ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #23 : Special Valentine Day แทนฟ่าง ^_^

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 54







                           Special Valentine Day แทนฟ่าง
     


     
    สวัสดีครับ ผมแทนนะครับ เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนอะ เชี่ยพีมแม่งชอบพล่ามคนเดียว ตามประสาคนปัญญาอ่อน หึ แล้วเราจะคุยอะไรกันดีล่ะครับ ผมพูดไม่เก่ง เขินนะเนี่ย ว่าแต่แฟนผมไปไหน ตื่นมายังไม่เห็นหน้าเลย
     

    “ฟ่าง”

    …………....” เงียบ
     

    “ข้าวฟ่าง”


    ………………ก็ยังเงียบ
     
    “ไอ้ฟ่าง!!!
     
    “โว้ยย ตะโกนอะไรนักหนาวะ หนวกหู”
     
    “ไปไหนมา”
     
    “ไปเผาถ่านมามั้ง นุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำเนี่ย มึงไปอาบน้ำไป เดี๋ยวไปเรียนสาย” มันเช็ดผมไป เดินหาของไป ขาวชิบหายเมียกู
     
    “มองอะไร”มันสบตาผมผ่านกระจก ในมือมีไดร์เป่าผมที่เพิ่งหาเจอ
     
    “มองนมมึง”
     

    “เสี้ยนหรอสัด ของมึงก็มี ไปอาบน้ำ” ผมเดินไปจูบไหล่มัน แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เพราะขวดโรออนหรืออะไรไม่รู้ลอยตามหลังผมมา เฉียดหัวไปนิดเดียว หึหึ ถึงมันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกเช้า แต่ผมก็ไม่เคยเบื่อ ใครจะเบื่อความสุขของตัวเองล่ะครับ
     

    ผมไปส่งฟ่างที่คณะสถาปัตเสร็จ ก็กลับมาคณะตัวเอง  วันนี้บรรยากาศในมหาลัยดูสดชื่นสดใส มองไปทางไหนก็เห็นกล่องของขวัญ ช่อดอกไม้ รอยยิ้มและความรัก ก็วันนี้เป็นวันแห่งความรัก แต่ผมกับฟ่าง เราไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างจากวันอื่นๆ เราไม่ได้ให้ของขวัญกัน ไม่มีดอกไม้ ไม่มีแม้แต่คำบอกรัก แต่เราก็รู้ว่าเรารักกัน รู้สึกอยู่ทุกวัน
     
     
    ตอนเย็นผมไปรับข้าวฟ่างมาดูผมเตะฟุตบอล ตอนปี1ผมเป็นนักฟุตบอลของมหาลัย พอขึ้นปีสองขี้เกียจซ้อม ไม่อยากเก็บตัวด้วย เพราะผมไม่ได้จริงจังขนาดนั้น ที่เล่นก็เพราะชอบ เล่นสนุกๆกับเพื่อน ตอนนี้ก็เลยเล่นแค่เป็นการออกกำลังกายทุกเย็น
     

    ตอนผมไปรับไอ้ฟ่างมันกำลังหัวยุ่งได้ที่ ผมรู้ว่าพวกถาปัดมันกินมันนอนไม่เป็นเวลา ยิ่งใกล้สอบแบบนี้แทบจะใช้ชีวิตสวนทางกับชาวโลก บางคืนไอ้ฟ่างนี่แทบจะสมสู่กับโต๊ะเขียนแบบ ไม่หลับไม่นอน
     

    บางทีก็พูดคนเดียว ผมกลัวว่ามันบ้าแบบไอ้ปัน คืนไหนที่มันโต้รุ่งก็มีกระทิงแดง เอ็มร้อยอยู่เป็นเพื่อน ส่งงานเสร็จก็อย่าคิดว่าจะได้เจอหน้า เพราะมันจะนอนข้ามวันข้ามคืน พวกถาปัดมันถึงยึดคติที่ว่าเวลานอนสำคัญกว่าแฟน สำหับคนอื่นอาจจะใช่ แต่อย่าฝันว่าผมจะยอม
     

    ผมก็ลากมันมานั่งดูผมเตะบอลกับเพื่อนทุกวัน มันก็บ่นทุกวัน แต่ก็มาทุกวันอยู่ดี ฮ่าๆ ผมไม่ได้อยากบังคับมันเลยนะ แต่ผมแค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองรักตอนที่มีคนรักอยู่ใกล้ๆ
     

    ฟ่างก็หอบโต๊ะดราฟ(โต๊ะเขียนแบบนั่นแหละครับ แต่ได้ยินฟ่างเรียกแบบนั้น) มีคัตเตอร์ สเกล กระบอกแบบกระจายเต็มโต๊ะ เหมือนกูทารุนแฟนตัวเองยังไงไม่รู้
     

    เพื่อนๆที่เล่นบอลด้วยกันก็พอรู้ว่าผมกับฟ่างเป็นอะไรกัน ส่วนมากก็เพื่อนสมัยมัธยม พวกโรงเรียนในเครือ เคยเจอกันบ้างเวลาแข่งวิชาการหรือแข่งกีฬา พวกมันก็แซวๆ ไม่อยากจะบอกว่าที่เห็นวิ่งหล่อๆเท่ห์ๆในสนามน่ะ ครึ่งทีมมั้งที่แฟนกัน
     

    “เหนื่อยว่ะ”
    ผมวิ่งลิ้นห้อยมาหาฟ่างที่ข้างสนาม


    “อย่ามาใกล้ เหม็น”
    มันไม่เงยหน้ามาสนใจผมซักนิด อุตส่าห์อยากให้ป้อนน้ำเย็นๆ กินเองก็ได้ว๊ะ ผมกินเสร็จก็เทน้ำราดหัว สะบัดๆ


    “เชี่ยแทน แม่งโดนงานกู สัด ไปไกลๆเลย” โห ไม่โดนซักหน่อย แค่เกือบๆ เพราะถ้าโดนจริงๆมันคงยิงผมทิ้งคาที่ รักงานยิ่งชีพ

    “อย่าไล่ดิ อยากอยู่ใกล้ๆ”

    “กูเหม็น” แม่งหมั่นไส้ว่ะ ที่งี้ทำเหม็นนะมึง เมื่อคืนล่ะซุกเอาๆ  


    “เหม็นตรงไหน”

     ฟอดด
     ผมหอมแก้มไอ้ฟ่าง มันหน้าเหวอไปเลย “หอมดีออก” ฮ่าๆๆ ขโมยหอมแก้มมันในที่สาธารณะถือว่าผมเสี่ยงตายมากนะครับ
     
    “ไอ้ลูกหมา อายบ้างเหอะมึง” มันว่าผมตาขวาง โยนผ้าขนหนูใส่หน้า หึหึ เขินก็เป็นนิหว่า
     
    “มาเฝ้าไอ้แทนทุกวันไม่เบื่อหรอครับข้าวฟ่าง”มันมาแล้ว ศัตรูหมายเลขหนึ่งของฟ่าง
     
    “เบื่อสิ เบื่อที่เห็นหน้ามึงไงไอ้กริช”
     

    “อะไร กูถามดีๆ ปากแบบนี้ระวังจะถูกผัวทิ้งนะเว้ย ฮ่าๆ ใช่มั้ยแทน”
    ผมขำมันสองตัว กริชเป็นเพื่อนสมัยเรียนม ปลาย อยู่คนละห้องไม่ค่อยสนิทกัน แต่ก็พอจะจำหน้ามันได้ มาเจอกันอีกทีก็ตอนเป็นนักฟุตบอลของมหาลัย เลยเริ่มสนิทกัน เห็นบ้าๆอย่างนี้มันเรียนหมอนะครับ ไอ้กริชมันกะล่อน ชอบกวนตีนข้าวฟ่าง ให้ตัวเองโดนด่าเล่น
     

    “ว่าแต่น้องมึงคนนั้นมีแฟนยังวะ”

    “คนไหน”
     
    “ที่ชื่อเต้ยอ่ะ”

    “ถามทำไม”
     

    “กูชอบว่ะ เป็คเลย จีบให้หน่อยดิว๊า” ชิบหายแล้วไง ผมกับไอ้ฟ่างมองหน้ากัน เรื่องไอ้เต้ยมันยังไม่เคลียร์ มึงอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกริช
     
    “น้องกูไม่เอามึงหรอกไอ้หมอบ้ากาม”
     

    “น้อยกว่าผัวมึงล่ะกัน” มันสองตัวก็ทะเลาะกันไม่หยุด เพื่อนคนอื่นเริ่มทยอยลงสนามอีกครั้ง “วาเลนไทม์พวกมึงไปฉลองที่ไหนวะ”


    “เรื่องชาวบ้านนี่เสือกจังนะ”


    “ชาวบ้านหน้าแบบมึงก็น่าเสือกนิครับเชี่ยฟ่าง”
    ไอ้กริชพูดจบมันรีบวิ่งลงสนาม แลบลิ้นส่ายตูดใส่ฟ่าง ผมกลับลงมาเตะบอลได้เกือบสิบนาทีแล้ว แต่ยังมีเสียงของฟ่างตะโกนด่าอยู่เลย ไอ้กริชถึงกับส่ายหน้า
     

    “เมียมึงแดกร็อตไวเลอร์เป็นอาหารหลักรึไงว่ะ แม่งดุชิบหาย” ผมก็ได้แต่ยิ้ม ถึงดุก็รักว่ะ
     


     
    ……………………………………….
     



     
    ถึงจะบอกว่าไม่ได้ใส่ใจกับวันที่ใครๆเรียกว่าวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก แต่ผมก็อยากทำอะไรให้ฟ่างบ้างผมไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติก ผมแค่อยากทำให้คนที่ผมรักประทับใจอยู่ทุกเวลาแค่นั้นเอง



    ผมเลยพามันมากินข้าวแถวสะพานพุทธ มันก็บ่นว่าไกล ดึกก็ดึก ผมบอกเหตุผลว่าอยากได้กางเกงยีนส์ กินเสร็จจะได้เดินดู
     

    และตอนนี้คนที่เคยบ่นผมเมื่อชั่วโมงที่แล้ว มันกำลังเมามันส์กับการเลือกกางเกงยีนส์ขาดๆ เซอร์ๆตามสไตล์มัน ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วอีกเดี๋ยวพ่อค้าแม่ค้าคงเก็บของ แต่ไอ้ฟ่างก็ไม่กลัวตลาดจะวาย


    มันเลือกนั่นเลือกนี่แบบโคตรใจเย็น ทั้งที่ปกติมันเป็นพวกใจร้อน เวลาเดียวที่มันใจเย็นก็คือตอนช้อปนี่แหละครับ
     
    ไอ้ฟ่างกับไอ้ภูมิถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่รสนิยมต่างกันคนละขั้วเลย รายนั้นน่ะเป็นคุณหนูคุณชายของจริง และคนอื่นก็มักมองว่าฟ่างคงเป็นคุณชายติดหรู หยิ่ง ทำอะไรไม่เป็น ซึ่งไม่จริงเลย ฟ่างมันเป็นคนลุยๆอยู่ง่าย ติดดิน บางทีติดมากจนแทบจะมุดลงไปอยู่ในดิน (คนหรือแย้วะ)
     

    มันเข้มแข็งแต่จะเข้มแข็งเพื่อภูมิเท่านั้น ฟ่างรักภูมิมากถึงพยายามปกป้องน้องอยู่เสมอเรื่องครอบครัว ทั้งที่ความเป็นจริงข้าวฟ่างของผมเปราะบางกว่าภูมิซะด้วยซ้ำ
     

    ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา มองเราสองคนด้วยสายตาที่ต่างกัน บางคนก็คงเห็นว่าหล่อเลยมอง แต่บางคนพอเห็นมือของเราที่จับกันสายตานั้นก็เปลี่ยนไป
     

    จะว่าผมไม่แคร์สายตาคนอื่น ไม่สนใจสังคมก็คงไม่ใช่ ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดา แค่คนธรรมดาก็ย่อมรู้สึกบ้าง แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้สำคัญสำหรับผมเท่าข้าวฟ่าง ผมต้องเข็มแข็ง ต้องปกป้องมัน ผมคิดแค่นี้
     
     

    ผมเอาของไปเก็บที่รถเสร็จ ก็พาฟ่างมาเดินเล่นบนสะพานพุทธ ลมเย็นสบาย อากาศดี

    “ทำไมวันนี้ใจดีจัง”

    “หืม ปกติกูใจร้ายกับมึงเหรอ” ผมดึงมือฟ่างมาเดินใกล้ๆเพราะสะพานมันสั่นตอนรถบรรทุกวิ่งผ่าน
     
    “ใช่ มึงชอบใจร้ายกับกู” มันยักคิ้วยิ้มกวนๆ ผมหัวเราะและเปลี่ยนจากจับมือเป็นโอบเอว ไม่ใช่เพราะไม่มีคนผมถึงกล้า แต่รู้สึกอยากกอดก็เลยกอด รถราเริ่มบางตาจนแทบไม่มี ยิ่งคนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเที่ยงคืนกว่าแล้ว ใครมันจะบ้ามาเดิน หึ
     
    เราเดินเล่นกันเรื่อยๆ ผมกับฟ่างสูงพอๆกัน แต่มันตัวบางกว่า ไม่ได้เป็นคู่แคระอย่างไอ้พีมกับไอ้ภูมิ พูดถึงพวกมัน ผมมีเรื่องฮาๆจะเล่าให้ฟังครับ ไอ้เชนเพิ่งโทรมาเล่าเมื่อกี้


    จำได้ใช่มั้ยครับว่าเชี่ยพีมมันชอบต้นไม้ แล้วไอ้ภูมิอยากเซอร์ไพร์แฟน มันเลยไปซื้อต้นไม้มาให้ไอ้พีม ต้นอะไรรู้มั้ยครับ ฮ่าๆ ต้นไม้ที่ไอ้ภูมิซื้อให้ไอ้พีมเป็นต้นรักแทนใจ คือ


    ว่านหางจระเข้ครับ กร๊ากกก ผมกับฟ่างขำจนน้ำตาไหล
     


    ไอ้เชนบอกว่าไอ้พีมลงไปฮากับพื้น ไอ้ภูมิเลยงอน ตอนนี้คงง้อกันอยู่มั้ง ภูมิเอ้ย มึงเอาอะไรคิดวะ แต่ก็อย่างว่า คุณชายเอาแต่ใจอย่างไอ้ภูมิสะกดคำว่าโรแมนติกถูกรึเปล่าก็ไม่รู้
     

     
    เราหยุดเดินเมื่อมาถึงกลางสะพาน ผมเท้าแขนกับราวสะพาน ก้มมองพื้นน้ำเจ้าพระยาเบื้องล่างที่กระทบกับแสงไฟ เรายืนเงียบๆต่างซึมซับบรรยากาศดีๆ ซักพักผมหันไปมองคนข้างๆที่เอาแต่จ้องผม ผมยิ้มให้ฟ่าง เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรรึเปล่า
     


    “อากาศดีเนอะ”มันพูดพร้อมรอยยิ้ม ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวมัน “โหยแทน ผมกูยุ่ง” ลมพัดขนาดนี้ก็ต้องยุ่งอยู่แล้วครับที่รัก
     
     “ฟ่าง”ผมหันหลังพิงราวสะพาน ดึงข้าวฟ่างมาใกล้ให้มันยืนอยู่ระหว่างขาของผม เท่านี้ก็เท่ากับว่าผมกอดมันไว้ทั้งตัว คนในอ้อมกอดของผมไม่ก้มหน้าแต่ก็ไม่สบตา เวลาฟ่างเขินไม่อยากบอกเลยว่า แม่งน่ารัก


    “ฟ่างรู้มั้ยครับว่าวันนี้วันอะไร”


    “วันวาเลนไทน์ แล้วมึงเลิกพูดเพราะได้มั้ยสัด กูทำตัวไม่ถูก”

    “ฟ่างไม่ชอบหรอครับ” แกล้งมันๆ ฮ่าๆ

    “เชี่ยแทน”
     
    “ฮะๆ กูไม่มีดอกไม้ให้ โกรธรึเปล่า”ฟ่างตอบกลับมาว่าให้ทำไม กินก็ไม่ได้ ฮ่าๆหมั่นเขี้ยวว่ะ“แต่แทนมีเพลงนึงจะร้องให้ฟ่างฟัง”


    “ไม่ฟังได้มั้ย”
     
    “ทำไมล่ะ”

    “ไม่อยากเขิน”
     

    “ไม่เขินหรอก นะ ฟังหน่อย” ผมดึงฟ่างมากอด คางมันเกยอยู่บนไหล่ผม และผมซุกหน้าลงกับคอขาวๆของมัน “ไม่เห็นหน้าแล้ว ไม่เขินหรอกเนาะ” ผมได้ยินเสียงตอบรับในลำคอ กับแรงกอดที่เพิ่มขึ้น
    ผมกอดตอบและลูบหลังฟ่างเบาๆ ก่อนจะร้องเพลงที่แทนความรู้สึกของผมต่อคนที่ชื่อ ข้าวฟ่าง




     





    รู้ตัวหรือเปล่า เธอทำอะไรให้ชีวิตของฉัน


    มากมายเท่าไร ที่ได้จากการที่มีเธออยู่ข้างกัน


    เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
    เป็นจุดมุ่งหมาย และเรี่ยวแรงใจอันสำคัญ



    เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
    ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
    ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว
    ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ตลอดไป


    รู้สึกหรือเปล่า เธอเติมอะไรให้วันคืนเหล่านั้น
    เนิ่นนานเท่าไร ได้สุขจากการที่มีเธออยู่ใกล้กัน


    เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
    เป็นจุดมุ่งหมาย และเรี่ยวแรงใจอันสำคัญ



    เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
    ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
    ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว
    ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ตลอดไป


    เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
    ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
    ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว


    เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
    ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ

    ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว


    ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน
    ขอเพียงยังมีเธอเดินเคียงข้างฉัน
    ขอเพียงยังมีเราอยู่ด้วยกัน ฉันก็สุขใจ
     


    เพลงของผมไม่มีดนตรี มีเพียงเสียงหัวใจของเราสองคน ที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน มันไพเราะพอที่จะแทนเสียงของเปียโนได้มั้ย


     
    ผมคงไม่รักข้าวฟ่างมากไปกว่านี้ มือที่กุมมือฟ่างก็คงไม่อุ่นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะผมรักจนหมดหัวใจแล้ว รักเกินนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ คงได้แต่ทำทุกวันให้ดี ทำเพื่อกันและกันไปแบบนี้
     
     
     “ฟ่างบอกรักแทนหน่อยสิ” ฟ่างยังกอดผมแน่น มืออีกข้างก็กำเสื้อผมแน่นไม่แพ้กัน มันซุกหน้าซบกับบ่าผม เหมือนมีอะไรอุ่นๆซึมผ่านเสื้อด้วยแฮะ
     
     
    “ต้องบอกด้วยหรอ ดูเองไม่รู้รึไง” ฟ่างเป็นพวกไม่ชอบพูดคำว่ารัก ตั้งแต่คบกันมา นับครั้งได้เลยที่มันพูด ยกเว้นเวลา เอ่อ …..ที่ผมแกล้งจนมันยอมพูด

    “ไม่รู้ นะ บอกหน่อย อยากฟัง”

    “บอกตรงนี้หรอวะ”

    “หรือจะให้ปีนลงไปต่อม่อสะพานก็ได้นะ”

    “เออๆ รัก”

    “ห๊ะ”

    “รักมึง” มันดันตัวออกมากอดผมหลวมๆ และเริ่มมองทางอื่น บิดข้อมืออกจากมือผม

    “มึงไหน แล้วใครรักว่ะ”

    “แม่ง อย่าโง่ได้มั้ย กูรักมึงได้ยินรึยัง”


    “กูไหน ไม่รู้จัก”
     


    “ข้าวฟ่างรักแทน พอใจรึยัง”



     
    “หึหึ พอใจแล้วครับ แทนก็รักฟ่างนะ”ผมดึงมันมากอดอีกครั้ง
     
    “ขอบคุณนะแทน”


    “เรื่องอะไรเหรอ”


    “ก็ทุกเรื่อง ขอบคุณที่อดทนกับคนไม่เอาไหนอย่างกู คนนิสัยเสีย ขี้โวยวายเอาแต่ใจ ขอบคุณที่มึงไม่ทิ้งกู”


    “อย่าคิดมากสิ” ก็เพราะเป็นฟ่าง ผมรักมันที่เป็นมัน เราสองคนไม่เคยปรับตัวเข้าหากัน เพราะตอนที่รักกันก็รักที่มันเป็นแบบนี้ ฟ่างเองก็คงรักผมที่เป็นตัวผมเหมือนกัน
     

    ถ้าต้องให้ปรับตัวเข้าหากันก็ไม่รู้ว่าจะปรับตรงไหน ปรับยังไง ปรับไปแล้วหาจุดตรงกันไม่เจอกันล่ะ ก็อยู่กันไปแบบนี้ มีรัก มีทะเลาะ บางครั้งไม่เข้าใจ มีแอบไปคุยกับใคร แต่สุดท้ายคำว่ารักก็จะดึงเรากลับมาหากัน
     

    ฟ่างอาจจะไม่ใช่คนสุดท้ายของผม แต่มันจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะรัก
     

    “อื้ออ ทำไรฟ่าง” มันดูดคอผม
    เล่นอะไรไม่ห่วงความปลอดภัยตัวเองเลยนะครับข้าวฟ่าง
     
    “ทำความเป็นเจ้าของ มึงเป็นของกู ตาก็ของกู จมูกนี่ก็ของกู ปากนี่ก็ของกู ของกูหมดทั้งตัว รู้ไว้ด้วยไอ้หล่อ”หึหึ เด็กขี้หวง


    “ครับ ของฟ่างทั้งตัวทั้งใจ” อีกสามนาทีผมอาจสำลักความหวานตาย รับน้ำตาลเกินขนาด “กลับกันมั้ย ลมแรง”
    ผมจับมือฟ่าง แต่มันไม่ยอมเดินตามแรงดึงของผม ผมเลยหันกลับไปมอง
     
     
    “แทน”

    “ว่าไงครับ”
     
     

    “กูรักมึงมากกว่าเมื่อวานอีก”
     



    “หึ เคยเสียตัวบนสะพานมั้ยฟ่าง ป่ะ กลับบ้านเรากันนะ” ผมยื่นมือกลับไปให้ฟ่างจับ คราวนี้มันวางมือลงบนมือผม และจับไว้แน่นพร้อมรอยยิ้มที่ผมชอบ เราก้าวเดินไปบนฟุตบาท แม้บางจังหวะ บางก้าวอาจจะไม่พร้อมกัน แต่เราก็จะเดินไปด้วยกัน
     


     
    สุขสันต์วันแห่งความรักนะครับทุกคน
     
     
     

     
    ………………………………………………
     




    แหวะเลี่ยน อิจฉาๆๆๆๆๆ ผู้ชายแบบแทนมีขายมั้ยคะ ตาลจะไปกว้านซื้อมาเก็บไว้ซักสองโหล555ว่าแต่คู่นั้นพากันไปสหวีวี่วีที่ไหนน๊อ ได้ข่าวว่าให้ต้นไม้สื่อรักกันด้วยหรอจ๊ะ คุณภูมิ กร๊ากกกกก
    ขอบคุณทุกคนที่อวยพรและเป็นกำลังใจให้นะคะ
    ขอต้อนรับนักอ่านคนใหม่ทุกคนด้วยนะคะ ไปตอบเม้นก่อน ชะแว่บบบบบบ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×