณ์ดีเหลือเกินก็แน่ล่ะเมื่อคืนมันสนุกสนานเต็มที่กับชีวิตยิ่งกว่าเป็บซี่อีกมั้ง ไอ้แทนมันอารมณ์ดีมากกกกกพวกผมพูดอะไรมันก็เอาไปร้องเป็นเพลงหมด จนไอ้ฟ่างลั่นวาจาว่ากลับจากค่ายเมื่อไรจะพาไอ้แทนไปรักษาที่ถ้ำกระบอก เอ่อ ฟ่างผิดที่เปล่าวะ

     




    แถมไอ้แทนมันโอบต้นกล้วยแล้วเด้งหงึกหงักสามทีมันบอกว่า เป็นเคล็ดกล้วยจะได้ลูกดกสาดดดดดดดดด กูว่าถ้ากล้วยมันมีปากมันคงวิ่งไปฟ้องคุณปวีณาเพราะถูกมึงทำอนาจารอ่ะเชี่ย

     




    “เฮ้ยพวกมึงกูว่าเราลองเอาส่วนสูงของกลุ่มเรามาหาค่าเฉลี่ยดีไหมวะกูอยากรู้ว่าไอ้พีมจะแตะค่ามีนรึเปล่า” แสรดดดดดดเกิดอยากจะฉลาดคณิตศาสตร์อะไรตอนนี้ไอ้เหี้ยคิว ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ระยำ แม่ง สันดานหมาชาติกระบือพ่นไฟใส่หน้าแม่ง

     



    “ฮ่าๆ” เออขำกันเข้าไปทำไรใครไม่ได้ก็เตะไอ้ภูมิไว้ก่อนละวะมันอ่ะขำเสียงดังสุดเลย




    “ใครว่าไอ้พีมไม่สูงมันแค่เอาส่วนสูงไปฝากธนาคารไว้เฉยๆเดี๋ยวพอโตเป็นสาวมันก็ไปเบิกมาใช้เองแหละ” ไอ้แทนนนนนนนนนนนนนนนนน มึงๆๆๆๆๆๆๆ

     




    “อ้าวจริงดิพี่แทนผมเพิ่งรู้นะเนี่ย งั้นพี่พีมรีบไปเอามาใช้เลยนะผมสงสารพี่ภูมิอ่ะเดี๋ยวเป็นโรคหมอนรองกระดูกชำรุด”





    “ทำไมวะแมท”                




     

     

    “ก็หมอบคุยกับแฟนเป็นระยะเวลานานเกินไปไงพี่เบียร์ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก” ไอ้เหี้ยน้องแมทนับแต่นี้ต่อไปมึงไม่ใช่น้องกู

     





    “หึหึ พวกมึงเลิกล้อมันได้แล้วถึงไอ้พีมมันจะเตี้ยก็ไม่เป็นไรยังไงกูก็รัก”






     

    ฮิ้ววววววววววววววววววววววว

     






    กูเพลียกับพวกเวรนี่จริงๆ พวกผมก่อกวนป่วนประสาทกันอยู่นานในที่สุดไอ้ประธานค่ายไอ้หมอฟันและไอ้เด็กบีบอยที่ผันตัวมาเป็นครูดอยก็ได้นำเหล่าน้องๆเกือบยี่สิบคนเดินขบวนพาทางนี้เหมือนไอ้ปันที่เดินนำหน้าจะสอนน้องทำอะไรพิเรนทร์ๆเพราะมันเดินร้องเพลงพร้อมกำมือชูกำปั้นแบบที่พวกประท้วงเค้าชอบทำต่างกันที่ไอ้ปันมันพาร้องเพลง







     

    ยามอาทิตย์สีแดง สาดทอแสงทั่วหล้า

    ปลุกหัวใจชาวประชา โลกถลาเอาชัย

    สังคมเก่าอยุติธรรม(อยุติธรรมๆ) มวลชนระกำหมองไหม้

    สู้เพื่อชีวิตใหม่ อันสดใสเสรี

    โอ้ประชาชน(ประชาชนๆ) ต้องทุกข์ทนขื่นขม

    เจ็บปวดร้าวระบม สังคมไม่เหลียวแล

    ภารกิจของเรา เยาวชนทั่วหล้า

    ยอมพลีชีวา เพื่อประชาชูชัย



    * เพลงเพื่อชีวิตใหม่







     

    “สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง!!!!…..ที่เคารพรักทุกท่าน” พอมาถึงไอ้ปันมันก็กำมือเป็นสัญญาณให้น้องหยุดมันทำเสียงประหนึ่งเป็นแกนนำ……อะไรซักอย่าง กร้ากกกเหมือนลัทธิที่ไม่ค่อยเต็มเลยว่ะ สงสารก็แต่น้องๆที่ไม่รู้ถูกไอ้ปันล้างสมองสอนอะไรบ้างแต่ดูเหมือนน้องๆจะชอบนะครับยิ้มกันใหญ่





    ไอ้เต้ยก็อีกคนที่ยืนเป็นเลขาไอ้ปันทำตามทุกอย่างไอ้คิวที่ยืนอยู่ข้างผมยังชมเลยว่า “กู่ไม่กลับแล้วแฟนกู” ส่วนไอ้เชนมันขำๆส่ายหัวเพลียๆก่อนจะเดินออกมายืนกับพวกผมแทน

     



    “เฮ้!!!!!!!!!!!!!!” พอไอ้ปันพูดน้องก็ชูกำปั้นแล้วตะโกน ฮ่าๆ มันต้องสอนน้องมาแน่ๆ



    “วันนี้!!!!!กระผมนายปันคุกิมิยะ” เชี่ย คุกิมิยะ?????????????????????? มึงกล้ามากกล้ามากจริงๆไอ้ปัน



    “เฮ้!!!!!!!!!!!



    “จะพาทุกคนมาปลูกผักสวนครัวนะคร้าบบบบบบบบบบ” พูดจบมันก็กางแขนออกพร้อมโค้งลงรับเสียงปรบมือ




    “ไงกูเท่ไหม” มันเงยหน้ามายิ้มให้พวกผม


    “เท่ โดยเฉพาะตอนที่มึงก้มลงไปแล้วไม่เห็นหน้าน่ะแม่งโคตรเท่” ไอ้ฟ่างบอกก่อนจะพาน้องๆเดินออกไปทำแปลงปลูกผัก ไอ้ปันเลยถึงกับเซ




    “มึงไปหลอกเอาลูกใครมาเยอะแยะขนาดนี้วะเต้ย” ไอ้แมทถามเพื่อนมันที่มายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าไอ้คิว ห่ากูหลอนแทน






    “นี่ลูกศิษย์กูเว้ยยยยกูสอนเองกับมือกูสอนเก่งไงน้องๆเลยติด พี่คิวๆลูกศิษย์เต้ยน่ารักไหม อ่ะน้องๆถ้าเจอพี่ๆต้องทำไงคร้าบบบ” ผมว่าเพราะมันเอาขนมไปล่อลวงน้องๆมากกว่าเด็กเลยติดมันขนาดนี้

     




    “ส่าหวาดดดดีค่า/ครับ”น้องๆก็ไหว้พวกผมอย่างสวยงามเด็กๆทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละครับไม่ได้เกี่ยวกับคนสอนเลยซักนิด ฮ่าๆ

     




    “ป๊ะล๊าๆเจ๋งป่าว ป่ะพี่คิวเราพาน้องๆไปปลูกผักกันดีกว่า ป่ะๆ”

     





    ไอ้ฟ่าง ไอ้เบียร์ ไอ้เต้ย ไอ้ปัน ไอ้แมท ไอ้เชนพาน้องทำแปลงปลูกผักส่วนผม ภูมิ ไอ้แทน ไอ้คิว ไอ้มิคกับน้องๆอีกกลุ่มก็ช่วยกันปลูกกล้วยเราต้องไปแบกต้นกล้วยจากในหมู่บ้านนู่นนน เด็กๆน่ารักมากครับผมถามอะไรก็ยิ้มฮ่าๆเห็นแล้วคิดถึงลูกผมเลย






    อ่ะอย่าตกใจๆลูกผมก็น้องภูไงตั้งแต่มาแม่แจ่มก็ไม่ได้โทรหาน้องเลยป่านนี้ลืมพี่พีมรึยังก็ไม่รู้ครั้งล่าสุดที่ผมโทรคุยกับลุงนพว่าจะขอพาน้องภูมาเที่ยวเชียงใหม่แกก็ไม่ว่าอะไรผมกะว่ากลับจากค่ายจะไปเยี่ยมน้องภูเลยเพราะภูมิก็อยากเจอน้องเหมือนกัน

               

     





    เสียงหัวเราะของเด็กๆเสียงโวยวายของพวกพี่ๆ(พวกกูนี่แหละฮา)เป็นบรรยากาศที่ดีมากๆเลยครับเราช่วยกันปลูกต้นกล้วยจนเสร็จแต่ผักสวนครัวยังเหลืออีกสามแปลงพวกน้องๆก็ได้เวลากลับบ้านเพราะใกล้ถึงเวลาโรงเรียนเลิกแล้ว พอน้องกลับไปพวกผมก็ช่วยกันทำต่อซักพักตัวช่วยของพวกเราก็มาเป็นบุคคลที่แสนล้ำค่าที่สุดของค่ายนั่นก็คือ

     





    พวกอีเฟรนอีกรีนอีเคที่อีจี้อีสวีทมันยกขบวนมาทั้งกลุ่มงานนี้ก็เสร็จไอ้คิว แต่ไอ้เบียร์ดิครับเกิดปฏิกิริยารีเฟรคชั่นทุกครั้งที่เจอหน้าอีจี้ฮ่าๆๆเพราะหลังจากวันนั้นที่ไอ้เบียร์(ถูกบังคับ)บอกรักอีจี้ อีจี้มันก็สถาปนาตัวเองเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ทันทีจากอีจี้คนธรรมดาสามัญกลายเป็น หญิงจี้ ณ ชายเบียร์ กร้ากกกกก ภูมิยังแซวไอ้คุณชายบ่อยๆเลยว่าจะพาแฟนไปกราบหม่อมแม่เมื่อไร

     




    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อ๊าย อ๊ายๆๆๆๆๆ” อีสวีทเดินมากรี๊ดใส่หน้าไอ้ปัน กร้ากกกแม่งฮาชิบหายกรี๊ดเสร็จมันก็เดินหนีโคตรกวนตีนไอ้ปันตั้งตัวได้เลยวิ่งตามไปจัดการบีบนมบีบก้นมัน

     





    ผัวคิวขามึงไปทำไรมาทำไมสิวขึ้นปากอีกรีนนี่ก็ช่างตาดีผมอยู่กับไอ้คิวทั้งวันยังไม่เห็นว่าหน้ามันจะมีสิวซักเม็ดแล้วที่อีกรีนทักแม่งก็เล็กกระติ๊ดนึง

     




    ไม่ได้ทำไรกูแค่ชอบเลยอัญเชิญขึ้นหน้ามึงมีปัญหาไรไหม

     




    “โหดบาดจิตค่าอิเป็ดระบำ”

     




    “แล้วนี่พวกมึงแห่กันมาทำไรนักหนาใครไปจุดธูปอันเชิญมาห๊ะยังไม่ถึงงานสารทเดือนสิบประตูนรกเขาเปิดให้พวกมึงออกมาเริงร่าหาส่วนบุญแล้วหรอ” ไอ้คิวปากมึงนี่……….

     




    ทำเป็นพูดดีกูก็เจอมึงแย่งขนมราพวกกูแดกไงจำไม่ได้เหรออีเฟรนก็แพ้ซะที่ไหน

     





    “พวกกูมาช่วยเพราะคนสวยๆอย่างกูสวยทั้งรูปกายทั้งจิตใจ มึงเคยได้ยินมั้ยสวยแบบมีจิตวิญญาณอีเคที่มึงสวยมาก ฮ่าๆ ท่ากัดปากมึงสวยได้อีก

     




    สวยแบบมีจิตวิญญาณ????กูต้องหลับตาหรือไม่ก็จุดธูปก่อนใช่ไหมถึงจะเห็นฮ่าๆ

     



    “มึงหุบปากห่วยๆได้แล้วคิว ภูมิขาว่าไงคะมีไรให้น้องกรีนช่วยหรือไม่ที่รัก”

     




    กร้ากกกกกกกกกกกกก กรีนมึงเปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรอ

     



    “เอ่อ ไม่มีครับ” หึหึ เมื่อไรมึงจะเลิกกลัวอีกรีนวะภูมิ

     



    มึงก็แซวไอ้ภูมิไอ้เบียร์อยู่ได้ที่มึงเห็นหล่อๆน่ะของปลอมทั้งนั้นแหละพวกมันแค่ใส่เคทเหมือนไอโฟนไอแพดอ่ะพอมันถอดเคทออกมันก็จะไม่ได้หน้าอย่างงี้เว้ยขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ไอ้มิคมีความคิดแบบนี้

     





    “กูเบื่อไอ้แทนไอ้ฟ่างมากจากใจ” อีเฟรนเบ้ปากใส่ไอ้คู่รักสามพันท่าที่ไม่สนใจใครเอาแต่หลุดเข้าสู่โลกสีชมพูวิ้งๆของพวกมัน  อย่างที่รู้กันว่าภูมิมันแพ้กุ้งใช่ไหมครับภูมิแพ้กุ้งฉันใดไอ้แทนก็แพ้เมียฉันนั้นอยู่ห่างกันไม่ได้เดี๋ยวผื่นขึ้น ไอ้ฟ่างมันยักคิ้วยิ้มมาให้ ปล่อยมันสองคนไปครับเขาจะเอารางวัลคู่รักแห่งปีมาดูอีจี้ขมเหงน้ำใจไอ้เบียร์ดีกว่า กร้ากกก

     





    “เด็ดพี่เพคะมีอะไรให้หญิงทำมั้ยคะ ขุดทองเอ้ยขุดดินหรอคะเด็ดพี่มาๆน้องช่วยนะคะ” ไอ้เบียร์โยนคราดทิ้งเลยอ่ะ อีจี้มันหัวเราะมีความสุขที่แกล้งไอ้เบียร์ได้ก่อนจะหันหลังกลับมารื้อฟื้นความหลังกับผมอีกครั้ง

                                                 



                                                        

    “อีจี้มานี่ๆ” ไอ้คิวกวักมือเรียกอีจี้ที่กำลังนัวเนียผม

     



    “มีไรมิทราบย๊ะ” อีนี่ก็ใจง่ายเกินฮ่าๆถึงมันจะดูเหมือนไม่ค่อยไว้ใจไอ้คิวเท่าไรแต่ก็ยอมเดินไปหาพอไปถึงไอ้คิวก็กอดคอมันก่อนจะชี้ให้ดูอะไรบางอย่าง

     




    มึงดูนั่นเห็นไหม” ไอ้คิวชี้ไปที่จอมปลวกครับ “ดีใจไหมจี้มึงได้กลับบ้านแล้วมึงรีบไปกราบพ่อกราบแม่และพี่น้องมึงซะสิ เร็วๆ

     




    กรี๊ดดดดดดดอีหอกหักบ้านมึงก็อยู่ข้างๆบ้านกูนิได้ข่าวป่ะงั้นเรากลับบ้านด้วยกันนะ  

     



    “ตุ๊ดไปช่วยกูตักน้ำรดผักหน่อย”

     




    “มึงเรียกใครตุ๊ดห๊ะอีหมอ” ไอ้เชนโดนแล้วมึง

     



    ใช่ใครบอกว่าพวกกูเป็นตุ๊ด พวกกูเป็นผู้ช๊ายแป้งพงแป้งพัพไม่รู้จักเดี๋ยวกูก็แบกปูนตอกตะปูสร้างบ้านแล้ว จริงไหม เฮ้ย จริงไหมวะพวกเรากร้ากกกกอีสวีทมันทำเสียงใหญ่ๆแมนๆก่อนจะถูกไอ้เชนกอดคอลากไปตักน้ำที่ลำธารได้ยินแต่เสียงกรี๊ดและเสียงด่าแว่วมาตามลม






    ว๊ายอีเห็ดสดถังรั่ววววว กรี๊ดๆๆ

     





    มึงจะกรี๊ดทำติ่งไรรีบบีบสิลิโคนจากนมมึงมาอุดเร็วๆฮ่าๆได้ยินไอ้เชนกับอีสวีททะเลาะกันภูมิก็เอาแต่ขำ หึ ทีงี้ล่ะขำพอมันมาใกล้ละกลัว

     




     

    “เจ๊กรีนคนสวยเย็นนี้มีเมนูอะไรหรอเต้ยเริ่มหิวแล้วอ่ะ” ไอ้เต้ยที่นั่งพักถามอีกรีนที่กำลังโชว์ความแกร่งด้วยการขุดดิน

     




    “น้องเต้ยอยากกินอะไรล่ะลูกเจ๊อะแด๊ปให้หมดถ้าหนูว้อน”



     

    “กูอยากกินไก่ผัดผงกระหรี่” เป็นไอ้มิคที่ตอบ




     

    “สลิด เมื่อวานก็หมูผัดผงกระหรี่เมื่อเช้าก็แกงกระหรี่กูผัดจนจะเป็นกระหรี่แล้วอีห่ามึงกินอย่างอื่นได้ไหมย๊ะ” ฮ่าๆๆไอ้เต้ยหัวเราะจนหงายหลังไอ้เบียร์ที่อยู่ใกล้ๆต้องดึงแขนมันขึ้นมา






     

    “กูว่าอย่างมึงก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” มาแล้วครับศัตรูหมายเลขหนึ่งของกะเทยไทยไอ้นิรันดร

     





    “แหม๊ ได้เป็นก็ดีสิมึงว่ามันเป็นได้ง่ายๆหรออาชีพนี้อีพวกหน้าปลวกๆเป็นไม่ได้นะค๊านี่แหละอาชีพที่เคที่ใฝ่ฝันพ่อกับแม่กูจะต้องภูมิใจมากแน่ๆ”

     





    “งั้นมึงก็ได้แค่ฝันแหละ เฮ้ยเชี่ยนี่มันกระเทยหรือกระทิงวะแม่งโคตรล่ำไอ้คิวมันตกใจอีเฟรนที่โผล่มาข้างหลัง

     




    ไม่ใช่ทั้งสองอย่างเพราะกูเป็นกระสือ ฮาเออมึงก็ดีเนอะเฟรนแม่งกัดตัวเองก็เป็น

     





    เออเจ๊เฟรนผมได้ข่าวว่าเจ๊ขายตัวซื้อบีบีให้ผัวเหรอไอ้น้องแมทถามฮ่าๆมึงไปได้ข่าวมาจากไหนวะแมท

     





    มึงนี่ก็ถามไม่คิดนะแมทมึงดูหน้าอีเฟรนดิอย่างมันขายตัวใครจะซื้อให้ฟรีแถมข้าวเปลือกกูยังไม่เอาเลยไม่น่าเชื่อว่ามันสองคนจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน




     

    ถูกค่ะผัวขา เพื่อนกูเป็นเอเย่นค้ามนุษย์เพศผู้ฮ่าๆ



     

    แหมมม พูดดีนะคะอีดอก ถ้ากูเป็นเอเย่นมึงก็ลูกค้าหลักผูกขาดแหละค่ะ อย่าให้กูเซดค่ะกระเทยอีเฟรนเท้าเอวหันไปวีนใส่อีกรีน

     





    ทำอะไรก็ระวังคุกระวังตารางนะพวกมึงดีไม่ดีเดี๋ยวโดนหลอกผมบอกเพราะก็ได้ข่าวมาว่าอีเฟรนมันป๋าเอ๊ยเจ๊กับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

     





    มึงไม่ต้องห่วงหรอกพีมเพราะกูโดนเป็นประจำ ฮา ไอ้รายล่าสุดถ้ามันยกตู้เย็นไปได้กูว่ามันคงเอาไปด้วยนี่มันหนักเฉยๆหรอกอีเฟรนมันเผาตัวเองอย่างมีความสุข

     



    นั่นผัวหรือน้ำท่วมวะมาทียกไปทั้งบ้าน เออเฟรนพรุ่งนี้วันเกิดมึงใช่ไหมแม่งเจ๋งว่ะได้ฉลองวันเกิดบนดอย

     





    “ใครบอกคะวันเกิดกูเดือนหน้าโว้ยอีแมงเม่ามึงจำผิดแล้ว” โดนด่ายับเลยกู

     




    “อ้าวแล้วมึงเกิดวันที่เท่าไร”

     






    โอ๊ะมึงอย่าใช้คำว่าเกิดกับมันพีมอย่างอีเฟรนต้องใช้คำว่าขุดค้นพบและถ้ามึงอยากรู้อายุมันมึงต้องเอาคาร์บอน14หาครึ่งชีวิตก่อนเพราะดูจากสภาพหนังหน้ากูขอทำนายว่าแม่งคงตายตั้งแต่สมัยเสียกรุงครั้งที่สองใช่ไหมอีเวนกร้ากก อ๊ากกก อีเวนนนนน ปล่อยเจี๊ยวกู

     





    ปากดีนัก ปากดีนักใช่ไหมห๊ะ แห๊ม ของไม่ได้ซื้อไม่ได้ขายมึงได้มาฟรีกูขอจับแค่นี้ทำเป็นงกไปได้ฮ่าๆๆๆกว่าจะจับไอ้คิวกับอีเฟรนแยกกันได้พวกผมก็รู้สึกว่าเหงือกแห้งไปหมด

     

     





     เราช่วยกันปลูกผักจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีพวกผมก็นั่งพักให้หายเหนื่อยเพราะช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว เวลาที่พวกอีกรีนมาช่วยก็เหมือนเวลาผ่านไปเร็วมากไม่รู้มันไปขุดหาเรื่องตลกจากไหนมาเล่านักหนาคนเส้นลึกอย่างภูมินั่งฟังยังขำตามแต่ตอนนี้พวกผมชักจะคันฮ่องกงฟูดยิบๆเพราะสำเนียงความดัดจริตเกินรับได้ของอีสวีทนี่แหละ





    “พวกมึงเข้าใฌใฌ่บ่ะ Ye you know อ่ำบั่บว่า so hot my skin itสะ แวรี่ๆแสบบั่บมึง get ใฌ้บ่ะ sometime I เอิ่ม like

     





    “โว้ย!!!!!!!!! อีปลวกอาวุโสมึงลิ้นไก่สั้นหรือเพดานโหว่ห๊ะถ้ามันจะลำบากขนาดนั้นมึงก็พูดอังกฤษเลยเหอะ บั่บๆอยู่นั่นเดี๋ยวกูเตะให้หายเป็นตุ๊ดเลย”



    กร้ากกกกกกอีคิวแกล้งบีบคออีสวีทจนมันหัวสั่นหัวคลอน ฮ่าๆผมลืมบอกไปว่าอีสวีทมันมีความสามารถพิเศษเวลาพูดคือมันสามารถพูดไทยสำเนียงอังกฤษได้ครับ ฮ่าๆ ได้ดีซะด้วยบางทีกูแทบแปลไทยเป็นไทยย้ายเวิร์บกันมันส์พะยะค่ะ
    accent มึงดีไปนะเพื่อน




     

    “มึงข้ามมาจากฝั่งนู้นใช่ไหมกูว่าใช่แน่ๆเฮ้ยคิวบอกมันร้องเพลงชาติดิ” ไอ้มิคบอก

     



    “ร้องเพลงชาติซิร้องได้ไหม” เออมึงก็บ้าจี้นะคิว อีสวีทสะบัดผมก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างมั่นใจ

     


    “ร้อด้า เพช่าใช่มะ วาเพเดือสิสอน้าในคอเตตาหลี่” ทำเอาฮาทั้งก๊วนไอ้แทนถึงกับลุกไปเชคแฮนอีสวีทเลยทีเดียว



    “มึงยังไม่ได้สัญชาติไหมสวีท” ไอ้แทนทั้งถามทั้งหัวเราะ




    “ฮ่าๆ พูดเรื่องพม่าแล้วชั้นคิดถึงเรื่องเดือนที่แล้ว”



     

    “เรื่องอะไรวะ” ผมหันไปถามอีเฟรนที่นั่งอยู่ข้างๆ



     

    “คือบัตรประชาชนฉันหมดอายุใช่ไหมแกเออฉันก็ไปทำพอไปถึงฉันก็เดินสวยๆขึ้นไปบนที่ว่าการค่าคนก็เยอะมากอีดอกวุ่นวายมาก ฉันก็งงๆว่ามันต้องไปติดต่ออะไรตรงไหนก่อนก็มองๆอยู่ซักพักเห็นอีนังพนักงานโต๊ะประชาสัมพันธ์มันกำลังวุ่นวายกับคนที่มาจดทะเบียนอะไรซักอย่างน่าจะเป็นเรื่องหย่าเพราะฉันเห็นอีผู้หญิงชี้หน้าด่าๆผัว ด่ากันเสียงดังมาก


    ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงใช่ไหมแกแต่นอกจากอิพนักงานคนนั้นก็ไม่มีใครพอจะให้คำแนะนำชั้นได้ ฉันก็เลยเดินเข้าไปถามนางแบบมีมารยาทแบบผู้ดีสุดๆ ฉันก็ถามว่า เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณพี่คะขอโทษนะคะไม่ทราบว่า
    ….ฉันยังพูดไม่จบนางก็หันมาจิกตาใส่ฉันแล้วก็ตะโกนเสียงดังลั่น “บัตรต่างด้าวไปถ่ายรูปตรงนู้น!!!!!!!!!!!

     



    “กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”



     

    “กูล่ะอยากเผาที่ทำการให้มอดไหม้หน้ากูพม่าหรออีห่าหน๊อยถ้าหน้าหล่อนดีกว่าชั้นชั้นก็คงไม่อะไรหรอกแต่นี่มันก็ปลวกเหมือนกันแหละวะ”


     

    “ฮ่า แล้วมึงทำไง”







    “กูก็ด่าสิคะจะปล่อยไว้ทำแม่หรอ”







    อีเฟรนลี่แม่ทุกสถาบัน

     

     

     

     

     





     

     

    …………………………………..

     









     

    อีกสามวันพวกเราก็จะต้องจากแม่แจ่มแล้วครับคิดแล้วก็ใจหายเนอะแม้จะเป็นเวลาแค่สองสัปดาห์กว่าๆแต่ว่าผมก็รู้สึกผูกพันกับที่นี่ทุกเช้าตื่นมาฟังอีกรีนบ่นตกบ่ายไปช่วยพวกทีมก่อสร้างตอนเย็นก็กินข้าวทำกิจกรรมด้วยกันกับเพื่อนพ้องน้องพี่ ได้รับรอยยิ้มจากชาวบ้านได้วิ่งเล่นกับน้องๆไม่รู้เมื่อไรถึงจะได้กลับมาอีก เฮ้ออ แต่เอาเป็นว่าเรามาใช้เวลาที่เหลือให้มันคุ้มดีกว่าเนอะ

     





    อ่อลืมบอกว่าห้องสมุดที่เราสร้างก็เสร็จสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซนต์แล้วนะครับเห็นภูมิบอกว่าเหลือเก็บรายละเอียดตรวจสอบความเรียบร้อยอีกนิดหน่อยแล้วก็จะมีพิธีรับมอบให้กับโรงเรียนแล้วก็จะมีกีฬากระชับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราชาวค่ายกับน้องๆและชาวบ้านด้วย





     

    หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเราก็เลยมีการประชุมและทำมีกิจกรรมสนุกๆเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แถมช่วงนี้มีแบ่งเล่นกีฬาสีตอนกลางวันด้วยครับเวลากินข้าวเย็นก็ต้องนั่งกับสีตัวเอง เราแบ่งเป็นสี่สีได้แก่ สีเขียว สีส้ม สีฟ้าและสีชมพู

     




    พวกเราชาวเดอะแก๊งค์ก็กระจัดกระจายกันไปผมโชคดีได้อยู่สีเขียวกับไอ้เชน ส่วนสีนี่ฟ้าเป็นสีในดวงใจสาวๆครับเพราะผู้ชายหน้าตาดีไปกองอยู่สีนั้นกันเยอะทั้งพี่กันต์ไอ้น้องฟลุค(เฟรชชี่ปี1หมาดๆคณะนิติ)และตัวเรียกเสียงกรี๊ดทั้งภูมิไอ้แทนและคุณชายเบียร์ไม่รู้มันยื่นซองใต้โต๊ะขออยู่ด้วยกันรึเปล่า

     





    ส่วนสีส้มเป็นสีรวมตัวประหลาดเลยครับพวกพี่โจ๊กพี่ห้อยจริงๆพี่แกชื่อนาวแต่ห้อยเป็นฉายาที่เพื่อนแกตั้งให้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรห้อย ฮ่าๆรู้แค่ว่าพี่แกฮามากทำผมอัฟโฟ่ฟูๆด้วย ที่สำคัญไฮไลท์ของสีนี้ก็คือไอ้ปันไอ้มิคไอ้เต้ยไอ้เอ็มไอ้น้องปาร์คน้องกระปุกฮาๆบ้าๆกันทั้งนั้นส่วนสีสุดท้ายสีชมพูผมภูมิใจนำเสนอมากเพราะมีทั้งไอ้ฟ่างไอ้แมทและไอ้คิว เหอๆกูว่านรกแตกแน่ๆไอ้คิวกับไอ้ฟ่างอยู่ด้วยกัน

     




    ทุกคนๆฟังเฟรนลี่ก่อนนะค้าวันนี้เฟรนลี่กับคุณประธานค่ายมีเกมส์มาให้เล่นค่าทันทีที่อีเฟรนพูดจบก็มีเสียงโห่เสียงลุ้นว่าเกมส์อะไร

     



    มีรางวัลไหมอีงามไอ้คิวกอดกีต้าร์คู่ใจอยู่ในกลุ่มสีชมพูมันตะโกนถามอีเฟรนที่ยืนอยู่ตรงบนเวทีเตี้ยๆที่พวกทีมก่อสร้างมันเนรมิตขึ้นมา แล้วมันยังสร้างอัฒจรรย์สี่อันสำหรับสี่กลุ่มเป็นอัฒจรรย์เล็กๆสูงแค่สามชั้นแน่นอนว่ามันนั่งไม่พอก็นั่งกับพื้นบ้างยืนบ้าง

     




    พอได้ยินเสียงไอ้คิว ไอ้เต้ยที่ซดบัวลอยไข่เค็ม(อีกรีนมันเห็นเกลือเป็นน้ำตาลจากของหวานเลยแทบกลายเป็นกับข้าว)มันเงยหน้าขึ้นมองแฟนแล้วทำปากขมุบขมิบใส่ไอ้คิว ที่ผมเห็นการกระทำของไอ้เต้ยเพราะอัฒจรรย์สีเขียวกับสีส้มอยู่ใกล้กันแต่ไอ้คิวมันคงไม่เห็นหรอกเพราะมัวแต่หัวเราะล้ออีเฟรนอยู่

     


    ต่างจากไอ้แทนที่มันก้มกระซิบอะไรซักอย่างกับไอ้เบียร์แล้วก็ยิ้มๆชี้ๆมาทางสีชมพูที่มีไอ้ฟ่างนั่งยักคิ้วอยู่ ไอ้แทนมันเสพติดไอ้ฟ่างจริงๆนะเนี่ยและจากตรงนี้ผมก็เห็นภูมิทั้งจามทั้งไอไม่หยุด เอาละสิคืนนี้คงมีคนเป็นไข้อีกแน่ๆ

                                    



    น้ำหน้าอย่างผู้ชายคนนี้ก็คงมีแต่เรื่องแบบนี้สินะคะ รางวัลน่ะมีแน่นอนว่าแต่ว่าของรางวัลคืออะไรนะคะคุณประธานอีเฟรนหันไปถามไอ้ปันที่ยืนเก๊กอยู่ข้างๆ




     

    รถโตโยต้าแจ๊สป้ายแดง




    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกก





    พ่อมึงสิฮ่าๆโตโยต้าแจ๊ส

     



    ที่ไหนขายวะโตโยต้าแจ๊ส ฮ่าๆ งั้นตอนนี้กูก็คงขับฮอนด้ามาชแล้วล่ะไอ้ปันนนนนนพี่โจ๊กตะโกนแซวไอ้ปันมันเลยขำกับมุขแป้กๆของตัวเอง



     

    เอาละคะๆอย่ามัวทำตัวปัญญาอ่อนให้ชาวค่ายต้องรู้สึกสมเพชเวทนามากไปกว่านี้เลยนะคะเกมส์นี้ที่เราจะเล่นมีชื่อว่าThe Killer”

     





    โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห รู้สึกได้ใช่ไหมครับว่าทุกคนตอบรับอีเฟรนดีมากๆ ฮ่าๆ

     



    เจ๊เฟรนทำไมไม่เล่นจับกระสือกระหังอ่ะ

     



    เบื่อแล้วย๊ะหล่อนจะจับกระสือทุกครั้งที่ออกค่ายหรอห๊ะ เออก็จริงของอีเฟรนมัน

     




    “แล้วมันเล่นยังไงอ่ะครับพี่เฟรน”       





                  

     

    เล่นไม่ยากค่าน้องฟลุคขาเดี๋ยวพี่เฟรนจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ” ดูความจริงใจของมันทีผู้หญิงถามละจิกเอาๆพอผู้ชายถามตอบซะเสียงหวาน “The killerเนี่ยนะคะบางคนอาจจะเคยเล่นแล้ว กติกาก็มีอยู่ว่าเราจะให้ทุกคนจับฉลากแล้วในนั้นก็จะเขียนชื่อชาวค่ายไว้และมีคำสั่งให้ทำ

     




    พวกหล่อนแค่ทำยังไงก็ได้ให้คนคนนั้นทำตามคำสั่งในกระดาษ เช่น เฟรนจับได้ไอ้คุณปันแล้วในนั้นเขียนว่า “ถ้าปันพูดคำว่าลวกเพี่ยปันตาย” แล้วทีนี้เฟรนก็ไปแกล้งไปล้อจนไอ้ปันมันหลุดพูดคำนี้ออกมาก็ถือว่าเฟรนฆ่าอีปันสำเร็จแล้วปันก็ต้องเอาฉลากที่ปันจับได้มาให้เฟรนจากนั้นเฟรนก็ไปฆ่าคนต่อๆไป เก็ทไหมคะ”

     





    “อ๋ออออออออออออออออออ”




     

    “แล้วถ้าพี่ปันก็ฆ่าคนอื่นมาแล้วล่ะคะคุณเจ้





     

    “ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ฉลากที่อิปันมีทั้งหมดก็จะตกเป็นของเจ้ไงจ๊ะ คนที่มีฉลากเยอะสุดและอยู่เป็นคนสุดท้ายนั่นแหละคือผู้ชนะ” เกมส์นี้ถ้าไม่สนิทกันเล่นไม่ได้นะเนี่ยเพราะพวกเราต้องรู้จุดอ่อนของคนๆนั้นเพราะงั้นตอนนี้คงไม่มีปัญหาเพราะว่าอยู่ด้วยกันมาหลายวันแล้ว



    และข้อดีอีกอย่างของเกมส์นี้ผมว่ามันเป็นอุบายนะเผื่อว่าบางทีเราอาจจะยังไม่สนิทกับบางคนแต่ถ้าเกิดจับได้ชื่อคนนั้นก็เหมือนทำให้เราต้องเข้าไปพูดคุยกับเขาด้วย เออดีๆๆ

     




    “แบบนี้ก็จะมีพวกที่รอฆ่าใช่ไหมคะเจ๊เฟรนลี่แบบว่ารอให้คนอื่นฆ่ากันเยอะๆก่อนแล้วก็รอสังหารทีเดียว”

     



    “ก็ถ้าฉลาดและคิดว่าจะรอดก็ทำไปเถอะค่ะ อ่อ เกมส์นี้ช่วยกันได้นะให้เพื่อนช่วยเราได้และมีเวลาสำหรับเกมส์นี้จนถึงวันปิดค่ายเราจะหานักฆ่าที่ชนะบนรถไฟตอนขากลับ โอเคนะคะเอาละๆถ้าเข้าใจกติกาแล้วก็จับฉลากเลยคร่า”

     




    และแล้วเราก็ได้จับฉลากกันครับของผมไม่ค่อยยากเท่าไร “ถ้าพี่แป๋วกรี๊ด….ตายยยย” หึหึแค่ทำให้พี่แป๋วกรี๊ดสินะปกติพี่แกก็กรี๊ดเป็นเรื่องปกติขิงชีวิตอยู่แล้ว

     



    “มึงได้ไรวะเชน” ผมโผล่หัวไปส่องดูกระดาษเล็กๆในมือไอ้เชน

     



    “หึหึ คนในกลุ่มนี่แหละ” มันยิ้มให้ผมก่อนจะก้มมากระซิบผมถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดังจนอีน้องอ้นที่นั่งส่องกระจกอยู่ข้างล่างหันมามองหน้า



     

    กูขอสาบานด้วยเกียรติของนักศึกษาวิชาทหารสามปีว่ากูจะช่วยมึงฆ่าไอ้คนนั้นอย่างเต็มที่เลยเชนและหลังจากได้เริ่มเล่นเกมส์นักฆ่าพวกเราก็เกิดอาการหวาดระแวงกันเป็นหย่อมๆครับใครมาใกล้นี่แม่งกลัวไปหมดไม่กล้าจะคุยเลย ฮ่าๆ ยิ่งถ้ามาเป็นกลุ่มกูยิ่งกลัวและผมพอจะรู้แล้วว่าใครจะมาฆ่าผม

     



    “พีมมมมมมมว๊ายยยจะไปแปรงฟันหรอเคที่ไปด้วยๆ” ตั้งแต่เลิกประชุมอีเคที่ก็เข้ามาชวนผมคุยตลอดขนาดที่ว่ามันไม่สนใจไอ้เชนบุคคลที่มันเคยคลั่งไคล้เลยด้วยซ้ำ

     



    “มึงก็ไปกับแก๊งค์นางงามมึงสิ”



     

    “แหม เล่นตัวนะมึงกูไม่ไปก็ได้ ชริส์” ผมกับไอ้เชนมองหน้ากันงงๆที่อีเคที่มันสะบัดบ็อบแหว่งๆของมันใส่พวกผม

     



    “กูว่าไม่ใช่เคที่หรอกแต่คงมีใครใช้มันมาหลอกให้มึงตายใจ” บ๊ะๆเพื่อนกูแม่งหลักแหลมลึกซึ้ง อืมมมที่ไอ้เชนพูดก็น่าคิดแฮะ

     



    “ขงเบ้งมาเองเลยเว้ยฉลาดมากครับคุณชนาธิป” ผมบอกไอ้เชนก่อนจะเดินไปหาภูมิที่เดินสะลึมสะลือเหมือนจะหลับออกมาหลังจากประชุมสีของมันโดยมีไอ้แทนที่กอดคอไอ้เบียร์เดินตามมาติดๆ

     



    “ภูมิหน้ามึงซีดๆนะเป็นไข้อีกแล้วใช่ไหม” ผมถามและแตะหน้าผากภูมิแต่มันส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรแต่เสียงไปแล้วขึ้นจมูกแล้วเรียบร้อยสามวันดีสี่วันไข้จริงๆไอ้หล่อเอ๊ย

     




    “แค่เจ็บคอน่ะไม่เป็นไรแล้วข้าวฟ่างละ” ไอ้ภูมิเสียงขึ้นจมูกสงสัยหวัดแดกเพราะมันแพ้อากาศอากาศบนดอยก็นะตอนกลางวันร้อนเหมือนอยู่แบกแดด ตกดึกหนาวเหมือนแอนตากติก้า ผิวคุณหนูอย่างไอ้ภูมิก็ต้านไม่ไหวไปตามระเบียบ

     


     

    “เออ เมียกูล่ะ” ไอ้แทนยืดคอมองหาไอ้ฟ่างเลยถูกไอ้เบียร์ผลักหัวด้วยความหมั่นไส้มึงจะขาดกันไม่ได้เลยใช่ไหม พวกผมยืนรอสมาชิกในก๊วนจนครบก็ได้เวลาไปนอนทุกคนสภาพง่วงสุดๆแถมอากาศตอนนี้หนาวไปไหมมมเย็นไปถึงกระดูกภูมิมันมายืนซ้อนข้างหลังผมแล้วเอามือซุกกระเป๋าเสื้อกันหนาวผมด้วย เอ่อจริงๆก็อายอ่ะนะแต่ภูมิมันหนาวก็……ปล่อยๆมันละกัน แฮ่


     

    แต่ที่บอกว่าเรามีสภาพเหน็ดเหนื่อยผมไม่นับรวมไอ้ปันกับไอ้มิคนะครับเพราะมันสองตัวยังลัลลากอดคอกันพูดภาษาต่างดาวแล้วขำคิกๆกันสองคนและไอ้เด็กไฮเปอร์ที่วิ่งวนหน้าวนหลังจนผมเริ่มมึนหัวคือมึงพลังงานเยอะไปไหมเต้ย เหนื่อยบ้างก็ได้นะ เพลียหน่อยก็ดีเมื่อไรมันจะถ่านหมดวะ

     




    “เฮียยยยยยๆๆๆๆรู้ไหมว่าพวกเฮียน่ะโชคดีแค่ไหนที่ได้รู้จักกับเต้ยเมื่อกี้มีคนชมเต้ยว่าหล่อด้วย”

     



    “ใครวะ ใครพูดเดี๋ยวกูไปแจ้งตำรวจจับมันให้เพราะมันใส่ร้ายมึง”




     

    “พี่คิว!!!!!!!!        

     



    “ฮ่าๆ” ไอ้คิวคว้าคอไอ้เต้ยมากอดแล้วเดินนำหน้าเข้าที่นอนของพวกเรา




    “ไอ้แทนมึงกัดกูทำส้นตีนไรห๊ะเป็นหมาหรอแม่ง” ผม ภูมิ ไอ้เบียร์ ไอ้เชนพร้อมใจกันหันหลังไปมองอีกคู่ที่เหมือนจะเล่นอะไรกันอยู่



     

    “หมั่นเขี้ยวหนาวๆๆๆโว้ยยยยไปนอนกอดแฟนดีกว่าป่ะที่รัก” ไอ้แทนมันยิ้มให้แฟนและยักคิ้วให้พวกผมก่อนจะลากไอ้ฟ่างตามไอ้คิวไปอีกคู่

     



    “ผมว่าพี่แทนกับพี่ฟ่างชักจะออกแนวซาดิสแล้วนะพี่” ไอ้แมททำท่าขนลุกประกอบคำพูด

     



    “มึงพึ่งรู้เหรอแมทอีหน่อยมันคงซื้อแส้ซื้อกุญแจมือพกติดตัวมั้งกูว่า” ไอ้เบียร์ตอบยิ้มๆ

     



    “หึมึงรู้จักของพวกนี้ด้วยเหรอเบียร์” แม้จะเสียงแหบและไอจนตัวโยนภูมิก็ยังจะกวนตีนเพื่อนมัน

     


    “ก็ดูมาจากคลิปที่มึงแชร์มาให้ไงเพื่อนรัก หึหึ ได้ใช้กับไอ้พีมรึยังวะ”


     

    “เชี่ย” ไอ้เบียร์หัวเราะอย่างมีความสุขผมเงยหน้ามองไอ้ภูมิแบบไม่เต็มตาเท่าไรคือมันจะเอาอะไรมาใช้กับผมเหรอครับ กูไม่รู้กูอินโนเซ้น กร้ากกก “อย่าไปเชื่อมันนะเตี้ย”

     


    “ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร รีบเข้าไปนอนกันดีกว่าเดี๋ยวโดนหมอกจะยิ่งแย่” ฮ่าๆหน้าไอ้ภูมิแม่งโคตรจริงจังจากที่ผมไม่คิดอะไรก็ชักจะสงสัยเพราะสีหน้าไอ้แห้งนี่แหละ






    ผมเลยจูงมือมันเข้ามานอนและลำดับการนอนของพวกเราก็เป็นดังนี้ครับผมนอนติดผนังถัดมาก็ภูมิ ไอ้เบียร์  ไอ้มิค ไอ้ปัน ไอ้เต้ย ไอ้คิว ไอ้แมท ไอ้แทน ไอ้ฟ่าง ไอ้เชน ผมห่มผ้าให้ภูมิก่อนจะหาถุงเท้ามาให้มันใส่เท้าจะได้อุ่นๆและไม่ทันไรภูมิก็หลับ มันคงเพลียแล้วไหนจะไม่สบายอีก
    แต่ว่าพวกผมที่เหลือนี่สิระหว่างที่ทุกคนเริ่มควานหาผ้าห่มมาห้อหุ้มร่างกายเพราะอากาศแม่งหนาวสัดก็ได้ยินเสียงไอ้ปันถามไอ้เชนแม่งมันถ่อไปหาไอ้เชนได้ไงวะ

     

     


    มึงทำไรวะเชน

     



    ถนอมหนังหน้าไอ้เชนมันอารมณ์ประมาณพี่โดม ปกรณ์อ่ะครับ อืมจะว่าไปบางมุมมันก็แอบคล้ายนะและที่ยิ่งเหมือนมากไปกว่านั้นคือมันเป็นผู้ชายที่ชอบดูแลตัวเองมากกกกหนังหน้ามันคงบอบบางกว่าผู้หญิงอีกมั้ง แม่งขึ้นมาอยู่ที่ห่างไกลความสิวิไลขนาดนี้มันยังพกเครื่องปรนนิบัติผิวมาเป็นกุรุด

     



    กูทำด้วยๆแม่งหลอดนี้ใช้ไงวะเสียงไอ้ปันถาม


     

    บีบใส่มือเอาลิ้นแตะเคี้ยวสองสามที กลืน



     

    ไม่เคี้ยวแต่กลืนเลยได้มั้ยไอ่สัดฮ่าๆพอมันก่อกวนไอ้เชนเสร็จมันก็กลับมาที่ตัวเองและที่ผมมองเห็นไม่ใช่ว่าตาดีในที่มืดนะคือกูชินแล้วครับผมเดาว่ามันคงล้มตัวลงนอนแล้วล่ะแต่ทำไมมันไม่ยอมนอนวะผมได้ยินเสียงมันเสียงไอ้มิคไอ้เต้ยยังหัวเราะคิกๆเหมือนพวกมันดูคลิปอะไรซักอย่างในมือถือ

     



     

     

    ไอ้สองตัวนั้นจะนอนรึยังหรือต้องให้ตีนกูกล่อมถึงจะหลับเสียงโหดๆของไอ้ฟ่างทำพวกมันเงียบไปซักพักพักเดียวจริงๆมันก็กลับมาอีก เฮ้อ





    เต้ยนอนได้แล้วไอ้ปันมึงอย่าพามันเล่นได้ไหมกูรำคาญคราวนี้เป็นเสียงไอ้คิวและเสียงก็ค่อยๆเงียบลงไป

     


    เชี่ยยยยยยแม่งหนาวว่ะไข่กูเย็นจนจะเป็นลูกเห็บแล้วสัดกูหิวว่ะใครมีไรแดกมั้งวะ” สาดดดดดเชี่ยมิคกูจะได้นอนไหมคืนนี้

     




    “เต้ยมีๆๆ เต้ยมีหนมปัง”ไอ้เต้ยก็เปิดไฟฉายค้นอยู่ซักพักก่อนจะหอบขนมปังไส้ต่างๆมากองตรงหน้าไอ้มิค

     



    “ไหนเอามาดูซิหมดอายุรึยัง อ๊ากกกหมดพรุ่งนี้ตอนนี้กี่ทุ่มแล้ววะ”

     




    “ห้าทุ่มห้าสิบอ่ะเฮีย”

     



    “มึงรีบแดกเลยไอ้สัดอีกสิบนาทีมันจะหมดอายุ” ไอ้ปันบอกก่อนที่พวกมันสามตัวจะช่วยกันกินขนมปังที่ยังไม่หมดอายุ เหอๆๆๆ กว่าพวกมันจะยอมหลับยอมนอนแม่งกูได้นอนกันแล้วโว้ยยยยยหนาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     



    “ไอ้แทนไอ้ฟ่างจะเอากันไปเอาข้างนอก สัดเชนตะโกนดังมากพวกผมฮาครืนนนกันยกกลุ่ม ฮ่าๆ เพื่อนคร้าบบบบบให้กูได้นอนเห๊อและในที่สุดพวกตัวป่วนมันก็หลับซะทีได้ยินเสียงกรนของไอ้มิคชัดแจ๋วมากและอยู่ๆภูมิก็ขยับตัวผมเลยลืมตาก็เห็นว่ามันลืมตาอยู่เหมือนกัน

     






    หนาวเหรอภูมิปวดหัวไหม”




    “ก็นิดหน่อย” นิดหน่อยของมันคือปางตายของคนอื่นได้นะครับเรื่องปากแข็งนี่ขอให้บอกคุณภูมินทร์ก็หนึ่งในใต้หล้าเหมือนกัน





    “เดี๋ยวกูไปเอาผ้าห่มกับยาแก้ปวดที่พวกพี่กานต์ให้นะมันส่ายหัวไม่ให้ผมไปแถมยังขดตัวมุดเข้าซุกอกผมงุดๆเหมือนมีลูกชายเลยกู





     

    ภูมิเป็นไรวะพีม





     

    คงเป็นไข้ว่ะ มึงยังไม่หลับหรอเบียร์ผมเอี้ยวคอหันมามองไอ้คุณชายที่นอนติดภูมิอีกข้างฝ่าความมืด

     



    กูนอนไม่หลับว่ะแม่งหนาวแล้วภูมิไม่สบายหรอ” จะว่าไปคืนนี้มันหนาวกว่าทุกคืนเลยนะครับ





    “อืมมึงเอาผ้าห่มเพิ่มมั้ยเดี๋ยวกูเอามาให้เพราะกูจะออกไปเอายามาให้ภูมิด้วย




     

    ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูไปเอามาให้เอง ยานี่ขอกับพวกพี่หมอกานต์ใช่มั้ย




     

    เอองั้นก็ฝากด้วยนะมึง                                         

     




    อืมเดี๋ยวกูมาเฮ้ยเชน ไอ้เชนไปเอาผ้าห่มเป็นเพื่อนกูหน่อยแล้วไอ้เบียร์กับไอ้เชนก็ออกไปเอายากับผ้าห่มภูมิมันหนาวจนตัวสั่นนิดๆผมก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดมันไว้ ซักพักไอ้เบียร์ก็กลับมาผมเลยปลุกภูมิลุกมากินยา

     



    ภูมิ ภูมิครับลุกมากินยาก่อนมันลุกมากินยาแบบไม่ค่อยมีสติเท่าไรนักผมต้องคอยจับแก้วน้ำให้

     




    พามันไปผิงไฟกับพวกพี่โต้งมั้ยเมื่อกี้กูเห็นพวกพี่ๆเขากินเหล้าผิงไฟอยู่ข้างนอกไอ้เบียร์เสนอ

     




    กูว่าไม่ดีกว่าว่ะเดี๋ยวโดนน้ำค้างมันจะยิ่งแย่ มันหลับไปแล้วล่ะมึงก็นอนเถอะ

     



    อืมถ้ามีอะไรก็ปลุกกูแล้วกันฝันดีมึง

     



    เหมือนกันฝันดีผมบอกฝันดีไอ้เบียร์ก่อนจะเอามาห่มที่ได้มาใหม่คลุมผมกับภูมิไว้ ผมตะแคงกอดภูมิไว้แต่ไม่กล้าหลับเพราะกลัวมันจะเป็นอะไรแต่ซักพักภูมิก็ขยับตัวให้สูงกว่าผมผมเงยหน้าสบตากับตาคมๆคู่นั้นอย่างแปลกใจ

     




    หืม???สงสัยได้ไม่นานภูมิ มันก็สอดแขนข้างนึงมารองใต้หัวผมและใช้แขนอีกข้างโอบผมเข้าไปกอดแนบกับอก อากาศหนาวๆได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆมันก็รู้สึกดีนะครับ ภูมิหลับตาลงแล้ว ผมก็ต้องนอนเหมือนกัน

     

     





    ฝันดีครับภูมิบอกฝันดีพร้อมกับฝากสัมผัสอุ่นๆไว้ที่หน้าผากของผม





    อื้ม….. ฝันดีนะ                              









     

     

    ……………………………..










     

     

    ชีวิตชาวค่ายก็ยังเป็นไปอย่างสนุกสนานและมีคนค่อยๆตายไปทีละคนจากเกมส์ The killer เมื่อเช้าไอ้มิคก็โดนอีเฟรนฆ่าเพราะถ้าไอ้มิคกำนมอีเฟรนไอ้มิคตายและมันก็หลับสบายไปแล้วครับ ฮ่าๆๆ

     





    ไอ้พีมมึงว่างมั้ยไปช่วยพวกไอ้เมย์เก็บผักกับชาวบ้านที่เชิงเขาหน่อยสิ มันมีแต่ผู้หญิงไปดูแลมันหน่อยพี่โต้งเดินมาบอกผมถึงครัว “เอาไอ้ปาร์คไปด้วยก็ได้”

     



    ครับพี่โต้งผมวางมีดที่กำลังผ่าฟืนลงก่อนจะไปตามหาไอ้ปาร์คไปเป็นเพื่อนแต่ที่ไหนได้มันนำหน้าไปกับพวกพี่เมย์แล้ว

     



    เตี้ย ไปไหนวะ เสียงตะโกนดังมาจากหลังคาห้องสมุดใหม่ที่ผมเดินผ่านผมหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นภูมิที่ส่งเสียงเรียก มันยืนหันหลังให้แสงแต่ผมหันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์เลยต้องเอามือป้องหน้าหยีตาคุยกับมัน

     




    ไปเก็บผักที่เชิงเขา มันพยักหน้าพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆมาให้ผมเลยยิ้มกลับเช่นกันแต่ดันมีเสียงพวกเปรตร้องขอส่วนบุญไอ้แทนกับไอ้คิวแซวซะก่อ ผมเลยต้องรีบวิ่งตามพวกพี่เมย์ไป แซวกูแล้วได้อะไรว๊า

     


    เพื่อนพีมนี่หล่อกันทั้งกลุ่มเลยเนอะแถมยังฮาด้วยเอ่อ เดี๋ยวนะคำว่าเพื่อนพีมแสดงว่าไม่รวมพีมแต่คำว่าทั้งกลุ่มมันหมายถึงทั้งหมดแล้วประโยคนี้เป็นประโยคความรวมรึประโยคความเดียววะแต่สรุปง่ายๆไอ้ที่บอกว่าหล่อพี่เมย์แกไม่รวมผมแน่นอน เหอๆ





    อ่อ พวกมันก็บ้าๆบอๆแบบนี้แหละพี่


     

    “หล่อขนาดนี้คงมีแฟนกันหมดเลยสิเนี่ยชั้นล่ะอุตส่าห์เล็งคุณเบียร์” พี่บางคนหรือน้องๆที่ไม่สนิทกับไอ้คุณชายก็จะให้เกียรติเรียกมันว่าคุณอ่ะครับก็นะอย่างที่รู้ๆกันว่าไอ้เบียร์มันมีคำนำหน้าชื่อบอกตระกูลซะขนาดนั้น

     





    “อีเมย์มึงหวังสูงมากว่าแต่น้องภูมิมีแฟนรึยังอ่ะพีม ฮ่าๆอื้อหือ จุดใต้ตำตอมากๆพี่ฝนเส้นผมบังภูเขาบังยอดดอยได้อีก




     



    เอ่อผมก็ไม่รู้อ่ะพี่ฝนลองไปถามมันดูสิ แฟนไอ้ภูมิหรอครับ หึหึ ถ้าพี่หันมาทางนี้แล้วทำมุมซักสี่สิบห้าองศาเส้นทแยงลิปดาเหนือก็จะเห็นเองแหละ คึคึ พวกสาวๆก็แซวก็แหย่ผมเล่น ดีนะที่มีไอ้ปาร์คมาด้วย ไม่งั้นผมคงโดนรุม

     


     

     

    และแล้วค่ำคืนก่อนวันที่จะต้องลาจากพวกเราก็มีงานปาร์ตี้บนดอยแม่แจ่มแบบเจ๋งๆเป็นการแสดงของกลุ่มสีต่างๆหลังจากที่เมื่อตอนกลางวันเราได้แข่งขันกีฬากระชับความสัมพันธ์กับน้องๆกันไปอย่างสนุกสนานและได้มีพิธีรับมอบอาคารห้องสมุดใหม่ให้กับทางโรงเรียนไปเป็นที่เรียบร้อยบรรยากาศก็ซาบซึ้งประทับใจอีกตามเคยครับ ตอนนี้พวกเราก็นั่งตามอัฒจรรย์สีใครสีมันดูพิธีกรปากกรรไกรอย่างอีน้องกระปุกกับตัวแม่อย่างอีเฟรน

     

     




    “โชว์แรกของเราเป็นโชว์ที่สิริรวมอายุของผู้แสดงทั้งหมดรวมกันคงจะได้ประมานพันเศษๆอ่ะค่ะ” พอน้องกระปุกพูดจบก็ได้รับเสียงโห่จากพวกพี่ๆว่าที่บันทิตใช่แล้วครับมันเป็นการแสดงของพวกที่เพิ่งเรียนจบไปหมาดๆ และพอแนะนำเสร็จเสียงเพลงคุ้นหูก็ดังขึ้น อ่อวันนี้พวกเราได้สิทธิ์ใช้ไฟฟ้าครับเครื่องเสียงพร้อม ไมค์พร้อมและแสงก็พร้อมมัง ฮ่าๆ ก็ใช้เท่าที่มี และไม่น่าเชื่อครับว่าอดีตประธานค่ายอาสาอย่างพี่โต้งจะพาเพื่อนๆออกมาเต้นเพลง

     



    “บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง” ฮ่าๆๆ ได้เสียงฮาเสียงโห่ไปเต็มๆจากนั้นก็มีการแสดงของน้องๆปีหนึ่งมันทำล้อเลียนพี่ๆในค่าย ฮ่าๆมึงกล้ามากครับน้องและก็มาถึงการแสดงของสีชมพูของพวกไอ้คิวพวกมันเล่นละครเรื่องมโนราห์VSเดอะสตาร์

     



    “พี่ริทคะมโนราห์ไม่ยอมนะคะ มโนราห์ก็อยากเป็นแชมป์เหมือนกัน” อีกรีนรับบทนางมโนราห์หลงยุคพวกสาวๆที่เป็นแฟนคลับเดอะสตาร์ก็กรี๊ดกันลืมตายแหละครับเพราะคนที่มารับบทริทนั้นไอ้คิว กร้ากกก

     



    “พี่ริทว่ามโนราห์ใจเย็นๆดีกว่านะครับมึงลองไปฝึกกับพี่แกงส้มดีไหมครับอีมโนราห์”

     

    “ไม่ค่ะมโนราห์จะไม่ฝึกกับใครทั้งนั้นถ้าไม่ใช่พี่โตโน่ พี่โตโน่ พี่โตน่าขาออกมาหาน้องหน่อยค่า” แล้วไอ้แมทก็เดินออกมาเสียงกรี๊ดโคตรถล่มทลายมันโบกมือให้ทุกคนก่อนจะ

     



    “บอกว่าอย่าขอหมอลำ บอกว่าอย่าขอหมอลำไม่รู้หมอลำเขาลำแบบไหน……….งึกๆงักๆมันเป็นงึกๆงักๆจั่งซี่มันต้องถอนจั่งซี่มันต้องถอนนนนนน” กร้ากกก โอยมึงฮาไปไหมแมทเชี่ยน้องแมทฟีลลิ่งมึงเยี่ยมมากสำเนียงเป๊ะอีกต่างหาก



     

    กลุ่มแรกผ่านไปแบบฮาๆมาถึงกลุ่มสีเขียวของพวกผมเราเล่นละครใบ้กันครับอ่อไม่ใช่สิต้องบอกว่าเป็นละครที่ใช้เสียงภาคโดยที่อีเฟรนพากเป็นเสียงพระเอกน้องม่านที่เป็นทอมพากษ์เป็นนางเอก พระเอกแม่งเสียงโคตรแรดส่วนนางเอกก็เสียงห้าวทุ่มมากสงสารก็แต่ไอ้เชนที่รับบทพระเอกและพี่ดาวเป็นนางเอกส่วนผมรับบทเป็นต้นไม้

     




    ต้นไม้น่ารักจังเลยคร้าบบบบบไอ้พวกเชี่ยเพื่อนผมมันส่งเสียงแซวผมเลยเหลือบมองนิดๆเห็นภูมิมันยืนกอดอกยิ้มมองผมที่ถูกเพื่อนมันแซว สาดดดดด ละครพากษ์ครั้งนี้รันทดยิ่งกว่าละครนอกละครในละครดึกดำบรรพ์เพราะแม่งมีคนพากษ์แค่สองคนแล้วมันพากษ์เกือบสิบตัว บางทีบทนางเอกไอ้เชนดันอ้าปากพูดซะงั้น กร้ากกกก อีเฟรนนอกบทก็มีหรือมันคิดสดๆก็ไม่รู้บางทีมันก็แกล้งบอกว่า

     




    “น้องหญิงจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะเซิ้งให้น้องดูน้องหญิงจะได้รู้ว่าพี่รักและเทิดทูนบูชามากแค่ไหน” แล้วไอ้เชนจะทำไรได้ล่ะครับนอกจากจะลุกขึ้นเซิ้ง ฮ่าๆ


    “โอ้ววววว คุณเจ้คะเป็นไงบ้างคะกับสุดยอดการแสดงสองชุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป”




    “ดิฉันไม่มีคอมเม้นและความเห็นใดๆนอกจากอีคนพากษ์เมื่อกี้สวยมากค่ะ ฮา” อิพิธีกรประจำงานมันอวยตัวเองครับทั้งที่ยังหอบแฮ่กๆเพราะเหนื่อยกับบทบาทเมื่อครู่


     

    “โห่หหหหหหหหหหหหหห”



     

    “โห่อะไรมิทราบคะรับความจริงไม่ได้หรอพวกเทอ เอาล่ะค่ะการแสดงชุดต่อไปเป็นการแสดงที่ชะนีเก้งกวางทั้งหลายตั้งตารอชมและรอคอยเพื่อไม่ให้พวกหล่อนทรมานอยากมากไปกว่านี้ขอเชิญพบกับมนต์รักลูกทุ่งบนดอยยยยยยยยยยยค่า” ซาวด์เพลงดังยังไม่ดังเท่าเสียงกรี๊ดของพวกสาวแท้สาวเทียมที่วิ่งไปกองกันอยู่หน้าเวทีเมื่อไอ้ภูมิเดินจูงมือเจ๊แป๋วออกมาพร้อมกับร้องเพลง


     

    “หอมเอยหอมดอกกระถินรวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง” กร้ากกกกกกกกกกกกก อ๊อที่แอบไปซุ่มซ้อมตั้งแต่ตอนบ่ายๆเพราะเหตุนี้นี่เองผมกับไอ้เชนหัวเราะหงายหลังเลยครับกับลุคลูกทุ่งของไอ้หล่อ เสื้อลายสก๊อตกางเกงยีนขาดๆแถมมีผ้าขาวม้าผูกเอว ฮ่าๆ

     





    แต่ก็ต้องยอมรับว่าเชี่ยนี่ใส่อะไรแม่งก็หล่อลองให้ผมไปใส่ดูสิควายวิ่งมาหาเลยอ่ะมันคิดว่าเจ้าของจะพาไปไถนา แล้วพี่แป๋วก็ฮามากครับแกแกล้งทำท่าเขินๆอายๆเอียงหน้าแล้วทำท่าปาดน้ำลายเหมือนว่าไอ้ภูมิเสร็จแน่ พวกเพื่อนพี่แป๋วกรี๊ดด่าอิจฉากันใหญ่



     

    เพราะไอ้ภูมิมันน่ะ มันป็อบปูล่ามากครับสาวๆในค่ายกรี๊ดมันมากเวลามีกิจกรรมนันทนาการตอนเย็นๆภูมิจะถูกทำโทษตลอดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะสาวๆชาวค่ายรีเควสจะให้พี่ภูมิน้องภูมิโดน ฮ่าๆ ผมก็เบิกบานเริงร่าสิครับสมน้ำหน้าแม่งอยากหล่อดีนักโดนซะบ้างเถอะมึง




     

    มันก็เล่นบทเข้าพระเข้านางแล้วประมานว่าพี่ทองกวาวแป๋วต้องเข้ากรุงเทพแล้วก็มาสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าให้ไอ้ภูมิรอพวกมันร้องเป็นเพลงนะครับเพราะมาในตีมละครเพลง แล้วก็มีอีสวีทเดินถือป้ายผ่านหน้าว่าสองเดือนผ่านไปเหมือนที่เขาถือตามเวทีมวยว่ายกสองยกสามอ่ะครับ



     

    ไอ้ภูมิก็มานั่งร้องรำพึงรำพันว่าเมื่อรทองกวาวจะกลับมาแล้วซักพักพี่แป๋วก็เดินออกมาพร้อมควงแขนพี่ป้างพี่ป้างแกเป็นหนุ่มถาปัดครับลูกพี่พวกไอ้ฟ่างแถมยังเป็นเพื่อนพี่ห้อยหน้าตาแม่งก็โจรไม่ต่างกันด้วย กร้ากกแต่แต่งซะหล่อแบดบอยแบบหนุ่มกรุงเทพ

     




    พี่แป๋วก็สะบัดหน้าใส่ไอ้ภูมิ ไอ้พี่เคล้ามันก็ถามว่าทำไมทำแบบนี้พี่ผิดอะไรแต่หน้าไอ้ภูมิเหมือนกลั้นยิ้ม ใครเห็นหน้าพี่ป้างแล้วไม่ขำมึงก็บ้าแล้วว่ะ แล้วพี่ป้างก็เดินเข้าไปใกล้ๆไอ้ภูมิแล้วก็ทำนิ้วโป้งกลับหัวใส่หน้า กร้ากกกกกกกกกกกกกกกก พวกพี่ๆผู้หญิงข้างหน้ากรี๊ดกันใหญ่ด่าพี่ป้างซะยับว่าช่างกล้า แล้วเขาก็ทิ้งไอ้ภูมิไปซักพักไอ้แทนกับไอ้เบียร์ก็เดินออกมา







    เสียงกรี๊ดถล่มทลายแต่รู้สึกว่าเสียงโห่จะมาจากสีชมพูนะเสียงไอ้ฟ่างแหละคนนึงกูจำได้ ไอ้แทนกับไอ้เบียร์ก็แต่งตัวสไตล์เดียวกับภูมิเลยเสื้อลายสก็อตกางเกงยีนเก่าๆและผ้าขาวม้าคาดเอว มันกอดปลอบกันไปกอดกันมาพี่แป๋วก็ออกมาอีกครั้งร้องไห้บอกว่าโดนทิ้งอยากมาคืนดีกับภูมิ ไอ้แทนกับไอ้เบียร์เพื่อนพระเอกเลยลุกขึ้นร้องเพลงและ
    เต้นเพลงนี้ครับ มาทำไมให้อายบ้านนาเล่านวลน้องไม่ต้องกลับคืนมา วันจะไปไม่ลาหนีหน้าไปกับหนุ่มเมืองหลวงไอ้แทนนี่ไม่เท่าไรแต่คุณชายเบียร์มึงฉีกลุคมาก

     



     

    และภูมิก็มองหน้าแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือ……………..

     






    “ว๊ายมาทำไมชะนี” เย้สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสเข้สรุปเชี่ยภูมิเป็นตุ๊ดพวกไอ้เบียร์ไอ้แทนก็เป็นมันทำท่าขี้นิ้วแบบพวกอีกรีนทำเอาเสียงกรี๊ดเสียงฮาดังจนต้องปิดหู แล้วพวกมันก็ร้องเพลงเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆชาวค่ายไปอีกรอบกับเพลงที่ทำให้พิธีกรสองคนขึ้นไปเต้นบนเวทีด้วยอย่างเมามันส์

     








     

    โอ๊ย..น้อ..นอ...คนบ้านเฮา

    คนบ้านเดียวกัน

    แค่มองตากันก็เข้าใจอยู่

    รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน

    ว่าหนักแค่ไหนบนหนทางสู้

    ยังมีคำปลอบโยน

    ยังมีคำปลอบใจ

    มีคำว่าซำบายดีบ่ให้กันเสมอ

    เด้อคนบ้านเฮา

    อ้ายทิดเคน

    เข้ามาเป็นคนขับแท็กซี่

    จากร้อยเอ็ด

    เฮ็ดนาได้เอาไปใช้แต่หนี้

    ตัดสินใจ หิ้วกระเป๋าเดินทาง

    มาสู้กลางเมืองใหญ่เมืองนี้

    ได้เจอกันอยู่ร้านลาบหลายที

    เป็นจั่งใด๋พี่โชคหมานบ่น้อ

    คนบ้านเดียวกัน

    แค่มองตากันก็เข้าใจอยู่

    รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน

    ว่าหนักแค่ไหนบนหนทางสู้

    ยังมีคำปลอบโยน

    ยังมีคำปลอบใจ

    มีคำว่าซำบายดีบ่ให้กันเสมอ

    เด้อคนบ้านเฮา

    โอ๊ย..น้อ..นอ...คนบ้านเฮา

    ให้โชคให้หมาน ให้มั่งให้มี

    ให้อยู่ดีมีแฮง

    อยู่แดงมีฮีเด้อครับพี่น้อง

    น้องตั๊กแตน

    เข้ามาเป็นสาวโรงงานเย็บผ้า

    แรงที่ใช้กับเงินที่ได้

    ยังบ่เคยคุ้มค่า

    นักเรียน ม.ปลายจากภาคอีสาน

    กลายเป็นแรงงานถูกกดราคา

    น้องมาซื้อลาบ เฮาได้เว้าจา

    จั่งใด๋อดสาเอาก่อนเด้อนาง

    คนบ้านเดียวกัน

    แค่มองตากันก็เข้าใจอยู่

    รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน

    ว่าหนักแค่ไหนบนหนทางสู้

    ยังมีคำปลอบโยน

    ยังมีคำปลอบใจ

    มีคำว่าซำบายดีบ่ให้กันเสมอ

    เด้อคนบ้านเฮา

    โอ๊ย..น้อ..นอ...คนบ้านเฮา

    ให้โชคให้หมาน ให้มั่งให้มี

    ให้อยู่ดีมีแฮง

    อยู่แดงมีฮีเด้อครับพี่น้อง

    คนบ้านเฮา คนบ้านเดียวกัน

    คนบ้านเฮา คนบ้านเดียวกัน

     





     “พีมไอ้ภูมิมันไปซ้อมตอนไหนวะ ฮ่าๆแม่งซุ่มเว้ย” ไอ้เชนก้มมากระซิบผมผมก็ได้แต่ขำไม่รู้เหมือนกันว่ะเชนสำเนียงอาจจะไม่เทพเท่าไอ้แมทลีลาอาจไม่ดีเท่าไอ้คิวแต่ความหล่อและน้ำเสียงมันสามคนเอาอยู่ครับ

     




    “โอยยยยยยยเหนื่อยแฮ่ดมากค่าทั้งหล่อทั้งร้องเพลงเก่งว่าแต่ชะนีแก่ๆข้างหน้าเป็นไงบ้างคะมีใครตายรึยังเอาวิญญาณกลับมาด้วยนะย๊ะ แหม๊นั่งเพ้อมองกันตาฉ่ำเลยนะคะพวกหล่อนคงมโนสินะว่าไอ้แทนไอ้ภูมิมันมองมันมองก็จริงแต่โฟกัสสายตามันน่ะนู่นนเสาธงนู่น




    “ทำไมคะอีเฟรน”

     


    “พวกมันตาเหล่ย๊ะ รมณ์เสีย” กร้ากกกก อีเฟรนมันฮาได้ทุกวินาทีจริงๆนะครับ

     






     

    “ฮ่าๆค่ะและแล้วเราก็มาถึงโชว์สุดท้ายแล้วนะคะโชว์ต่อไปเป็นโชว์จากสีส้มค่ะ คือดิฉันอยากจะบอกว่าโชว์นี้เราภูมิใจเป็นอย่างมากอลังมากๆ” น้องกระปุกมันอวยสีตัวเองมันก็คงอลังจริงๆแหละก็ตัวเป้งๆมากองอยู่สีนี้กันหมดนี่หว่า





     

    “เพราะว่าเป็นสีของหล่อนใช่ไหมจ๊ะถึงได้อวยขนาดนี้”

     



    “มีส่วนค่ะคุณเจ้แต่ระดับสีส้มเราจะมาโชว์ลิเกไก่กามนต์รักลูกทุ่งเบๆไม่ได้แน่นอน อ๊ะ อะ อ่า เป็นโชว์ที่เราอิมพอร์ตศิลปินระดับเอเชียมาเลยนะค๊า”

     





    “ขึ้นมาที่ดอยนี่เหรอคะคุณน้อง”              

     


    “ถูกค่ะคุณพี่”



     

    “เออ เก๋เนาะ”                                                        

     





     

     

    “และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเสียงกรี๊ดดังๆให้กับ……………. Super Juniorrrrrrrrrrrrr

     

     







     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     


     

    แค่คำว่าsuper juniorก็ทำเอาดอยเกือบแตกเสียงกรี๊ดลั่นจนผมต้องเอามืออุดหู อะไรวะแค่พูดถึงก็กรี๊ดกันขนาดนี้เลยเหรอ พร้อมกับไฟที่ดับลงก่อนจะมีดนตรีจังหวะหนักๆดังขึ้น

     





    “เฮ้ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

     




     

    บัม บัม บัม บัม บัม

     




    SJ like this” มีเสียงคนพูดประโยคนี้ก่อนที่ไฟจะเริ่มส่องแสงสลัวส่องให้ภาพชายหนุ่มราวเจ็ดแปดคนยืนเก๊กเป็นกระจุก มีเสียงกรี๊ดดังไม่หยุดและเสียงโห่เสียงฮาเมื่อเห็นชัดว่ามีใครบ้าง




    ไอ้ปัน ไอ้มิค ไอ้เอ็ม พี่โจ๊ก น้องเบิร์ด เชี่ยน้องปาร์ค ไอ้พี่เบิ้ม กร้ากกกกกกกกกก ใส่สูทใส่แว่นตาทุกคนเลยกูสงสารศิลปินตัวจริงๆที่มีวงแบบนี้เต้นเลียนแบบ หนังหน้าแต่ละคนใส่แว่นแล้วเหมือนจะไปนั่งสีซอบนสะพานลอยมากกว่ามาเต้นนะ






    Super Junior We Are Super Super Man” แล้วซาวด์เพลงก็เปลี่ยนไปกลายมาเป็นเพลงที่ผมคุ้นหูบ้าง





    Sorry Sorry Sorry Sorry

    แนกา แนกา แนกา มอนชอ

    เนเก เนเก เนเก ปาจยอ

    ปาจยอ ปาจยอ บอรยอ เบบี้

    Sorry Sorry Sorry Sorry

    (Shawty Shawty Shawty Shawty)






    กร้ากกกกกกกกกกกมันทำท่าเอาหลังมือถูกันแล้วแหวกออกเหมือนมันกำลังเปิดพงหญ้าหากบหาเขียดแดกประทังชีวิตเลยว่ะ กูเคยดูนะรู้สึกว่าเขาไม่ได้เต้นแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะแล้วพวกมันก็หยุดมีเพลงใหม่ขึ้นมาอีกที่มันเต้นท่าสะบัดๆมืออ่ะครับ

     


    Because You Naughty, Naughty

    Hey!  Mr. Simple        

    Because You Naughty, Naughty

     


    เฮ้ยยยประตูหนีบมือหรอวะสะบัดอยู่ได้พวกสีกากเอ้ยสีชมพูมันตะโกนแซวเรียกเสียงฮาจะใครล่ะก็ไอ้คิวนั่นแหละ



    “กูว่าโดนน้ำร้อนลวกมากกว่าไปทายาหม่องไป๊ไม่ต้องมาเต้น” และนี่ก็เสียงจากไอ้ฟ่างพวกมันเต้นโคตรพร้อมกันมาก(กูประชด) ท่าอะไรไม่รู้รู้แต่ว่าผมฮามาก



     

    สุดท้ายไอ้ปันก็นำทีมจบด้วยท่อนที่ว่า “The last man standing!!!!!” แล้วมันก็ขว้างแว่นตาทิ้งก่อนจะจัดแถวยืนนิ่งหล่อๆ(เหรอ)

     


    กร้ากกกกกกกกกกกกก แม่งอย่างฮาพวกสาวๆน้องสี่ห้าคนที่นั่งข้างหลังผมสงสัยเป็นแฟนคลับพวกเกาหลีมั้งกรี๊ดแบบดังมากกกก ฮ่าๆ คือน้องไม่แคร์ว่าหน้าคนโคฟเป็นไงแม่งขอให้เป็นวงที่ชอบก็กรี๊ดไว้ก่อน พี่ว่าน้องควรจะดูหนังหน้าพวกมันแต่ละคนก่อนก็ดีนะครับ ถึงผมจะไม่ใช่แฟนเกาหลีแต่ผมก็รู้จักนะSuper Junior 2PM ดงบังอะไรนี่แค่ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแค่นั้นเองและที่ผมรู้ชัวร์ๆเลยก็คือพวกเขาหล่อกว่าไอ้พวกนี้จนผมไม่กล้าเปรียบ

     




    เอาเป็นว่าคะแนนความพร้อมเพรียงติดลบ คะแนนหน้าตาลบร้อย คะแนนความกล้าเกินล้าน คะแนนความหน้าด้านให้เต็ม

     



    “ขอเสียงกรี๊ดดังๆให้กับศิลปินของเอเชียอีกครั้งนะค๊าหล่อมากกกกกหล่อมากๆค่า”





    โห่หหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห คราวนี้มีแต่เสียงโห่ ฮ่าๆดูพวกมันแม่งยืนเก๊ก กร้ากก เชี่ยมิคมึงใส่แว่นตาดำแล้วแหงนหน้ายิ่งเหมือนว่ามึงตาบอดนะเพื่อน



    “เรามาสัมภาษณ์พวกเขาซักหน่อยดีไหมคะ”



    “สัมภาษณ์พวกนี้น่ะเหรอคะคุณน้อง เอ่อ กูกลัวมันกัด” ฮ่าๆ ไอ้แทนตะโกนแซวว่ามึงอ่ะจะไปกัดเค้าก่อนอีเฟรน




    “ไม่กัดค่ะคุณเจ้เอาล่ะค่ะล่าม ล่ามคะเชิญค่า” ล่ามก็ไม่ใช่ใครไหนอื่นไอ้เต้ยนั่นเองเออคนที่เต้นเป็นอย่างไอ้เต้ยดันให้มาเป็นล่าม ฮ่าฮ่า แต่กูว่าคนที่มาเป็นล่ามน่าจะเอาคนที่พูดจารู้เรื่องกว่านี้นะ ผมกำลังขำพวกไอ้ปันไอ้มิคก็มีคนมาสะกิดพอหันไปมองก็เป็นพี่เคล้าเอ้ยไอ้หล่อที่มายืนดูด้วย

     



    “อันยองฮาเซโย” ไอ้เต้ยก้มหัวทักทายศิลปินเกาหลี ก๊าก



    “อันยองฮาเซโย”



    “ล่ามๆๆ นี่คือคุณคอยบังตอเป็นล่ามโซ่ของเราค่ะ” สาบานว่านั่นชื่อ คอยบังตอ ฮ่าๆ




    “ไม่ใช่ล่ามโซ่ค่าคุณเจ้ ล่ามเฉย”





    “อ่อเหรอๆเอ่อคุณล่ามช่วยถามพวกเขาให้หน่อยสิคะว่าสถานการณ์แถวเขาพระวิหารเป็นไงบ้าง” ฮาอีเฟรนมึงแรงว่ะเพื่อน




    “ไม่ใช่ๆค่ะคุณเจ้เราต้องถามว่าเวียงจันทร์ร้อนไหมคะบ้าหรอนี่เกาหลีค่า”


    “อ่อๆพอดีเห็นหน้าเลยทำให้นึกไปถึงเขตชายแดนที่พิพากษ์กันอยู่ถ้าอย่างไอ้เอ็มเป็นsuper juniorได้ ดิฉันก็เทียบได้กับgirl generation ได้เหมือนกัน” แล้วอีเฟรนมันก็ร้องและเต้น “ we bring the boy out เนกาเชงชาล่ากา” กร้ากกกกก


    มันแหกขาแต่ปรากฏว่ามันยืนขึ้นไม่ได้อีน้องกระปุกต้องไปฉุดขึ้นมา โอยยยยกูปวดท้องและไอ้คนข้างๆก็เนียนยกแขนมาโอบผมนะผมเหลือบมองภูมินิดๆก่อนจะหันไปสนใจพวกบนเวทีต่อ




    “นั่นเต้นหรือถูกน้ำมนต์วะ” ไอ้คิวตะโกนแซวคู่กัดมัน






    “ว่าไม่ได้นะคะนางอาจจะเกิดมาเพื่อฆ่าชะนีเกิร์ลกรุ๊ปฝั่งเกาหลีก็ได้” อีจี้ก็แซวเพื่อนตัวเองอย่ามันส์ปาก




    “เพื่อนกูนี่แหละคือสิ่งที่JYPตามหา เกิลเจนก็เกิลเจนเถ้อเจอเกิลปลวกแล้วจะหนาว” ตามมาด้วยอีเคที่ ฮ่าๆ



    “หุบปากค่าอีพวกปรสิตคุณล่ามคะช่วยถามพวกเขาหน่อยว่าพูดไทยได้ไหม” เมื่อได้รับคำสั่งจากอีเฟรนแล้วไอ้เต้ยก็หันไปถามไอ้มิคว่า



    “วือยองๆไทยอะบิดๆกระปิดกะปอย” กร้ากกกกก ล่ามมึงพูดภาษาอะไรได้ยินเสียงไอ้คิวหัวเราะก๊ากเลย





    “ออนขื่อมันบังดงปิ๊ดๆ” เชี่ยมิคก็ตอบไรมาไม่รู้แต่ไอ้เต้ยแปลได้เทพป่ะล่ะน้องกับเพื่อนกู




    “คุณชีวิน”




    “ชีวอน!!!!!!!




    “ครับคุณชีวอนบอกว่าก็พูดได้นิดหน่อย”





    “หรอคะงั้นให้แนะนำตัวทีละคนได้ไหมคะ” แล้วไอ้เต้ยก็แปลพวกมันก็เริ่มแนะนำตัว




    “สวัสดีคับผม ชื่อ ทงเฮคึบ” แอ๊บพูดไทยไม่ชัดนะมึงไอ้เอ็ม




    “ผมลีดเดอร์อีทึก” พี่เบิ้ม




    “ส่าหวัดดีคร๊าบผมชื่อ เอ่อ กูชื่อไรนะปัน”



    “ซองมินพี่ซองมิน” พี่เบิร์ดดดดดดดดด พี่ลืมชื่อตัวเองหรอวะ “ครับผมชื่อซองมิน”



    “ผมชื่อเยซองคลับ” พี่โจ๊กหน้าพี่แกดูภูมิใจกับบทบาทครั้งนี้มาก



    “ผมชื่ออึนฮยอก” ไอ้น้องปาร์ค




    “สวัสดีครับผมชื่อคยูฮอน” เชี่ยปันมันพูดจบก็เก็กหน้าที่คิดว่าหล่อพร้อมกับชี้นิ้วชี้กับนิ้วกลางแล้วทำ “ปัง” เป็นท่ายิ่งปืนและเดินถอยหลัง สาดดดด ถ้าไม่มั่นใจว่าหนังหน้าตัวเองดีจริงไม่กล้าทำนะท่านี้แต่ไอ้ปันมันทำและมันก็เดินถอยหลังไปสะดุดสายไฟเกือบหงายหลังอีเฟรนขำจนหลุดเสียงแมน





     

    “ผมชื่อชีวอนคึบ”  ไอ้มิคแม่งตอแหลมึงเนี่ยนะซีวอนโอ้วมายบุดดา


     

    “เฮ้ยเป็นคางทูมกันหรอหรือปวดฟันคุดวะ” ก็ยังเป็นพวกไอ้คิวที่ตะโกนกวนตีนไม่หยุด


     

    “เอ่อไม่ทราบว่าคุณเยซองประสบอุบัติเหตุดั้งไปฟาดขอบหน้าต่างมารึเปล่าคะดูมันยุบๆไปนะคะ” อีเฟรนมึงก็สรรหาจริงๆคำถามเนี่ยทำเอาพี่โจ๊กหัวเราะหันหน้าหนีแล้วโบกมือ




     

    “ให้เกียรติศิลปินด้วยครับ” ไอ้เต้ยพูดทั้งที่กำลังขำ




     

    “อ่อค่ะขอโทษค่ะแล้วเอ่อคือซุปเปอร์จูเนียร์ปกติมี13คนไม่ใช่หรอคะทำไมมาแค่นี้แล้วอีกหกคนไปไหน

     




    “อีกโหกโคนปายน้าย” ถ้าจะลำบากขนาดนั้นมึงพูดไทยก็ได้นะเต้ย


     

    “รันจองึนบอ” ไอ้ปันคว้าไมค์มาตอบ

     



    “อะไรนะคะ” อีเฟรนเงี่ยหูฟัง


     

    “รับจ้องันบอ”     



     

    “ห๊ะ”






     

    “ไปรับจ๊อบงานบวชอิสัส” ชัดแจ๋ว super junior ไปงานบวชพ่องเชี่ยปัน กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก และค่ำคืนนี้ความสนุกสนานก็ยังอีกยาวไกลครับขอผมไปพักเอากรามลงซักแปบนะ อ่อ จะไปขอถ่ายรูปกับศิลปินเกาหลีด้วย ฮ่าๆ











    หลังจากการแสดงของแต่ละสีจบลงพวกเราก็มีการสังสรรค์ต่ออีกนิดหน่อยคนอื่นๆเขากินข้าวกินขนมแต่อีเฟรนกินไมค์ครับโรคเดียวกับไอ้ปันแม้จะไม่ได้พูดแต่ขอแค่ได้ถือไว้และไอใส่ก็ยังดี พวกเรากินมื้อดึกกันไปฟังอีเฟรนกับอีกรีนเปิดคาเฟ่ไปแม่งมันส์ยิ่งกว่าเดี่ยวพี่โน้สอีกครับพี่น้อง









    แถมระหว่างกินยังมีการฆ่ากันเกิดขึ้นคงเป็นกลุ่มพวกพี่หมอกานต์มั้งครับเพราะได้ยินเสียงเฮลั่นว่า มึงตายแล้วๆๆๆๆๆ ฮ่าๆว่าแต่ไอ้หล่อพี่เคล้ามันหายไปไหนวะไอ้แทนไอ้เชนไอ้เบียร์ก็ไม่เห็นหัว แม่งพากันแอบไปก๊งเหล้าแน่ๆหรือไม่ก็คงพาไอ้เชนไปนั่งจีบน้องปิ๊งแหงๆ












     

     








    ………………..






    แฮ่ก หมดแรงค่า อีกสิบที่เหลือ(เอาไรวัดวะ)จะมาพรุ่งนี้นะคะ มันเบลอๆไปนิดก็ทนหน่อยนะคะพรุ่งนี้จิมาลงและแก้ให้ใหม่ เหอๆ ไปแล้วค่า

     

     

     

    แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ผมมีของกินอยู่ตรงหน้ามีสุราเมรัยอีกนิดหน่อยแถมยังมีคนร้องเพลงให้ฟัง(แม้มันจะฟังดูโหยหวนออกไปทางบทสวดสรภัญญะมากกว่าก็เถอะ)แต่แค่นี้ก็เปรมแล้วใครจะไปจะมากูไม่สนโว้ยขอกินก่อนแล้วกันเดี๋ยวไม่ทันไอ้คิวกับไอ้เต้ย












    เพล้งงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!




    เฮ้ยแม่งใจเย็นๆดิวะมึงไม่อายน้องบ้างเหรอ”




    “ไม่อายโว้ยไอ้คนที่มันขโมยของกูมันยังไม่อายแล้วทำไมกูต้องอายด้วยวะ”




    “ไอ้เอ็มกูขอเหอะกลับไปเคลียที่กรุงเทพได้ไหมพรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านแล้วอย่ามีเรื่องกันเลยว่ะ”




    “มึงก็พูดได้ดิเชนมึงไม่โดนแบบกูนิไอ้เหี้ยตัวไหนเอาของกูไปกูไม่จบง่ายๆแน่ๆกูจะค้นเรียงตัว ปล่อยกู”






    “มึงเงียบก่อนได้ไหมห๊ะเอ็มกูก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะถามให้จะช่วยกันหา”







    “หึ แม่งคงเจอหรอกพี่เบิร์ดไอ้คนที่มันขโมยไปมันคงถือมาคืนหรอกนะ ถุ้ย ค่ายอาสา?แค่มือถือยังขโมยแล้วเงินชมรมจะไปเหลืออะไรวะ”




    เสียงโวยวายข้างนอกทำเอาบรรยากาศสนุกๆหายวับไปในพริบตา อีเฟรนอีกรีนที่เรียกเสียงฮาอยู่เมื่อครู่ก็หน้าเจื่อนไปตามๆกันส่วนพวกเราที่กินข้าวอยู่ก็ลุกออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นภาพที่เห็นคือไอ้เชนกำลังดึงไอ้เอ็มที่เหมือนกำลังโมโหสุดๆไว้ มีพวกไอ้ดลไอ้ภูมิแล้วก็อีกหลายคนยืนมุงอยู่ ตอนนี้เสียงเพลงสนุกๆถูกปิดลงแล้วและบรรยากาศอึมครึมมากเลยครับ









    “เฮ้ยมันจะมากไปแล้วนะของๆมึงหายก็อย่าพาลไปทั้งค่ายสิวะมึงอาจจะเสร่อทำหล่นตรงไหนก็ได้นี่หว่า” ไอ้แทนผลักอกไอ้เอ็มไปที ผมว่ามันชักจะเริ่มส่อแววไม่ดีแล้วสิมึงอย่านะแทนอย่าใช้อารมณ์เหมือนเมื่อก่อนเพราะมึงโตแล้วนะเพื่อน เมื่อเห็นท่าไม่ดีไอ้ฟ่างก็ลุกออกไปยืนข้างๆไอ้แทนและเหมือนจะบอกว่าให้ใจเย็นๆ






    “กูไม่ได้ทำตกไอ้ฟลุคมันก็เห็นตอนที่กูเก็บไว้ในกระเป๋าในห้อง”






    “แล้วมึงจะอะไรหนักหนาวะของมันก็หายไปแล้วพี่เบิร์ดก็บอกอยู่ว่าจะช่วยหามึงอย่าทำตัวให้มีปัญหาได้ไหมห๊ะ”





    “เออ!!!!กูมีปัญหากูไม่ได้รวยอย่างมึงนิไอ้สัด” ไอ้เอ็มตั้งท่าจะกระโดดเข้าชกไอ้แทนพวกไอ้ภูมิไอ้เบียร์วิ่งกรูเข้าไปแยกแทบไม่ทันรวมถึงผมที่ไม่รู้วิ่งเข้าไปถึงตัวไอ้แทนตั้งแต่เมื่อไร




    “ไอ้แทนใจเย็นๆดิวะ” ภูมิดึงแขนไอ้แทนไว้แต่ต้องอาศัยทั้งแรงไอ้เบียร์แรงไอ้ฟ่างแล้วก็ผมถึงเอาไอ้แทนอยู่





    “พวกมึงเป็นเหี้ยไรกันห๊ะ!!!!เป็นบ้าอะไรกันแดกข้าวด้วยกันทุกวันยังจะกัดกันเหมือนหมามึงไม่อายน้องๆมันบ้างเหรอ” พี่โต้งเดินเข้ามาห้ามได้ทันทำให้มันสองตัวยอมอยู่นิ่งๆแต่ก็ยังจ้องหน้ากันเหมือนพร้อมจะกระโจนใส่อีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ “ใครที่ไม่เกี่ยวกลับไปกินข้าวต่อแล้วถ้าเสร็จแล้วอีแป๋วอีเฟรนพาน้องผู้หญิงไปนอนพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าส่วนไอ้พีมไอ้ดลพาน้องผู้ชายปี1ปี2ทั้งหมดไปนอนที่ห้องสมุดเก่า” 






    “ครับพี่โต้ง” ผมรับคำสั่งพี่โต้งและสบตากับภูมิมันพยักหน้าและยิ้มให้นิดๆ ผมพาน้องๆกลับเข้าไปกินข้าวตามคำสั่งของพี่โต้งแต่ก็เหมือนว่าทุกคนจะกินต่อได้แค่นิดเดียวก็ใครจะไปกินลงล่ะครับเมื่อกี้พึ่งเห็นรุ่นพี่เกือบต่อยกันไปหยกๆ


    “เฮียมีเรื่องอะไรกันเหรอ”ไอ้เต้ยเดินมาเกาะแขนผมระหว่างที่ผมเดินนำน้องๆมานอน

    “ไอโฟนไอ้เอ็มหายน่ะ”

    “มีขโมยในค่ายหรอพี่”ไอ้เด็กปี1อีกคนถาม

    “อืม”

    “แล้วพี่เอ็มเขาสงสัยใครรึเปล่า”

    “กูไม่แน่ใจนะแต่ถ้าฟังไม่ผิดน่าจะเป็นผู้ชายรุ่นน้องเพราะห้องพักเราก็แยกกันผู้หญิงคงไม่กล้าเข้าไปหรอก” ไอ้ดลอธิบาย

    “ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้เลยว่ะพรุ่งนี้ก็จะกลับกันแล้ว”

    “เออนั่นดิกูประทับใจพวกพี่ๆมากเลยนะเว้ยใครแม่งขโมยวะ” พวกน้องๆมันก็บ่นๆคุยๆกันไปตลอดทางผมกับไอ้ดลก็ได้แต่มองหน้ากัน







    น้องๆมันนอนแล้วแต่ผมกับไอ้ดลยังคงนั่งเฝ้าอยู่และซักพักก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นทำเอาพวกที่พึ่งจะหลับถึงกับสะดุ้งตื่น





    “ลุก !!!!!!ปี1ปี2ลุกเดี๋ยวนี้!!!!!!กูให้เวลาสามนาทีออกมารวมกันข้างนอก” ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเสียงไอ้แทนพวกน้องๆก็สะดุ้งตื่นเสียงทุบประตูทุบหน้าต่างปังๆและเหมือนจะมีคนวิ่งกันวุ่นวาย






    “เฮ้ยพวกมึงลุกๆๆเร็วออกไปข้างนอก” ผมกับไอ้ดลรีบปลุกน้องให้ตื่นน้องบางคนก็ยังเบลอๆงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะมันพึ่งหลับแถมอากาศตอนนี้แม่งก็โคตรหนาวคงไม่มีใครอยากถูกรบกวนปลุกให้ตื่นในเวลาแบบนี้หรอกแต่น้องๆก็ต้องรีบวิ่งออกมานั่งอย่างพร้อมเพรียงกันบริเวณด้านหลังห้องสมุดเก่าซึ่งมีพี่ๆปี4ก็คือรุ่นผมยืนคุมอยู่






    “มึงเข้าแถวไม่เป็นกันรึไงห๊ะ!!!!!จัดแถวตอนลึกแบ่งหญิงชายปฏิบัติ!!!!!” น้องๆหลายคนดูงงๆและตื่นกลัวการว้ากแบบไร้สาเหตุของพี่ว้ากแห่งคณะที่ขึ้นชื่อว่าโหดสุดๆอย่างวิศวะ ทุกคนรีบเข้าแถวตามคำสั่งโดยแยกชายหญิงและหันหน้าเข้าหากันไอ้แทนกับไอ้ภูมิยืนอยู่ตรงกลางส่วนพวกเราก็ยืนอยู่รอบๆน้องอีกที





    หมอบลงไป!!!” ภูมิสั่งแม้ว่ามันไม่ได้ตะคอกตะโกนแบบไอ้แทนแต่น้ำเสียงมันก็เฉียบขาดน่ากลัวไม่น้อยไปกว่ากัน “กูบอกให้หมอบ!!มึงหูแตกรึไงห๊ะหมอบลงไปปป!!!!” ทั้งน้องผู้หญิงผู้ชายรีบนอนคว่ำหมอบไปกับพื้นดีที่ตรงนี้เป็นหญ้าแต่ว่ามันก็ชื้นแฉะจากหมอกจากน้ำค้างอยู่เหมือนกันแต่ในสถานการณ์ที่ถูกกดดันและทำโทษอยู่แบบนี้คงไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นกันหรอกครับ





    “กูไม่คิดเลยนะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นที่ค่ายอาสาค่ายที่พวกเราใช้ชีวิตด้วยกันช่วยเหลือซึ่งกันทำงานหนักมาด้วยกัน กูคิดเสมอว่าเราเป็นเหมือนพี่เหมือนน้องแต่สำหรับพวกมึงคงไม่นับกูเป็นพี่ใช่ไหม” คำถามของภูมิไม่ได้รับคำตอบ





    “มึงไม่เอาปากมารึไงพี่ภูมิถามก็ตอบเด้!!!!!!!!!!!!”





    “ไม่ใช่ครับ/ค่ะ”





    “ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในค่าย…..ทุกคนคงรู้เรื่องที่มือถือของพี่เอ็มหายแล้วใช่ไหม”




    ครับ/ค่ะ”





    เฮ้ยปันมึงมาคุยสิกูไม่อยากคุยกับคนพวกนี้แล้ว” ไอ้แทนถอยออกไปและไอ้ปันก็เดินเข้ามายืนแทนที่






    “อย่างที่ทุกคนรู้ว่ามือถือพี่เอ็มหายและตอนนี้พวกพี่ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาไปพี่จะให้โอกาสคนนั้นยอมรับและสารภาพผิดแล้วพี่จะไม่เอาเรื่องจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งพี่คุยกับพี่เอ็มแล้วพี่เอ็มก็ตกลงแต่ถ้าไม่มีคนยอมรับพี่จะลงโทษทั้งปีหนึ่งและปีสองทั้งหมดเพราะคนที่เอาไปอยู่ในชั้นปีนี้” 






    “…………………..” เงียบทุกอย่างเข้าสู่สภาวะตึงเครียดและกดดัน






    “กูจะนับหนึ่งถึงสิบ” ไอ้แทนบอก




    “……………………” แต่น้องก็ยังเงียบ





    ถือว่ากูให้โอกาสแล้วนะ“หนึ่ง……… สอง




    สาม







    สี่





    ห้า






    หก 






    …..เจ็







    “ผมเองครับ” อยู่ๆไอ้น้องฟลุคก็ลุกขึ้นยืนน้องๆที่หมอบอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองกันหมด ทุกคนต่างมีสีหน้าตกใจและเหมือนจะคิดแบบเดียวกันด้วยว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนๆนั้นจะเป็นไอ้ฟลุค






    “มึงเองเหรอ” ภูมิเดินเข้าไปถามใกล้ๆ




    ครับ” น้องฟลุคตอบเสียงดังมันยืนตรงเผชิญหน้ากับภูมิอย่างคนที่เรียกว่าลูกผู้ชาย





    แล้วคนสมรู้ร่วมคิดกับมึงล่ะ”







    “ผมทำคนเดียวครับ”




    “หึ ทำคนเดียว?เท่เหรอพระเอกเหรอมึง” ไอ้แทนยังใส่ไม่หยุด





    “ผม…..”





    “ผมเองครับพี่แทน” ไอ้แมท!!!!! ผมกับไอ้ฟ่างหันมามองหน้ากันแทบจะทันที ไอ้เต้ยที่หมอบอยู่ข้างๆรีบกระตุกขากางเกงเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นยืน




    “ถ้าไอ้แมททำงั้นเต้ยก็ทำ” ไอ้เด็กพวกนี้ มึง………..





    “หนูก็ด้วยค่ะพี่” จากนั้นน้องๆก็ลุกขึ้นยืนยอมรับผิดกันหมด






    “หึพวกมึงเห็นเป็นเรื่องตลกรึไง รักกันมาก? รักกันมากใช่ไหม….ดี!!!!!งั้นกูก็จะลงโทษทั้งหมดนี่แหละ พี่ปีสี่เอาผ้าปิดตาน้องด้วยครับ”









    พอปิดตาน้องหมดพวกผมก็ให้น้องมันจูงมือกันเป็นแถวยาวมุ่งหน้าไปที่ห้องสมุดใหม่ที่เราเพิ่งสร้างเสร็จและพึ่งมีงานฉลองไปเมื่อตอนเย็น
    แน่นอนว่าที่แห่งนั้นจะมีความจริงรอน้องๆอยู่ พวกผมคอยเดินอยู่ข้างๆคอยดูน้องอยู่ห่างๆเมื่อน้องจะสะดุดหรือมือหลุดจากกันเราก็จับมือน้องให้จับกันใหม่และพอใกล้ถึงห้องสมุดก็ได้ยินเสียงเพลงเสียงกีต้าร์แว่วมาตามลม













    อย่ากลับคืนคำ เมื่อเธอย้ำสัญญา
    อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป
    ให้เธอหมายมั่นคง แล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร
    เดินทางไป อย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น




    มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง(แสงสีทอง...)
    กระจ่างครรลอง ให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
    เมื่อดอกไม้แย้มบาน ให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
    คือรางวัล แด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ ให้เธอ




    บนทางเดินที่มีขวากหนาม
    ถ้าเธอคร้ามถอยไป ฉันคงเก้อ
    ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ
    เพียงตัวเธอ ไม่หนีไปเสียก่อน





    จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน
    จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
    จะเป็นสายน้ำเย็น ดับกระหายยามโหยอ่อน
    คอยอวยพร ให้เธอสมดังหวังได้ นิรันดร์






    และตอนนี้น้องๆก็มาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพี่ๆแล้วครับพวกเราเฝ้ามองด้วยรอยยิ้มแสงเทียนและคบไฟที่ถูกจุดไว้รอบๆทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นมาก “เอาผ้าปิดตาออกได้ครับ” สิ้นเสียงของพี่โต้งพวกมันก็เปิดผ้าปิดตาออก น้องๆต่างอึ้งๆงงๆกันไปหมดน้องผู้หญิงบางคนถึงกับทรุดลงไปนั่งกอดกันร้องไห้น้องผู้ชายก็ยิ้มๆเกาหัวพร้อมโวยวายนิดๆที่รู้ตัวว่าโดนหลอก






    “พวกพี่ๆก็ขอโทษด้วยนะที่อาจจะทำน้องๆตกใจนิดหน่อยเนอะเอ็มๆไหนมึงลองโชว์ไอโฟนให้น้องดูหน่อยดิ” ไอ้เอ็มขำก๊ากก่อนจะแกว่งไอโฟนไปมา






    โห่หหหหหหหหห”






    ก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆจากพวกพี่นะครับและเหมือนน้องๆของเราจะขวัญเสียกันใช่ไหมง้นให้พี่ๆเอาด้ายขาวมารับขวัญน้องหน่อยแล้วกัน”
     






    พี่โต้งพูดเสร็จพวกเรารุ่นพี่ก็ขยายวงกลมออกแล้วนั่งลงน้องก็นั่งตาม น้องๆเข้าไปหาพี่ๆให้พี่ๆผูกข้อมือให้นะครับ” พวกมันก็คลานเข้าเข้ามาหาแต่ละคนแม่งน้ำตาเต็มหน้าเลยยิ่งมีเสียงกีต้าร์ของไอ้คิวสียงร้องของพวกพี่ดาวและเสียงเทียนที่ถูกจุดไว้รอบๆยิ่งทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นซาบซึ้ง







    โอ...โอ้ละเน้อ...น้องเอย
    ลา...ลาลาลาลาลา...ล้าลาลาลาลาลา
    โอ้เจ้าน้องเอย พี่นี่ขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล
    จะรักเจ้า ดังดวงใจ มิคลายหน่ายนา



    ลาลาลาลาลา ล้า ลาลาลาลาลา
    พี่จะรับขวัญเจ้า เอามาเข้าเป็นขวัญจิต
    จะรักดั่งชีวิต ใจคิดกรุณา



    ลาลาลาลาลา ล้า ลาลาลาลาลา
    พี่จะรับขวัญเจ้า เอามาเข้าเป็นขวัญจิต
    จะรักดังชีวิต ใจคิดกรุณา
    ลาลาลาลาลา ล้า ลาลาลาลาลา
    ขอจงหายโศก พ้นภัยหายโรค ให้มีโชคนะน้องยา
    จะเอาด้ายยาว ขาวบริสุทธิ์



    ลาลาลาลาลาลา

    พันมัด ผูกไว้ ที่ข้อมือของเจ้า

    ลาลาลาลาลาลา



    เหมือนดัง...ใจพี่ ผูกพันเจ้าไว้ ไม่หน่ายหนี

    เออ..เอ้อ เออ เอิงเอย...

    ใจผูกพัน




    ฮ่าๆร้องไห้ทำไมครับน้องปิ๊ง” น้องปิ้งเวียนมาอยู่ตรงหน้าผมแก้มใสๆเปรอะไปด้วยน้ำตาจมูกรั้นๆก็แดงทั้งน่ารักทั้งดูตลก





    “หนู ฮึก หนู ซึ้งอ่ะ หนูขอกอดพี่พีมได้ไหมคะ” ไม่ใช่แค่ผมที่แปลกใจกับคำขอไอ้คนที่นั่งข้างๆผมก็ชะงักจากการผูกข้อมือให้น้องแล้วหันมามอง เอ่อ ภูมิมึงคงไม่แสดงอภินิหารต่อหน้าผู้หญิงนะ





    “ถ้าไม่กลัวพี่เชนว่าก็..ได้ดิ มาๆกอดๆ”แล้วน้องก็โถมมากอดผมเอาขี้มูกมาเช็ดเสื้อรึเปล่าเนี่ย ฮ่าๆ แต่กอดได้ไม่นานไอ้หล่อข้างๆก็คันคอไอเหมือนจะตายผมเลยต้องดันน้องปิ๊งออกและผูกข้อมือให้น้องพร้อมกับอวยพร






    “ขอให้น้องปิ๊งเจอแต่สิ่งดีๆนะครับตั้งใจเรียนแล้วก็เป็นน้องที่น่ารักของพวกพี่ไปนานๆนะ”




    “ฮึกค่ะขอบคุณค่ะพี่พีม” แล้วน้องก็คลานเข่าไปหาไอ้ภูมิต่อ






    “กอดซะแน่นเลยนะ” ไอ้หล่อมันก้มลงมากระซิบผมก็ทำหูหนวกไม่ได้ยิน คึ




    “กูกอดแบบบริสุทธิ์ใจเว้ยไม่ได้คิดอะไร”





    “จะกอดแบบไหนกูก็หึง โอเค๊”







    “ไม่โอเค โอ๊ยยย” มันดีดหน้าผากผมรับมันดีดหน้าผากโผ้มมมมมผมกับภูมิก็งิ้งๆใส่กันได้ไม่นานเพราะมีน้องๆมาให้ผูกข้อมือ น้องทุกคนดูจะซาบซึ้งมากน้องผู้ชายอาจจะไม่เท่าไรแต่ผู้หญิงยังร้องไห้ไม่หยุดไม่ใช่แค่น้องๆหรอกครับที่ประทับใจรุ่นพี่อย่างพวกเราก็มีความสุขไม่ต่างกัน เสียงเพลงค่ายของพวกพี่ดาวยังคงขับกล่อมบรรยากาศดีๆเสียงไอ้คิวก็ดูอบอุ่นดีแฮะวันนี้








    ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน 
    ติดปีกบิน ไปให้ไกล ไกลแสนไกล 
    จะขอเป็นนกพิราบขาว 
    เพื่อชี้นำชาวประชา สู่เสรี





     

    ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา 
    จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา 



    หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย 
    จะถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน 


    ชีวา ยอมพลีให้ 
    มวลชน ที่ทุกข์ทน 
    ขอพลีตน ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง 


     




     

    เฮียยยยยย ฮืออออ หลอกเต้ยยยหลอกเต้ยทำไมมมม” มาแล้วครับไอ้น้องเต้ยมันมาแล้วไอ้เต้ยกับไอ้แมท ตอนนี้พวกเรายืนกันหมดแล้วเพราะน้องต้องเดินไปหาพี่ที่ยังไม่ได้ผูกให้เลยออกจะชุลมุนนิดๆ ไอ้เต้ยตรงดิ่งมากอดภูมิกับไอ้แทน ส่วนไอ้แมทถูกไอ้เชนกับไอ้มิคกอดคอรุมเขกหัวมัน
     



    “เท่สาดอ่ะน้องกูแม่งยืนรับผิดแบบแมนๆมึงกับไอ้ฟลุคโคตรหล่ออ่ะแมท” พอถูกไอ้มิคชมซึ่งๆหน้าไอ้น้องแมทมันก็เกาหัวเขินๆ





    ฮ่าๆแล้วพวกมึงร้องไห้ทำไมวะ” ผมแกล้งแซวมันสองตัวบ้าง
     



    พวกเฮียอ่ะหลอกเต้ยยยยยยย”





    “ใช่พี่ผมล่ะโคตรกลัวพี่แทนกับพี่ภูมิเลย” ไอ้แมทก็รีบฟ้องเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้พี่ว้ากจอมสร้างสถานการณ์ทั้งสอง เสร็จงานนี้ไอ้เอ็มไอ้แทนไอ้ภูมิสมควรได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมส่วนพวกผมก็คงได้รางวัลตัวประกอบยอดเยี่ยมล่ะครับ
     



    “พวกมึงโง่ใครเลยถูกพวกมันหลอก” ถึงฟ่างจะพูดแบบนี้แต่มันก็ลูบหัวไอ้เต้ยแถมยังยิ้มให้เป็นยิ้มที่ไอ้ฟ่างโคตรหล่อ ไอ้เต้ยเลยผละจากไอ้ภูมิมากอดฟ่างซะแน่นถ้าไอ้มือกีต้าร์เห็นคงมีเคลียกันยาว






    มึงก็พระเอกนี่หว่ายืนรับผิดทั้งที่ไม่ได้ทำ ลูกผู้ชายมากน้องรัก” ไอ้เบียร์กอดคอไอ้แมทไอ้เด็กลูกครึ่งก็ทั้งซึ้งทั้งเขิน แล้วพิธีผูกข้อมือก็ผ่านไปเวลาที่ต้องปิดค่ายจริงๆก็มาถึงแล้วครับ ไอ้ปันประธานค่ายของปีนี้ก็ขึ้นมาบนเวที







    “เฮ้ยหมอบๆๆๆ” มันแกล้งสั่ง ไอ้แทนกับไอ้เอ็มคู่อริปลอมๆที่ยืดกอดคอกันถึงกับชี้หน้าไอ้ปันที่บังอาจล้อเลียนส่วนภูมิก็ยืนขำอยู่ข้างๆผมนี่แหละที่จริงการว้ากของภูมิมันเป็นอินเนอร์ครับ ฮ่าๆ“เป็นไงของขวัญจากพวกพี่…น้องๆประทับใจไหม







    “โห่หหหห โหดมากพี่ปันพี่ภูมิพี่แทนน่ากลัว” น้องคนนึงตอบเรียกเสียงหัวเราะ







    “แล้วยังจะชอบพวกมันอยู่ไหม ฮ่าๆ ครับที่พวกพี่ต้องรับปีสองด้วยเพราะปีที่แล้วน้ำท่วมเรายังไม่เคยรับน้องของชมรมให้ปีสองเลยถือโอกาสนี้รับพร้อมกันซะเลยก็อาจจะช้าไปเป็นปีคงไม่ว่ากันเนอะ…….”
     






    “คร้าบบบบบบบ” ไอ้เต้ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมตอบซะเสียงดังทำเอาไอ้คิวที่อยู่ข้างเวทีหันมามองมันหัวเราะพร้อมกับชู้ด้ายขาวแล้วกวักมือเรียกให้ไอ้เด็กไฮเปอร์ไปหา พวกผมก็โห่แซวนิดๆไอ้เต้ยถึงกับรีบวิ่งหนีไปเลย
     


    “พี่โต้งจะพูดอะไรกับน้องไหมพี่” ไอ้ปันหันไปถามพวกพี่โต้งที่ยืนอยู่อีกข้างของเวทีพี่โต้งพยักหน้าและยิ้มให้เป็นการบอกว่าพี่เขามอบหน้าที่ทั้งหมดให้ปัน
     



    “ครับงั้นพี่ในฐานะประธานค่ายก็จะขอเป็นตัวแทนของพี่ๆทุกคนพี่นะครับ…..จากเหตุการณ์ในวันนี้รวมถึงตลอดเวลาที่เราได้มาอยู่ค่ายอาสาด้วยกันพี่อยากบอกว่าพวกพี่ภูมิใจมากที่เห็นน้องๆมีความกล้าหาญรักเพื่อนมีความเสียสละและสามัคคีกัน
     



    สิ่งเหล่านี้มีค่ามากนะครับเพราะชีวิตของการเป็นนิสิตในมหาลัยไม่ใช่แค่เรียนให้จบแล้วรอรับใบปริญญาคุณค่าที่แท้จริงไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือหรือห้องเรียน ชีวิตมันมีอะไรมากกว่านั้นมันมีอะไรหลายๆอย่างให้พวกเราออกไปค้นหา ชีวิตคนเรามันสั้นใช้มันให้เต็มที่ทำทุกวันให้มีค่านั่นหมายถึงการทำเพื่อคนอื่นด้วยและพี่เห็นแล้วว่าน้องทุกคนทำได้ พวกพี่ก็หวังว่าน้องๆจะได้รับประสบการณ์ดีๆจากค่ายอาสาครั้งนี้และที่สำคัญพี่ก็หวังว่าทุกคนจะได้รับมิตรภาพดีๆกลับไปนะครับ……..






    ค่ายอาสาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้เพราะพวกเราทุกคนผมขอบคุณทีมวิชาการที่ได้มอบรอยยิ้มให้เด็กๆขอบคุณว่าที่คุณหมอทุกคนที่ดูแลสุขภาพพวกเราชาวค่ายรวมถึงชาวบ้าน ขอบคุณทีมนันทนาการที่หากิจกรรมสนุกๆสร้างสีสันและเสียงหัวเราะตั้งแต่วันแรกที่เราออกเดินทางจนถึงวันสุดท้าย ขอบคุณทีมก่อสร้างที่ลำบากทำงานหนักแต่ก็ไม่เคยบ่นเหน็ดเหนื่อยเลยซักครั้ง ขอบคุณสวัสดิการที่ทำอาหารอร่อยๆให้พวกเรา
     




    และสุดท้ายก็ขอฝากน้องๆ อย่างที่รู้ว่าพวกพี่โต้งก็เรียนจบกันแล้วและปีหน้าก็คงเป็นพวกพี่บ้างต่อไปพวกพี่ก็ขอฝากชมรมค่ายอาสาด้วยนะครับ พี่ขอฝากความหวังฝากพลังที่จะอาสาเพื่อเป็นกลุ่มเล็กๆที่จะอุทิศตัวเพื่อประเทศไทยของเรา ขอให้น้องๆทุกคนเป็นเสียงเทียนที่จะคอยส่องนำทางให้มวลชนต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ
     
     




    ปันได้รับเสียงปรบมือจากพวกเราชาวค่าย ได้รับน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ ถึงมันจะดูเฮฮาบ้าบอไปวันๆเป็นตัวป่วนของพวกเราแต่ผมรู้ว่ามันเหนื่อยมากกับการทำค่ายครั้งนี้แต่มันก็ยังยิ้มเสมอและผมก็ภูมิใจในตัวเพื่อนคนนี้มากเหมือนกันครับ เราร่วมร้องเพลงด้วยกันเป็นเพลงสุดท้ายเพลงปิดค่ายที่จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราไปอีกนานแสนนาน 










    เทียนหนึ่งถูกจุดที่นี่ เทียนนี้ถูกจุดลุกไสว
    เทียนนี้ถูกจุดที่ใจ เปลวไฟถูกจุดขึ้นมา...




    เปลวไฟแห่งเทียนลุกไหม้ เปลวไฟแห่งการศึกษา
    เปลวไฟต่อสู่มายา เปลวไฟกล้าท้าผองภัย...



    บางครั้งเทียนกระพริบริบหรี่ เมื่อมีลมกระโชกโบกใบ้
    บางครั้งเทียนแทบดับไป แทบไม่อาจต้านลมแรง...





    ...ศักดิ์ศรีที่เทียนส่องอยู่ เชิดชูศรัทธากล้าแกร่ง
    แม้เป็นเทียนน้อยด้อยแสง แต่แฝงศรัทธาเนืองนอง



    เทียนหนึ่งถึงคราวมอดดับ ลาลับไปจากเพื่อนผอง
    แต่ ณ ที่นี้เรืองรอง ขอเทียนน้องส่องทดแทน...







    ขอบคุณค่ายอาสาขอบคุณเพื่อนๆขอบคุณน้องๆขอบคุณชาวบ้านที่ใจดี ขอบคุณวันเวลาและประสบการณ์ดีๆที่พวกเราได้ทำร่วมกัน แม้มันจะเป็นเพียงแค่หนึ่งเรื่องราวในชีวิตของผมแต่ผมก็จะจดจำมันไว้……ตลอดไป












    แล้วพวกเราจะกลับมาเยี่ยมอีกนะครับแม่แจ่ม













    TBC >>>>>>>>>>>>





    ………………………….






    -         ตอนหน้าก็ถึงเส้นชัยแล้วเนอะ ช่วงที่ผ่านมาต้องขอโทษจริงๆนะคะที่ลงช้า ทั้งที่ว่างแต่สมองตีบตัน ฮ่าๆ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะจ๊ะ



    -         ที่ผ่านมาตาลตาลอาจจะเป็นคนเขียนที่ไร้ระเบียบวินัย บางครั้งก็ผิดสัญญา บางทีก็ไม่ค่อยมาคุยกับคนอ่านไม่ได้ตอบคอมเม้น บางคนทิ้งแบนเนอร์ไว้ให้ตาลก็ลืมเอาขึ้น ความผิดเหล่านี้ขอรับไว้และขอโทษจากใจจริงนะคะ




    -         และมีหลายๆคำถามที่ถามเข้ามาตาลก็จะขอตอบแบบรวมๆเลยนะคะ



    -         มหาลัยของอิพวกเดอะแก๊งคือมหาลัยสีชมพูรึเปล่าและตาลได้เรียนที่นั่นไหม คำตอบ คือ ไม่ใช่นะจ๊ะ ฮ่าๆ ก็ไม่รู้อะไรที่ทำให้คนอ่านคิดไปได้พวกเทอเพ้ออ่ะ ตาลไม่ได้เจาะจงจะให้เป็นมหาลัยไหนเพราะมันไม่มีอยู่จริง กร้ากกก แต่ประเด็นคือไม่ว่าจะมหาลัยไหนก็คงมีรับน้องมีกิจกรรมและทุกคนก็ต้องมีกลุ่มเพื่อนทั้งนั้นใช่ไหมคะ เอาเป็นว่าประเด็นนี้เคลียเนอะ



    -         สอง มีคนสงสัยว่าตาลไม่ใช่ผู้หญิง อันนี้ฮาบรรลัย ขอยืนยันนอนยืนสวิงกิ้งยันว่าตาลเป็นหญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นนะคะ ใครข้องใจก็ขอให้ส่งพี่ชายน้องชายมาพิสูจน์ได้ แบร่



    -         สาม มุขฮาๆไปหามาจากไหน อืม อันนี้เหมือนถามว่าทำไมตาลถึงสวย คือ ก็ไม่รู้จะตอบยังไงมันมาเองแต่บางมุขเราก็ไปเจอมาได้ยินเพื่อนพูดก็มีบ้างค่ะ



    -         แล้วมาบอกลาพวกหนุ่มๆกันตอนหน้านะคะ รักทุกคนเสมอ(ใช้คอมเพื่อนต้องรีบทอร์ค อิห่านจิกนี่ก็จะออนเฟช แสรดดด เม้าท์ไม่มันส์เลยไว้จะมาเม้าท์อีกนะเคอะ จ๊วฟฟฟ)
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×