ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 21 ก๊วนกามเทพ
ตอนที่ 21
เรื่องระหว่างไอ้เต้ยกับไอ้คิว ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเรื่องที่ไอ้เต้ยรักไอ้คิวกลายเป็นทอคออฟเดอะแก็งค์ในเช้าวันใหม่เลยครับ ลึกๆแล้วผมแอบหวังว่าไอ้แมทมันเมาพูดจาเพ้อเจ้อไปเอง พอตื่นมามันก็จะกลายเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
แต่ท่าทางอาการของมันตอนที่ถูกถาม บอกพวกผมได้ดีว่าเรื่องที่มันพูดเมื่อคืนคือเรื่องจริง ส่วนไอ้เต้ยเจ้าของข่าวฮอท ภูมิพาไปส่งบ้านตั้งแต่เมื่อคืนเพราะมันต้องไปไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษตามประเพณีจีนของมัน
ไอ้แทน ไอ้มิค ไอ้ปันที่หลับไปก่อนก็แหกปากตกใจเพิ่งรู้เรื่องที่ไอ้เต้ยชอบไอ้คิว
“คิวไหน ตะ เต้ย จรินทร์พรใช่มั้ย แม่งเกิดเหี้ยอะไรกับเพื่อนกูอีกวะ” ไอ้ปันกำลังตกมันได้ที่ มันบอกว่าตัวเองกำลังฝัน ให้พวกผมพาออกจากความฝันซักที ห่า นี่ไม่ใช่พี่เลโอนาโด้ใน Inception นะมึง ที่แอบไปขโมยความฝันชาวบ้าน
ส่วนเชี่ยแมทก็รักเพื่อนเกิ๊นนน เรื่องนี้ไอ้เต้ยคงให้มันเก็บเป็นความลับสุดยอด แม้จะถูกไอ้ฟ่างแดกหัวอยู่รอมร่อ ไอ้แมทยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรซักคำ แม่งส่ายหัวลูกเดียว ไอ้เบียร์เลยเล่นจิตวิทยาขั้นข่มขู่ว่า “มึงจะบอกดีๆหรือจะให้กูไปถามไอ้เต้ยเอง” แค่นั้นแหละ ไอ้น้องแมทก็รีบรัวออกมาเป็นชุด
“พวกพี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าไอ้เต้ยรักพี่คิว”ชุดที่มันรัวก็วนเวียนอยู่แต่ประโยคนี้จะสองชั่วโมงแล้ว
“เออ!!!!”
“ถ้ากูรู้ กูจะมาเค้นคอมึงแบบนี้เหรอไอ้แมท แล้วถ้ามึงยังลีลาอีก กูจะหักคอทิ้งเลยแม่ง” ไม่รู้ว่าที่ไอ้ฟ่างมันรนๆ เป็นเพราะมันห่วงไอ้เต้ยหรือมันหงุดหงิดที่ไอ้แมทไม่ยอมพูดซักที
“ไอ้เต้ยมันรักพี่คิวมานานแล้ว” แมทมันมองหน้าพี่คนนั้นทีคนนี้ที พวกผมก็มองหน้ากันเอง คำว่าไอ้เต้ยรักไอ้คิว ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้ง ได้ยินกี่หนก็เหมือนบอกว่า ภูเก็ตหิมะตก มันเป็นไปได้ยังไง มันไม่น่าเชื่อ โคตรเหลือเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงไม่มีหิมะตกที่ภูเก็ด ไอ้เต้ยก็คงรักไอ้คิวไปแล้ว
“แม่ง ใครก็ได้ปลุกกูที ถ้าบอกว่าไอ้เต้ยแย่งเมียไอ้คิว กูยังจะเชื่อซะกว่า” ไอ้มิคเริ่มโวยวาย คิ้วมันตีกันยุ่งไปหมด
“กูบอกตรงๆนะ คือตอนนี้กูงงมาก ใครที่ยังไม่เปิดเผยรีบบอกกูมา แม่งกูหัวใจจะวาย”ไอ้ปันก็รีบแสดงความคิดเห็นต่อจากคู่ซี้มัน แถมมันยังหันไปมองไอ้เชน ไอ้มิค ไอ้เบียร์ เลยโดนถีบออกมา
“แต่ไอ้เต้ยมันมีแฟนแล้วนิ หลายคนซะด้วย”ผมออกความคิดบ้าง
“แฟนกับคนที่รักไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกันนิพี่พีม”แฟนกับคนที่รักเป็นคนละคนก็ได้หรอ กูเริ่มงงแล้วนะ ผมหันไปมองหน้าไอ้ภูมิมันขมวดคิ้วใส่ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนทั้งห้องอยากตีลังกาหลังใส่หน้ามัน
“มึงเป็นแฟนกู แล้วกูก็รักมึงไอ้เตี้ย”
“อ้วกกกกกกกกกกกกก”
ป๊าบ นี่ กูขอซักทีเหอะ ไอ้โรคปากเปราะแล้วเสือกไวของมึงเนี่ย มึงพูดแบบนี้ แล้วเคยคิดบ้างมั้ยว่าใครเขินไอ้ห่า
“อ้าว แบบนี้ผู้หญิงที่เป็นแฟนไอ้เต้ยก็ช้ำใจตายสิ คบกับคนที่ไม่ได้รัก”
“ก็แล้วแต่คนอ่ะพี่ ว่าที่เข้ามาคบกับมันต้องการอะไร ถ้าต้องการความรักก็เจ็บ แต่ถ้าหวังอย่างอื่นก็ win-win ผมว่าพวกพี่น่าจะเข้าใจดีนะเรื่องนี้ ฮ่าๆ”
“เออใช่ เหมือนพวกมึงไง ไม่รักก็คบได้ คบไม่เลือก” ผมชี้นิ้วกราดรอบวง ไล่ตั้งแต่ไอ้แทน ไอ้ฟ่าง ไอ้ภูมิ และตัวพ่ออย่างไอ้เชน ฝ่ามือใหญ่ๆสี่ข้างเลยพร้อมใจกันฟาดลงที่หัวผมอูยยย แม่งเจ็บนะเว้ย
“ปากดีนะมึง”
“แล้วไอ้คิวมันไม่รู้เลยหรอพีม มึงอยู่กับมันตลอดนิ” ไอ้เบียร์ถามหน้าเครียดตอนนี้บรรยากาศเหมือนประชุมหกฝ่าย ไม่ก็เอเชี่ยนซัมมิท
“มันจะไปรู้อะไรล่ะ ขนาดพวกเรายังไม่รู้เลย กูก็เห็นมันกัดกับไอ้เต้ยทุกวัน ”
“แล้วจะเอาไงต่อ”อยู่ๆไอ้ปันก็ถามขึ้นมา แต่มันก้มหน้า กูเริ่มได้กลิ่นอะไรตุๆแล้วว่ะ
“เอาไงอะไรของมึงปัน”
“ก็ช่วยไอ้เต้ยไง พวกเราจะเป็นคิวปิ๊ด เป็นกามเทพ”
^_____________^ ไอ้ปันเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มจนปากจะจรดใบหู
“โอยยย ฮะๆ กามเทพ?อย่างมึงไม่เป็นกามตายด้านก็กามโรคว่ะปัน ฮ่าๆๆ”
“สัดเชน มึงเห็นความรักเป็นเรื่องตลกหรอห๊ะ ไอ้มนุษย์น้ำแข็ง มึงมันรักใครไม่เป็น” ฮ่าๆ ตั้งแต่คบกันมา มีครั้งนี้แหละที่ไอ้ปันมันพูดความจริง
“แล้วมึงรักเป็นแล้วหรอปัน”ไอ้เชนถามกลับทั้งที่พยายามกลั้นหัวเราะ
“กำลังจะเป็น” ไอ้ปันทำหน้าจริงจัง แต่ดูยังไงก็ฮาว่ะ “กูอ่ะศึกษาอยู่เว้ย ถ้าหาคู่ได้เมื่อไรนะ หึ กูนี่แหละจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านความรัก” ฟังดูเหมือนพวกศาลาคนเศร้าเลยเนอะ
“มึงเอาเพื่อนมึงไปเก็บไกลๆดิ๊มิค”
“แต่กูว่าที่ไอ้ปันพูด มันก็ถูกนะเว้ย ไอ้เต้ยก็เป็นน้องเรา ไอ้คิวก็เพื่อน เพื่อนกับน้องได้กัน เรือล่มในกลุ่มมรสุมจะไปไหนเสีย เนอะปัน”
???????????????? คือหน้าของพวกผมตอนนี้ เอ่อ สำนวนนั้นท่านได้แต่ใดมาท่านมิค
“ช่ายยยย มิค มึงพูดได้ถูกใจกูมาก เดี๋ยวกูแต่งตั้งมึงเป็นที่ปรึกษา” แล้วไอ้บ้าสองตัวนั่นก็หัวเราะคิกคัก ตาลอยๆ พวกผมก็ได้แต่กุมขมับ
กามเทพอย่างพวกมัน จะแผลงศรรักหรือลูกดอกอาบยาพิษ โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
.
ถึงวันนี้จะเป็นวันเสาร์แต่ผมก็ไม่ได้พักผ่อนอยู่บ้าน เพราะผมกับไอ้คิวมาเขียนรูปที่หอจดหมายเหตุฯ(หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช)
ด้วยความที่อยากเป็นกามเทพตามที่ไอ้ปันมันบอกไว้ ผมเลยชวนไอ้เต้ยมาด้วย แม้จะหนวกหูหรือรำคาญเสียงทะเลาะกันของพี่รหัสน้องรหัส แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกดีที่ถูกมันสองตัวแกล้ง แกล้งด้วยการให้ผมเป็นคนขับรถแล้วมันสองคนก็ไปนั่งกัดกันอยู่เบาะหลัง กว่าจะถึงคลองห้าผมคงต้องเรียกรถร่วมกตัญญูมารอที่หอจดหมายเหตุละมั้ง
“โหหห สวยเว่อร์อ่ะเฮีย เงียบดีด้วย”ตอนที่เห็นในรูปว่าสวยแล้ว พอได้มาเห็นจริงๆ มันบรรยายไม่ถูกเลยครับ เหมือนวิมานบนสวรรค์ ดูเงียบสงบแทบจะไม่มีคน หรืออาจจะเป็นเพราะที่นี่คือสถานที่ของพระองค์ท่าน ทำให้ผมรู้สึกดี
“เออ รู้แล้วว่าสวย แต่ช่วยกูขนของบ้างก็ดีนะ” ไอ้เต้ยเบ้หน้า แต่ก็ยอมเดินมาช่วยพี่รหัสมันถือกระดานรองเขียนรูป ผมกับไอ้คิวก็เป็นไอ้บ้าหอบฟาง มีทั้งม้วนกระดาษเต็มมือ อุปกรณ์เขียนรูป แถมมีกล้องห้อยระโยงระยางเต็มคอ
“คิวมึงไปถามเจ้าหน้าที่ดิ นั่งเขียนรูปแถวนี้ได้มั้ย”
ผมกับไอ้เต้ยยืนรอไอ้คิว และผมอดไม่ได้ที่จะมองไอ้เต้ย ภายใต้หน้าหล่อๆตาใสๆกับรอยยิ้มร่าเริง มันเก็บซ่อนความรู้สึกอะไรไว้บ้างนะ
“มีไรหรอเฮียพีม เห็นมองเต้ยบ่อยๆ อ่ะแหนะ อย่าบอกนะว่าหลงรักเค้าอ่ะ อย่าๆสงสารเฮียภูมิ อีกอย่างนะ เต้ยหล่อเลือกได้ว่ะ ฮ่าๆ” ผมยิ้ม มันคงแปลกใจที่ผมไม่ด่ากลับ ไม่ตบหัวมัน กูไม่อยากทำให้มึงเจ็บกว่านี้ว่ะเต้ย
“เต้ย มีไรให้เฮียช่วยก็บอกนะ”มันทำหน้างง
“เฮียมาแปลกแฮะวันนี้ งั้นช่วยไปฆ่าเพื่อนซี้เฮียให้เต้ยหน่อยสิ” ไอ้เต้ยหัวเราะอารมณ์ดี กระดกเป๊ปซี่ในมือ
“ฮะๆ ไอ้คิวน่ะเหรอ”
“อือ”
“ถ้าฆ่ามัน มันก็ตายน่ะสิ”
“ใช่”
“ถ้าไอ้คิวตาย มึงก็ไม่มีพี่รหัสที่รักสิ” ไอ้เต้ยหันมาจ้องตาผม มันขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน ผมไม่ได้อยากก้าวก่าย แค่อยากจะฟังจากปากมัน แค่อยากเป็นพี่ชายที่ดีให้มันระบายเรื่องราวต่างๆให้ฟัง ไอ้เต้ยพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ไอ้คิวเดินออกมาซะก่อน
“อ้าว เป็นไรไอ้ดื้อ หน้าซีดๆนะมึง”
“มันคงแพ้เป๊ปซี่มั้ง แล้วเจ้าหน้าที่ว่าไงมึง”
“เลือกที่ได้เลย เออพี่เค้าบอกว่าให้ไปชมนิทรรศการด้วย ก่อนกลับค่อยไปแล้วกัน”
ผมกับไอ้คิวก็นั่งเขียนรูปอยู่ใกล้ๆกัน เพราะมีแค่มุมนี้ที่ร่ม อีกฝั่งแดดร้อนมาก ที่ผมกับมันต้องมาเขียนรูปไกลขนาดนี้เพราะสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ สมัยรัชกาลที่๙ไม่ค่อยมีคนเลือกทำ (กะจะเอาความแปลกเข้าแลกคะแนนอะครับ) แต่ที่จริงอยากมาเที่ยวด้วย เห็นเพื่อนมันเล่าให้ฟังว่าสวย แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย
ส่วนไอ้เต้ย มันหอบกล้องไปเก็บรูปวนเวียนอยู่แถวนี้ ถ่ายดอกลั่นทมขาวๆที่ร่วงอยู่บนพื้นหญ้าเขียวๆจะครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง ไม่รู้มันจะอาร์ตอะไรหนักหนา ทั้งหมอบ ทั้งก้ม มีนอนถ่ายด้วยนะ เมื่อกี้มันไปเข้าห้องน้ำ ได้เบอร์เจ้าหน้าที่นำชมมาด้วย เหอๆ กูละเชื่อเลย
“คิว”
“อืม”
“ไอ้คิว”
“อื้อ”
“คิว”
“ถ้ามึงเรียกกูอีกครั้ง แล้วไม่พูด กูจะถีบหน้าแม่ง”ไอ้คิวเหน็บดินสอไว้ที่หู มันหันกลับมามองหน้าผม เหมือนจะลุกมาถีบจริงๆในวินาทีใดนาทีหนึ่ง
“มึงรักอิงมั้ย” อิงคือแฟนคนล่าสุดที่ไอ้คิวคบอยู่ตอนนี้
“ถามทำไม”
“ก็กูไม่เห็นมึงคบใครนานแล้วไง ตั้งแต่เลิกกับพี่เจน แล้วทำไมถึงจะคบอิงวะ”
“
..ไม่รู้ แต่อิงก็น่ารักดี คบๆไปอาจจะรักก็ได้”คิดง่าย พูดง่าย ทำจริงๆอาจจะไม่ง่ายนะมึง
“มึง เอ่อ มึงมีอะไรกันรึยัง”
“เชี่ยพีม ถึงกูจะเลวกู ก็ไม่ได้คิดแต่เรื่องอย่างว่านะสัด”
“เออ ดีแล้วๆ สงสารผู้หญิง พ่อแม่เลี้ยงดูเค้ามาอย่าไปทำลายเค้าเลยเนอะ”
“มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ทำไมพูดอะไรแปลกๆ ไอ้ภูมิเอาอะไรให้มึงกิน”ความรักไง ขากถุย ถ้าผมตอบออกไปไอ้คิวคงได้ลุกมาเหยียบหน้าด้วยความหมั่นไส้ผมแน่ๆ
“ถ้าสมมุติ แค่สมมุตินะเว้ย แบบว่ามีผู้ชายชอบมึง มึงจะรังเกียจมั้ย”
“ใคร”
“ไอ้ ตะ เอ่อ สมมุติไงมึง สมมุติ” เชี่ย เกือบหลุดแล้วมั้ยล่ะ ไอ้คิวแม่งฉลาดเกิน
“ไร้สาระว่ะพีม”
กว่าจะวาดรูปเสร็จก็ปาไปบ่ายสามกว่า ที่จริงยังไม่เสร็จ ได้แค่ร่างๆ ผมถ่ายรูปไว้เอากลับไปวาดต่อที่บ้าน ตอนนี้ผมกับไอ้สองตัวนั้นขึ้นมาชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในสวยยิ่งกว่าครับ พวกผมถ่ายรูปแทบจะทุกมุม
เข้ามาเห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านทำให้ผมรู้สึก มันบอกไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายยังไง คือมันอบอุ่นหัวใจ ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย เป็นลูกของพ่อ พ่อที่ยิ่งใหญ่และใจดีกว่าใครๆ คราวหน้าพาไอ้ปันมาดีกว่า เลือดรักชาติในตัวมันจากเข้มคงข้นกว่าเดิม
“เต้ยเหนื่อยอ่ะ พักก่อนได้ป่ะ” ไม่ต้องขอหรอกเต้ยในเมื่อมึงนั่งแล้ว
“อ่อนวะ ไหนบอกเป็นนักเต้นไง เดินแค่นี้ทำเหนื่อย”
“เต้ยไม่ถึกแบบพี่คิวนิ”
“ไอ้เต้ยนี่ก็น่ารักดีเนอะ มึงว่ามั้ยคิว”ทั้งไอ้คิวและไอ้เต้ย จ้องผมเขม็ง ทำไมอ่ะ กูพูดไรผิดวะ
“น่าลักไปฆ่า มึงนี่ท่าจะเป็นเอามากนะพีม เบื่อหล่อขั้นเทพแบบไอ้ภูมิแล้วรึไง กูบอกแล้วคุณชายแบบมันน่าเบื่อ ต้องหล่อใสไร้ที่ติแบบกูนี่ หึหึ หล่อลาก หล่ออมตะ หล่อตลอดกาล หล่อแบบนิรันดร ฮ่าๆ”
“หล่อไร้ที่ติหรือไร้ที่ชม” ไอ้คิวขำค้างก่อนกระโดดเข้าไปล็อคคอไอ้เต้ย มันดิ้นกระแด่วๆเพราะสู้แรงไอ้คิวไม่ไหว ฮ่าๆๆ เสร็จกูล่ะ ผมรีบยกกล้องขึ้นถ่ายพวกมันสองตัว
“เฮ้ย พวกมึง เบาๆ ไม่ใช่บ้านเรานะเว้ย สำรวมหน่อย” มันชักจะเล่นกันแรงเกิน ไอ้คิวก็เล่นซะไม่กลัวน้องจะเจ็บเลย “มาๆถ่ายรูปกัน”มันเลิกแกล้งกัน เดินหามุมถ่ายรูป
“ตรงนี้แหละ สว่างดี อ้าวน้องรหัสพี่รหัสกอดคอกันหน่อย เออนั่นแหละ” มันสองตัวมองหน้ากัน แขนไอ้คิวพาดอยู่บนไหล่เต้ยไอ้เต้ยมันสูง แต่เตี้ยกว่าไอ้คิวมากอยู่ แสดงว่าไม่ได้มีแค่กูหรอกว๊าที่เตี้ยอ่ะ คึคึ
“คิวขยับไปหาน้องอีก”มันก็ขยับไปตามที่บอก “ชิดอีกนิดนึง” มันจะขี่คอกันแล้วครับ แต่ผมยังไม่สะใจ ฮ่าๆนานๆได้แกล้งพวกมัน ตอนนี้ไหล่ไอ้เต้ยเกยอกไอ้คิวแล้ว “อีกนิดดิวะ”
“เชี่ยพีม ให้กูเอามันให้ดูเลยมั้ยแม่ง”
“ได้ก็ดี”
!!!!!!!
ไอ้เต้ย มึงอย่าแรง
..
ตอนนี้ผมมาเดินเล่นที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ไม่ได้มากับไอ้สองตัวนั้นหรอกเพราะมันกลับไปด้วยกันแล้ว แล้วผมมากับใครน่ะเหรอ มันคือคนที่มารับผมถึงหอจดหมายเหตุ จนถูกแซวว่าเป็นคนขับรถประจำตัว แล้วมันก็บ่นหิวข้าว อยากแดกไก่ผู้พันจนต้องแวะที่นี่ รู้รึยังว่าผมมากับใคร
“เอาคอมโบเซทครับ” เอ่อ พี่ฟังผมพูดรึเปล่าครับ เอาแต่จ้องหน้าไอ้คนที่ยืนซ้อนหลังผมอย่างเดียวเลยอ่ะ
“ทานที่นี่หรือกลับบ้านคะ”
“ทานนี่ครับ”
“เอาปีก” อยู่ๆไอ้คนข้างหลังผมบอกสั้นๆแต่ดูเหมือนพี่สาวเสื้อเขียวจะสนใจมันมากกว่าผม มึงไปนั่งรอเลยไป ฮึ๋ย
“พอดีว่าปีกหมดคะ ต้องรออีก5นาที เปลี่ยนเป็นน่องกับเนื้ออกได้มั้ยคะ” เสียงแนะนำหวานๆมาพร้อมรอยยิ้มสวยๆ แต่
“ไม่เอา จะกินปีก”
“เอ่อ” ผมกับพี่สาวคนนั้นเอ๋อแดกกันเลยทีเดียว คนที่รอคิวข้างหลังก็มอง
“พีม กูจะเอาปีกอ่ะ” นี่กูมากับนักศึกษาคณะวิศวะอายุ20 หรือเด็กประถมวัยกันแน่วะ อ่อ ลืมไปว่าไอ้ภูมิยังไม่ยี่สิบเต็ม เด็กปี 91 แม่ง เลี้ยงยาก
“ปีกหมดแล้ว มึงหิวไม่ใช่เหรอ ถ้าจะกินต้องรอนะ เราเอาน่องก็ได้เนอะอร่อยเหมือนกัน” ผมหันมาเจรจาต่อรองกับมัน
“ไม่!!” มันกอดอก หันหน้าไปมองทางอื่น โอยยย มึงคิดว่ามันน่ารักรึไง โรคเอาแต่ใจมาอีกแล้ว
“งั้นก็เปลี่ยนที่ ไปกินที่เซนทรัลมั้ย”
“ไม่ไป กูจะกินปีก แล้วก็จะกินที่นี่ด้วย” ตอนนี้พี่สาวเสื้อเขียวเป็นใบ้ไปแล้ว คนที่รอคิวข้างหลังก็ไปสั่งอีกช่อง สุดท้ายด้วยอำนาจเงิน พี่ผู้จัดการสาขาต้องโทรสั่งKFCที่อยู่อีกชั้นให้เอาปีกมาส่ง
“อยากมากใช่มั้ย แดกให้หมดเลยนะ กระดูกก็อย่าให้เหลือซักชิ้น อื้อ อำไออ๋องอึง” เชี่ยภูมิแม่งเอาไก่ทั้งน่องยัดใส่ปากผม
“หนวกหูว่ะ น่ารำคาญด้วย” มันยิ้มร่า มีความสุขที่ทุกอย่างได้ดั่งใจมัน วันหลังมึงก็ลากลงไปแดกในน้ำด้วยนะ ฮึ๋ย ถ้าจะกินดีๆคงไม่ใช่ผมกับภูมิ เพราะผมทั้งถีบขากันใต้โต๊ะ แย่งแก้วน้ำ เสือกอยากกินแก้วเดียวกันไง แล้วมันชอบเอากระดูกมาวางในจานผมอีก กูไม่ใช่หมานะเว้ย
“ภูมิ ซอสๆ”
“อะไร”
“ซอสเปื้อนแก้ม”
“เช็ดให้หน่อยสิ” ผมหันมองรอบๆ ถึงจะเป็นโต๊ะที่อยู่ในๆ ก็กลัวคนเห็นนะเฟ้ย ไอ้ภูมิยิ่งเด่นๆอยู่
เมื่อทางสะดวกผมก็เอื้อมมือไปเช็ดให้มัน
มีเสียงหัวเราะคิกคักมาจากโต๊ะข้างๆ ได้ยินแว่วๆว่า
มีเสียงหัวเราะคิกคักมาจากโต๊ะข้างๆ ได้ยินแว่วๆว่า
“พี่สองคนนั้นน่ารักอ่ะ”
TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
.
ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่หายไป(กราบงามๆ) ช่วงนี้เรียนหนัก จะสอบอาทิตย์หน้าแล้ว แถมพรีเซ้นงานก็จ่อรอคิวเกือบทุกวิชา สงสัยว่าอาจารย์คงไปนัดแนะกันสั่งงานพร้อมกันแน่ๆ เหอๆ ช่วงนี้ตาลคงงดอัพนิยายซักพักนะคะ Y_Ysorry sorry กะเม็ด กะเม็ด ฮ่าๆร้องไม่ได้ แต่ชอบคนร้อง พี่เอากรอกหูทุกวัน ตาลชอบคนนั้นอ่ะที่ร้องเพลงเพราะ ๆ คูฮยอนมั้ง(ถูกป่ะวะ)เยอะเกินจำไม่ได้
ถ้าสอบเสร็จตาลจะรีบมาเคลียร์ปัญหาให้น้องเต้ยกับไอ้พี่คิวอย่างแน่นอนคะ ขอบคุณที่ทุกคนยังรออ่านนะคะ เห็นมารอด้วย (ซึ้ง)ช่วงนี้ก็อ่านเรื่องอื่นรอไปก่อนนะตัวเทอ กร๊ากกกก
มีรูปหอจดหมายเหตุมาฝากด้วยคะ อย่าลืมไปเยี่ยมชมกันนะคะ สวยมาก
ปล ตอบเม้นขอติดไว้ก่อน
ปล ใครเป็นศิษย์เก่า Harvard บ้างคะ ขอข้อมูลไปทำรายงานหน่อยสิ อ๊ากก ยากเว่อร์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น