ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #120 : ตัวอย่างตอนพิเศษทั้ง 5 ตอน ในเล่มพิเศษ 10 ปี ค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.69K
      209
      11 ต.ค. 63

     


    ตอนพิเศษหนึ่งทศวรรษครับพี่น้อง

     

    ไม่เจอะกันนานคิดถึงจังเล้ยยย พี่เอ๋ยเพื่อนเอ๋ยข้าคิดถึงเจ้า กรู้ววว เป็นไงล่ะ เสียงขับร้องของพีรณัฐ เพชรน้ำหนึ่ง ลูกคอเจ็ดชั้นครึ่ง ธรรมดาซะที่ไหน ว่าแต่คุณจำผมได้หรือเปล่าครับ ลืมเลือนกันรึยังน้อ คุ้นๆบ้างไหมว่าไอ้นี่มันใครวะ! ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ยังจำเพื่อนเก่าคนนี้ได้หรือไม่ตัวเธอ จำได้ไหมว่าเราเป็นเพื่อนกันมาจะครบสิบปีแล้วนะ หนึ่งทศวรรษเลยนะเว้ย


    เอาจริงๆรู้สึกเหมือนเพิ่งถ่ายรูปรับปริญญากับเด็ดพ่อเด็ดแม่ไปเมื่อไม่นานนี้เอง แต่พอเห็นตัวเลขปี พศ บนกรอบรูปบวกลบเสร็จก็เกือบหน้ามืดอยู่เหมือนกันนะครับ ไอ้เหี้ย จะสิบปีแล้วหรอวะ หนึ่งทศวรรษครูสลา ปีหน้าผมจะเข้าสู่วัยเลขสามแล้วอะ


    เพื่อนๆมัธยม เพื่อนมหาลัยมันก็แต่งงานมีลูกมีเมียกันไปหมดแล้ว ส่วนพีรณัฐน่ะหรือ อะหรือ อะหรือว่างานแต่งที่ใดเป็นได้แค่แขกรับเชิญ ไปแดกโต๊ะจีน ไปดูพรีเซนเตชั่น ไปมอบซองแล้วก็กลับ เงินใส่ซองคิดมูลค่ารวมๆแล้วน่าจะซื้อแมคบุ๊คโปรได้หลายเครื่องละมั้งกูว่า แถมไม่มีวี่แววจะได้คืนอีกต่างหาก ขาดทุนฉิบหาย


    เพราะดูทรงแล้วงานเดียวที่ผมจะเป็นเจ้าภาพแล้วได้ซองก็เห็นจะเป็นงานศพเท่านั้นกระมัง เวทนาเหลือเกินหำน้อย งานบวชก็หวังถอนทุนไม่ได้ เพราะเมื่อสี่ปีที่แล้วพ่อให้ผมไปบวชที่วัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน หนวดศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดนี้


    เป็นงานบวชที่ไม่จัดงานบวช เกสสะโนว่าไหมล่ะ ไม่รับซอง ไม่มีพิธีรีตองใดๆ แค่โกนหัวแล้วบวชเลย สิทธัตถะออริจินัลโมเดล แม่ผมปลื้มปิติร้องไห้อยู่สามวัน ผมก็สึกพอดี ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ บวชตั้งเดือนนึงแหนะ โยมภูมิหอบหิ้วของกินขึ้นไปให้เหมือนกลัวกูละกิเลสได้


    พูดเรื่องบวชแล้วก็สนุกครับ โดยเฉพาะงานบวชไอ้แมทที่บอกลาการเป็นคริสต์แล้วมาบวชทดแทนพระคุณแม่ที่ขอนแก่น ซึ่งผมขอยกให้พี่น้องชาวอีสานคือตำนานแห่งความมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สุดยอดมาก แต่ภูมิไม่บวชนะ มันบอกว่าถ้าจะบวชก็ต้องบวชเพราะรู้สึกอยากบวช ไม่ใช่บวชเพียงเพราะเกิดมาเป็นชายไทยแล้วต้องทำหน้าที่ ในเมื่อไม่อินก็ไม่รู้จะทำไปทำไม


    ก็เลยอดได้เงินใส่ซองเลย อย่างน้อยในยุคข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจแบบนี้เงินใส่ซองก็คือความหวังนะครับ พูดแล้วก็น่าเศร้า ตั้งแต่ผมอายุยี่สิบต้นๆจนจะสามสิบอยู่อีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่น่าเชื่อว่าประเทศยังย่ำอยู่ที่เดิมเพราะคนไม่กี่คนที่พยายามฉุดดึงมันไว้ ไม่รู้จะให้ถอยหลังย้อนไปถึงไหน ไปถึงยุคหินยุคสำริดเลยดีไหม


    พวกผู้นำประเทศเรานี่มันอินหนังย้อนยุคกันรึอย่างไรแม่การะเกด อีกหน่อยประชาชนคงได้เข้าป่าขุดเผือกขุดมันแดกกันบ้างละ เพราะตอนนี้ผมใกล้ไม่มีอะไรจะแดกแล้วท่านครับ


    อะกลับมาที่ชีวิตผมกันก่อนดีกว่านะครับ ก่อนที่จะกลายเป็นผู้มีมลทินมัวหมอง ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวตายครับ แต่กลัวแฟนคิดถึง แง้นนนน แว้นพอไหมอะตัวภูมิ


    ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา(ฟังดูยิ่งใหญ่ปะ คึ) อะไรหลายๆอย่างในชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ เช่น ไอ้แทนเริ่มหัวล้าน ล้อเล่นๆแค่ผมร่วงเยอะเลยเริ่มบาง ไม่เอาไม่ล้อเพื่อนนะ ตอนสมัยเรียนที่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าอีกห้าปี สิบปีข้างหน้าชีวิตกูจะเป็นยังไงวะ ตอนนั้นนึกภาพไม่ออก


    แต่พอสิบปีผ่านไป แม่งฟังแล้วเหมือนนานฉิบหายเลยนะ แต่ลองนึกย้อนไป เหมือนผมหลับตาแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว มันแบบงงๆ แบบ อ้าว สิบปีแล้วเหรอวะ นานขนาดนี้แล้วหรออ แก่แล้วว่ะ ไม่มีจะกินแล้วเพราะรัฐบาลโง่ อะวกกลับมาด่าเผด็จการอีกแล้ว ขอโทษครับ


    ผมกลับมาหาแวะมาเยี่ยมทุกคนด้วยความคิดถึง ซึ่งก็แน่นอนว่าผมไม่ได้มาคนเดียว เพราะผมมีบ้าน พีมมีรถ พีมมีหนี้ และยังมีกรรม กรรมที่แปลว่าเพื่อน เพื่อนที่ไม่ยอมให้กูดังคนเดียวไงล่ะครับ


    ไอ้พวกตัวดีทั้งหลายเลยต่างกระโจนติดสอยห้อยตามผมมาเป็นพรวน กลับมาร่วมย้อนวันวานพร้อมอัพเดทชีวิตปัจจุบันกาลของพวกมันในช่วงสิบปีที่ผ่านมา รับรองว่ามีทั้งความตื่นตาตื่นใจ ลุ้นระทึก อิหยังวะ และคาดไม่ถึงจนหายคิดถึงอย่างแน่นอนครับ


    ผมจึงขออาสาเป็นตัวแทนในการบอกเล่า ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเดอะแก๊งว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง บางรายนี่เหนือคาดกันชนิดที่ว่า ถ้าเป็นสมัยเรียนเราคงนึกภาพไม่ออกแน่ๆว่ามันจะมีวันนี้

     


    เริ่มที่ไอ้น้องแมท ให้ทายว่ามันประกอบสัมมาอาชีพอะไร ใครตอบแมงดามาเอารางวัลครับ ฮ่าฮ่า ไม่ใช่โว้ย น้องผมไม่เคยเกาะผู้หญิงกิน ไม่เหมือนไอ้เหี้ยคิวหรอกครับ ไอ้แมทน่ะศิษย์จารย์เชน พวกนี้ชอบเป็นผู้ให้ เปย์หนักเยี่ยงพระเวสสันดรกลับชาติมาเกิด


    ไอ้เชี่ยน้องแมทเป็นนักบินครับ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ไอ้แมทธิวเป็นนักบินสายการบินแห่งหนึ่งซึ่งแตกแขนงออกมาจากสายการบินแห่งชาติ อึ้งไหมครับ อิมพอสสิเบิล แต่มันก็เบิลไปแล้ว ทามไลน์คร่าวๆชีวิตมันตั้งแต่เรียนจบ ไอ้แมทก็ทำงานทันทีที่บริษัทเอกชนย่านสีลม ผ่านไปสองเดือนย้ายไปสาทร เฉลี่ยสองปีกว่ามันเปลี่ยนงานเกือบสิบที่ เปลี่ยนบ่อยจนพวกผมเลิกถามว่าตอนนี้มึงทำงานที่ไหนแมท


    มันบอกว่า ผมกำลังค้นหาตัวเองไงพี่ ค้นเหี้ยอะไรของมึงถึงย้ายบริษัทแต่ทำตำแหน่งเดิม แล้วก็แปลกนะที่เขาดันรับมันทั้งที่มีประวัติการทำงานไม่น่าไว้ใจขนาดนี้ จนสุดท้ายมิสเตอร์แมทก็ได้คำตอบว่าอยากขับเครื่องบิน ตอนที่มันมาบอกว่าจะไปเรียนนักบินพวกผมยังนึกว่ามันแค่อำแค่พูดเล่น ที่ไหนได้มันเอาจริง


    ก็ใครจะคิดละครับว่าคนบ๊องๆต๊องๆอย่างไอ้แมทจะเป็นนักบินได้ ผมไม่ได้ปรามาสหรือดูถูกน้องมันนะ จะว่าไงดี คือผมนึกไม่ถึง คาดไม่ถึงน่ะ เออแต่คนเราพอตั้งใจจริงมันก็เป็นไปได้แฮะ ช่วงที่มันเรียน นอกจากเงินค่าเล่าเรียนที่คนอย่างพีรณัฐไม่กล้าที่จะฝัน แม้จะแอบฝัน เนื้อหาที่เรียนแม่งก็โคตรยากเกินกว่าคนสมองแบบผมจะอาจเอื้อม


    ยิ่งพอเห็นไอ้แมทใช้ชีวิตอยู่ระหว่างคำว่าวิกลจริตกับประสาทหลอน เครียด เหนื่อย ท้อ อยากยอมแพ้ วันนึงน่าจะวนๆอยู่ประมาณนี้ ผมก็เลยเลิกฝัน สิ่งที่ทำให้มันผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้คือไอ้เต้ย เพราะไอ้แมทบอกว่าทุกครั้งที่มันคิดว่ามันกำลังจะเป็นบ้า มันจะบอกตัวเองเสมอว่ายังมีเพื่อนที่หลอนกว่า ถ้าคนอย่างไอ้เต้ยมีลมหายใจอยู่ได้จนป่านนี้ มันก็ห้ามตาย มันต้องรอด อย่าว่าแต่พวกคุณเลยครับ กูก็งงกับตรรกะไอ้แมท


    แต่ก็เอาเป็นว่าตอนนี้น้องชายพวกผมโบยบินไปแล้วหนึ่ง ภูมิใจเหมือนได้บดกล้วยน้ำว้าสุกงอมป้อนมันยามแบเบาะ แถมช่วงทำงานแรกๆมันได้ฉายากัปตันนักล่าเพราะกินไปตั้งแต่ลูกเรือ พนักงานภาคพื้นจนกระทั่งผู้โดยสาร คำว่าจรรยาบรรณมันสะกดถูกไหม ไม่น่าถาม


    เห็นน้องได้ดิบได้ดีพวกผมก็ภูมิใจ แต่ปัจจุบันกาล ณ ขณะนี้ เวลานี้ เนื่องจากสถาการณ์โควิด ไอ้แมทเลยผันตัวมาขับแกรป รายได้พอๆกันที่สำคัญไม่กดดัน มันว่างี้อะ ทุกวันนี้เอาแต่บ่นไม่หยุดว่าไม่น่าเสียเวลา เสียสุขภาพกายสุขภาพจิต เสียเงินไปเรียนเป็นนักบินเลย ถ้าถามว่าใครปรับตัวได้ดีสุดในวิกฤตครั้งนี้ไอ้แมทก็นอนมาเลย


    มาต่อกันที่อีกหนึ่งปูชนียบุคคล รายนี้เรียกว่าเป็นยิ่งกว่าความภาคภูมิใจของเผ่าพันธ์เซเปียนส์ ผมแทบอยากกรีดเลือดตัวเองแล้วเขียนเป็นอัตชีวประวัติสดุดีมันไว้ในผนังถ้ำหลวงเลยล่ะ บุคคลผู้นั้นก็คือเพื่อนมิคนั่นเองครับ ตอนนี้เรียกไอ้มิคไม่ได้แล้วนะรู้ยัง ต้องเรียกคุณ ตั้งแต่เป็นเจ้าของกิจการเปิดร้านอาหารก็อัพเลเวลตัวเองขึ้นเป็นคุณ เรียกแค่ชื่อไม่เป็นไร แต่เรียกไอ้ขอไม่หัน เป็นไง คติใหม่มัน กูอยากทุบให้หลังหักนัก


    การเปิดร้านอาหารอาจจะฟังดูว่า เอ๊ะ ก็ธรรมดานี่นา ใครๆก็เปิดได้ปะวะ แต่ๆๆๆ  ถ้าขึ้นชื่อว่าคุณเตชทัชไม่เคยมีคำว่าธรรมดาในพจนานุกรมครับ เพราะมันยึดหลักว่า เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ ทำใจเถอะไอ้เหี้ย


    ถ้าคำว่า “ไปสุด” จะใช้นิยามอะไรสักอย่าง แบบว่าให้เห็นภาพชัดๆก็น่าจะใช้กับไอ้มิคนี่แหละครับ หลังจากเรียนจบมันก็ใช้ชีวิตแบบงงๆเหมือนผมนี่แหละ ต่างกันตรงที่บ้านมันมีธุรกิจให้สานต่อ แต่มันบอกว่ามันไม่ทำ ให้ป๊าทำไป เพราะป๊าเป็นลูกอากง ต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีสืบทอดธุรกิจ มันเป็นหลาน มันจะไปใช้ชีวิตของมัน ไม่เกี่ยวกัน


    ถ้าผมเป็นพ่อไอ้มิคผมคงร้องไห้ แล้วคงถามมันว่าแล้วมึงไม่ใช่ลูกกูรึง๊ายยยย จากนั้นไอ้มิคก็ลอยไปลอยมาเป็นปีๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง มันก็เรียกรวมพลทุกคนพร้อมประกาศว่า “คนเราไม่มีใครแก่เกินเรียน ถ้าใจมันรัก อะไรก็เป็นไปได้ เช่นกูที่จะเป็นเชฟไงล่ะ”


    ก็คืออยู่ดีๆมีองค์จุติประทับร่าง นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองชอบทำอาหาร ผมมารู้ทีหลังจากภูมิว่าช่วงนั้นไอ้มิคชอบดูรายการแข่งขันทำอาหารรายการหนึ่ง เออเว้ย จุดเปลี่ยนชีวิตคนเราบางทีก็ไม่ใช่อะไรที่ใหญ่โตหรอกครับ ถ้าเราเป็นคนเล่นใหญ่เล่นเว่อร์อยู่แล้วน่ะนะ จากนั้นให้หลังสองเดือน พวกผมก็ยกโขยงกันไปที่สนามบินเพื่อส่งเพื่อนไปออกรบที่สวิสเซอร์แลนด์


    ที่ต้องใช้คำว่าออกรบเพราะเชี่ยมิคแม่งไม่มีสกิลใดๆในการทำอาหารเลยครับเท่าที่รู้จักมันมาหลายปี มันรู้รึยังว่าแตงกวาเป็นผักไม่ใช่ผลไม้ คนที่เพิ่งแยกแมงลักกับกระเพราได้ด้วยตาเปล่าอย่างผมก็กล้าที่จะสบประมาทเพื่อน ฮ่าๆ


    วันนั้นหลังจากส่งมันเข้าเกท พวกผมยังไม่ทันจะเดินออกจากตัวอาคารผู้โดยสารไปยังอาคารจอดรถ ไอ้ห่ามิคที่เพิ่งไปถึงจุดตรวจหนังสือเดินทางก็โทรมาคร่ำครวญกับภูมิเป็นวรรคเป็นเวร “กูอยากกลับบ้านนนน” มึงยังไม่ทันได้ออกนอกอาณาเขตประเทศสยาม มึงก็ล้มเลิกความตั้งใจแล้วหรอวะ กูละอย่างชอบ


    ทั้งภูมิทั้งไอ้ท่านชายเบียร์ช่วยกันกล่อมอยู่นาน จนสุดท้ายไอ้มิคก็ได้โบยบินไปร่ำเรียนที่สวิส ต่อด้วยฝรั่งเศส สิริรวมเวลาก็เกือบๆสามปีที่มันมานะบากบั่นเรียนจนสำเร็จวิชา พร้อมประกาศลั่นไอจีว่าจะไม่กลับไปเหยียบสองประเทศนี้อีกแล้วในชาตินี้ ฮ่าๆ


    แล้วมันก็กลับมาเปิดร้านตามที่เคยตั้งปณิธาน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันคือร้านอาหารหรือร้านทุกอย่างยี่สิบ เพราะแม่งขายอาหารทุกสัญชาติ ยำเละเทะไปหมด คาว หวาน อิตาเลี่ยน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ครัวซองกับตำหมูยอเสิร์ฟพร้อมกันได้ ทำลายทุกกฎแห่งโลกอาหาร


    คุณโจเอล เลอบรูซอง คงนึกอยากสาปมันเป็นภาษาถิ่น ที่พีคกว่านั้นคือครัวที่ลงทุนหลักล้านจ้างอินทีเรียสถาปนิกมือหนึ่ง(บริษัทของไอ้ฟ่าง) ไอ้มิคน่าจะเข้าไปเหยียบไม่ถึงสองครั้งในรอบสองปี เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะร้านมันจ้างเชฟน่ะสิครับ 555555555555555555


    เย็นวันศุกร์ คืนวันเสาร์ หากว่าใครว่างๆ ไม่รู้จะไปไหน ก็แว่บมานั่งชิลแถวอารีย์อุดหนุนเพื่อนผมได้นะครับ ขอพื้นที่ช่วยเพื่อนขายของนิดนึงเนอะ เป็นร้านอาหารกึ่งปิดกึ่งเปิด บางทียึดตามปฏิทินทางจันทคติข้างขึ้นข้างแรม บางวันยึดตามอารมณ์เจ้าของร้าน ร้านสวย บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ อาหารแพง แต่อร่อยครับ อร่อยทุกอย่างเพราะขายแค่สองเมนู  ไอ้แทนเคยแซวว่าพี่ๆแกรปที่จอดหน้าร้านไม่ได้มารับออเดอร์นะ เอาอาหารร้านอื่นมาส่ง ฮ่าๆๆๆๆๆ โคตรเหี้ย


    มาต่อกันที่ชายหนุ่มขวัญใจแม่ยก อันเป็นที่หมายปองของบรรดาผู้มักใหญ่ใฝ่สูง หวังจะได้เป็นคุณหญิงคุณนาย แต่ก็ต้องขอแสดงความเสีย ใจด้วยนะครับ เพราะคุณชายเบียร์ของหลายๆคนนั้นเพิ่งผ่านงานหมั้นหมายกับแฟนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง แฟนก็เป็นอาจารย์ด้วยกันน่ะแหละ


    ใช่แล้วครับ ตอนนี้ไอ้คุณชายมัรเป็นรองศาสตรจารย์ ด็อกเตอร์ หม่อมหลวงธาราบดินทร์ ขอรางรถไฟหน่อยจะเอามาเขียนยศตำแหน่งเพื่อน พอดีกระดาษเอสี่สองแผ่นไม่พอ


    มันก็สอนที่คณะนิติศาสตร์มหาลัยที่พวกผมจบมานั่นแหละ แค่คิดก็คลื่นไส้แทน มันอยู่ในระบบการศึกษาทั้งชีวิตเลยนะ อนุบาลสามปี ประถมหกปี มัธยมหกปี มหาลัยอีกสี่ปี ไปต่อโทอีก ต่อเอกอีก กลับมายังมาเป็นอาจารย์อีก แล้วถ้าระบบการศึกษาเมืองไทยมันดีเหมือนเมืองนอกผมจะไม่ว่าเลย


    แต่มันก็มีความสุขมีอุดมการณ์ของมันล่ะนะ ความสุขของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน คนเหี้ยๆที่เกลียดการเรียนอย่างผมจะเอาตัวเองไปตัดสินมันก็ไม่ได้


    เคยได้ยินไอ้มิคมาเผาอยู่ว่านิสิตนักศึกษาเรียกมันว่าอาจารย์คุณชาย กูขำอยู่สองวัน นึกถึงละครย้อนยุคเลยแม่ง ชีวิตไอ้เบียร์เป็นชีวิตที่ใกล้เคียงคำว่าปกติมากที่สุดในบรรดาเพื่อนทุกคน จนกระทั่งมันอกหัก ใช่แล้วครับมันหมั้นไปเมื่อต้นปีและเพิ่งเลิกกับแฟนไปเมื่อเดือนก่อน ปริญญาเอกจากฮาร์วาดไม่ได้ช่วยให้ความเสียใจน้อยลงแต่อย่างใด ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่ความรักก็ยังเป็นเรื่องที่มนุษย์จัดการได้ยากเสมอ


    มันก็เป๋ไปเหมือนกัน สาเหตที่เลิกก็เพราะคำว่าไม่มีเวลา อีกอย่างที่มันเฮิร์ทหนักคงเพราะโทษตัวเองด้วยแหละ ว่าดูแลแฟนไม่ดีพอ คนมันเคยวางแผนชีวิตได้ทุกขั้นทุกตอน พอไม่เป็นไปตามที่คิด แม้จะแค่นิดเดียวก็มองว่าตัวเองล้มเหลว ช่วงที่ผ่านมาผมเลยต้องใช้ชีวิตแบบเราสองสามคน เพราะไอ้เบียร์หอบผ้าหอบผ่อนหอบงานมาค้างด้วย ว่าจะลองยุให้มันสองคนคบกัน แต่แค่ภูมิตวัดตาขวางๆมามองผมก็หมอบแล้วแต่ไม่กราบนะ คึ

     



    ตอนพิเศษ 2


    แฟนเก่า เศร้ามาก



    ภูมิมารับผมตอนเกือบสองทุ่ม เรามาดินเนอร์สุดหรูกันที่ร้านเย็นตาโฟเจ้าเด็ดเจ้าดังกลางกรุงใกล้ๆมหาวิทยาลัย โดยมีไอ้คิวติดสอยห้อยตามมาเป็นภาระกึ่งปรสิต มันกำลังสวาปามเส้นใหญ่เย็นตาโฟต้มยำชามที่สอง ขณะที่ภูมิคีบผักชีออกจากชามยังไม่เสร็จเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ผมก็เลยอาสาช่วย


    ตอนสั่งก็บอกนะว่าไม่ใส่ผักชี แต่คุณลุงน่าจะเพลินไปหน่อยเลยเผลอใส่มา เขาจะเปลี่ยนให้แต่ภูมิก็เป็นคนดีบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ หึ อาจจะมีการจับคนโยนลงหม้อน้ำซุปร้อนๆโชว์ก็เป็นได้ เห็นมันเปลี่ยนมาเป็นคนที่ใจเย็นมีเหตุผลกับมนุษย์โลกมากขึ้นผมก็แทบน้ำตาไหล เก่งมากลูกพ่อ


    “อีกหน่อยต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้กันเลยมั้ย” เสียงหมามันเห่าตอนผมกำลังช่วยภูมิครับ


    “เห็นคนรักกันแล้วมันแสลงใจสินะ อิจฉาก็ไปเยาวราชนะเพื่อน”


    “ผัวอยู่ด้วยละปากดีนะมึงไอ้แคระ เดี๋ยวกูเทน้ำส้มสายชูราดเบ้าตา เดี๊ยะๆ” อันนี้เรียกว่าขู่ฆ่าทำร้ายร่างกายรึเปล่าครับ เราควรจับเพื่อนไปส่ง สน ปทุมวันรึเปล่า 


    ผมตอบโต้ไอ้คิวด้วยการชะโงกหน้าข้ามโต๊ะไปเรอใส่หน้ามัน ผมแดกโค้กแล้วเป็นจังหวะลมมันตีขึ้นพอดี ภูมิถึงกับเหลือบตามามอง พร้อมจิ๊ปากมองอย่างตำหนิทันที มันไม่ชอบเวลาผมทำตัวไร้มารยาทตอนอยู่ข้างนอก ถามว่าผมแคร์ไหม คนอย่างกูน่ะเหรอ หึ แคร์ครับ


    “โทษทีๆ ลืมตัว” ไอ้คิวเบะปาก กรอกตาอย่างน่าถีบ “มึงได้คุยกับไอ้เชนบ้างปะ”


    “ไม่ ทำไม”


    “มันเงียบๆจังวะช่วงนี้”


    “เรียนหนักแหละมั้ง ใครจะว่างไร้สาระแบบกูกับมึง”


    “เออจริง พูดอีกก็ถูกอีก ขอจับมือหน่อยครับเพื่อนครับ” ผมกับไอ้คิวจับมือ หัวเราะกันสองคน


    “จิตรกรรมหนักกว่าหมออีกนะ” ภูมิท้วง


    “แหมๆ รู้ดีจังเรยน้า” ผมแกล้งแซว “ต้องถามประสบการณ์ตรงของคนที่เคยคบหมออะเนอะ”


    “เหยดดดด เชี่ยพีม มึงแน่มาก ลูกชิ้นปลาเกือบติดคอกูไอ้สัด” ไอ้คิวหัวเราะลั่นอย่างถูกอกถูกใจที่เห็นผมแกล้งเย้าภูมิ แต่สีหน้าภูมิคือไม่ขำด้วย ไม่ตลก มันถึงขั้นวางตะเกียบแล้วยื่นมือมาหยิกแก้มผม ไอ้เหี้ย เจ็บ!!!


    “ทำไมวันนี้กวนจัง หืม”


    “ไอ้ห่า เห็นยื่นมือไปกูนึกว่าจะตบตี มึงโหดสุดได้เท่านี้กูผิดหวังมากภูมิบอกตรงๆ เอ้าตายยากจริงมึง ไอ้เชนโทรมา มึงคุยดิ๊พีม” ไอ้ชั่วคิวผลักภาระ โยนโทรศัพท์มาให้ผมทั้งที่กูเพิ่งเริ่มกินได้สองคำ


    “เออมึง ว่าไง”


    [อ้าวพวกมึงอยู่ด้วยกันเหรอ อยู่ไหนกันวะ]


    “แดกเตี๋ยวแถวๆมอ กู ภูมิ ไอ้คิว มึงอยู่ไหน”


    [อยู่ห้องนี่แหละ กูจะโทรมาบอกไอ้คิวว่าถ้ามันกลับบ้านแฝดฝากดูบ้านให้ไอ้ฟ่างด้วยว่าล็อกไหม ตอนออกมามันรีบๆ ไม่ชัวร์ว่าได้ล็อกรึเปล่า เช็กให้มันหน่อย]


    “อ้าว ไอ้ฟ่างอยู่กับมึงหรอ”


    [เออ มาตั้งแต่เย็นแล้ว นั่งทำงานไม่พูดไม่จา ดูดบุหรี่หมดโรงงานยาสูบละมั้ง แล้วมีใครติดต่อไอ้แทนได้มั้ยวะ แฟนมันจะเป็นมะเร็งปวดตายละ มันรู้ปะเนี่ย]


    “กูก็ติดต่อแม่งไม่ได้ จะฝากซื้อของก็ไม่ตอบ แต่ภูมิบอกว่าเพื่อนมันที่ไปด้วยก็ลงสตอรี่ปกติ ไอ้แทนก็สบายดีนะ กูว่าแม่งแกล้งไอ้ฟ่างแน่ๆ มึงก็ดูๆมันไปก่อนแล้วกัน”


    [เออๆ ไอ้เรื่องดูน่ะไม่ใช่ปัญหาหรอก กูแค่กลัวว่าพอเชี่ยแทนมันถึงไทยแล้วจะได้ไปนอนวัดเลย กูห่วงเรื่องนั้น]


    “ฮ่าๆ ไอ้สัด ได้กินข้ามต้มฟรีแล้วพวกเรา แล้วพวกมึงกินไรยังเนี่ย”


    [ก็กำลังจะชวนฟ่างไปหาไรกินข้างนอก แต่ไม่รู้ท่านจะเสด็จไหม งั้นแค่นี้นะพีม มึงอย่าลืมบอกไอ้คิวล่ะ]


    “เออ เคๆ บัย” 


    “ฟ่างอยู่กับเชนหรอ” พอผมวางสาย ภูมิก็หันมาถามถึงพี่ชายทันที


    “อืม อาการหนักละพี่มึง เออกูสงสัย เวลาพวกมันอยู่ด้วยกัน กูก็ไม่เห็นฟ่างมันจะสนใจไอ้แทนสักเท่าไหร่นะ แต่นี่ไอ้แทนหายไปแค่สามวันทำไมแม่งอาการหนักจังวะ กูนึกว่ามันจะดีใจซะอีกที่ไม่ต้องทนรำคาญ”


    “มึงนี่โง่แบบระยะอนันต์จริงๆนะแคระ ไอ้ฟ่างน่ะอ่านง่ายจะตาย อะไรที่มันแสดงออกน่ะ ให้คิดเป็นตรงข้ามให้หมด จริงมั้ยหล่อ” ไอ้คิวหันไปขอความเห็นจากภูมิ ภูมิพยักหน้าแล้วกินต่อ ส่วนไอ้คิวเคาะไม้จิ้มฟันเสียงดังยังกับเสี่ยงเซียมซีจนโต๊ะข้างๆหันมามอง จากนั้นมันก็แคะฟันพลางไถมือถือโดยไม่สนใจโลกภายนอกอีก


    “พีม อยากกินอะไรอีกไหม”


    “อืมมม กินคาวแล้วก็ต้องกินหวาน เพราะเดี๋ยวจะสันดานไพร่แบบไอ้คิว กินบัวลอยกันมะ” ผมเสนอ ภูมิพยักหน้าสนอง ส่วนไอ้คิวถ่มถุยมองเหยียดๆ เพราะมันไม่ชอบ ไม่ชอบบัวลอยหรอ อ่อ เปล่า ไม่ชอบเวลาภูมิตามใจผม ฮ่าฮ่าฮ่า


    มันบอกว่าเหมือนภูมิโดนผมล้างสมองกลายเป็นภูมิรุ่นพาสเทล ไอ้คิวมันไม่ชินเพราะมันเคยเห็นภูมิตอนโหดๆเถื่อนๆมาก่อน ตอนนี้เหมือนคนละคนแล้วแปลกๆ มันขัดหูขัดตา ซึ่งผมก็จะยิ่งประชด ยิ่งมันไม่ชอบ ผมก็ยิ่งทำกร้ากกกก ก็คือว่าเวลาที่ผมอยู่กับภูมิแล้วมีเชี่ยคิวปนมาด้วย ผมจะออดอ้อนออเซาะ ทำตัวเหลวเป็นสาหร่ายทะเลใส่ภูมิ เพราะอยากเห็นไอ้คิวอกแตกตายครับ


    หลังจากจบจากของคาว พวกผมก็ไปต่อของหวานที่ร้านติดกัน ซึ่งคนเยอะฉิบหาย ไม่รู้ว่าขายหรือแจก เนื่องจากความยาวแถวยาวยิ่งกว่าขบวนเสด็จ ผมเลยถูกมันสองตัวลอยแพให้มาเข้าแถวต่อคิว ส่วนพวกมันน่ะเหรอ นู้นนน ไปหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ข้างหลังนู้น แม่งหาเรื่องหลบสายตาคน ไม่อยากถูกจ้องถูกมองมากกว่า ไหนใครบอกว่ารักกูนักรักกูหนา ทำไมปล่อยกูมาลำบากคนเดียววะ เหอะ


    “พีม ใช่พีมปะ หวัดดี” ผมหันซ้ายแลขวา เงยหน้าจากมือถือมองคนที่มาสกิด กระพริบตาจูนสติก็ถึงกับนึกชื่นชมความศักดิ์สิทธิ์ของปากตัวเอง นี่มันลิลิตโองการแช่งน้ำหรือเปล่าขอรับ เพิ่งจะพูดถึงหยกๆ ผ่านไปไม่เท่าไหร่แฟนเก่าภูมิตัวเป็นๆก็มายืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าเลย


    “อ้าว หวัดดี หม่อม”






    ตอนพิเศษแทนฟ่าง


    ผมอยากขอแก้ข่าวในหลายๆประเด็นที่ไอ้พีมมันเคยเล่า จำไว้เลยนะครับไอ้พีมเล่าเท่ากับเฟคนิวส์ เรื่องที่มันบอกว่าฟ่างน่ากลัวนั่นก็ไม่จริง ในโลกนี้ไม่มีใครน่ารักเท่าข้าวฟ่างแฟนผมอีกแล้วครับ เวลาอยู่ด้วยกันสองคนข้าวฟ่างน่ารักนะครับ จริงๆก็น่ารักทุกเวลานั่นแหละ จะหาว่าหลงแฟนก็ยอมรับ


    เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ฟ่างชอบเก็กเท่ไปงั้น อยู่กันสองคนก็ลูกแมวดีๆนี่แหละ (มึงเอาฟิลเตอร์ไหนมองหมาพิตบูเป็นลูกแมวได้วะไอ้ห่า เสียงจากเพื่อนบ้าน) ไอ้เรื่องคออ่อนนี่ก็เหมือนกัน ผมไม่ได้คออ่อน ก็ดื่มได้ตามมาตรฐานชายไทยทั่วไปแต่กลุ่มผมแม่งเสือกคอแข็งเกินปกติ ไอ้พีมน่ะ มันน่ะตัวดีเลย กินเหล้าเหมือนกินน้ำ ทำยังไงก็ไม่เมา กินไปก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ


    “ที่รักกก จะนอนแล้วหรอ วันนี้วันพิเศษของเรานะ ที่รักจ๋า”


    “แทน กูเหนื่อย”


    “เจลพร้อม ถุงยางพร้อมนะจ๊ะ”


    “แต่กูไม่พร้อม ไว้วันหลังนะ”


    “ตัวเองงงงง ฮันหนี ที่รักกกกก” ผมแกล้งงอแง เรียกร้องความสนใจจากคนที่ใกล้หลับเต็มที ข้าวฟ่างฮึดฮัด พลิกตัวกลับมาหา ตาโตๆจ้องมองผมเหมือนชั่งใจ ก่อนจะพูดคำที่ทำให้ผมเลือดลมสูบฉีดผิดจังหวะ


    “ไม่ต้องเอา แต่กูใช้ปากให้ได้ไหม” ผมถึงกับพุ่งไปกอดรัดมันสุดแรง ทำไมน่ารักแบบนี้วะ


    “กูพูดเล่นนนน ไม่ทำหรอก เมียเหนื่อยขนาดนี้ใครจะทำลง มึงไม่อยากทำก็ต้องยืนยันที่จะปฏิเสธสิ อย่าฝืนเพื่อกูเข้าใจไหม ถึงเราจะเป็นแฟนกันแต่ถ้าจะเอาก็ต้องยินยอมกันทั้งคู่มันถึงจะเป็นการเย็ดที่ดี โอ้ย ฟ่าง เจ็บ ฟะ” เมียจูบผมครับ คุณข้าวฟ่างของกระผมจูบผมด้วยครับ โคตรฮอต หลงข้าวฟ่างหัวปักหัวปำและไม่ต้องมาฉุดขึ้นนะ ผมยอมจมอยู่ในห้วงหลุมรักนี้ตลอดไป


    “เอาแค่นี้ไปก่อน รางวัลใหญ่รอกูส่งโปรเจคเสร็จ จะตามใจทุกอย่าง” ผมนี่เห่ารอเลยครับ เชื่องยิ่งกว่าหมา ทาสรักเขาแบบเต็มใจ


    “รักข้าวฟ่างที่สุดเลยยยยยย”


    “เหมือนกัน”


    “อะไรเหมือนกัน”


    ……..


    “ว่าไงจ๊ะ เหมือนอะไร”


    “รักไงไอ้ควาย”






    ตอนพิเศษ คิวเต้ย


    “พี่คิว เต้ยอยากเลี้ยงหมา”


    “ทำไมถึงอยากเลี้ยงหมา”


    “เต้ยอยากเลี้ยงหมา”


    “หมาอะไร”


    “เลี้ยงหมา”


    “อยากเลี้ยงหมาอะไร”


    “หมาอันนี้ มันน่ารักเหมือนตุ๊กตา เต้ยชอบ” ไอ้เต้ยยื่นไอแพดมาให้ดู สิ่งที่อยู่บนหน้าจอคือหมาที่หน้าตาเหมือนหมี หัวกลมๆ ขนฟูๆสีขาว ดูไปดูหมาก็หน้าเหมือนไอ้เต้ยนะ


    “แล้วถ้าวันนึงมันไม่น่ารัก มันแก่ ขนร่วง ตาบอด จะยังอยากเลี้ยงไหม ต้องคอยให้ข้าวให้น้ำ ต้องดูแล มันป่วยก็ต้องพาไปหาหมอ คิดว่ารับผิดชอบชีวิตมันได้ไหม เหตุผลแค่น่ารักมันยังไม่พอ”


    “ยากจัง งั้นเต้ยปั้นหมาปลอมๆเล่นก็ได้”


    “อืม นอนได้แล้ว พรุ่งนี้กูไปมหาลัยแต่เช้า”


    “พี่คิว เต้ยอยากเป็นยูทูปเบอร์ อยากทำvlog” กูนับหนึ่งถึงสอง คว้าคอไอ้เต้ยลงมานอนข้างๆ


    “ถ้าชีวิตมึงยังอีรุงตุงนังไม่พอก็เอาสิ ทำเลย”


    “เต้ยชอบความท้าทาย พรุ่งนี้ไปคาเฟ่ ไปร้านพี่โอ้กันนะพี่คิว ถ่ายคลิปกัน เดี๋ยวเต้ยขอคิดคอนเท้นก่อน” มันมุดมาจุ๊บแก้มจุ๊บอก กอดก่ายรัดตัวผมเหมือนเป็นหมอนข้าง


    อยู่กับไอ้เต้ยก็ไม่เชิงปวดหัวหรอก จะว่าไงดีวะ ถึงปวดหัวก็เป็นความปวดหัวที่กูยอมกินยาแก้ปวดน่ะ เข้าใจไหมเนี่ย หรือจะมองในแง่ดีว่าได้ลับสมองประลองปัญญาตลอดเวลา เป็นไงการมองหาข้อดีในข้อด้อย มองโลกแบบโพสสิทีฟติงกิ้ง


    ถึงจะบ่นยังไงแต่สุดท้ายกูก็ตามใจแม่งตลอด ไอ้เต้ยเป็นคนที่พลังงานล้นเหลือมาก ถ้าคิดจะทำอะไรก็เต็มที่ เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมัน เหมือนตอนที่มันติวเข้าศิลปกรรม ถามว่าคนที่เริ่มติวตอนม.5 ม.6แล้วสอบติดมีไหม มันก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีใจรักมีพื้นฐานมานิดๆหน่อยๆ


    แต่ไอ้เต้ยจากที่คิดจะเรียนหมอแล้วเบนมาสู่ด้านศิลปะ ถ้าไม่พยายามและทุ่มเทแม่งคงยากที่จะสอบติด เอาจริงก็ชื่นชมมันนะ ทำให้คิดได้ว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามถ้าตั้งใจแน่วแน่ ทุ่มเท ฝึกฝนบ่อยๆ ทำบ่อยๆ มันก็ชำนาญและเก่งได้ทั้งนั้น  ถ้าใครกำลังท้อกับชีวิตก็ขอให้นึกถึงไอ้เต้ยนะ ถ้ามันทำได้ ทุกคนในโลกนี้ก็ทำได้

     





    ตอนพิเศษ แสวงบุญ



    มาเที่ยววัดเที่ยววังแบบนี้ ผมกับไอ้คิวก็จะอินเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะเรียนด้านนี้ เลยพอมีพื้นฐานความรู้ทำให้เข้าใจและสนุกกับการดูงานศิลปะ ภาพจิตรกรรม งานประติมากรรม ถึงจะเคยมาบ่อยแล้วก็เถอะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราชอบต่อให้ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ และแต่ละครั้งก็จะได้มุมมอง ได้ไอเดียใหม่ๆกลับไปด้วย


     ส่วนคนที่ไม่อินก็น่าจะเป็นไอ้แทนกับแฟนผมนี่แหละครับ เดินหน้านิ่งไม่สนหินสนแดดอะไร เอาจริงนอกจากแข่งรถ ตุ๊กตาหมีและการ์ตูน ผมก็ไม่เห็นว่าคุณภูมินทร์เขามีความสนใจสิ่งอื่นใดในโลก รวมกูด้วยเนี่ยที่มันไม่สนใจ อะหยอกเล่น


    หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจไหว้พระชมวัง พวกผมเลยชวนกันไปหาที่เย็นๆนั่งพัก จิบน้ำหวานๆในคาเฟ่คลายร้อนค่อยออกจาริกแสวงบุญกันต่อ วันนี้ยังต้องเดินอีกยาวไกล เดินให้บ้า ให้ลืมชื่อแม่ไปเลย อีกเหตุผลที่ต้องรีบหาที่เย็นๆอยู่ เพราะกลัวว่าไอ้ฟ่างจะหงุดงหงิดจนกินหัวมนุษย์แบบดิบๆไปซะก่อนน่ะสิครับ


    เชี่ยแทนก็เหมือนเป็นมาโซคิส นิยมชมชอบความเจ็บปวด อากาศยิ่งร้อนๆก็ยิ่ง ไปแหย่ให้แฟนด่า แล้วจะไม่ว่าเลยถ้าด่าไอ้แทนแค่คนเดียว นี่พ่อท่านเล่นพาลฟาดไปทั่ว ไอ้เชนคงทนรำคาญไม่ไหว ถึงกับถอดแจ๊คเก็ตมาคลุมกันแดดให้ไอ้ฟ่าง มันสองคนเดินนำหน้าขบวน มีไอ้แทนคอยกวนอยู่ข้างหลัง


    ถัดมาคือเซเลปพี่มิคกับเซเลปน้องเต้ยกำลังไลฟ์สดพาทัวร์รอบเการะรัตนโกสินทร์ คือแผ่นดินที่หล่อหลอมหัวใจ ร้อยความรัก รวมผู้คนมากมาย อะงง เกิดไม่ทันอิ ดีแล้วครับ ฮ่าฮ่า


    เชี่ยมิคแต่งตัวเต็มมาก ทั้งหมวกเอย ทั้งแว่นตาเอย ผมนึกว่ามันเพิ่งกลับมาจากโซลแฟชั่นวีค แล้วพี่เขาก็เก็กอยู่ตลอดเวลาด้วยนะครับ โพสอยู่ทุกนาที ขมวดคิ้วและมองเหม่ออยู่ทุกย่างก้าวราวกับมีกล้องสิบตัวถ่ายอยู่ ทั้งที่ความจริงแค่กล้องมือถือไอ้เต้ยเครื่องเดียว


    ตอนที่กำลังจะเดินออกจากประตูพระบรมมหาราชวังเสียดายที่พวกไอ้คิวเอากล้องไปเก็บกันหมด เลยไม่ได้เก็บภาพช็อตเด็ดของไอ้มิค คือมันคงกะทำเท่ เดินถอยหลังจะเอาคอนเท้นขณะพ้นประตูวัง แต่เสือกโง่สะดุดตีนตัวเองล้ม ล้มแบบหงายหลังตึงไปเลยอะ ฮ่าฮ่าฮ่า


    พี่ทหารมหาดเล็กที่ยืนนิ่งหน้าดุอยู่ตรงนั้นยังหลุดขำพรืดแล้วรีบเม้มปากดึงหน้าขรึม แล้วพวกผมจะเหลือเหรอ กูขำจนเยี่ยวเล็ด ฮ่าฮ่าฮ่า งานนี้เรียกว่าอายสดๆแบบไม่มีอะไรกั้น อายทะลุหน้าจอแบบเรียลไทม์ ผู้ชมทางบ้านขำขี้แตกแล้วป่านนี้


    ไอ้แทนกับไอ้เบียร์วิ่งโซซัดโซเซเข้าไปพยุงเพราะหัวเราะจนไม่มีแรงเดิน เหี้ยสุดคือไอ้เต้ยนั่นแหละแม่งถ่ายคลิปไปหัวเราะไป ไม่คิดจะเข้าไปช่วยพระเอกเบอร์หนึ่งของช่องแว่นโก้เลย (ผมได้ทำการเหยียดหยามการตั้งชื่อช่องไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย)


    ส่วนคู่ซี้อย่างไอ้ปันเดินเข้าไปจับมือไอ้มิคชูขึ้นเหมือนเวลาพี่เลี้ยงชูแขนนักมวยตัวเองตอนหมดยกห้า พร้อมทำหน้าภาคภูมิใจ โคตรชั่ว กูเห็นนะว่ามึงอะปรบมือหัวเราะลั่นคนแรกเลย ไอ้มิคมันก็ทั้งเจ็บทั้งขำตัวเอง แต่ถามว่าอายไหม มิคถามกลับ อายแปลว่าอะไร


    และเมื่อเหตุการณ์กลับสู่สภวะปกติ ระหว่างที่พวกเราเดินเลียบกำแพงและกำลังจะข้ามถนนอยู่นั้น ก็มีเหตุการณ์อันน่าประทับใจเกิดขึ้นครับ

    “คุณยายจะข้ามถนนเหรอครับ เดี๋ยวผมพาข้ามนะครับ” ภาพคุณชายเบียร์พาคุณยายคนหนึ่งข้ามถนนนั้นได้สร้างความปิติให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น ท่านผู้เป็นราชนิกูลชั้นสูง สวมกางเกงสีขาว รองเท้ากุชชี่ เสื้อเชิ้ตคอจีน ใส่นาฬิกาปาเตะ ท่านทรงสง่างามมาก ทรงพระสุภาพบุรุษอย่างหาที่สุดมิได้ ไอ้แทนซึ่งทำหน้าที่ช่างภาพประจำทริปรีบลั่นชัตเตอร์ พอไอ้เบียร์ยิ้มเขินๆงงๆเมื่อหันกลับมาเห็นพวกผมยืนมอง และไอ้เหี้ยคิวถอนสายบัวให้ มันถึงกับเกาแก้มเขินๆ


     “อะไรรร พวกมึงเป็นไร”


    “ขออีกสักภาพได้ไหมกระหม่อม” ไอ้แทนยกกล้องขึ้นอีกครั้ง ผมคิดว่ารูปนี้น่าจะเป็นรูปแรกที่คนในรูปไม่ใช่ไอ้ฟ่าง จบทริปไม่ต้องเดาให้ยาก ลงสองล้านเลยก็ได้ว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นที่ไอ้แทนถ่ายนั้นเป็นรูปไอ้ฟ่างทั้งหมด อีกสิบที่เหลือคือรูปหมาแมวตามถนน ส่วนรูปเพื่อนก็ช่างหัวมัน เอามือถือถ่ายกันเองนะพวกมึง


    ซึ่งคุณภูมิก็ไม่เคยทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง ตั้งแต่ออกจากบ้านยันออกจากวัดมันแทบจะเอามือถือจ่อหน้าไลฟ์สดผมแข่งกับไอ้มิคไอ้เต้ยอยู่แล้ว บอกก็แล้ว ห้ามก็แล้ว มันก็ไม่ฟัง สงสัยคงต้องทำป้าย no photo ห้อยคอแล้วล่ะ


    “ภูมิ พอแล้วววว จะถ่ายอะไรนักหนาวะ มึงเอาไว้แบล็กเมล์กูปะเนี่ย” ผมยกมือขึ้นบังหน้า แต่ภูมิก็หาฟังไม่ “ถ้าถ่ายอีก กูคิดตังนะ รูปละพัน” 


    “อะ” มันหยุดเดิน แกะเอาบัตรเครดิตสีดำที่ซ่อนไว้ในเคสมือถือยื่นมาให้ผม “ไม่ได้พกเงินสด เอาไปกดเอง รู้รหัสนิ” โห ดูถูกมาก หยามมาก คิดว่าเงินซื้อกูได้หรอ คิดจะเอาเงินฟาดหัวคนอย่างกูเหรอวะ


    “อยากให้โพสท่าไหนเป็นพิเศษก็ไหม บอกได้เลยน้า” ผมคว้าบัตรมายัดใส่กระเป๋าด้วยความไวแสง พร้อมยิ้มแฉ่งชูสองนิ้วให้ไอ้แห้ง


    “ท่าไหนก็น่ารักหมดนั่นแหละ” ฮั่นน่อววววว ปากหวานอีกไอ่สาสสสส เดี๋ยวกูจับกลืนลงท้องซะหรอก


    “ไอ้สองตัวข้างหลังหยุดเล่นละครลิงได้แล้ว ก่อนที่กูจะจับพวกมึงโยนลงเจ้าพระยา” เชี่ยฟ่างมันมาเดินข้างหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ตัวเองร้อนก็มาพาล ระรานคนอื่นไปทั่ว ใครว่าจะกลัวเรอะ หึ กลัวครับ


    “หั่นหนีใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกริ้ว นี่จ้ะน้ำเย็น ผ้าเย็นก็มีนะ หั่นหนีอย่าแปลงร่างนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่พาไปแช่น้ำเจ้าพระยา” ไอ้นี่ก็อีกตัว เหมือนเห็นแฟนหงุดหงิดแล้วมันมีความสุข โรคจิตฉิบหาย กวนประสาทองค์ท่านอยู่ได้ ไอ้ฟ่างเตรียมจะเตะ แต่มันหลบทัน พลางหัวเราะวิ่งไปข้างหน้า


    ไอ้แทนเดินถอยหลังขณะที่ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปพวกผม ไอ้พวกข้างหน้าที่ตัวสูงเยี่ยงยอดเจดีย์ภูเขาทองก็ยังอุตริกระโดด กูละท้อ ภูมิพาดแขนไว้บนไหล่ผมก่อนจะเกี่ยวคอเข้าไปหา จังหวะที่ไอ้แทนนับหนึ่งสองสาม ผมเลยทำได้แค่โอบเอวภูมิ เขย่งตัวชูแขนอีกข้างจนสุด รูปนี้เห็นแค่ปลายนิ้วมือผมก็ดีใจแล้วครับ

     

     






    เอาของมาฝากอีกแล้วววววค่าพี่ๆ และทั้งหมดนี้คือตัวอย่างตอนพิเศษทั้ง ตอน นะคะ


    โดยตอนแรกจะเป็นตอนที่ทำงานแล้ว ส่วนอีกสี่ตอนที่เหลือนั้นยังเป็นตอนเรียนมหาวิทยาลัยจ้า น้องสวยเอามาฝากให้หายคิดถึง หมายถึงดิฉันอ่าค่ะคิดถึงพวกคุณ 555555


    และหลังจากนี้จะแวะมาหาอีกทีคงเป็นตอนหนังสือเสร็จเรียบร้อยนะคะ จะมีทั้งแบบรูปเล่มและebook ราคาก็น่าจะร้อยกว่าบาทค่ะ เล่มบางๆ ฝากพรี่ๆติดตามหนูด้วยนะคะ


    ก่อนจากก็อยากบอกทุกคนว่า น้องสวยได้อ่านทุกคอมเม้น ทุกข้อความทั้งในเด็กดี รีดอะไรท์ ทวิตเตอร์ เฟชบุ๊คนะคะ(เล้าเป็ดเข้าไม่ได้เพราะลืมพาสเวิร์ด เสียใจมากT_T)


    ถึงแม้จะไม่ได้ตอบกลับครบทุกข้อความแต่น้องสวยได้อ่านและขอบคุณทุกๆคนมากๆ หลายๆคนบอกว่า we are คือนิยายวายเรื่องแรกที่อ่าน หลายๆคนก็อ่านตั้งแต่ตอนเรียนจนตอนนี้เรียนจบทำงานแล้ว ผ่านช่วงวัยรุ่นกันหมดแล้ว บางคนก็บอกว่าเคยชอบนะแต่ตอนนี้ไม่อินแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ชอบไปได้ยังไง เพราะน้องสวยรึเปล่า น้องสวยน่ารักรึเปล่า คิคิ เค้าล้อเล่นนนน


    อยากขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งมาให้ผ่านคอมเม้น จนบางครั้งรู้สึกว่า อ่า เราคู่ควรกับความรักที่คนอ่านมอบให้หรือเปล่านะ ทำไมทุกคนใจดีกับเราจัง ขอบคุณนะคะ แม้จะเขียนนิยายเรื่องยาวจบแค่เรื่องเดียว ทุกวันนี้ยังกระดากปากทุกครั้งเวลาพูดว่าตัวเองเป็นนักเขียน เรารู้สึกไม่คู่ควรกับคำนี้เท่าไหร่เลย


    แต่ถึงแม้ว่าจะห่างหายไปนาน ไม่มีผลงานอะไรออกมา แต่ยังมีคนจำได้นี่มันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆสำหรับเราเลยนะคะ ปันจุบันวงการนิยายวายได้ก้าวไปไกลมากชนิดที่เราคงตามไม่ทันและทำได้แค่มองด้วยความชื่นชมน้องๆนักเขียนรุ่นใหม่ๆ เก่งๆที่ผลิตนิยายดีๆให้คนได้ติดตาม


    และถึงแม้จะมีงานเขียนดีๆมากมาย แต่เพื่อนนักอ่านของเราก็ยังแวะเวียนมาถามไถ่ มาพูดคุย มาบอกคิดถึง we are เสมอ หัวอกคนเป็นเมียพี่เบียร์อย่างน้องสวยนั้นซาบซึ้งมากจริงๆค่ะ ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะคะ ประทับใจจังเลยวันนี้ 5555555555555 เอ้ออออ รักแหละ จบ แยก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×