ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #81 : ตอนที่ 70 คุณค่าของความรัก (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63.23K
      298
      19 ก.พ. 55















    ตอนที่
    70 คุณค่าของความรัก

     








    ผมนั่งมองแสงสุดท้ายของดวงตะวันที่ค่อยๆเปลี่ยนสี มีคนเคยบอกว่าบรรยากาศเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละวันนั้นจะไม่เคยซ้ำกันเลยทั้งที่เป็นดวงอาทิตย์ดวงเดิมฟ้าก็ฟ้าผืนเดิม มันคงเป็นเสน่ห์ที่มหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่ว่ามนุษย์เราจะเก่งสักแค่ไหนจะพาโลกก้าวมาไกลสักเท่าไรแต่ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ก็ไม่มีทางทำได้เกินกว่าธรรมชาติเราเอาชนะธรรมชาติไม่ได้

     






    สามวันแล้วที่ผมได้นั่งมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและผมคิดว่าตัวเองเริ่มหลงรักบรรยากาศแบบนี้ซะแล้วสามวันที่ผ่านมาผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองผมตัดขาดการติดต่อจากไอ้พวกเพื่อนๆด้วยการบล็อกเบอร์พวกมันเพราะผมไม่กล้าปิดเครื่องเผื่อพ่อกับแม่โทรมาและถ้ามีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามาผมก็ไม่รับสาย

     





    แต่ไม่ว่าผมจะคิดจะทำเรื่องอะไรภาพในหัวก็จะฉายแต่หน้าของภูมิเสมอทุกเรื่องราวระหว่างเรายังคงชัดในความรู้สึกคงเพราะผมไม่ได้คิดตัดใจไม่ได้คิดที่จะลืม ก็แล้วจะลืมทำไมในเมื่อเราเลิกกันเพราะคนอื่นเราไม่ได้เลิกเพราะไม่รักกัน

     





    ในทุกๆเย็นผมจะมานั่งวาดรูปที่ชายหาดโดยใช้ทะเลเบื้องหน้าเป็นแบบและทุกวันผมมักจะเห็นคุณลุงคนนึงเดินเก็บขวดน้ำเก็บเปลือกหอยตามชายหาดพร้อมกับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ วันนี้ผมเลยคิดจะให้สองคนนี้เป็นแบบโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

     






    ผมเริ่มสเกตซ์ภาพคร่าวๆมาได้ซักพักแต่เพราะแบบของผมไม่ได้อยู่นิ่งๆแถมผมต้องแอบมองทำเนียนๆเพื่อไม่ให้แบบของผมรู้ตัวอีก กว่าจะร่างภาพเสร็จเลยต้องใช้เวลานานหน่อยพอผมจะเริ่มลงรายละเอียดอยู่ๆเด็กคนนั้นที่ผมแอบใช้เป็นแบบก็วิ่งมาเข้ามาหาผม น้องมายืนใกล้ๆพร้อมกับเอียงคอมองผมแล้วก็ยิ้มให้ผมเลยยิ้มตอบกลับไปผมคงจ้องนานเกินไปจนเจ้าตัวเขารู้สินะ

     





    “ว่าไงครับ” ผมทักทายด้วยรอยยิ้มแต่น้องก็ไม่ตอบเอาแต่ยิ้มอย่างเดียว “พี่ชื่อพีมน้องชื่ออะไรครับ” เด็กนั่นก็ไม่ตอบ ผมเริ่มขมวดคิ้วปกติผมก็ไม่ใช่คนรักเด็กอะไรหรอกนะแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาในการผูกไมตรีแต่ดูท่าน้องคนนี้จะเป็นรายแรก




     

     

    “อย่าไปกวนพี่เค้าสิไอ้ภู” ผมสะดุดกับชื่อที่คล้ายชื่อของคนที่อยู่ในใจผม ผมเบนสายตาหันไปหาผู้ที่มาใหม่คุณลุงคนนั้นบอกลูกชายแล้วก็หันมายิ้มให้ผม

     





    “ไม่เป็นไรครับลุง น้องชื่ออะไรเหรอ” ผมบอกคุณลุงและยิ้มให้แกเช่นกันก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆของน้องภูแล้วเอ่ยถามชื่ออีกครั้งแม้ว่าผมจะรู้แล้วก็ตามแต่น้องก็ยังไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม

     





    “ไอ้ภูพี่เขาถามก็ตอบสิ” ผมเงยหน้ามองคุณลุงและก้มลงมามองเด็กตัวน้อยเพื่อรอฟังคำตอบน้องภูจ้องผมอยู่สักพักก่อนจะยอมพูด

     





    “ชื่อ ภู ฮะ” ผมขมวดคิ้วเพราะน้องพูดช้ากว่าปกติผมรู้สึกว่าน้องดูเหมือนจะแปลกๆแต่ผมก็ยิ้มให้

     








    “เจ้าภูมันเป็นเด็กพิเศษน่ะพ่อหนุ่ม”

     





    “ครับ?” ผมเงยหน้ามองคุณลุงเพื่อขอคำยืนยันว่าผมไม่ได้ฟังผิดไป คุณลุงยิ้มและลูบหัวลูกชายเบาๆผมมองน้องภูอีกครั้งถ้าไม่บอกก็ดูไม่ออกเลยว่าน้องเป็นออทิสติกเพราะน้องดูเหมือนเด็กปกติทั่วไปเพียงแค่ตัวเล็กแค่นั้นเอง




    คุณลุงวางถุงที่ใส่พวกขวดน้ำเศษขยะลงก่อนจะนั่งห่างจากผมไม่มากผมก็วางอุปกรณ์วาดรูปไว้ข้างตัวเช่นกัน ลุงแกชวนคุยถามไถ่ผมเรื่องทั่วๆไปแกคุยสนุกดีนะครับแกชื่อลุงนพเป็นชาวประมง ส่วนเมียแกขายพวกกับข้าวอยู่ในตลาดหัวหิน ลุงนพเล่าให้ผมฟังว่าตอนเย็นๆแกมักจะมาเก็บขวดเก็บพวกขยะที่นักท่องเที่ยวมักง่ายทิ้งไว้และก็พาน้องภูมาเดินเล่นด้วย

     






    “พ่อหนุ่มเป็นคนกรุงเทพรึ”

     




    “ครับเป็นคนกรุงเทพแต่พ่อกับแม่ทิ้งผมไปอยู่เชียงใหม่กันหมดแล้วครับ” แกหัวเราะพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับมองไปยังน้องภูที่ตอนนี้กำลังวิ่งเล่นกับระรอกคลื่นพอคลื่นซัดเข้าหาน้องก็วิ่งหนีพอคลื่นห่างออกไปน้องก็วิ่งตามแล้วก็หัวเราะดูมีความสุข เด็กๆนี่เขายิ้มได้กับทุกเรื่องเลยเนอะคงเพราะเขายังไร้เดียงสาจิตใจก็บริสุทธ์ต่างจากผู้ใหญ่อย่างเราที่แม้แต่เรื่องเล็กๆก็ยังเครียด

     






    “มาคนเดียวนี่มาพักผ่อนหรือมาพักใจ” ลุงเอ่ยถามอย่างคนอารมณ์ดี

     




    “ก็ทั้งสองอย่างครับ หึหึ ท่าทางผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับลุง”

     




    “ก็เห็นคุณนั่งเศร้าๆคนเดียวมาสองสามวันแล้ว คนที่มีความสุขเขาไม่ค่อยมาทะเลคนเดียวหรอกพ่อหนุ่ม” ผมหัวเราะที่ถูกดูออกผมเอากิ่งไม้ในมือเขี่ยทรายเล่น มันก็จริงน่ะนะคนที่มาทะเลคนเดียวคงไม่ใช่คนที่กำลังมีความสุขกับชีวิตหรอก





     

    การได้พูดคุยกับคนที่เราไม่รู้จักมันก็ทำให้สบายใจไปอีกแบบและมันทำให้เรากล้าที่จะพูดถึงความรู้สึกของเราจริงๆเพราะเขาไม่ได้รู้จักคนที่เราพูดถึงไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเอาไปพูดต่อและจากที่ได้คุยกับลุงนพผมคิดว่าแกเป็นคนที่มีมุมมองชีวิตที่น่าสนใจเลยทีเดียว

     






    “ชอบที่นี่ไหม”

     




    “ครับ ผมชอบทะเลชอบบรรยากาศของหัวหินมันเงียบสงบดี…….อีกอย่างผมเคยมีความทรงจำดีๆกับคนรักที่นี่น่ะครับ” ลุงนพส่งเสียงอืมเป็นการรับรู้ผมกับลุงนพยังคงมองไปที่จุดเดียวกันคือที่ที่น้องภูกำลังก่อปราสาททรายอย่างตั้งอกตั้งใจ




     

    “ชีวิตช่วงวัยรุ่นหนุ่มสาวมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆของเราเลยนะเจอทั้งสุขทั้งทุกข์ได้ทำเรื่องสนุกๆแต่พอเวลามีปัญหามันก็หนักเอาการ”

     




    “ครับ นี่ก็หนักจนต้องหนีมาพักใจเลยครับลุง” ผมพูดติดตลกหันไปยิ้มให้ลุงนพแกก็พยักหน้าหัวเราะไปกับผมด้วย

     




    “พ่อหนุ่มรู้ไหมว่าชีวิตมันสนุกตรงไหนมันมีความหมายมีคุณค่ายังไง” ผมเลิกคิ้วมองลุงนพแกอมยิ้มอย่างผู้ที่ผ่านโลกมาก่อน “ตรงที่ชีวิตมันไม่ง่ายไง มันท้าท้ายดีนะลุงว่าเวลาเจอปัญหาแล้วเราก็สู้จนผ่านมันไปได้”

     





    “ก็คงอย่างงั้นมั้งครับ ลุงนพดูเข้าใจชีวิตดีนะครับ น่าอิจฉา” ผมหันไปบอกลุงนพที่มองลูกชายตัวเล็กกว่าเด็กวัยอนุบาลทั่วไปเด็กชายตัวน้อยที่นั่งก่อทรายอยู่ที่เดิม

     




    “หึ ไม่หรอกคุณ ลุงแค่ผ่านโลกมานานกว่าคุณแค่นั้นเองถ้าให้คุณไปปลอบใจเด็กอายุสิบขวบคุณก็ทำได้เพราะเห็นชีวิตมาเยอะกว่าเจออะไรมามากมายกว่าอย่างลุงก็ผ่านเรื่องแย่ๆมาเยอะเหมือนกัน”




    จากสายตาของแกผมก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องที่ทำให้ลุกแกทุกข์ใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของน้องภูแต่ลุงนพก็พูดด้วยใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มน้ำเสียงก็ยังปกติเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป “ถ้าพ่อหนุ่มไม่รีบไปไหนอยากฟังเรื่องลูกชายของลุกไหม”




     

    “ถึงลุงไม่เล่าผมก็จะบังคับให้ลุงยอมเล่าให้ได้” แกหัวเราะชอบใจก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตให้ผมฟัง

     




    “พ่อหนุ่มอาจจะสงสัยว่าลุงอายุปูนนี้ทำไมเพิ่งมีลูกเล็กขนาดนี้” ผมพยักหน้ารับเพราะอย่างคุณลุงน่าจะมีลูกชายวัยเท่าผมไม่ก็แก่กว่าผม “ลุงแต่งงานมาหลายปีแต่ก็ไม่มีลูกสักทีเพราะเมียลุงสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเลยทำให้มีลูกยากมันแท้งไปสองครั้งลุงก็เลยถอดใจลุงสงสารเมียลุงเลยคิดว่าไม่มีลูกก็ไม่เป็นไรอยู่กันไปสองคนผัวเมียก็ได้

     




    แต่เวลาไปทำบุญลุงก็ชอบขอให้มีลูกจนเทวดาท่านคงเวทนามั้งต่อมาไม่นานลุงก็ได้ลูกชายสมใจ……เจ้าภูมันคลอดก่อนกำหนดแต่มันก็สมบูรณ์ดี วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าลูกลุงดีใจมากมันเหมือนของขวัญจากฟ้าเลยล่ะพ่อหนุ่ม” สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยถูกส่งไปให้น้องภูที่วิ่งหยอกล้อกับระรอกคลื่นจนผมยิ้มตามไปด้วย





     

    “ลุงตั้งชื่อให้ลูกว่าภูผามันจะได้เข้มแข็งและแข็งแกร่งดั่งภูผาลุงกับแม่มันช่วยกันเลี้ยงให้ดีที่สุดถึงบ้านเราจะไม่ได้มีเงินทองมากมายแต่เราก็มีความสุขดีเพราะลุงเอาความรักของลุงทั้งหมดเลี้ยงลูก จนเจ้าภูมันถึงวัยที่ต้องหัดพูดแต่มันก็ไม่ยอมพูด ลุงคิดว่ามันอาจจะแค่พัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ

     




    จนมันจะสามขวบมันก็ยังไม่พูดลุงเลยมามันไปหาหมอ เขาบอกว่าลูกลุงเป็นออทิสติก” รอยยิ้มของผมเหมือนถูกกระชากความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวที่แสนน่ารักของครอบครัวๆหนึ่งมันวูบหายไปทันทีเพราะผมลองจินตนาการว่าถ้าผมเป็นลุงนพถ้าลูกที่ผมเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาต้องมาป่วยแบบนี้ผมคงเหมือนใจสลายแต่ ลุงนพหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเริ่มเล่าต่อ




     

    “คนเรียนน้อยอย่างลุงก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ออทิสติกนี่มันคืออะไร รู้แค่ว่าเป็นโรคๆหนึ่งและรู้แค่ว่าลุงจะต้องรักษาลูกให้หาย ลุงก็พยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่เป็นผลตอนแรกลุงก็อายก็ท้อนะนอนร้องให้กับเมียก็บ่อยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ทำไมลูกเราไม่เหมือนคนอื่น

     




    ถ้ามันจะเกิดมาแล้วเป็นแบบนี้สู้อย่าเกิดมาซะเลยจะดีกว่าช่วงนั้นมันเหมือนมืดแปดด้านเงินที่หามาตั้งใจเก็บไว้ให้มันได้เรียนสูงๆก็เอามาเป็นค่ายาค่าหมอ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นทุกวันๆลุงหาเงินคนเดียวเพราะเมียลุงต้องอยู่บ้านดูแลลูก พอรายได้ไม่พอกับรายรับก็ต้องหยิบต้องยืมญาติๆจนเป็นหนี้เขาหลายบาท” ลุงนพหยุดเล่าและถอนหายใจเบาๆแต่ใบหน้าก็ยังเปื้อนรอยยิ้มไม่จางหาย

     





    “ลุงเครียดมากจะหันไปพึ่งใครก็ไม่ได้จนวันนึงลุงคิดจะหาทางออกให้ตัวเองโดยการทิ้งทุกอย่างไว้ หึหึ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าคนอย่างลุงจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้”

     





    “ไม่หรอกครับลุงนพ คนเราต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนแต่บางช่วงของชีวิตที่เราเจอเรื่องร้ายๆเราก็อ่อนแอได้เหมือนกัน”

     




    “อืม ก็ยังดีที่ลุงเอาชนะความรู้สึกตอนนั้นได้ต้องขอบคุณไอ้ภูมัน”

     



    “ทำไมเหรอครับน้องภูเป็นคนห้ามลุงไว้เหรอ”

     




    “ก็ไม่เชิง ตอนนั้นเมียลุงออกไปซื้อยามาให้ไอ้ภูเพราะมันเป็นไข้ลุงเองก็ไม่สบาย ลุงตัดสินใจตอนนั้นเอาผ้ามาผูกกับขื่อบ้านอีกแค่ไม่กี่วินาทีลุงก็จะได้ไปพ้นๆจากปัญหาพวกนั้นแต่ไอ้ภูมันเดินเตาะแตะเข้ามาในห้องมันร้องไห้คงเพราะมันตื่นมาหาใครไม่เจอ ไอ้ภูมันแหงนหน้าขึ้นมองลุงที่ยืนอยู่บนเก้าอี้กำลังเอาคอเข้าไปบ่วงผ้า ลุงได้แต่มองหน้าลูกแล้วก็ร้องไห้ไอ้ภูมันก็มองลุง

     



    แล้วมันก็เปล่งเสียงออกมา เสียงที่ทำให้ลุงดีใจและเสียใจมากที่สุดในชีวิตแค่คำว่า “พ่อ” ลุงได้ยินมันเรียกว่า “พ่อ” คำแรกที่เจ้าภูมันพูดได้ ลุงรีบมากอดมันไว้ จากวันนั้นลุงก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรโง่ๆแบบนั้นอีก ลุงลุกขึ้นสู้กับปัญหาและลองมองชีวิตในมุมใหม่ๆมันทำให้ลุงรู้ว่าไม่ได้มีแค่ลูกลุงที่เป็นแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือโชคร้ายที่ลูกลุงไม่เหมือนคนอื่นลุงเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงเรียกเด็กที่เป็นออทิสติกว่าเด็กพิเศษก็เพราะพวกเขาคือคนพิเศษของพ่อแม่เหมือนที่เจ้าภูมันเป็นคนพิเศษของลุงและไม่ว่ามันจะเป็นยังไงมันก็คือลูกของลุง”

     




    ลุกนพหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้มผมยิ้มให้ลุงด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันแต่มันก็เจ็บในอกในเวลาเดียวกัน ความรักของพ่อยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งหมดบางทีการที่ผมตัดสินใจคืนภูมิให้กับพ่อ คืนลูกชายที่เขารักอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

     




    “หมอแนะนำว่าให้พาไอ้ภูไปเข้าศูนย์บำบัดรักษาเฉพาะทางลุงกับแม่ไอ้ภูก็พาลูกไปรักษา ที่นั่นลูกลุงมีเพื่อนมากมายมันได้เล่นกับเพื่อน มันยิ้มได้มันมีความสุขแค่นี้ลุงก็มีความสุขแล้วบางครั้งลุงก็เหนื่อยก็ท้อนะแต่ลุงก็บอกตัวเองเสมอว่าลูกจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเรามันก็ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป”

     




    “น้องภูโชคดีมากเลยนะครับที่มีพ่อที่รักเขามากขนาดนี้”

     



    “หึหึ พ่อคนไหนต่างก็รักลูกทั้งนั้นแหละพ่อหนุ่มว่าแต่พ่อหนุ่มเถอะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจยิ่งมาฟังลุงบ่นจะยิ่งไม่เครียดหนังเข้าไปอีกเหรอ”

     




    “หึหึ ไม่หรอกครับ ขอบคุณลุงนพมากนะครับที่มานั่งคุยเป็นเพื่อน”

     




    “ไม่เป็นไรลุงแค่อยากให้พ่อหนุ่มรู้ว่าเวลาที่เราทุกข์เวลาที่เสียใจให้ลองมองคนอื่นที่เขาแย่กว่าเรา เขาเจอปัญหาไม่ต่างจากเราหรืออาจจะหนักกว่าเราก็ได้แต่สุดท้ายแล้วเวลาจะทำให้มันผ่านไป” ผมพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกขอบคุณลุงนพจากใจจริงแม้ตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจของผมกับภูมิได้หรือเปล่าแต่อย่างน้อยผมก็จะพยายามมองเรื่องราวครั้งนี้ในอีกด้านหนึ่ง

     




    “ขอบคุณมากครับ เอ่อลุงนพครับน้องภูดูเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปเลยแสดงว่าตอนนี้น้องใกล้หายดีแล้วใช่ไหมครับลุง”

     



    “มันก็ดีขึ้นเยอะนะมันพูดสื่อสารกับคนอื่นได้แต่ก็ช้าคงต้องรักษาไปเรื่อยๆจนกว่าภูจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างปกติ”

     




    “ผมเชื่อว่าน้องจะต้องหายครับ ลุงสู้ๆนะ” ลุกนพหัวเราะท่าทางการกำมือสู้ๆของผมแกบอกว่าไปๆมาๆกลายเป็นว่าผมเป็นคนที่ให้กำลังใจแกซะงั้น ผมต่างหากที่ได้กำลังใจได้เรียนรู้ชีวิตของลุง “ผมเคยได้ยินมาว่าน้องๆที่เป็นเด็กพิเศษเขาจะมีความสามารถพิเศษที่คนทั่วไปทำไม่ได้ใช่ไหมครับ”

     




    “ก็แล้วแต่บางคนนะอย่างเพื่อนๆไอ้ภูที่ศูนย์บำบัดบางคนมันคิดเลขเก่งเหมือนพวกด็อกเตอร์ทางคณิตศาสต์เพียงแต่มันอยู่นิ่งๆไม่ได้ บางคนก็จำหนังสือเรียนได้ทั้งเล่มหมอที่ดูแลเจ้าภูเคยบอกว่าความเป็นออทิสติกกับอัจฉริยะมันใกล้ๆกัน”

     





    “แล้วอย่างน้องภูละครับน้องมีความสามารถพิเศษไหมครับ” ลุงนพยิ้มและถามผมกลับ

     





    “เมื่อกี้ลุงเห็นพ่อหนุ่มวาดรูปนิไอ้ภูมันก็ชอบวาดรูปวาดสวยเหมือนพวกนักวาดมืออาชีพเลยนะ” สิ่งที่ได้รับรู้ทำเอาผมตื่นเต้นมากผมเลยบอกลุงนพไปว่าผมก็เรียนเกี่ยวกับพวกศิลปะพวกวาดรูปเหมือนกันผมเลยขออนุญาตให้น้องภูมาวาดรูปเล่นกับผมลุงนพก็ไม่ว่าอะไร

     





    จากวันนั้นผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่บ้านลุงนพเป็นครอบครัวที่น่ารักมากป้าไพแม่น้องภูก็เป็นผู้หญิงที่ใจดีมากการมาเที่ยวทะเลครั้งนี้นอกจากผมจะนอนร้องไห้ผมก็ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ต่างอายุตั้งสามคน

     





    ในตอนเย็นๆผมจะเป็นคนไปรับน้องภูมาเล่นด้วยกันที่หาดผมซื้อสี ดินสอ ยางลบ สมุดวาดเขียนแล้วก็อุปกรณ์วาดรูปให้น้องไปเยอะเหมือนกันตอนแรกลุงนพแกจะไม่ให้น้องภูรับของพวกนี้เพราะเกรงใจแต่ผมก็พยายามเกลี้ยกล่อมบอกว่าถือเป็นของขวัญจากพี่ชายให้น้องชายแกถึงยอม

     




    น้องภูวาดรูปสวยมากครับทำเอาผมอึ้งและอายเพราะบางรูปที่น้องวาดทั้งสวยและองค์ประกอบแสงเงาต่างๆมันดูลงตัวมาก

     





    น้องภูเป็นเด็กยิ้มเก่งน้องพูดช้าและบางทีก็พูดตามพูดซ้ำประโยคเดิมผมไม่เคยสัมผัสกับชีวิตของน้องๆที่เป็น “เด็กพิเศษ” แต่พอได้อยู่กับน้องภูทำให้รู้ว่าพวกเขาก็เหมือนคนทั่วๆไปถ้าเราพยายามเข้าใจ มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นคนปกติหรือคนพิการ มหาเศรษฐีหรือขอทานคุณค่าของความเป็นคนทุกคนมีเท่ากัน

     




    รวมถึงน้องภูไม่ว่าสังคมจะมองพวกเขาแบบไหนแต่น้องภูก็คือคนพิเศษของลุงนพกับป้าไพและน้องภูก็เป็นคนพิเศษของผมเช่นกัน

     





    ผมยิ้มเหงาๆลูบหัวน้องภูที่นอนวาดรูปครอบครัวตัวเองในรูปมีลุงนพมีน้องภูอยู่ตรงกลางอีกข้างคือป้าไพและที่ทำให้ผมน้ำตาคลอคือข้างๆลุงนพมีรูปผู้ชายคนนึงยืนอยู่ ใต้รูปนั้นเขียนด้วยลายมือแปลกๆแต่ก็พออ่านได้ว่า “พี่ชาย”

     




    ผมเป็นลูกคนเดียวเคยอยากมีพี่น้องเหมือนคนอื่นจนบางครั้งผมกับภูมิก็เคยเถียงกันบ่อยๆเรื่องนี้เพราะมันบอกว่าจะเป็นพี่ชายให้ผมทั้งที่มันเกิดหลังผมเป็นปีผมเลยเรียกมันว่าน้องแล้วมันก็จะงอนหอบไอ้เสือน้อยไปนอนคุมโปงหันหลังให้ผม คิดถึง คิดถึงภูมิอีกแล้ว

     




    ไม่ว่าจะได้พบเจอใครต่อใครมีเรื่องอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในชีวิตแต่สุดท้ายผมก็คิดถึงภูมิ ที่บอกว่าคนทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันแล้วคุณค่าความรักของผมล่ะ ทำไมความรักของพวกเราถึงต้องถูกกีดกันแค่เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่คุณค่ามันเลยน้อยลงใช่ไหม

     






    “ร้องไห้” ผมกระพริบตาถี่ๆรู้สึกตัวเมื่อนิ้วมือเล็กๆเอื้อมมาช่วยเช็ดน้ำตาให้ผม ผมยิ้มให้น้องภูและวางมือบนหัวกลมๆนั่นตาใสแจ๋วคู่นั้นมองมาที่ผม






    “น้องภู โตขึ้นต้องเป็นคนดีนะครับ”

     




    “คนดี”





     

    “ใช่ครับภูต้องรักคุณพ่อคุณแม่ ต้องช่วยเหลือคนอื่นและต้องเป็นเด็กดีรู้ไหมครับ”

     





    “ครับ ภู รัก พ่อ รัก แม่ รัก พี่ ชาย” ผมยิ้มทั้งน้ำตาและดึงน้องชายตัวน้อยมากอด มือเล็กๆนั่นยังตบหลังผมแปะๆเหมือนให้กำลังใจยิ่งทำให้น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้ไหลออกมาเปื้อนบ่าเล็กๆ









     

    “พี่ก็รักน้องภู………พีมรักภูมินะได้ยินไหม”

     

     







     

     

     

    ………………………………..

     

     








    ผมพาน้องภูไปส่งที่บ้านตอนเย็นลุงกับป้าก็ชวนทานข้าวเย็นด้วยกันแต่ผมปฏิเสธไปเพราะจะรีบกลับมาเขียนรูปดวงทิตย์ตกดิน ผมโบกมือบ๊ายบายน้องภูและกลับมาที่ชายหาดแต่พอจะเริ่มวาดรูปผมกลับไม่มีสมาธิคงเพราะเมื่อกี้ร้องไห้คิดถึงภูมิมากไป





     

    ผมเลยนั่งมองบรรยากาศท้องทะเลยามเย็นเหมือนเช่นเคย ระรอกคลื่นที่ซัดสาดลมเย็นที่พัดมากระทบผิวทำให้คิดถึงอ้อมกอดของใครคนหนึ่งผมถอนหายใจก้มหน้ากอดเข่าตัวเองไว้










     

     

    “ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”       







     

    ผมสะดุ้งรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยขออนุญาตขอที่นั่งและทันทีที่เห็นหน้าคนคนนั้นผมต้องเบิกตาด้วยความตกใจแปลกใจที่เจอมันที่นี่








     

    “คลื่น”







     

    “หึหึ นึกว่าร้องไห้น้ำตาปิดตาจนจำหน้ากูไม่ได้ซะอีก” เสียงนุ่มๆมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นแบบเดิมที่มันมีให้ผมเหมือนทุกครั้งก่อนจะนั่งลงข้างๆผมที่ยังมึนงงกับการปรากฏตัวของมันในครั้งนี้ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบโผล่มาในเวลาที่ผมไม่มีใครทำไมมันมักจะมาหาในเวลาที่ผมกำลังร้องไห้

     




    “มึง มึงมาทำอะไรที่นี่คลื่น ไม่ใช่สิมึงมาที่นี่ได้ยังไง”

     




    “ใจเย็นๆก็ได้พีม กูก็ขับรถมาไง” ผมรู้ตัวเลยว่ากำลังทำหน้าตาแบบไหนคิ้วผมคงขมวดจนเป็นปมไปแล้วไม่งั้นไอ้คลื่นไม่ยื่นมือมาจิ้มหัวคิ้วให้ผมหรอก

     





    “แล้วบังเอิญมาเจอกูว่างั้น”




    “ประมานนั้น” มันไหวไหล่และยังคงจับจ้องมองใบหน้าของผมนิ่งจนผมต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อแก้บรรยากาศเงียบๆระหว่างเรา

     




    “มึง มึงไม่ต้องมากวนตีนเลยบอกมาว่ามึงมาที่นี่ได้ยังไง” ผมยังคงซักเอาความจริงจากมัน

     




    “ขอโทษนะพีมที่กูบอกมึงไม่ได้ กูไม่เคยคิดที่จะมีความลับกับมึงแต่ขอแค่ครั้งนี้ได้ไหมพีม” น้ำเสียงของไอ้คลื่นจริงจังต่างจากทุกครั้ง ผมถอนหายใจและพยักหน้าในเมื่อมันไม่อยากบอกผมก็ไม่อยากคาดคั้นผมเชื่อว่ามันก็คงมีเหตุผลของมัน และไม่ว่าไอ้คลื่นจะมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ว่ามันจะหาผมเจอด้วยวิธีไหนมันก็คงไม่มีผลต่อเรื่องราวที่ผมกำลังเผชิญ ผมหันกลับไปมองทะเลเบื้องหน้าอีกครั้งส่วนคนข้างตัวก็ยังคงมองผมอยู่เช่นเดิม

     




     

    “ผอมลงไปเยอะเลยตาโบ๋ด้วยไม่น่ารักเลยว่ะ” หลังจากที่เราทั้งคู่เงียบไปนานไอ้คลื่นก็เอ่ยทำลายความเงียบ มันทำลายความเงียบด้วยความกวนตีน

     





    “แล้วกูน่ารักซะที่ไหนวะ”




     

    “ทุกที่”




     

    “ไอ้……..” ผมตกใจที่อยู่ๆก็ถูกดึงตัวไปกอดคลื่นจับหัวผมให้พิงลงที่อกของมันอ้อมกอดของคลื่นอ่อนโยนตัวมันมีกลิ่นหอมเย็นๆ มันกอดผมแน่นขึ้นผมเองก็วางหน้าผากลงบนอกคลื่นอย่างเหนื่อยอ่อน เวลามีคนปลอบน้ำตาก็พร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อจนผมนึกรำคาญ





     

    “เจ็บมากไหม” เสียงทุ้มๆเอ่ยถามและลูบหัวผมอย่างเบามือ





     

    ……..มาก”





     

    “เจ็บก็ร้องไม่ต้องทำเหมือนเข้มแข็งหรอกพีม”

     





    “กูร้องบ่อยแล้วคลื่นร้องจนกูยังสงสัยเลยว่าทำไมต่อมน้ำตาคนเรามันผลิตน้ำตาได้เยอะขนาดนี้”

     






    “เดี๋ยวมันก็หยุดเองแล้วพอร้องเสร็จก็กลับมาเป็นพีมคนเดิมที่กูชอบ คนที่เคยยิ้มได้กับทุกเรื่องกูชอบพีมคนนั้น……..แล้วเลิกกับแฟนทั้งทีไม่คิดจะบอกกันบ้างเลยเหรอ” ท้ายเสียงมันพูดติดจะกวนๆเหมือนจะแกล้งให้ผมอารมณ์ดีขึ้นแต่ว่า ผมยิ้มไม่ไหวแล้วจริงๆ





     

    “มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องป่าวประกาศนี่หว่า……..คลื่น….ถ้ากูเป็นแฟนกับมึง พ่อกับแม่มึงจะอนุญาตให้เรารักกันไหม”

     




    “หึหึ ถามแบบนี้กูมีความหวังนะ”





     

    “ขอโทษ”





     

    “เลิกพูดคำนี้ได้ไหมพีม” ผมพยักหน้าหงึกงักรับปากอยู่กับอกของคลื่นน้ำตาของผมซึมผ่านเสื้อของมันตรงตำแหน่งหัวใจพอดี “พีม……มึงรู้ไหมบางครั้งกูเคยแอบคิดว่าถ้าสมมุติวันนึงมึงกับ….มันเลิกกันบางทีกูอาจจะมีโอกาสได้ดูแลมึง หึ กูเลวเนอะ……แต่พอเอาเข้าจริงๆพอเห็นมึงเจ็บเห็นมึงร้องไห้กูว่ากูเจ็บยิ่งกว่าตอนที่แอบรักมึงอีกว่ะ”





     

    …………………………..” ผมได้แต่รับฟังอย่างไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเงียบคลื่นมันก็เงียบตามมีเพียงเสียงคลื่นลมที่ยังพัดผ่าน เวลาค่อยๆคืบคลานผ่านไปอย่างช้าๆและคลื่นยังคงกอดผมเอาไว้แต่แม้ว่าอ้อมกอดของคลื่นจะอบอุ่นสักแค่ไหนแต่ผมก็ยังอยากได้กอดของภูมิอยู่ดี

     






    “พวกมึงไม่ลองคุยกันอีกซักครั้งเหรอพีมกูว่าถ้าอยู่ด้วยกันมันน่าจะดีกว่านะ…….อยู่คนเดียวก็เจ็บก็ร้องไห้งั้นไปร้องไห้ตอนอยู่กับมันจะไม่ดีกว่าเหรอ” ถ้าอยู่ด้วยกันได้กูก็คงไม่หนีมาแบบนี้หรอกคลื่น “ว่าไงกลับไหมเดี๋ยวพาไปส่ง”

     




    ………………………….



     

     

     

     

    “งั้นถ้าไม่อยากกลับเราไปเดินเล่นกันไหม มึงพักนานแล้วนะถึงเวลาที่ต้องเดินต่อแล้ว….กูจะเดินอยู่ข้างๆจะดูแลมึงเอง” ผมดันตัวออกจากคลื่นแต่ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ผมคิดว่าเข้าใจความหมายลึกๆของคำพูดไอ้คลื่น ถ้าทำแบบนั้นถ้าผมเดินข้างมันทั้งที่มันก็รู้ว่าในใจผมมีแต่ภูมิคนที่จะเจ็บคือมึงไม่ใช่เหรอคลื่น เมื่อคลื่นไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษผมคงทำได้เพียงส่ายหน้าเท่านั้น

     





    คลื่นลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือมารอให้ผมจับผมเงยหน้าขึ้นมองมือเรียวขาวที่ยื่นมาหา ผมมองเลยไปยังใบหน้าเจ้าของมือข้างนั้น คลื่นกำลังยิ้มอ่อนโยนให้ผมยิ้มของมันยังสดใสเหมือนเดิมแม้ว่าตอนนี้มันจะร้องไห้อยู่ก็ตาม ยิ้มของมันสวยดีมันงดงามจริงใจจนทำให้ผมยิ้มตามได้แม้น้ำตากำลังไหล ผมค่อยๆยืนขึ้นเผชิญหน้ากับคลื่น

     





    ผมยืนด้วยตัวของผมเองผมไม่ได้ยื่นมือไปจับมือของมัน ผมไม่อาจจับมือนั้นได้ไม่ใช่ไม่พร้อมที่จะกุมมือใครแต่ผมไม่อาจจับมือกับใครอื่นได้อีกแล้ว ผมไม่อาจจูงมือเดินเคียงข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ภูมิผมทำไม่ได้จริงๆ

     





     

     

    ผมก้มลงมองมือของคลื่นมือข้างนั้นยังคงยื่นมารอมือของผมให้วางลงบนมือของมัน แต่สิ่งเดียวที่ผมให้คลื่นคือหยดน้ำตาที่ร่วงไหลจากหัวใจของผม ผมกัดปากกลั้นเสียงสะอื้นแสนอ่อนแอและได้แต่มองหยดน้ำตาตัวเองที่อยู่บนฝ่ามือของคลื่นผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมันแม้จะเห็นไม่ชัดแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าดวงตาคู่นั้นกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน เราไม่ต่างกันคลื่นเราทุกคนต่างก็เจ็บเท่าๆกัน

     





    คลื่นมันจะรู้ไหมว่าผมสื่อคำว่าขอบคุณผ่านดวงตาคู่นี้จะรู้ไหมว่าผมได้ฝากคำขอโทษไปกับน้ำตาหยดนั้น มันยิ้มกว้างเป็นยิ้มที่อ่อนโยนและสวยงามคล้ายกับจะบอกผมว่ามันเข้าใจ มันค่อยๆกำมือตัวเองข้างที่มีหยดน้ำตาของผมไว้อย่างทะนุถนอม

     






    “มึงไม่ ฮึก ไม่โกรธกูใช่ไหมคลื่น…..ถ้ามึงเลิกรักกู มึงคงมีความสุขกว่านี้” ทำไมนะทำไมผมถึงไม่รักคลื่น ทำไมผมถึงไม่รักผู้ชายคนนี้ให้ได้ซักเสี้ยวที่รักภูมิ ถ้าผมรักคลื่นอย่างน้อยก็จะมีคนเจ็บแค่สองคน ไม่ต้องมาเจ็บกันแบบนี้






    หรือการพยายามรักใครซักคนมันยากกว่าการเลิกรักใครบางคน

     






     

    “ความสุขของกูคือการได้รักมึง”





     

    ………………………….




     

     

    เลิกห่วงคนอื่นได้แล้วน่ากูไม่เป็นไร……” คลื่นเคยบอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องขอโทษเพราะมันมารักผมเองแต่ผมก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี มันเจ็บก็เพราะรักผมมันเสียใจก็เพราะรักผมถ้าจะไม่ให้ผมรู้สึกอะไรมันก็คงใจร้ายเกินไป

     





    “พีม”

     



    “อื้ม”



     

    “กูเองก็…….ไม่รู้หรอกนะว่าในชีวิตคนๆนึงจะมีความรักได้ซักกี่ครั้งแต่กูคิดว่ามึงจะเป็นความรักที่กูจะจดจำไปทั้งชีวิต……..และกูอยากให้มึงช่วยจำไว้ด้วยว่า….หากวันไหนที่มึงไม่เหลือใครขอแค่มึงหันกลับมาจะเห็นกูยืนอยู่ตรงนี้และจะคอยรับความเจ็บปวดให้มึงเสมอนะพีม”



    ผมสะอื้นจนหายใจไม่ทันผมเปล่งเสียงตอบคลื่นไม่ได้เลยทำได้แค่พยักหน้ารัวๆพูดออกไปแทบไม่เป็นภาษา

     






    “อื้ม ขอบ คุณ  ขอบคุณว่ะคลื่น ขอบคุณมึงจริงๆ”

     

     

     











    จดหมายจาก “ฟองคลื่น”







     

    ช่วงชีวิตก่อนที่ผมจะรู้จักกับพีมผมเคยมีแฟนมาหลายคนเคยคิดว่าที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้คำว่ารักจากพวกเธอเหล่านั้นแต่ผมกลับไม่เคยรู้จักมันจริงๆ จนได้มารู้จักกับพีมผู้ชายตัวเล็กๆใจดียิ้มง่ายและที่สำคัญ





     

    “มีเจ้าของแล้ว”





     

    ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆอยากดูแลอยากมองแม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์แต่ก็แอบคิดแอบหวังขอแค่ได้ทำดีๆให้มันบ้างผมก็มีความสุข พีมทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่ารักคืออะไรและมันมีค่ามากแค่ไหน








    คุณค่าของความรักคือการที่เรามีความสุขที่ได้แม้ไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ความรักมันอาจจะไม่ได้จบลงด้วยความสมหวังเสมอไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความสุข ไม่ได้แปลว่าไม่มีความรักอยู่ในตอนจบ

     




    ผมเองก็ไม่ใช่คนดีมากมายไม่ใช่พระเอกละครที่แสนดีผู้เสียสละทำเพื่อความรัก ผมก็แค่คนธรรมดาที่รู้จักหัวใจตัวเองแค่นั้นเอง แม้ว่าผมจะไม่ได้ยืนเคียงข้างคนที่ผมรักแต่ผมก็ยังโชคดีกว่าใครหลายๆคนที่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้บอกคำว่ารักให้เขาได้รับรู้แม้เขาจะไม่ได้รักผมแต่เขาก็ใจดีให้ผมได้เป็นเพื่อนเป็นคนพิเศษได้อยู่ใกล้ๆได้คอยดูแล

     





     

    จากนี้ไปผมก็คงต้องเริ่มเปิดใจให้กับคนใหม่ๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต วันหนึ่งข้างหน้าผมกับพีมคงเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้หรือบางทีผมอาจโชคดีได้คบกับมัน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้ชายที่ชื่อคลื่นคนนี้จะมีที่เล็กๆในมุมหนึ่งของหัวใจไว้ให้ไอ้พีมเสมอและมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป.........

                                                                                             









                 
                           “คลื่น”

     

     
















                                                ....................................








     

    คลื่นพาผมไปกินข้าวแล้วก็มาส่งผมที่รีสอร์ทตอนแรกมันพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมกลับไปพร้อมกันแต่ผมก็ยืนยันหนักแน่นว่าอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวันมันถึงยอมฟังไอ้คลื่นกลับไปแล้วผมก็อยู่คนเดียวอีกครั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จผมตั้งใจว่าจะรีบนอนเพราะพรุ่งนี้จะไปเที่ยวที่หมู่บ้านช้างเลยอยากรีบนอนแต่หัวค่ำเก็บแรงไว้เดินทางในตอนเช้า

     



    แต่มันก็เหมือนทุกคืนที่ผ่านมาคือผมนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาหรือว่านอนนิ่งๆมันก็ไม่หลับเลยลุกออกมานั่งดูดาวรับลมฟังเสียงคลื่นที่ระเบียงกลับยิ่งทำให้เหงาขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าป่านนี้ภูมิจะเป็นยังไงบ้าง มันจะนอนรึยังหรือว่ามันกำลังอ่านหนังสือเตรียมจะสอบหรือว่ามันดูการ์ตูนอยู่ แล้วมันจะคิดถึงผมบ้างรึเปล่านะ

     



    ผมนั่งกดโทรศัพท์ดูรูปภูมิเพื่อให้ช่วยคลายคิดถึงแต่ยิ่งดูก็ยิ่งเจ็บ ผมถอนหายใจยาวแหงนหน้ามองดาวบนฟากฟ้าไกลอยากให้ภูมิมาอยู่ตรงนี้ด้วยกันจัง ผมก้มดูมือถืออีกครั้งมีข้อความจากพวกไอ้คิวที่พยายามติดต่อผมเกือบร้อยๆครั้งมีข้อความจากพวกมันทุกคน

     



    กูขอโทษนะ ผมได้แต่ถอนหายใจและบอกขอโทษผ่านลมผ่านฟ้าไปหาเพื่อน ผมรู้ว่าพวกมันเป็นห่วง ผมรู้ว่าผมทำตัวไม่ดีที่หนีมาแบบนี้ กลับไปก็ไม่รู้จะโดนพวกมันฆ่ารึเปล่ายิ่งมีแต่ไอ้พวกป่าเถื่อนอยู่ด้วยแค่ลองนึกหน้าพวกมันก็ทำให้ผมยิ้ม กูขอเวลาหน่อยนะอีกไม่นานกูจะกลับไปว่ะเพื่อน

     




     

    อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขน

    อ้อมกอดแม่ตระกอง รักเจ้าจึงปลูกรักลูกแม่ย่อมห่วงใย

    ไม่อยากจากไปไกลแม้เพียงครึ่งวัน ให้กายเราใกล้กัน

    ให้ดวงตาใกล้ตาให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

     

     


    ผมสะดุ้งที่โทรศัพท์ในมือสั่นพร้อมกับเสียงเพลงเรียกเข้าและหน้าจอก็โชว์คำๆหนึ่งที่ผมให้ผมอยากร้องไห้



    แม่ ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากผมปล่อยให้เพลงดังอยู่อย่างนั้นเพื่อขอเวลาทำใจทำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ ความรู้สึกผิดความกลัวของผมที่มันเริ่มผสมปนเปไปหมดแล้วในตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมือสั่นมากกว่าจะพยายามกดรับได้

     


    ………..แม่

     


    (ฮัลโหลพีม พีมได้ยินแม่ไหมลูก) เสียงของแม่ร้อนรนต่างจากทุกครั้งที่แม่มักจะทักทายผมด้วยเสียงสดใส

     



    (ครับ….แม่ ได้ยิน)

     


     (พีมอยู่ไหนรู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงมากแค่ไหน ทำไมหายไปแบบนี้ทำไมทำแบบนี้ละลูกไม่คิดถึงหัวอกแม่บ้างเหรอ ถ้าคิวไม่โทรหาแม่แม่ก็คงไม่รู้ใช่ไหมว่าลูกตัวเองหายไป) แม่ระเบิดอารมณ์เสียงของแม่สั่นเพราะแม่ร้องไห้ ผมกำเสื้อตัวเองแน่นกลัวว่าจะส่งเสียงสะอื้นออกไป




    มันเป็นความรู้สึกผิดที่อัดอั้นอยู่ในอกผมเกลียดตัวเองที่ทำให้แม่ร้องไห้ทำให้แม่เสียใจความรู้สึกผิดไหนก็เทียบไม่ได้ผมมันเป็นลูกแย่ๆที่ทำให้แม่เสียน้ำตาทั้งที่ท่านรักท่านเป็นห่วงมากขนาดนี้กี่คำขอโทษถึงจะลบล้างความผิดได้

     

     

    แม่ ฮึกพีม พีมขอ ฮึก ขอโทษนะแม่หมดลงแล้วความพยายามที่จะกักกลั้นน้ำตาผมร้องอย่างไม่อาย เสียงร้องไห้ของแม่ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดถาโถมใส่ใจของผมจนปวดปร่าไปทั้งใจ



    (อย่าทำแบบนี้อีกนะพีมอย่าทำแบบนี้อีกนะลูก แม่ใจจะขาดรู้ไหม)


     

    ครับ แม่ แม่พีมขอโทษ ขอโทษ เราสองแม่ลูกร้องไห้แข่งกันอยู่นานแม่เริ่มหยุดร้องแล้วแต่ผมยังสะอึกสะอื้นเหมือนจะตายเลย

     


    (เฮ้อออลูกชายฉันนี่มันจริงๆเลยไอ้พวกอาร์ตติสท์อารมณ์ศิลปินเนี่ย ถ้าพีมยังไม่รับโทรศัพท์รู้ไหมพ่อจะให้คนตามหาแล้ว) แม่กลับมาเป็นปกติน้ำเสียงเริ่มเหมือนจะบ่นแล้ว


     

    ขอโทษนะแม่ที่พีมทำให้เป็นห่วง พีมขอโทษ

     

    (รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้วแม่ไม่โกรธหรอกแค่รู้ว่าพีมปลอดภัยแม่ก็ดีใจแล้ว คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกพีมมีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกไม่เล่าให้แม่ฟังล่ะลูก เราไม่มีความลับต่อกันไม่ใช่เหรอ หื้ม แล้วตอนนี้พีมอยู่ไหน)

     


    อ อยู่ทะเล


     

    (แล้วไปทำอะไรคนเดียวที่ทะเล)


     

    …………………………


     

    (แกอกหักเหรอพีม) บางทีก็แม่นไปนะแม่

     


    …………………………” ผมเงียบแล้วได้ยินเสียงแม่หัวเราะก่อนจะถอนหายใจเหมือนขำอะไรซักอย่าง ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว


     

     

    (พีม พีมรักแม่ไหม)


     

    รักครับ


     

    (แกเลิกพูดครับได้ไหมห๊ะ) แล้วแม่ก็แว๊ดๆเปลี่ยนโหมดอารมณ์ไปแล้วถึงแม้ว่าเสียงจะขึ้นจมูก ผมหัวเราะทั้งน้ำตา

     


    เออๆรักดิ พอใจไหมคุณนาย จนตอนนี้น้ำตาผมก็ยังไหลมันเป็นความรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกผมมัวแต่เศร้าและเสียใจจนเกือบจะลืมไปว่าผมยังมีพ่อกับแม่ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ

     


    (เออ ค่อยฟังรู้เรื่องหน่อยแล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว แม่ไม่โกรธพีมแล้วฉันก็แค่เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแค่นั้นเอ…………..พีมแม่พอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว)

     

     


     

    ………….แม่ที่จริงผมก็ไม่ค่อยกังวนกับเรื่องครอบครัวผมเท่าไรเพราะผมกับพ่อแม่เราเหมือนเป็นเพื่อนกันเราสนิทกันมากผมคุยกับแม่ทุกเรื่องส่วนพ่อก็จะรับรู้เรื่องของผมผ่านแม่ หนวดน่ะชอบทำตัวขรึมๆแต่กับเมียนี่แทบจิกหัวกัน ตั้งแต่เล็กจนโตผมได้รับอิสระในการเลือกใช้ชีวิตมาตลอดอยากทำอะไรอยากเรียนที่ไหนพ่อกับแม่ก็ตามใจขอแค่สิ่งที่ผมทำมันอยู่ในกรอบของความถูกต้องแต่ผมไม่รู้ว่าครั้งนี้พ่อกับแม่จะเข้าใจไหม

     



    (ที่จริงตอนแรกแม่แค่สงสัยน่ะแล้วอาปุ้ยมันก็ถามแม่ทีเล่นทีจริงบ่อยๆว่าถ้าลูกชายไม่มีลูกสะใภ้ไปเป็นสะใภ้คนอื่นจะว่ายังไง แม่ก็เลยคิดว่าพีมกับภูมิคงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน)

     


    ……………………….




    (พอคิวโทรหาแม่ว่าพีมหายไปแม่ก็เลยถามว่าเกี่ยวกับภูมิไหมแต่กว่าคิวจะยอมเล่าแถมให้เชนเป็นคนพูดอีกแม่ก็เลยรู้)




     

    ไอ้คิวมันบอกละเอียดเลยเหรอแม่ แม่รู้ถึงขั้นไหนอ่ะ




    (ขั้นที่ว่าลูกชายฉันย้ายขึ้นไปอยู่คนโดกับผู้ชายน่ะค่ะลูกขา) น้ำเสียงอย่างนี้ทำให้ผมเริ่มยิ้มได้


     

    แม่……..โกรธพีมป่าว ถึงผมจะพยายามถามด้วยเสียงที่คิดว่าน่าจะดูเหมือนเล่นๆแต่ใจผมก็กลัวกับคำตอบของแม่มากเหมือนกัน

     


    (แม่ยอมรับนะว่าตกใจเพราะภูมิหล่อมากฉันเสียดาย)


     

    ชิบหายละกู ต้องเสียดายลูกตัวเองเด้คุณนายผมยิ้มและรู้สึกอยากจะกอดแม่แน่นๆ

     


    (ฮะๆ)


     

    แม่ พีมถามจริงๆนะ……แม่ไม่โกรธไม่เสียใจเหรอที่พีม……” ผมได้ยินเสียงแม่ถอนหายใจก่อนจะตอบ



    (จะว่าเสียใจมันก็ไม่เชิงแต่ไม่โกรธแน่นอนอันนี้คอนเฟิร์ม เฮ้ออ มันก็อธิบายยากนะลูกแม่คนไหนที่มีลูกชายก็หวังจะมีลูกสะใภ้อยากเป็นย่าอยากอุ้มหลาน แม่เสียใจที่ไม่ได้ในสิ่งเหล่านั้นก็แค่นั้นแต่ไม่ได้เสียใจที่พีมมีความรักแบบนี้เพราะพีมไม่ได้ทำอะไรผิด พีมจะเป็นยังไงจะรักใครพีมก็ยังเป็นลูกของแม่พีมอย่าคิดมากนะ อ่อ ถ้าจะโกรธก็จะโกรธเรื่องที่ไม่บอกฉันนี่แหละ)

     



    แม่…….ขอบคุณนะ พีมรักแม่ว่ะโคตรรักเลย ในความโชคร้ายผมก็มีครอบครัวที่แสดดีอยู่เสมอ ผมเช็ดน้ำตาจากหน้าตัวเองก่อนที่มันจะไหลไปเปื้อนหน้าจอ

     




    (แม่ก็รักพีม ก็แหมน้องภูมิออกจะหล่อขนาดนั้นรักกันก็ดีซะอีกแม่จะได้มีลูกชายเพิ่มอีกคน ใครจะว่ายังไงพีมไม่ต้องไปสนใจไม่ต้องคิดมากนะ แค่ลูกแม่เป็นคนดีก็พอนะลูกนะแม่จะเอาไปอวดพวกคุณนายตำรวจว่าแม่มีลูกชายคนใหม่หล่อเหมือนพระเอก) ผมยิ้มไปกับความคิดของแม่ แม่ครับแต่ตอนนี้พีมกับภูมิเราเป็นแค่เพื่อนกันแล้วครับ

     




    แม่พีมดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกแม่นะ แม้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับภูมิจะจบลงไปแล้วไม่ว่าพ่อกับแม่ของผมจะยอมรับหรือไม่มันก็คงไม่มีผลอะไร แต่ผมก็มีความสุข มีความสุขมากๆที่แม่ยอมรับในความรักของผมกับภูมิเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีเรื่องหลายๆอย่างเกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมาที่ผมรู้สึกสบายใจที่ได้บอกให้แม่ได้รับรู้เพราะผมไม่ต้องรู้สึกผิดที่ต้องโกหกปิดบังแม่อีกแล้ว

     



    (ย๊ะพ่อลูกชายตัวดีหนีรัก…….พีม………จำไว้นะว่าพ่อกับแม่รักพีมแล้วถ้าพ่อน้องภูมิเค้าไม่สนใจไม่ต้องแคร์เพราะแค่ลูกชายสองคนฉันเลี้ยงบอกเค้าไป ฮ่าฮ่า ผมยิ้มทั้งน้ำตาอยากจะกอดแม่จังขอบคุณความรักที่ยิ่งใหญ่ขอบคุณที่ทำให้ผมได้มาเป็นลูกแม่

     



    (พีมคุยกับพ่อหน่อยนะพ่ออยากคุยด้วย) ผมแทบสำลักลมหายใจตัวเองผมยังไม่พร้อมจะคุยกับพ่อ แม่อาจจะเข้าใจและยอมรับแต่พ่อ พ่อเป็นตำรวจตำแหน่งสูงใครๆก็รู้จักแม้พ่อจะไม่ได้เป็นนักธุรกิจแบบคุณพ่อของภูมิแต่เกียรติยศของพ่อก็มีค่าไม่แพ้ใครๆ




    แม่เดี๋ยวคือ…….

     



    (ไงไอ้แมว) พอได้ยินเสียงพ่อน้ำตาผมก็มาคลออีกแล้วผมทั้งอยากขอโทษทั้งกลัว

     



    พ่อ………พีมขอโทษ


     

    (มึงฆ่าคนตายรึไงถึงมาขอโทษ ที่แม่มึงพูดยังไม่เข้าใจอีกหรอ) แสดงว่าพ่อได้ยินทุกอย่างรับรู้ทุกอย่างและก็ยอมรับในความรักของผมแล้วสินะ

     



    รักพ่อนะ



     

    (อ้าว มึงไม่ได้รักไอ้หนุ่มนั่นแล้วหรอ)



     

    หนวดดดดดดอย่าแซวดิแล้วนี่ไม่ด่าไม่ว่าอะไรหน่อยเหรอ ผมโวยวายใส่พ่อที่ทำเสียงล้อๆความกลัวความกังวลที่สุมอยู่ในใจพ่อกับแม่ได้พัดพามันไปจากผมแล้ว





    อยากกลับบ้านไปหาสองคนนี้จัง

     



    (หึหึ ด่ามึงแล้วได้อะไรสมองนิ่มๆด่าไปก็ไม่เข้าใจ ที่มึงคบกับไอ้หนุ่มนั่นก็ดีซะอีกกูจะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปขอสาวให้มึง นี่มีคนมาขอมึงด้วยได้ข่าวว่ามันรวยนิกูจะเอาเป็นร้อยล้านเลยบอกมันด้วย) มันคงมาขอพีมไม่ได้แล้วละพ่อ



     

    โห่ พ่อก็รวยจะเอาเงินไปทำอะไร เลี้ยงเมียน้อยเหรอ


     

    (ไอ้ลูกเวร เดี๋ยวแม่มึงได้ยิน)

     




    ฮ่าฮ่า หัดกลัวเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ครับท่านนายพล

     


    (หึ กูแค่เกรงใจและให้เกียรติโว้ย) พ่อโวยวายกลับมาเสียงดังจนได้ยินเสียงแม่ตะโกนมาบอกว่าเบาๆหน่อยดูละครอยู่

     


    พ่อพีมรักพ่อนะ….ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง

     


    (เออๆ กูจั๊กจี้รูหู กูไม่รักมึงหรอกไอ้เด็กเก็บมาเลี้ยง) เสียงพ่อฟังดูกวน…..มากและดูมีความสุขมากคงจะเหมือนผมตอนนี้ที่เริ่มยิ้มได้

     



    เหรอออออออ



    (มึงไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวจะรักใครเป็นยังไงก็เรื่องของมึง….ว่าแต่กูจะไม่มีหลานใช่ไหมแมว) ซึ้งอยู่ดีๆผมแทบหัวทิ่มกับคำถามของพ่อ

     



    ฮ่าฮ่า เอามาทำไมขี้เกียจเลี้ยง……พ่อ ผิดหวังในตัวพีมป่ะ

     


    (ผิดหวังไหมคงไม่กูแค่ตกใจตอนเด็กๆมึงก็เล่นปืนเล่นรถถังไม่เคยเห็นมึงใส่กระโปรงทาปากหรือมึงเก็บอาการ) สงสัยพ่อคิดว่าผมจะอยากเป็นผู้หญิง

     


    เค้าไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะหนวดแค่แฟนพีมเป็นผู้ชาย แค่คนที่พีมรักมันเป็นผู้ชาย

     



    (อ้าวเหรอกูไม่รู้นี่หว่ามันก็ไม่ได้ผิดหวังหรอกเพราะความหวังของกูคือเห็นแมวอย่างมึงมีความสุข ถ้าตอนนี้มึงมีความสุขก็ถือว่ากูสมหวังแล้ว) นี่คือหวานที่สุดเท่าที่พ่อจะสามารถพูดได้ถ้าไม่นับเวลาเมา ผมรักพ่อครับ






    โคตรซึ้งว่ะหนวด พีมรักพ่อนะ



     

    เออๆ กูรู้แล้ว มึงจะคุยกับแม่อีกไหม…….กูบอกแล้วว่าอย่าให้อีปุ้ยเลี้ยงมันเห็นไหมมันสอนอะไรให้ลูกกูวะ…..อ้าวคุณท่านนายพลทำไมพูดแบบนี้ละค๊า ใครกันที่บอกว่าอยากให้ลูกเข้มแข็งหัดเรียนรู้การอยู่ด้วยตัวเอง แล้วพ่อมันก็มานั่งหงอยบ่นคิดถึงลูกทุกวัน)




     

    ผมได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันดังผ่านมาในสายผมนั่งฟังด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะก่อนจะพนมมือไหว้



     

    ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับ พีมรักพ่อกับแม่นะ

     


     

    คืนนี้อาจจะเป็นคืนแรกนับตั้งแต่ผมไม่มีภูมิอยู่ข้างกายและผมสามารถหลับได้โดยไม่ร้องไห้

     





    สุดท้ายฉันขอให้เราไม่โกรธ

    เลิกรากันไปด้วยความไม่เกลียด

    เราจะลาด้วยความเข้าใจ

    โปรดรู้ไว้นะฉันรักเธอมากและฉันไม่อาจมีใคร

    เพื่อยิ้มและเพื่อร้องไห้ได้เทียมเท่าเธอ

    ไม่รู้จะมีใครใหม่ได้เทียมเท่าเธอ

     



     ผมสะดุ้งตื่นรู้สึกเหมือนเพิ่งนอนไปเมื่อกี้ ผมควานหาโทรศัพท์และหรี่ตามองหน้าจอว่าใครโทรมา

     



    โตเกียว

     

     

     

     

     

    ผมถึงกับงงเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาผมหันไปดูนาฬิกาบอกเวลาว่าตีสี่ทำไมน้องโตเกียวถึงโทรหาผมในเวลาแบบนี้ ผมคิดว่าน้องคงไม่รู้เรื่องของผมกับภูมิและมันอาจจะมีเรื่องให้ช่วยผมสะบัดหัวไล่อาการง่วงก่อนจะกดรับสาย

     



    ว่าไงครับโตเกียว


     

    (พีม)

     


    …….ใครผมขมวดคิ้วเมื่อไม่ใช่เสียงน้องโตเกียว

     


    (กูเองเบียร์ มึงอย่าเพิ่งวางนะ ไอ้เบียร์งั้นเหรอมันไปอยู่กับโตเกียวได้ยังไงแล้วทำไม….. กูขอเวลาพูดอะไรสักสองนาทีได้ไหมพีม)

     



    ………………………..


     

    (มึงฟังอยู่ใช่ไหมมึงปลอดภัยดีรึเปล่าพวกกูเป็นห่วงมากนะพีม) เสียงมันฟังดูเหนื่อยๆเหมือนคนไม่ค่อยมีแรงผมเลียริมฝีปากแห้งๆก่อนจะตอบมันในใจผมตอนนี้คิดไปสารพัดว่าทำไมไอ้เบียร์ถึงโทรมาหาผมเวลาแบบนี้แต่ที่แน่ๆผมคิดว่าต้องเกี่ยวกับภูมิ

     


    อืมกูสบายดีขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง

     


    (พอเถอะพวกกูไม่ได้โกรธ เอ่อ อาจจะยกเว้นไอ้คิวนะมึงกลับมาก็หาเสื้อเกราะมาด้วยล่ะ)

     

    หึ เออแล้ว…………


     

    (พีมเรื่องที่กูจะบอกมันอาจจะทำให้มึงไม่สบายใจแต่กู……ต้องพูดกูอยากขอร้องมึงสักครั้ง….พีมมึงรู้ไหมว่าตอนนี้เพื่อนกูเหมือนคนใกล้จะตาย…….ไอ้ภูมิอาการหนักมากมันอ้วกเป็นเลือดกู………..”ประโยคสุดท้ายเบียร์พูดว่าอะไรผมก็ได้ยินไม่ถนัดนักรู้ตัวอีกทีผมก็กำลังหอบน้ำตาและความกลัวขับรถมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ

     






    ภูมิของผมไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม มันต้องสบายดี ไอ้เบียร์มันแค่โกหกผมเล่นเฉยๆใช่ไหม

     




    ผมมาถึงคอนโดตอนที่ฟ้าใกล้สางผมมาที่นี่ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภูมิอยู่ไหนมันอาจจะอยู่ที่บ้านก็ได้แต่ผมก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้นหรือบรรยากาศยามเช้าของกรุงเทพที่ผมห่างหายไปหลายวัน แม้แต่พี่ๆรปภ.ที่ตะโกนทักทายผมก็ไม่ได้หันไปตอบ ผมรู้สึกว่าลิฟธ์แม่งโคตรช้าผมปาดน้ำตาและเตะไอ้ลิฟธิ์บ้าๆด้วยความโมโห อะไรก็ดูขวางหูขวางตาช้าไปหมด



     

    กุญแจห้องที่อยู่ในมือสั่นจนผมเริ่มรำคาญตัวเองพอๆกับใจที่เต้นแรงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องที่คุ้นเคยด้วยมือที่สั่นเทา ทั้งที่ผมเคยมาห้องนี้ไม่รู้กี่ครั้งเคยอยู่ที่นี่เป็นปีๆแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกกลัวและตื่นเต้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้




    ผมกวาดตามองรอบๆห้องที่เงียบงันเต็มไปด้วยอารมณ์สีหม่นๆเมื่อมีแต่ความมืดสลัวผ้าม่านก็บดบังแสง ทุกอย่างยังเหมือนเดิมของทุกชิ้นยังวางไว้ที่ตำแหน่งเดิมคงเหมือนหัวใจของผมที่ยังรักภูมิเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

     




    ความทรงจำระหว่างภูมิกับผมยังคงลอยอบอวลเด่นชัดอยู่ทุกมุมคอยต้อนรับผมอีกหน ผมกระพริบตาถี่ๆเล่นน้ำตาไม่รักดีให้มันไปให้พ้นๆ ผมกลืนน้ำลายถึงรู้ว่าคอแห้งมากแค่ไหนผมค่อยๆเดินไปที่ห้องนอนต่างจากตอนแรกที่แทบจะวิ่งขึ้นมาแข่งกับลิฟต์ ผมวางมือไว้ที่ลูกบิดมือสั่นๆของผมค่อยๆผลักบานประตูให้เปิดออกและทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนผมก็ต้องปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า

     




    ผู้ชายคนหนึ่งผู้ชายที่ผมรักผอมซีดเซียวนอนหายใจแผ่วๆอยู่บนเตียงเพียงลำพังเสื้อยืดสีขาวที่ผมชอบใส่นอนถูกภูมิกอดไว้แนบอกอย่างหวงแหนเหมือนเป็นตัวแทนของผม

     




    ฮึก ภูมิ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆและนั่งลงบนเตียงข้างๆภูมิ ผมอธิบายไม่ได้ว่าตอนนี้เจ็บมากแค่ไหนมันเจ็บกว่าที่เราถูกกีดกันให้ห่างกันเจ็บกว่าเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวเห็นภูมิในสภาพนี้หัวใจผมเจ็บกว่าทุกครั้ง ผมปล่อยให้น้ำตาร่วงไหลอาบแก้มอย่างไม่คิดจะเช็ดออก ผมยื่นมือไปลูบแก้มอุ่นๆจนเกือบร้อนของภูมิแผ่วเบา อีกมือผมก็ขยุ้มเสื้อตัวเองตรงตำแหน่งหัวใจ


     

    ฮือออ ภูมิครับ ฮึก พีมมาหา ตื่นมา มาคุยกับพีมหน่อยสิ

     


    ภูมิมึงได้ยินกูไหม ฮึก กูกลับมาแล้วนะ คนที่หลับใหลไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของผม



    ฮึก ตื่นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้นะ ฮืออ ไอ้ภูมิตื่นสิทำมึงขี้เซาแบบนี้ละ ผมเริ่มพร่ำเพ้อเหมือนคนบ้าน้ำตาก็บังซะจนแทบมองอะไรไม่เห็น

     




    …… พีม เสียงสั่นๆแผ่วเบาจนเกือบจะไม่ได้ยินแต่ก็เรียกสติผมกลับมาได้ ผมปาดน้ำตาออกลวกๆเพื่อจะสบตากับคนที่มองผมอยู่



     

    ฮึก ไอ้เหี้ย มึง ฮึก มึงทำบ้าอะไร ทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ มึงมันบ้า ฮือออ ผมโผลงซบอกมัน ผมลงไปนอนร้องไห้เหมือนจะตายอยู่กับอกของภูมิทั้งทุบทั้งตีผมทั้งอยากร้องไห้ทั้งอยากจะยิ้มที่มันตื่นมา

     




    มึงจริงๆใช่ไหมพีม กูไม่ได้ฝันไปใช่ไหม แขนของภูมิโอบกอดผมเอาไว้ อ้อมกอดที่ผมเฝ้ารอคอยอยู่ทุกวัน

     




    อือ กู กูจริงๆมึงไม่ได้ฝัน ผมจับมือมันมาแนบกับแก้มก่อนจะซุกหน้าลงกับอกอุ่นๆของภูมิที่ผมโหยหาอีกครั้งก่อนที่ภูมิจะค่อยๆดันตัวผมออกภูมิสบตาผมนิ่งนานก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมทั้งๆที่ตัวมันเองก็ร้องไห้

     



    คนดี อย่าร้อง

     



    อื้อ ไม่ร้อง ฮึก ไม่ร้องแล้ว มึงก็อย่าร้องนะ



     

    เหมือนความฝันเลยพีม มึงกลับมาหากูแล้ว กลับมาแล้ว ภูมิบอกตอนที่กอดผมไว้แน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหลุดลอยหายไปในอากาศ



     

    ฮึก ภูมิ กูขอโทษ ขอโทษ กูรักมึง มึงได้ยินไหมภูมิกูรักมึง รักมึง กูจะไม่ไปไหนอีกแล้ว กูจะอยู่กับมึง ต่อไปนี้กูจะอยู่กับมึง เราจะอยู่ด้วยกันจะไม่มีใครหน้าไหนมาพรากเราทั้งนั้น กูสัญญา ต่อไปนี้ไม่ว่าจะผิดต่อใครไม่ว่าจะถูกห้ามถูกขัดขวางยังไงผมก็จะไม่สนใจไม่แคร์ใครอีกแล้วนอกจากภูมิ

     

     


    สัญญาแล้วนะ ภูมิลูบแก้มผมแผ่วเบามันแสนอ่อนโยนมากในความรู้สึก น้ำตาใสๆเม็ดโตของภูมิไหลจากหางตาลงข้างขมับผมเช็ดน้ำตาให้ภูมิก่อนที่เรายิ้มให้กัน แค่นี้ความสุขของผมคือการได้มองมันยิ้มร้อยของภูมิแค่นี้เองที่ผมต้องการเพราะรอยยิ้มของภูมิมันคือความสุขของผม





    อือ สัญญา ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาพรากกูกับมึง

     




     

    ภูมิรักพีมนะ ราวกับความเจ็บปวดต่างๆถูกพัดหายไปกับสายลม หัวใจผมเหมือนจะกลับมาเต้นในจังหวะที่มันควรจะเป็นภูมิบีบมือผมแน่นมันดึงมือผมขึ้นไปจูบ

     



     

    อือ กูก็รักมึงและภูมิก็ยิ้มอีกครั้งเป็นรอยยิ้มที่สว่างสดใสและสวยงามจนผมอยากเก็บไว้ นี่ผมทำร้ายมันได้ยังไงผมทำลายรอยยิ้มของภูมิได้ยังไงนะ

     

     

     



    แต่ตอนนี้ผมก็ได้หัวใจของผมคืนมาแล้ว


    ภูมินอนกอดผมไว้แน่นจนผมเกือบจะหายเข้าไปในอกมัน ยิ่งกอดกันแน่นเท่าไรยิ่งรู้ว่าภูมิผอมลงไปมากแค่ไหน ผมซุกตัวเข้าหาภูมิที่นอนหลับไปได้ซักพักแล้วตอนแรกมันไม่ยอมนอนเพราะกลัวว่าตื่นมาแล้วจะไม่เจอผมแต่สุดท้ายร่างกายมันก็ฝืนไม่ไหว



     

    ผมกำลังยิ้มมีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้งแต่เสียงไขประตูทำให้ผมหันไปมองที่ประตูทันทีใครมาหาภูมิแต่เช้าขนาดนี้อาจจะเป็นไอ้ฟ่างผมค่อยๆขยับตัวออกจากอ้อมกอดของภูมิแต่แค่ผมพลิกตัวนิดเดียวมันก็รู้สึกตัว

     



    จะไปไหน

     


    ไปเปิดประตูสงสัยไอ้ฟ่างมามั้ง แต่ภูมิก็ยังไม่ยอมปล่อยผมเลยก้มลงไปจูบมันเบาๆ เดี๋ยวเปิดประตูไว้เลยอ่ะ นั่นล่ะภูมิถึงยอม ผมเดินไปเปิดประตูเตรียมยิ้มให้ไอ้ฟ่างเต็มที่แต่รอยยิ้มของผมก็เหมือนถูกกระชากให้เหลือแค่ความตื่นกลัว



     

    พ่อ แม่เสียงของผมคงไม่ต่างจากเสียงกระซิบสักเท่าไรผมเหมือนคนเป็นไร้แรงทรงตัวทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่กับที่ คุณพ่อคุณแม่ของภูมิยืนอยู่ตรงหน้าแทนที่ผมจะยกมือไหว้แต่ผมกลับส่ายหน้าทั้งน้ำตาและได้แต่ภาวนาอย่ามาพรากเราเลยนะครับทำไมเวลาของพวกเราที่ได้อยู่ด้วยกันมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ผมขยับถอยหนีกลับไปกอดภูมิไว้แน่นมันก็ดูจะตกใจที่พ่อกับแม่มาถึงที่นี่ภูมิก็กอดผมไว้ให้ซุกหน้าลงกับอกมัน

     




    พ่อครับแม่ครับภูมิ……….

     



    ภูมิไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คุณพ่อบอกภูมิก่อนจะหันมามองผม

     



    พ่อครับ พีม ขอโทษที่มาหาภูมิ ขอโทษแม่ที่พีม ผิดสัญญา แต่ แต่ว่าพีมรักภูมิมากพีมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีภูมิถึงพ่อกับแม่จะโกรธจะเกลียดพีมยังไงพีมก็จะไม่ไปจากภูมิอีก ผมเริ่มพูดจาไม่เป็นภาษาผมดันตัวออกจากอ้อมกอดของภูมิและนั่งคุกเข่าต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่เหมือนเหตุการณ์วันนั้นถึงรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์แต่ผมก็อยากขอ……

     


    พ่อรับพีมเป็นคนในครอบครัวแล้วนะ

     




    ………………………” ผมถึงกับสะดุดลมหายใจอ้าปากค้างก่อนจะกระพริบตาถี่ๆประมวลสิ่งที่เพิ่งได้ยินว่าผมไม่ได้หูฝาด

     



    …………………ม หมายความว่าพ่อให้พีมกับภูมิรักกันได้ใช่ไหมครับ ภูมิลุกขึ้นมายืนข้างๆผมและจับมือผมไว้รอยยิ้มและการพยักหน้าจากพ่อเหมือนของวิเศษที่ผมกับภูมิตื้นตันดีใจจนพูดไม่ออก เราสองคนคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อกับแม่และกราบท่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกความรู้สึกอยากขอบคุณว่าในที่สุดเราสองคนก็ทำได้แล้ว




     

    พ่อรักภูมินะ พ่อก้มลงกอดภูมิคุณแม่ก็ยืนมองด้วยรอยยิ้มและน้ำตาที่เอ่อคลอ

                       

    ครับ ภูมิก็รักพ่อ



    ภูมิจะไม่เสียใจใช่ไหม


     

    ไม่เสียใจครับ ภูมิรักพ่อนะครับขอบคุณพ่อที่ยอมรับพวกเรา

     

    พีม


     

    ครับพ่อ




     

    ฝากลูกชายของพ่อด้วยนะแล้วก็ขอโทษพีมด้วยสำหรับเรื่องที่ผ่านมา พ่อลูบหัวผมเบาๆวินาทีนั้นมันเป็นความรู้สึกทั้งตื้นตัน ดีใจ อบอุ่น ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่ไม่กี่นาทีความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

     



    ฮึก ไม่ ไม่เป็นไรครับ พีม ฮึก ไม่โกรธ แค่นี้ก็ขอบคุณพ่อ ขอบคุณมากแล้วครับ ที่จริงคุณพ่อท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดแค่ตอนนั้นท่านไม่เข้าใจแค่นั้นเองแค่ท่านยอมรับเราแค่นี้ก็ดีมากแล้ว

     


     

    ดูสิ ร้องไห้เป็นเด็กๆเลย พีม…..แม่เองก็ต้องขอโทษ ผมเข้าไปกอดแม่พอเถอะครับไม่ต้องขอโทษแล้วแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว ฝากน้องภูมิด้วยนะลูก รักกันดูแลกันให้ดีนะคุณแม่ลูบหัวลูบหลังผมผมก็ยิ่งร้องแต่ก็ร้องด้วยความสุข



     

    แม่จับมือผมกับภูมิวางทับกันเราสองคนสบตากันและมอบรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักให้กัน ผมกับภูมิจับมือกันแน่นรอยยิ้มของภูมิทำให้ผมมีกำลังแรงใจที่จะอยู่ต่อไปอยู่เพื่อมันอยู่เพื่อความรักของเรา

     


    ความเจ็บปวด น้ำตา ความเหงา อ้างว้างที่ผมกับภูมิได้เผชิญมาตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่ได้ทำให้พวกเราเข้มแข็งขึ้นหรืออ่อนแอลงไม่ได้ทำให้เราเข้าใจใครมากกว่าที่เป็นอยู่มันแค่ทำให้รู้ว่าผมกับมันเรารักกันมากแค่ไหน

     




     

    พวกเราทำได้แล้ว

     

     

     






     

    หลังจากเรื่องร้ายๆผ่านพ้นไปพวกผมก็รอต้อนรับแต่เรื่องดีๆ พวกเพื่อนๆมันก็แวะเวียนมาเยี่ยมไอ้ภูมิไม่ขาดไอ้การมาเยี่ยมเนี่ยคือสิ่งที่มันบอกแต่วัตถุประสงค์หลักคือมันมาลี้ภัยซ่องสุมหาที่กินเหล้ามากกว่า ก็ดูสิตั้งแต่พวกมันมามีแค่ไอ้เบียร์กับไอ้เชนที่เข้าไปดูอาการภูมิ

     



    อ๊อมีไอ้ปันอีกคนที่เข้าไปแต่มันไปถามว่าเก็บแก้วไวน์ไว้ตรงไหน ดูความอัปรีย์ของมันสิครับส่วนไอ้มิคก็บอกว่าผัวใครคนนั้นก็ดูแลเอาเอง หนอยยยยยพวกมึงช่างเป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ ส่วนไอ้แทนกับไอ้ฟ่างนี่ก็หายไปในห้องนอนอีกห้องได้ซักพักแล้ว ผมก็…….ห้ามไปไหนห่างภูมิเดินห้าสิบเซ็นช่วงนี้ชีวิตกลับมาวิกฤตอีกแล้วนะฮ้าฟฟฟฟฟ

     


    มองอะไร ภูมิมันบอกว่าปวดหัวแต่มันกลับไม่ยอมนอนเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่ได้ จ้องแล้วก็จ้องอีกคิดว่าคนอื่นเขาจะเขินไม่เป็นรึไง แหนะ พูดแล้วยังจะจ้องอีก



    ทำไมมองไม่ได้รึไงหรือต้องจ่ายค่าตั๋วก่อนถึงจะมองเมียตัวเองได้ ป๊าดดดโธ่วาจาช่างร้ายกาจนี่มึงป่วยจริงป่ะเนี่ย เมื่อทำอะไรมันไม่ได้ผมก็ดิ้นขลุกๆอยู่ในอ้อมกอดมันนั่นแหละ






    หึหึ คิดถึงมากรู้ไหมเตี้ย……อย่าไปไหนอีกนะต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าจากไปไหนอีกนะพีม

     


    อื้อออ ไม่ไปแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว


     

    รัก รักคนนี้ฮ่วยยยยยยยยยยยยยยยย ฆ่าฉันๆให้ตายเถิดหนา คือ ณ จุดนี้กูเขินมากครับแม่งพูดก็ไม่พูดเปล่าเอานิ้วชี้มาจิ้มปลายจมูกอยู่ได้ อ้ายเขินเด้อออออ


     

    พอสักพักหลังจากที่ภูมิมันซ้อมบทลิเกกับผมเสร็จมันก็หลับไป ผมก็ได้เวลาออกมาแจมกับพวกสัมภเวสีข้างนอก…….ก็นะห่างหายไปนานมันเปรี้ยวปาก คึคึ ตอนที่ผมออกมานั่งไอ้แทนกับไอ้ฟ่างก็ออกมาจากห้องนอนพอดีพวกไอ้คิวก็โห่แซวเพราะเชี่ยแทนมันโชว์ซิกแพคไม่ใส่เสื้อ ที่จริงผมว่าพวกมันเข้าไปนอนเฉยๆนะเพราะหน้าตาเหมือนคนเพิ่งตื่น ก็ไอ้ฟ่างมันไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวันไหนจะเรื่องโปรเจคเรื่องภูมิ







    ไอ้ปันมันเลยเห่าเลยหอนแซวไอ้คู่รักโลกตะลึงด้วยการร่ายเยี่ยงลิเกหลงโรงจนไอ้เบียร์ที่นอนดูทีวีอยู่ชูคอขึ้นมาดูว่ามันเป็นอะไร




     

    หนอยแหนะเจ้าโจรใจทรามกลางวันแสกๆก็ยังกล้าฟีชเจอริ่ง เอิงเอย บัดเสีย

     


    บัดสี!!!!!!” ถ้าพวกกูไม่อยู่แล้วใครจะกู้ให้มึง

     


    แหมมันเป็นมุกถ้ากูพูดถูกมันจะฮาไหมครับ จริงไหมมิค

     


    ถั่วต้วม ไอ้มิคที่นอนตีพุงดวนเกมส์กับไอ้แมทหันมาตอบคู่หูมัน



    ไอ้เชนกับไอ้เต้ยไปไหนวะคิว

     


    ลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทข้างล่างแล้วผัวเบบี๋ของมึงแดกนมแดกซีรีแล็กนอนหลับปุ๋ยแล้วเหรอ

    สัด



    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้ฟ่าง ไอ้แทน ไอ้คิวมันรวมหัวหัวเราะผม ไอ้มิคเลยลุกมาถามว่าขำอะไรกันแต่ไม่มีใครตอบมันแม่งดันหัวเราะขึ้นมาเองซะงั้นจนพวกผมขำมัน

     


    เออไอ้แทนไอ้ฟ่างเมื่อไรพวกมึงจะเปิดตัววะ คู่ไอ้คิวไอ้เต้ยครอบครัวก็ไฟเขียวกันนานแล้ว ไอ้พีมกับไอ้ภูมิก็คบกันอย่างเปิดเผยแล้วต่อไปก็เหลือคู่มึง ไอ้มิคถามก่อนจะกระดกเหล้าที่กูเพิ่งชงเสร็จและที่สำคัญแก้วของกูด้วยครับแต่คำถามของมันก็น่าสนใจผมมองไอ้แทนกับไอ้ฟ่างเพื่อรอฟังคำตอบ

     



    กูคงไม่บอกพ่อหรอกสงสารพ่อเรื่องภูมิเพิ่งจบถ้ารู้ว่ากูกับไอ้แทนคบกัน หึ หัวใจวายตายกันพอดี

     



    ใครคบกับมึง ไอ้แทนหันไปตีหน้าซื่อซึ่งผมคิดว่าค่อนข้างเสี่ยงนะเพราะล่อตีนล่อมือไอ้ฟ่างมาก

     



    หมามั้ง แรว๊งงงงงงงงส์

     


    โอ๋ๆๆๆเค้าย้อเย่นน๊า ไม่คบฟ่างไม่รักฟ่างแล้วจะให้แทนรักใครล่ะครับ แล้วมันก็จูบกัน

     


     

    อ้วกกกกกกกกกกกก เอาให้หมดไส้หมดพุงอย่าให้เหลือแม้แต่ในไส้ติ่ง



    กูว่าเราทำเรียลลิตี้ตามติดชีวิตไอ้แทนไอ้ฟ่างแล้วทำเป็นหนังGVขายคงรวยว่ะดูไอ้คิวมันคิดแต่ละอย่างสิครับ




    มึงไม่ทำของมึงขายด้วยล่ะคิว ไอ้ปันที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำเอ่ยถาม

     


    หึ มึงก็ถามไม่คิดนะปัน ไอ้คิวมันแค่ลูบๆคลำๆจะเอาอะไรไปทำเป็นหนังวะผมยักคิ้วให้ไอ้เดนทรชนเชี่ยคิว มันเหลือบตามองผมทั้งที่กำลังคาบแก้วเหล้าก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

     



    แหม๊ไอ้แคระพอได้กลับมาซุกใต้ปีกผัวนี่มึงกล้านะ เดี๋ยวกูจับล่อแม่งแต่อุยไม่ได้นี่หว่าเพราะกูไม่เคยสมสู่ข้ามสายพันธ์กับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำแคระ กร้ากกกกกกกกกกกกอดทนหนอขันติหนอปากหมาหนอจัญไรหนอ เดี๋ยวถ้าว่างๆกูจะแจ้งไปที่กินเนสบุ๊คให้เขาบันทึกไว้ว่ามึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แคระที่สุดที่สามารถมีผัวได้ บ๊ะ ไอ้ภูมิมันคงภูมิใจในตัวมึงอยู่มิใช่น้อย




    ฮา ไอ้พวกลูกคู่นี่ก็ทำงานดีนัก




    ไอ้คิวเลิกแกล้งน้องสะใภ้กูได้แล้วถึงมันจะแคระมันก็แคระตามธรรมชาติ

     



    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พวกมึงออกไปจากห้องกูเลยนะ

     



    ห้องกู????? ฮิ้วววววววววว ของผัวก็เหมือนของเมีย ของเตี้ยก็เหมือนของหล่อ จิ๊บิ๊ จิ๊บิ๊ อิคึอิคึกูเกลียดไอ้คิว เกลียดไอ้ฟ่าง เกลียดพวกมันนนนนนนนนนน ฮึ่ยๆ

     


    พี่คิววววววววววววววว คิดถึงเต้ยไหมมมมมมมมมไอ้น้องเต้ยเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ได้ข่าวว่ามึงลงไปซื้อไอศกรีมที่มินิมาร์ทข้างล่างไม่ใช่เหรอเต้ย ไอ้เชนที่หอบถุงของกินพะรุงพะรังพร้อมกับคอเอียงหนีบโทรศัพท์เดินตามหลัง มันพยักหน้าเรียกให้ผมไปช่วยถือ ผมทำปากพะงาบๆว่าเมียหรอ มันก็บอกอืมแล้วพูดไร้เสียงว่า ง้ออยู่ แล้วมันก็ออกไปคุยนอกห้อง ปล่อยให้พวกนั้นเบ้ปากตาม

     


    พี่คิวกินอันข้างบนให้หน่อยดิ เต้ยจะกินข้างล่างไอ้เต้ยยื่นไอศกรีมวอลให้แฟนมันแต่ไอ้คิวทำหน้ารังเกียจ




    มึงเลียแล้ว แหวะ น้ำลาย


     

    เอ๋าก็แค่น้ำลาย นะๆกินครีมออกให้หน่อยเต้ยจะกินช็อกโกแลตที่อยู่ก้นมันอ่ะ

     


    ทำเป็นรังเกียจน้ำลาย ตอนมึงจูบกันอ่ะแดกเป็นลิตรๆไอ้แทนว่าตอนนี้มันนอนยาวหนุนตักไอ้ฟ่างอย่างถึงสุข ไอ้คิวยักไหล่ก่อนจะรับไอศกรีมมากินมันก็แกล้งไอ้เต้ยไปงั้นแหละ

     



    ฟ่างโคมไฟหน้าบ้านที่มึงบอกว่าอยากเปลี่ยน เราไปเลือกแบบพรุ่งนี้ไหมเพราะมะรืนกูไม่ว่าง ผมแอบเงี่ยหูฟังไอ้คู่รักตัวอย่างเขาคุยกันพูดง่ายๆคือเสือกนั่นเอง แต่แคร์ไหม หึหึ ดูหน้าก็รู้ครับ

     



    จะไปไหนอีก




    ไปงานกับป๊าไอ้เทนมันไม่ว่างกูเลยต้องไปแทน ไม่งอนนะ

     



    อืม


     

    จริงนะ


     

    เออ พี่เทนไม่ว่างบ่อยนะช่วงนี้มันไปทำไรวะ


     

    ติดเพื่อนมั้งมึงก็ถามพี่โอ๊ตดูสิกูเห็นมันชวนกันไปกินเหล้าในป่ากับพวกเพื่อนมัน หืมมม พี่โอ๊ตกับพี่เทนเป็นเพื่อนกันด้วยเหรอแล้วมันสองคนก็งุ๊งงิ๊งๆเข้าสู่โลกส่วนตัวของพวกมันเชี่ยแทนแม่งโคตรหลงไอ้ฟ่างเลยว่ะ ผมถึงกับต้องเบะปากรับไม่ได้แล้วแม่งเสือกหันมาเจอ


     

    ถ้าอิจฉาก็เข้าไปหาที่รักมึงในห้องสิไป ไอ้แทนยักคิ้วให้ผม กูก็ยักไหล่กลับไป โด่ แค่นี้สิวๆกูเจ๋งกว่าพวกมึงอีก

     


    คุณชายมึงดูไรวะเปลี่ยนช่องๆ ดูไรไร้สาระปัญญาอ่อนจริงๆเลยมึง ฮู่ ไร้สาระอย่างนี้เรียนนิติได้ไงวะเดี๋ยวกูจะเปิดอะไรที่มันประเทืองปัญญาให้ดู ไอ้เบียร์ที่นอนเหยียดดูข่าวBBCอยู่บนโซฟาก็ถูกไอ้ปันระราน กูว่าข่าวบีบีซีมันไม่ไร้สาระนะปันแต่ผู้ดีอย่างไอ้เบียร์ก็ไม่ตอบโต้ครับมันแค่ตบกบาลไอ้ปันแล้วลุกมานั่งร่วมวงกับพวกผมแล้วรู้ไหมครับว่าคนมีสาระอย่างไอ้ปันมันดูอะไร

     








    หมีแพนด้านี่แม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ ฮ่าๆๆ ดูดิๆอยู่นิ่งๆยังฮา



     

    เอ่อ เอิ่ม คือแม่งฮาตรงไหนแล้วมันมีสาระประเทืองปัญญายังไงวะไอ้หมีแพนด้าเนี่ยยยยยยยยยยย

     



     

    พีมมมมมมมมอยู่ไหนวะ เสียงตะโกนของคนที่คุณก็รู้ว่าใครแหวกอากาศมาจากในห้อง คือถ้าจะดังขนาดนี้วันหลังกูแนะนำโทรโข่งนะภูมิ


     

    ผัวเรียกแล้วไปสิเมียแคระ

     


    หึหึ คล้ายๆเมียแคทป่ะวะไอ้เบียร์มันหัวเราะ ผมชี้หน้ามันกับไอ้คิวก่อนจะเข้าไปหาภูมิ คนที่นอนอยู่บนเตียงมองมาที่ผมแทบจะไม่ละสายตาไปไหน


     

    ไปไหนมา ดุได้อีกเสียงมึงอ่ะตาก็ขวางเหมือนคนอยากยามันจะคุ้มคลั่งจับกูเป็นตัวประกันป่ะวะ




    ออกไปดูทีวีกับเพื่อนมึงตื่นนานแล้วหรอพระเอกอย่างเราต้องเอาน้ำเย็นขั้วโลกเข้าสู้ครับ ภูมิมันดึงผมให้นอนลงข้างกัน เสียงเอะอะโวยวายของไอ้พวกเดอะแก๊งตัวแสบยังมีมาไม่ขาด

     




     

    มันกอดผมไว้แน่นก่อนจะกระซิบคำที่ผมรอฟัง












     

    กูเงี่ยน

     

     



     

    สาดดดดดดดดดไอ้ภูมิ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     






     

    แต่ผมว่าผมได้ไอ้ภูมิคนเดิมกลับมาแล้วล่ะ

     

     

     











     

     

    TBC >>>>>>>>>>>>>>>

     

    ………………………………





    -         กรี๊ดดดดดดดดดดด สวยจะบอกเลิกเบียร์ จะทิ้งเชน เซย์โนว์พี่โอ๊ตแล้วสวยจะทิ้งตัวใส่คลื่น อร๊ายยยยยยยยย

    -         หวังว่าจะทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาอมยิ้มกับ We are ได้อีกครั้งนะคะ รักเทอคนอ่าน เย้ เย้ เย้

     

     

     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×