ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 31 ดีใจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 60.92K
      262
      7 เม.ย. 54








    ตอนที่
    31 ดีใจ






     


    เรื่องเล่าจากน้องเต้ย
     



    “ไอ้กาย ไหนที่นั่งกูล่ะ”
    ผมถามหาที่นั่งของตัวเองจากไอ้กาย เพื่อนในกลุ่ม เพราะผมให้มันเอาเป้ผมไปจองที่นั่งไว้ให้
     



    “ข้างหลังๆ” มันมัวแต่ห่วงพีเอสพี เลยไม่เงยหน้ามาสนใจผม ผมเดินเบียดพี่ๆน้องๆที่ร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานไปหาที่นั่งของตัวเอง ตอนนี้บนรถกำลังวุ่นวายเพราะน้องๆก็เดินหาที่นั่งทั้งถามชื่อ ถามโรงเรียนเพื่อนใหม่กันเซ็งแซ่
     



    และในที่สุดผมก็หาที่นั่งของตัวเองเจอ เชี่ยกายมึงเอาซะหลังสุดเลยนะ ผมเอาเป้ขึ้นไปเก็บตรงที่วางของ หลังจากนั่งได้ซักพักรถก็เคลื่อนตัวออกพร้อมกับเสียงเพลงเสียงกลอง
     


    ถ้าจำไม่ผิดคนที่กำลังตีกลองชื่อเคอยู่ถาปัด คนร้องเพลงก็มีหลายคนทั้งพี่กรีนที่อยู่ภาคนาฏศิลป์ พี่แกเป็นเฮดสันทนาการของสโมฯ รู้สึกว่าพี่คนนี้จะปลื้มพี่คิวด้วยมั้ง เวลาพี่กรีนนัวเนียพี่คิว ผมว่ามันตลกดี
     


    ผมก็ร้องเพลง ปรบมือไปกับพี่ๆน้องๆ มีน้องผู้หญิงสองคนถูกจับทำโทษให้ออกไปเต้น แต่ผมไม่ได้สนใจใครนักเพราะมัวแต่มองคนที่พี่เจตเรียกออกมาตีกลองแทนพี่เค



    พอพี่คิวยืนขึ้น ก็มีเสียงน้องๆผู้หญิงกับพวกผู้หญิงคณะถาปัดกรี๊ด เรียกน้องคิวพี่คิวไม่ขาดปาก เฮอะ ผมชักจะไม่ปลื้มแล้ว
    ผมรีบหันหน้าไปมองทางอื่นทันทีที่พี่คิวมองมาที่ผม
     


    พี่เจตแนะนำว่ารีสอร์ทที่พวกเราจะไปพักเป็นของครอบครัวพี่คิว คราวนี้เสียงกรี๊ดยิ่งดังกว่าเดิม มิน่างบฯก็ไม่ได้เยอะ ดันได้พักโรงแรมกึ่งรีสอร์ทห้าดาว ที่แท้เพราะมีสปอนเซอร์เป็นถึงลูกชายเจ้าของรีสอร์ทนี่เอง


    ผมเลิกสนใจกระแสพี่คิวฟีเว่อร์ เพราะกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ลุกขึ้นตะโกนว่า นั่นพี่คิวของเต้ยนะ เลยเสียบหูฟังไอพอดใส่หูทั้งสองข้าง ปล่อยหัวใจ ปล่อยสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
     


    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้รถวิ่งอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย รู้แค่ว่าสองข้างทางไม่ได้มีตึกสูงให้รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว มีเพียงทุ่งนา ภูเขา เห็นสีเขียวๆของต้นไม้แล้วก็สบายตาจนรู้สึกสบายใจ
    ผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ไม่รู้ที่เสียงเพลงเสียงกลองถูกตัดออกจากประสาทการได้ยินของผม
     


    “ขยับไปหน่อย นั่งด้วย” ผมเงยหน้ามองคนที่สะกิดไหล่ ทันทีที่เห็นว่าเขาเป็นใคร หัวใจผมก็เต้นแรงมากเลย
    ผมขยับให้พี่คิวนั่งด้วยทั้งที่กำลังตื่นเต้นแทบจะทำอะไรไม่ถูก


    “ฟังเพลงอะไรวะ” พี่คิวถือวิสาสะยึดหูฟังอีกข้างของผมไปเสียบหูตัวเอง ผมเลยย้ายหูฟังข้างซ้ายมาใส่ข้างขวา ผมคงเผลอมองหน้าพี่คิวนานเกินไป เลยถูกนิ้วมือยาวๆดีดหน้าผาก


    “โอ๊ย พี่คิวตีเต้ยทำไม เจ็บนะเว้ย”



    “มึงจ้องหน้ากูทำไมล่ะหรืออยากถูกกัดอีก หึหึ”


    “พี่คิวบ้า” พอถูกว่าเรื่องนี้ ผมก็พูดไม่ออก เมื่อเช้าก็ถูกเฮียภูมิกับเฮียพีมล้อ เอ๊ะ ว่าแต่เฮียพีมอยู่ไหนเนี่ย คงอยู่ที่รถอีกคันละมั้ง ผมถลึงตาใส่พี่คิวแต่ก็ต้องรีบหลบหน้าหันมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง พี่คิวจะรู้มั้ยว่ากำลังมองผมด้วยสายตาแบบไหน สายตาแบบนั้นมันหวานเกินไป
     

    ตอนที่อยู่ในบ้านผีสิง ผมไม่ได้กลัวผี ให้เข้ามาคนเดียวก็ได้สบายมาก แต่มีข้อแม้ว่าต้องเปิดไฟ แหะๆ เพราะผมไม่ถูกกับที่มืดๆเท่าไร


    และต่อให้ผีจริงๆมาผมก็ไม่กลัวหรอก เพราะพี่คิวจูงมือผมตลอดนี่ ตอนนั้นน่ะทั้งดีใจ ตื่นเต้นไปหมด ผีเผอผมไม่สนใจเลย พอเดินไปได้ซักพักพี่คิวก็หยุดเดิน
    ผมพยายามมองฝ่าแสงสลัวๆว่าพี่คิวจะทำอะไร



    “มึงรู้มั้ยว่ากูไม่ใช่มนุษย์” พี่คิวถามคำถามแปลกประหลาดที่สุดที่คนธรรมดาอย่างผมจะเข้าใจ ถ้าเป็นเฮียปันผมจะไม่ว่าเลย ตอนนั้นผมก็คิดไปต่างๆนาๆว่าพี่คิวจะแกล้งอะไร



    “ไม่ใช่คนแล้วพี่คิวเป็นอะไร กระหังหรือกระสือ”


    “กูเป็นแวมไพร์”


    “ฮ่าๆ พี่คิวดูหนังมากไปรึเปล่า”




    “มึงไม่เชื่อเหรอ” สีหน้าพี่คิวเจ้าเล่ห์กว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็น กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่พี่คิวผลักผมชิดผนัง พร้อมกับยกแขนข้างหนึ่งกั้นผมไว้ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้


    ถึงมันจะมืดแต่ผมก็เห็นหน้าพี่คิวชัดเจน ชัดซะจนหัวใจของผมจะกระโดดออกมาเต้นข้างนอกทุกวินาทีที่หน้าหล่อๆเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สัมผัสนุ่มๆอุ่นๆที่ริมฝีปาก ยังทำให้ผมรู้สึกใจหวิวๆทุกครั้งที่นึกถึง
     



    ต่อให้ผมโง่กว่าควาย ผมก็รู้ว่าสิ่งที่พี่คิวแสดงต่อผม มันหมายถึงพี่คิวก็ชอบผมเหมือนกัน ไหนจะหึงผมกับเฮียเชน แล้วไหนจะจูบอีก หึหึ แผนของพวกเฮียๆนี่สุดยอดเลยแฮะ
     



    เฮียฟ่างพูดกรอกหูผมตลอดว่า “ผู้ชายน่ะ ต่อให้ฟันไม่เลือก มั่วไม่ซ้ำหน้าหรือว่าเจ้าชู้แค่ไหน  แต่คนที่เรารักก็มีเพียงคนเดียว” เพราะฉะนั้นพี่คิวก็ต้องเป็นของผมคนเดียวทั้งตัวและใจ



    ผมเป็นเด็กขี้สงสัย มีอะไรอยากรู้ก็ต้องถาม อีกอย่างเฮียฟ่างบอกว่า อยากทำอะไรก็รีบทำเดี๋ยวโลกแตกก่อน แล้วจะอด ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง
    ผมจะทำตามที่หัวใจต้องการ
     


    “พี่คิว เริ่มชอบเต้ยบ้างรึยัง”



    พี่คิวดูจะอึ้งไปที่ผมถามตรงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้ม และวางมือลงบนหัวของผมพร้อมกับโยกไปมา


    “กูไม่จูบคนที่ไม่ชอบ แต่กูก็ไม่ชอบแย่งแฟนเพื่อนเหมือนกัน”



    อ๊ากกกกก อยากจะตะโกนให้ลั่นรถ ดีใจโว้ย ในที่สุดก็สำเร็จซักที พี่คิวชอบผมแล้ว พี่คิวชอบผม ถ้ากระโดดกอดพี่คิว คนบนรถจะตกใจมั้ยวะ ผมอยากจะบอกพี่คิวซะตอนนี้ว่าผมกับเฮียเชนไม่ได้เป็นอะไรกัน
     



    แต่เอาไว้ถึงรีสอร์ทค่อยสารภาพดีกว่า จะได้ปรึกษาเฮียพีมด้วย ฮ้า ดีใจเว้ย พี่คิวเอ๋ยมาเป็นทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคตของเต้ยซะดีๆ คึคึ พี่คิวเอนหัวพิงกับเบาะก่อนจะหลับตาลง ผมเลยถือโอกาสนั่งจ้องซะเลย พี่คิวหล่อจัง


    “อ๊ะ
    …..อยู่ๆพี่คิวก็ลืมตาขึ้นมา หน้าเราอยู่ใกล้กันมาก มากจนพี่คิวจุ๊บผมได้ โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว


    “เพลงนี้เพราะดีว่ะ” พี่คิวหยิบหูฟังที่ผมทำหล่น มาใส่หูผมอีกครั้ง






    รักไม่ได้ ไม่ใช่ไม่รัก








     


    อยู่ตรงกลางระหว่างเสียงหัวใจกับเหตุผล

    คนไม่ควรรัก เราทำไมรักไปทั้งหัวใจ

    ไม่ใช่ไม่รู้ ว่าฉันและเธอต่างกันเท่าไร
    มองไกลๆ แล้ว ลืมเธอไปคือเรื่องที่ควรทำ



    อยากรักเธอโดยไม่ผิด อยากคิดว่าเป็นแค่ฝัน
    อยากทิ้งอะไรทุกอย่าง ที่คั่นระหว่างเราไว้

    อยากลบเลือนวันที่ผ่าน แต่ฉันก็เจ็บในหัวใจ
    และสุดท้าย แค่อยากให้เธอได้ฟัง




    ที่รักไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ได้รัก
    ที่สองเราต้องจาก ไม่ใช่ไม่เสียใจ

    ที่รักไม่ได้ ฉันเองก็ทรมานแทบตาย
    แต่ฉันจะมีเธอเก็บไว้

    อยู่ส่วนลึกสุดในหัวใจ แค่คนเดียว



    หากไม่มี สิ่งที่ฉันจำเป็นต้องแบกไว้
    เราคงไม่เสียใจไม่มีเรื่องใด มากีดขวาง

    ก็อย่างที่รู้ เรื่องที่มีที่มันกั้นกลาง
    เป็นกำแพงสูง เกินที่เราสองคนจะทำลาย


    อยากรักเธอโดยไม่ผิด อยากคิดว่าเป็นแค่ฝัน
    อยากทิ้งอะไรทุกอย่าง ที่คั่นระหว่างเราไว้

    อยากลบเลือนวันที่ผ่าน แต่ฉันก็เจ็บในหัวใจ
    และสุดท้าย แค่อยากให้เธอได้ฟัง



    ที่รักไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ได้รัก
    ที่สองเราต้องจาก ไม่ใช่ไม่เสียใจ

    ที่รักไม่ได้ ฉันเองก็ทรมานแทบตาย
    แต่ฉันจะมีเธอเก็บไว้

    อยู่ส่วนลึกสุดในหัวใจ แค่คนเดียว




    ที่รักไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ได้รัก
    ที่สองเราต้องจาก ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ

    ที่รักไม่ได้ ฉันเองก็ทรมานรู้ไหม
    แค่ขอได้มีเธอเก็บไว้

    อยู่ส่วนลึกสุดในหัวใจ ก็เพียงพอ


    อยู่ส่วนลึกสุดในหัวใจ แค่คนเดียว
     



    เพลงที่พี่คิวให้ผมฟัง มันบอกความรู้สึกได้ดีว่าเราต่างก็เจ็บปวดทั้งคู่ ที่ผ่านมาไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่เสียใจ ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็คงทรมานไม่แพ้กัน แต่
    ต่อจากนี้ไปมันจะไม่มีน้ำตาอีกแล้ว



    “พี่คิว เต้ยง่วง” ผมเขย่าแขนพี่คิวหลังจากที่ฟังเพลงนั้นจนจบ




    “ง่วง ก็นอน” พี่คิวปรือตาขึ้นมามองหน้าผมก่อนจะจับหัวผมให้ซุกซบลงกับไหล่ของพี่คิว ถ้ามีใครมาเห็นอาจจะคิดว่าผมบ้าก็ได้ที่นอนอมยิ้มจนปวดแก้มแบบนี้
     
     





    นมปั่นรักพี่ดินสอที่สุดเลย
     ^_^





    …………………………..
     


     
    ผมขับรถออกจากกรุงเทพจนมาถึงนครปฐมไอ้คลื่นก็เปลี่ยนมาขับบ้าง ระหว่างทางผมกับมันก็ชวนกันคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ มันก็แซวก็หยอดคำเลี่ยนๆบ้าง ให้ผมด่ากลับพอเป็นกระสัย มันก็จะหัวเราะอารมณ์ดีโรคจิตชัดๆ

    “พีมมึงหิวรึยัง แวะปั๊มมั้ย”

    “ก็ดีนะ กูชักจะเมื่อยแล้วว่ะ”

    “น้อยๆหน่อยเหอะ มึงนั่งเฉยๆอย่ามาบ่น กูสิที่ต้องเหนื่อย”

    “อย่าว่ากูสิ เดี๋ยวกูจะอ่อนแอ” ผมหลับตาปริบๆ ดัดเสียงเหมือนคนไม่มีแรงกวนตีนไอ้คลื่น มันถึงกับส่ายหน้าเพราะรับไม่ได้ ฮ่าๆ


    มันรถจอดปุ๊บก็วิ่งเข้าห้องน้ำปั๊บ แถมยังสั่งให้ผมซื้อของกินไปบริการอีก แม่งขี้โกงอ่ะเงินก็ไม่ให้ ผมเลือกขนมขบเคี้ยว เป๊บซี่ แบรนด์ เอ็มร้อย ชีสไบส์อีก น้ำและขนมอีกร้อยแปด ไม่ลืมหยิบนมหมีรสน้ำผึ้งของโปรดใครบางคน หึหึ
     

    ระหว่างรอคลื่นผมก็ยืนอ่านหนังสือเกมส์ในเซเว่นรอ ไม่อยากออกไปรอข้างนอก แม่งโคตรร้อน ผมอ่านได้ซักพักก็มีเสียงเคาะกระจก ไอ้คลื่นกำลังยืนส่งยิ้มหล่อๆมาให้  ในมือมันคีบบุหรี่ แล้วไม่สูบในห้องน้ำนะ
     

    “เอามั้ย”

    “ตามสบายว่ะ กูขี้เกียจคายหมากฝรั่ง”
    ผมปฏิเสธซองบุหรี่ที่มันยื่นให้ คลื่นมองถุงเซเว่นในมือผม

    “แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะ ไหนบอกไม่หิวไง”

    “หมามันสั่ง เลยเอามาเยอะ”

    “หึหึ คร้าบ เป็นพระคุณอย่างยิ่งนะครับ” มันผลักหัวผม ทิ้งบุหรี่ที่เหลือเกือบครึ่งมวนก่อนจะเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ

    “เฮ้ยคลื่น เดี๋ยวกูขับเอง เปลี่ยนกัน”

    “นั่งหล่อไปเถอะ กูขี้เกียจบอกทาง”
    หนอย กูไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะเว้ย

    “เออดีว่ะมากับมึงนี่โคตรสบาย” ผมยักคิ้วให้คลื่นพร้อมกับคาดเบลล์

    “คบกับกูยิ่งสบายนะ จะเลี้ยงดีๆเลย”

    “งั้นกูขอลำบากละกัน สาดดดด แม่งหยอดตลอด ถ้ากูท้องได้คงเป็นโหลแล้วมั้ง”

    “หึหึ ถ้าลูกออกมาแล้วแม่งหน้าเหมือนกู ไอ้ภูมิมันจะเลี้ยงมั้ยวะ ฮะๆ”
    ผมก็บ้าจี้หัวเราะไปกับมัน

    “มันจะฆ่าทิ้งทั้งกูทั้งลูกน่ะสิ”
    หยึ๋ย คิดแล้วสยอง
     



    ……………………………………
     



    พอมาถึงที่พัก ผมก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ไอ้เราก็นึกว่าจะไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหน ที่แท้ก็ธุรกิจในเครือตระกูลยศวาทินนี่เอง แม่งคงเหมาทั้งโรงแรม งดรับแขกชั่วคราว นี่มาออกค่ายหรือว่ามาออกทริปกันแน่ครับพี่เจต
     


    บ่ายนี้โปรแกรมคือพาน้องๆไปวาดรูปที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ พอมาถึงอุทยานพี่เจตก็กล่าวเปิดค่าย จุดประสงค์ของการจัดค่ายก็เพื่อให้น้องๆที่รักในศิลปะ ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ได้มาเห็นว่าพี่ๆที่เรียนศิลปกรรม เรียนสถาปัตถ์เป็นยังไง ซึ่งจะต่างจากค่ายเภสัช ค่ายหมอ เพราะพวกนั้นวิชาการกันมาก
     

    ส่วนค่ายของพวกเรา เป็นแบบเบาๆ ชิวๆ (ไร้สาระ)แต่สิ่งที่น้องๆจะได้รับก็คือเพื่อน มิตรภาพ ความประทับใจ และจะได้รู้ว่าตัวเองรักในกลิ่นสี กาวแป้ง ดินสอ ผ้าใบ รักที่จะเรียนศิลป์จริงๆหรือเปล่า
     
    น้องๆที่มาวันนี้ก็ค่อนข้างจะเป็นพวกเดียวกับพวกผม แต่ละคนดูมีโลกส่วนตัวกันทั้งนั้นหึหึ พี่ๆน้องๆก็สนิทกันเร็ว ก็นะ เรามันพวกติสเข้าเส้นเลยคุยกันง่าย ผมอยากใส่ ปล ให้ด้วยว่าน้องแต่ละคนกวนสุดๆ




    ตอนนี้น้องๆก็กระจายไปหาที่ชอบๆ หามุมสงบปลงสังเวช เฮ้ย ไม่ใช่ ไปหามุมวาดรูปครับ แล้วก็จะมีพี่บัดดี้คอยประกบ ซึ่งบัดดี้ของผมเนี่ย อายุไขมันคงไม่ได้แก่ตายแน่ๆ



    “นี่พี่ ทำไมชื่อพี่ถึงเป็น พอพาน ทำไมไม่เป็น ภีม” ไอ้น้องวอเตอร์มันเลิกสนใจกระดาษตรงหน้าหันมาถามผมที่นั่งวาดรูปอยู่ใกล้ๆ หน้ามันก็จี๊นจีน เสือกชื่อวอเตอร์ ชื่อมึงก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าพี่นักหรอก


    “อ๋อ มันพ้องกับชื่อจริงพี่ไง พีม พีระณัฐ อีกอย่างแม่พี่บอกว่าชื่อนี้เป็นมงคล ตั้งกันหมาถาม แต่สงสัยคงไม่ใช่แล้วว่ะ”
    หึหึ กวนตีนผิดคนแล้วน้องเอ๊ย


    “โห พี่เล่นแรงว่ะ คนหล่อเซ็งเลย”

    “เฮ้ย นี่ถ้าไม่ด้านจริงไม่กล้ายกหางตัวเองแบบนี้นะเนี่ย สุดยอดว่ะเตอร์”

    “พี่พีม แม่งปากหมาว่ะ”


    “ลามปามๆ วาดไปเลย” ไอ้น้องวอเตอร์มันก็เลิกกวนผม กลับไปตั้งอกตั้งใจวาดรูปปราสาทหินเหมือนเดิม
     


    ส่วนไอ้พี่รหัสน้องรหัสเค้าก็ไม่ค่อยห่างกันเท่าไรครับ เมื่อกี้เชี่ยเต้ยสวมวิญญาณพี่อั้ม พัชราภา มันโทรหาไอ้เชน คุยกันงุ้งงิ้งๆ ไอ้คิวแม่งเตะกระป๋องสีเกือบโดนหัวไอ้กรีน อีกรีนกรี๊ดจนปราสาทหินแทบถล่ม มันด่าบรรพบุรุษไอ้คิวย้อนกลับไปประมานเก้าชั่วโคตร ทำเอาฮาไปตามๆกัน และซักพักพอแฟนไอ้คิวโทรมา ไอ้เต้ยก็ทำเสียงหมาเสียงแมวเห่าหอนใกล้ๆ
     


    เสียงเรียกเข้าเพลงคนนี้ดังลั่นพร้อมกับรูปที่โชวร์หราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของผม รูปผมที่ถูกไอ้ภูมิมันบังคับให้หอมแก้ม ภูมิน่ะตั้งเป็นรูปหน้าจอ แล้วก็หน้าเดสทอปคอมด้วย แต่ผมยังไม่ด้านขนาดนั้น เลยตั้งไว้เป็นรูปเวลามันโทรเข้า



    “แหนะๆ แฟนโทรมาอ่ะดี๊”

    “วาดรูปไปครับน้องวอแว” ผมลุกออกไปคุยโทรศัพท์ไกลๆจากไอ้น้องบัดดี้ที่จ้องจะแซวผมอยู่

    “ฮัลโหล ภูมิ”

    (ทำไมรับช้า ทำอะไรอยู่)

    “ไม่ได้ทำอะไร กูให้มึงฟังเสียงรอสายไง”

    (ตุ๊ด ตุ๊ด เนี่ยนะเพลงรอสายของมึง)

    “ทำไมล่ะ ออกจะคลาสสิก ภูมิไม่ชอบหรอครับ”

    (หึหึ อย่ากวนตีนเตี้ย เอาดีๆ อยู่ไหน ทำอะไร กับใคร) ไอ้ตรงกับใครนี่เน้นจังนะ

    “อยู่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์  กำลังวาดรูป อยู่กับน้องๆ น้องภูมิไปกับพี่มั้ยจ๊ะ”


    (ไปเถอะ
    ไปดีมาดี ไปที่ชอบๆนะที่รัก)

    “ไอ้แห้ง มึงแช่งกูเหรอ” ผมเขี่ยดินเขี่ยหญ้าเล่น ไม่รู้เป็นอะไร เวลาคุยโทรศัพท์กับภูมิแล้วผมมักจะอยู่ไม่นิ่ง

    (หึหึ เปล่าครับไอ้ลิง แล้วมึงทำอะไรบ้างเหนื่อยมั้ย)

    “ไม่เหนื่อย กูก็วาดรูปเล่นกับน้องๆ”

    (น่าสนุกว่ะ)

    “โคตรสนุก ไม่ต้องตากแดดร้อนๆ วัดถนนวัดสะพานแบบพวกมึง ฮะๆ” เวลาผมไปหาภูมิที่คณะผมเคยเห็นมันกับเพื่อนส่องกล้อง วัดระยะถนน ห่าไรไม่รู้ เห็นแล้วเหนื่อยแทนแต่พวกวิศวะ(โยธา)มันเป็นกำลังที่สำคัญของประเทศชาตินะครับ แบบว่าสร้างชาติ(สร้างถนน) กร๊ากกก


    (อ๋อ ชอบสบาย ตากแดดไม่ได้เลยอยากอยู่กับสถาปนิกว่างั้น)

    “ก็ประมานนั้น อยู่กับนายช่างมันลำบากนี่หว่า มึงก็ต้องเข้าใจนะภูมิ”

    (เหนื่อยมั้ยคนดีมีพี่เป็นแฟน)

    "กร๊ากกกกกกกกกก เชี่ยภูมิ ไอ้ฟาย ถ้ากูกินน้ำอยู่สำลักแน่ ฮ่าๆ มึงรู้จักพี่ไมค์ ภิรมพรด้วยเหรอวะ”



    (เอ๊าทำไมจะไม่รู้จัก เพลงพี่เค้าออกจะดัง ได้ยินปันมันร้องบ่อยๆ)
    ผมนั่งหัวเราะน้ำตาเล็ด จนน้องวอเตอร์หันมามอง เลยต้องเดินออกไปคุยไกลกว่าเดิม คือถ้าเป็นไอ้ปันร้องน่ะไม่เท่าไร เราก็รู้ๆกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ แต่ลองคิดหน้าภูมิตอนมันร้องเพลงนี้ แม่ง ฮาสาดดด


    (หึหึ มึงเลิกหัวเราะได้แล้วลิง กูมีเรื่องสำคัญจะบอก)

    “อะไร จะขอกูแต่งงานหรอ ฮะๆ สินสอดร้อยล้าน”

    (เพ้อเจ้อแล้วเตี้ย เพี้ยนขึ้นทุกวันนะมึง)

    “ก็สร้างสีสันให้ชีวิตไง เดี๋ยวมึงเบื่อกู”

    (สีสันหรือศรีธัญญา
    …. น่ะ กูเลยลืมเลยว่าจะพูดอะไร แม่ง แค่นี้นะ)

    “เอ๊า อะไรวะ เพิ่งคุยนิดเดียวเอง”

    (จะไปดูโปเกม่อน)

    “ตลอดอ่ะมึง แม่งเห็นการ์ตูนดีกว่ากูตลอด ไปปี้กับปิกาจูเลยไป”

    (หึ ปี้ปิกาจู แล้วถ้ามันเอาไฟฟ้าช็อตกูทำไงอ่ะ)

    “ไอ่ฟายยย แม่งคิดได้นะ เออ แค่นี้ก็ได้ คืนนี้โทรมาด้วยนะ สวัสดี สะวีดัส”

    (หึหึ ไปแล้วสติแฟนกู)
                                         


                               …………………………………….
     



    คืนนี้มีปาตี้ดนตรีในสวน อภินันทนาการโดยลูกชายคนเล็กแห่งบ้านยศวาทิน ไอ้คิวมันก็แอบบ่นพี่เจตเหมือนกันที่ไปบอกทุกคนว่ามันเป็นใคร มันอยากเป็นพระเอกติดทองหลังพระไงครับ



    งานดนตรีจะเริ่มตอนสองทุ่ม ตอนนี้ก็เพิ่งหกโมงกว่าๆ ช่วงนี้เลยเป็นเวลาแห่งการพักผ่อน ผมกับไอ้คิวนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ส่วนคนที่จะนอนร่วมห้องอีกสองคนได้แก่ ไอ้เต้ยกับไอ้คลื่น ไอ้คลื่นมันไปดูแลเวทีกับพวกพี่ๆตามหน้าที่ ส่วนไอ้เชี่ยเต้ย ไปวิ่งเล่นมั้งไม่ก็ไปหาเพื่อนมันที่อยู่ห้องข้างๆ ไหนใครมันบอกว่าจะดูแลกูวะ เดี๋ยวบอกไอ้ภูมิยึดเงินคืนซะเลย



    แต่อะไรก็ไม่น่าห่วงเท่า เพื่อนผมที่นอนถอนหายใจทิ้งอยู่ข้างๆ วันนี้ผมกับมันไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร เพราะต่างก็ยุ่งๆ


    “เป็นไรวะ ถอนหายใจเหมือนคนอมทุกข์เลยนะมึง”


    “อือ กูใกล้จะบ้าแล้ว”


    “บ้าเรื่องอะไร ไอ้เต้ยเสียตัวให้ไอ้เชนแล้วเหรอ”

    ป้าบ

    “สัดคิว แม่งกูเจ็บ”


    “ปากจัญไรจริงๆนะมึงไอ้แคระ แหม พ่อคนเสน่ห์แรง ฮอทในหมู่ผู้ชายหน้าตาดี อย่าคิดว่ากูไม่กล้าบอกไอ้ภูมินะ”


    “บอกไร กูไม่ได้ทำไรซะหน่อย”


    “มึงไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้หมายความว่าไอ้คลื่นมันไม่คิด เชี่ยภูมิยิ่งไม่เหมือนชาวบ้าน หึงขึ้นมาพ่อคงฆ่าล้างโคตร”

    “เออ มันรู้แล้ว ต่อยกันเมื่อวาน”

    “ศึกครานี้ไอ้คลื่นคงปราชัยเป็นแน่แท้ ไอ้ภูมิจักครอบครองมึงแต่เพียงผู้เดียว กาพีม” คงคล้ายๆกากี สาดด


    “เจ้าก็เช่นกันนะสหาย จงไปช่วงชิงเชี่ยเต้ยกลับมาให้จงได้ ประกาศให้ไพร่พลได้รู้ว่ามึงเป็นยอดชาย” ผมกับไอ้คิวหัวเราะบ้าอยู่สองคนและก็นอนเงียบๆมองไฟระย้าบนเพดาน


    “ความรักของกูโคตรมหัสจรรย์เลยว่ะ มึงว่ามั้ยพีม ตั้งแต่ตอนนมปั่น จนตอนนี้ กูก็ตกหลุมรักคนๆเดิมถึงสองครั้ง”


    “จะบอกว่า รักกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอว่างั้น”

    “อะไรประมานนั้น”


    “ห่า โคตรเน่า”


    “ใช่ โคตรเน่า กว่าจะรู้ตัว มันก็กลายเป็นแฟนเพื่อนรักของกูไปซะแล้ว”


    “ไอ้เต้ยยังไม่ได้บอกมึงเหรอ ว่า
    …….


    “เฮียยยยยยย เล่นไพ่ๆ” ไอ้เต้ยกระโดดขึ้นมาแทรกระหว่างผมกับคิว เลยถูกพี่คิวของมันซัดกบาลไปสองที


    “อูยย ตีเต้ยอีกแล้ว เจ็บนะ”

    “ทำไมมึงมีปัญหารึไงห๊ะ จะเข้าจะออกหัดเคาะประตูซะบ้าง”
    ไอ้เต้ยนั่งแบะขา ปากยื่นปากยาว ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

    “เคาะทำไมล่ะ ในเมื่อห้องนี้มีแค่พี่คิว เฮียพีม ส่วนเฮียคลื่นก็ไม่อยู่ เอ๊ะ หรือว่าพี่คิวกับเฮียพีม
    ….

    ป้าบ ป้าบ

    มือผมกับมือไอ้คิวซัดมันพร้อมกัน


    “คิดเหี้ยไรของมึง เอากับไอ้พีมให้กูเอาตะกวดดีกว่า” ไอ้เหี้ยคิว พ่อมึงตาย เห็นตะกวดดีกว่ากูได้ไง

    “แล้วถ้าเป็นเต้ยล่ะ” อื้อหือ ไอ้ฟ่างตามมาสิงร่างมึงรึเปล่าเต้ย ไอ้คิวถึงกับพูดไม่ออก

    “ไหนพี่คิวบอกว่าชอบเต้ยไง”

    “แล้วไง มึงชอบกู กูชอบมึง แต่มึงเป็นแฟนเพื่อนกู แล้วกูก็มีแฟนแล้ว”

    “ก็ช่างหัวแฟนพี่คิวดิ เต้ยเจ็บมาตั้งหลายปี ให้เขาเจ็บบ้าง ไม่ตายหรอก” สุดยอดครับน้อง เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ พี่ก็เพิ่งเห็นนี่แหละ


    “มึงนี่
    ….ไม่เปลี่ยนเลยนะนมปั่น” ไอ้คิวจะขำก็ไม่ใช่ ออกแนนอึ้งมากกว่า บางทีไอ้เต้ยก็ตอบโจทย์ตัวเองตรงเกินไปนะผมว่า ฮ่าๆ


    “เออ พูดกันตรงๆแบบนี้ก็ดี แต่เอาไว้ค่อยคุยทีหลังได้มั้ย คืนนี้จะนอนยังไง”


    “โง่อีกแล้วเพื่อนกู นอนยังไง ก็นอนบนเตียงไงครับคุณพีม”

    “กูหมายถึงใครจะนอนกับใคร สี่คนกับสองเตียง” ไอ้คิวกับไอ้เต้ยสบตากัน แหม กูรู้นะว่าพวกมึงว้อน

    “เต้ยสัญญากับเฮียภูมิไว้ว่าจะดูแลเฮียพีม งั้นเต้ยจะไปนอนกับเฮียคลื่นเอง”

    “ไม่ได้” คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงใคร

    “หืม”

    “เอ่อ”

    “หวงเต้ยอ่ะดิ”

    “มึงนี่ร้ายกว่าที่กูคิดไว้อีกนะเต้ย” ผมผลักไอ้เต้ยหงายหลังลงเตียง ไอ้คิวก็รีบเอาหมอนไปปิดหน้าน้อง จนไอ้เต้ยดิ้นพล่านๆ

    “เฮ้ย คิว พอๆเดี๋ยวมันตาย”
    ไอ้นี่ก็รุนแรงซะ


    “กูหมั่นไส้ ถ้าตบะแตกแม่งจับปล้ำซะหรอก”

    “แบร่ ปล้ำดิๆ ไม่กลัวหรอก เต้ยจะฟ้องเฮียฟ่าง ฟ้องพี่เชนด้วย” ไอ้เต้ยหัวยุ่งๆ ลุกมากอดหมอน แลบลิ้นใส่ไอ้คิว

    สรุป มันสองตัวก็ได้นอนร่วมเตียงเคียงหมอน ผมว่าจะไปหากลีบกุหลาบมาเรียงเป็นรูปหัวใจบนเตียงไว้ให้พวกมันดีมั้ยครับ
     
     

    งานดนตรีในสวนของค่ำคืนนี้ก็เป็นไปอย่างสนุกสนานและประทับใจ ทั้งการแสดงของน้องๆ การเล่นเกมส์เพี้ยนๆของพวกพี่ๆและพิธีกรดีเด่นอย่างไอ้กรีนที่ได้สถาปนาตัวเองเป็นสะใภ้ตระกูลยศวาทินไปแล้วเรียบร้อย แต่มันก็แอบปันใจไปหาไอ้คลื่นบ้างบางครั้งคราว


    “พีม ไปเดินเล่นกันมั้ย” คลื่นสะกิดเรียกผม วันนี้มันเป็นช่างภาพประจำงาน ไอ้กรีนถึงกับแสดงเจตนารมออกอากาศว่าอยากถ่ายนู้ดกับช่างภาพคลื่น ฮ่าๆ


    “อืม เอาดิ” ผมว่าจะบอกไอ้เต้ยว่าจะออกไปเดินเล่นแต่ไอ้น้องเวรก็มัวแต่ตะเวนหาของกินรอบงาน ส่วนไอ้คิวก็เตรียมตัวขึ้นร้องเพลงกับพวกน้องๆ


    คลื่นพาผมเดินออกมาไกลจากงานพอสมควร แต่ก็ไม่มืดเพราะมีคบไฟจุดไว้เป็นระยะๆ สายลมเย็นๆพัดกลิ่นหอมอ่อนหวานของดอกลั่นทมลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ


    “พากูมาฆ่ารึเปล่าเนี่ย”


    “พามาปล้ำต่างหาก”


    “ก็ดีนะ กลางธรรมชาติดี”


    “หึหึ ไปนั่งตรงนู้นกันดีกว่า”
    ผมกับคลื่นนั่งเงียบๆซึมซับบรรยากาศดีๆ วันนี้มีดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า

    “อากาศดีเนอะ”

    “อืม เหมือนที่บ้านกูเลย”

    “เชียงใหม่น่ะเหรอ”


    “ใช่ ที่นู่นน่ะอากาศก็ดี บรรยากาศก็สวย เวลากลางคืนกูก็ชอบมองดาวแบบนี้แหละ พูดแล้วคิดถึงพ่อกับแม่ว่ะ”

    “แล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะ ปิดเทอมแล้วนี่”

    “ก็มาค่ายไง กูกะว่ากลับจากค่ายก็คงไปเชียงใหม่เลย”

    “แล้วบอกที่รักมึงยัง”

    “เออว่ะ ยังไม่ได้บอกเลย แม่งโดนด่าอีกแน่กู”


    “หึหึ พวกมึงน่ารักดีเนอะ” ผมหันไปมองคลื่น แต่มันกำลังสนใจรูปในกล้องอยู่



    ……………………..


    ……………………..
     

    “คลื่น ทำไมมึง
    ….ถึงชอบกูวะ”


    ….ไม่รู้เหมือนกัน” คลื่นเลิกสนใจกล้อง มันหันมามองผมแทน “เหมือนมึงมีความสุขอยู่รอบตัว เวลาอยู่ใกล้ๆเลยรู้สึกดีไปด้วย มึงคงแผ่รังสีความสุขได้มั้ง” มันยิ้มให้ผม ก่อนจะเงยหน้ามองดาวผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่เงียบ
     


    “พีม มึงเคยสงสัยมั้ย ทั้งที่คนเรามีตาสองข้าง มีแขนสองแขน  มีหูสองหู ไต ตับ ปอดก็มีสองข้าง แต่ทำไมเรามีหัวใจแค่ดวงเดียว”
    ผมค่อยๆคิดตามคลื่น เออ มันก็จริงนะ


    “เออว่ะ ทำไมเหรอ”
    คลื่นยิ้มให้ผม ตามันเป็นประกายแต่ก็ดูเหงาๆ

    “ก็เพราะว่า เราต้องตามหาหัวใจอีกดวงให้เจอเพื่อให้มาอยู่คู่กัน แต่สำหรับกูคงมีโอกาสแค่ได้เจอแต่ไม่ได้ครอบครอง”

    “เอาน่า ก็ดีกว่าหาไม่เจอนะ”
    ผมตบไหล่ให้กำลังไอ้คลื่น


    “พีม กูชอบมึงจริงๆนะ มันอาจจะทำให้มึงอึดอัด อาจจะทำให้มึงมีปัญหากับแฟน กูขอโทษจริงๆ ตอนที่รู้ว่ามึงมีเจ้าของแล้ว ไม่ใช่กูไม่ตัดใจนะ กูพยายามแล้ว กูบอกตัวเองว่าให้คิดกับมึงแค่เพื่อน ให้เลิกชอบมึง แต่แม่งโคตรเจ็บเลยว่ะ ยิ่งพอเจอหน้ามึงกูยิ่งทำไม่ได้ กูไม่ได้ขอให้มึงชอบกู ไม่ได้ต้องการให้มึงเลิกกับไอ้ภูมิมาคบกับกู กูขอแค่ได้รักมึง
    …..ได้มั้ย”
     

    “ได้สิคลื่น มึงรักกูได้อยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนเจ็บจนทนไม่ไหว มึงต้องรักกูแบบเพื่อนนะ”
    คลื่นยิ้มกว้าง ทั้งที่ตาเหงาๆคู่นั้นมีน้ำตาคลออยู่


    “ขอบคุณนะพีม ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้จะไม่ให้กูรักได้ยังไง เฮ้อ เพิ่งเคยรักผู้ชายครั้งแรกก็ซดแห้วเลยกู มึงไม่ลองคิดใหม่เหรอครับคุณพีม รูปหล่อ พ่อรวย เรียนดี กิจกรรมเด่นแบบกูหายากนะมึง”


    “ไอ้ภูมิก็หล่อ”


    “เออ แม่งภูมิตลอดอ่ะ น้อยใจว่ะ”

    “หึหึ เพ้อแระๆ เข้าไปในงานเถอะ”


    เมื่อก่อนผมยังไม่ได้สัมผัสกับความรัก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนมากมายถึงยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ เป็นสุขและเป็นทุกข์เพราะคำว่ารักคำเดียว ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่เจอกับตัว ก็ไม่มีทางเข้าใจ
     

    เรื่องของความรักความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ ถ้าเราควบคุมจิตใจตัวเองได้ว่าใครที่ควรรักหรือห้ามรักใครได้ ความรักก็คงเหมือนความโกรธ ความหิว ความง่วง เหมือนอารมณ์อื่นๆที่เวลาเรารู้สึกก็สามารถห้ามมันได้โดยง่าย

     
    ถ้าเป็นแบบนั้นความรักมันก็คงไม่ต่างจากความรู้สึกทั่วไป มันก็คงไม่พิเศษกว่าสิ่งใดๆ และคงไม่มีความหมายจนคนทั้งโลกอยากรู้จักแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดก็ตาม
     
     
    …………………………………………
     


    “สุดยอดมากคะ สำหรับละครเวทีเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปีที่เพิ่งผ่านไป ถ้าโมนาลิซ่าชีได้มีโอกาสมาชม คงช้ำในบ้างนะคะ และก็ไม่น่าเชื่อว่าพี่เจตนายกสโมของเราจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ กะเทยแท้อย่างน้องขอคารวะจริงๆคะท่านพี่ เซอไพร์สุดๆค๊า” พี่เจตโบกไม้โบกมือให้เลิกแซว เรียกเสียงหัวเราะจากชาวค่าย


    “เฮียพีมไปไหนมา เมื่อกี้พี่เจตโคตรฮา” ไอ้เต้ยลากเก้าอี้มานั่งข้างผมทันที มันมองคลื่นที่นั่งลงถัดจากผม “เฮียพีมคบชู้ เต้ยจะฟ้องเฮียภูมิ”

    “กูก็จะฟ้องไอ้ภูมิว่ามึงไม่ดูแลกูให้สมกับค่าจ้าง”


    “ก็ เต้ยให้อิสระกับเฮียไง”

    “เหรอ ไม่ใช่มัวแต่เฝ้าพี่คิวของมึงรึไง”

    “อะไร ไม่ใช่ซะหน่อย เต้ยไม่คุยกับเฮียแล้ว” ผมผลักหัวไอ้เต้ยที่เถียงไม่ได้ก็ชิ่ง โรคเดียวกับไอ้คิว

    “ต่อไปเป็นการแสดงที่อิชั้นตั้งหน้าตั้งตารอคอยเลยคะพี่แพรขา”
    เสียงอีกรีนพิธีกรของงานในค่ำคืนนี้ จ้างมันมาสามพัน ทำงานไปสามหมื่นแปด แม่งคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม พูดมากลมเข้าท้องจนพุงป่องแล้วมั้ง ฮะๆ

    “ถ้าพี่กรีนรอ แสดงว่าต้องมีผู้ชายใช่มั้ยคะ”

    “ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาคะ ผู้ชายของกรีนด้วยคะพี่แพรขา รับรองว่าแซ่บมาก กรีนคัดมาเองกับมือ” น้องผู้ชายถาปัตโต๊ะหน้าถึงกับออกอาการกลัว เหอๆ

    “ปานนั้นเลยหรือคะพี่กรีน”


    “แน่นอนคะ โชว์นี้รับรองว่าต้องถูกอกถูกใจสาวๆชาวค่าย เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอเชิญพบกับวงฟันฟัน” เสียงปรบมือกับเสียงกรี๊ดของสาวๆ ดังต้อนรับไอ้คิว ไอ้เคแล้วก็มีน้องอีกสองคนมาช่วยตีกลองกับกีต้าร์


    “สวัสดีครับ สวัสดีทุกคน ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดจากหน้าม้า จ้างยี่สิบกรี๊ดซะสามหมื่น สงสัยสาวๆโต๊ะหน้า โดนมดกัด กรี๊ดไม่หยุด ฮะๆ” น้องหนุ่มตีกลองรับมุกไอ้คิว มันแจกยิ้มหล่อๆเลวๆ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว


    “แหวะ ไม่เห็นหล่อเลย ยิ้มอยู่ได้” ผมกับคลื่นหันไปมองหน้าไอ้เต้ย คลื่นอาจจะสงสัย แต่ผมหมั่นไส้ มึงพูดไปเถอะเต้ย ถ้าเจอเซอร์ไพร์ชุดใหญ่แล้วจะพูดไม่ออก


    “พีมๆ น้องเต้ยกับคิวไม่ถูกกันเหรอ” ไอ้คลื่นมากระซิบถามผม


    “เปล่า มันงอนกันนิดหน่อยน่ะ” คลื่นพยักหน้าเข้าใจ และหันกลับไปสนใจบนเวทีต่อ


    วันนี้ไอ้คิวเลือกร้องเพลงแนวสบายๆ ฟังแล้วเย็นๆเข้ากับบรรยากาศ และรู้สึกว่ามันจะมองมาทางนี้บ่อยๆ คนที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็หักมีด หักช้อนเล่นแก้เขิน จนผ่านไปสามเพลงไอ้เคกับน้องๆก็ลงจากเวที เหลือแค่ไอ้คิวกับกีต้าร์โปร่ง มันเลยกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน



    “ครับสำหรับเพลงสุดท้าย เพลงนี้ผมอยากจะร้องให้คนๆนึง เขาเป็นคนพิเศษของผม” เกิดเสียงกรี๊ดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงียบลงจนกลายเป็นเงียบมากเพื่อรอฟังว่ามันจะทำอะไรต่อ
     


    “ผมอยากจะขอโทษที่เคยทำให้เขาเสียใจ เสียน้ำตา อยากขอบคุณที่ได้พยายามทุ่มเททำเพื่อผมมาโดยตลอด ขอบคุณที่ยังรักผมไม่เปลี่ยนแม้ว่าผมจะไม่ได้ตอบแทนให้เขาเลยก็ตาม ผมฝากเพลงนี้ไปบอกเขาคนนั้นว่า เขาจะเป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของผมตลอดไป”














    นี่คือทำนองแห่งความหลังระหว่างเรา

    ได้ยินเมื่อไร ยิ่งนึกถึงวันเก่า
    เนิ่นนานแค่ไหน แต่เพลงนี้ของเรา
    ยังทุ้มอยู่ในใจ


    เพลงแห่งความรัก ที่เธอร้องเป็นอย่างไร
    วันที่เงียบเหงา เธอจะคิดถึงเพลงของใคร
    ตั้งแต่จากกัน วันนี้เธอเป็นไงฉันอยากจะรู้


    เมื่อนาฬิกามันไม่เคยขี้เกียจเดิน
    และวันเวลาทำให้ทุกๆ สิ่งเปลี่ยนไป
    แต่ความทรงจำดีๆ ทุกอย่างยังคงเก็บไว้


    ยังคงมีแต่เธอ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
    ยังมีแต่เธอ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป
    ยิ่งเวลาอ้างว้างทีไร ในใจก็ยิ่งโหยหา


    ยังคงมีบทเพลง ของเราเมื่อวันวาน
    ได้ยินเมื่อไร หัวใจยังเป็นอย่างนี้
    ให้เวลามันหมุนไปนานเป็นปี
    แต่เพลงนี้ยังทุ้มในใจ


    วันที่ความฝันมันไม่เห็นเป็นอย่างใจ
    กระเจิดกระเจิงผิดๆ เพี้ยนๆ กันไปใหญ่
    เพียงแต่อย่างน้อย ฉันก็ยังชื่นใจที่เคยมีเธอ


    ก็นาฬิกามันไม่เคยขี้เกียจเดิน
    และวันเวลาทำให้ทุกๆ สิ่งเปลี่ยนไป
    แต่ความทรงจำดีๆ ทุกอย่างยังคงเก็บไว้


    ยังคงมีแต่เธอ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
    ยังมีแต่เธอ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป
    ยิ่งเวลาอ้างว้างทีไร ในใจก็ยิ่งโหยหา


    ยังคงมีบทเพลง ของเราเมื่อวันวาน
    ได้ยินเมื่อไร หัวใจยังเป็นอย่างนี้
    ให้เวลามันหมุนไปนานเป็นปี
    แต่เพลงนี้ยังทุ้มในใจ


    ยังคงมีแต่เธอ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
    ยังมีแต่เธอ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป
    ยิ่งเวลาอ้างว้างทีไร ในใจก็ยิ่งโหยหา


    ยังคงมีบทเพลง ของเราเมื่อวันวาน
    ได้ยินเมื่อไร หัวใจยังเป็นอย่างนี้
    ให้เวลามันหมุนไปนานเป็นปี
    แต่เพลงนี้ยังทุ้มในใจ


    ต่อให้เราไม่พบไม่เจอเป็นปี
    เพลงนี้ยังทุ้มในใจ



    คิวมองมาที่เต้ย น้องผมสบตาพี่รหัสมันได้ไม่นานก็ก้มหน้าเช็ดน้ำตา ไอ้เด็กขี้แย
     


    “นี่ของมึง พี่รหัสมึงฝากไว้ให้” ผมยื่นดอกกุหลาบสีขาวสามดอก ที่คิวฝากไว้กับผม ให้มอบให้ไอ้เต้ยตอนที่มันร้องเพลงนี้ ดอกกุหลาบสีขาวหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ สามดอกก็แทนคำสามคำ ที่ไอ้คิวมันเขียนไว้ในโพสอิทสีฟ้าที่ติดอยู่กับก้านกุหลาบ ผมก็ไม่รู้ว่าคำนั้นมันคือคำว่าอะไร รู้แค่ว่าเต้ยอ่านมันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
     


    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     


    ……………………………………….
     


    ตาลขอโทษษษษษ ที่เมื่อคืนไม่ได้ลง ขอโทษนะค๊าและขอบอกแบบแมนๆเลยว่าตาลไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะแต่งพิเศษคิวเต้ย แต่เห็นกระแสแรง(บุ่ย) มีแฟนคลับคู่นี้เรียกร้องมาเยอะ ตาลก็เลยเข็นตอนนี้ออกมาสู่สายตาชาวโลก ผิดพลาดประการใดอิชั้นขอน้อมรับไว้ทุกประการเจ้าคะ คึคึ แต่ว่าแต่งเองก็หลงน้องเต้ยเอง เด็กอะไร อั๊ย น่ารัก


    ปล แฟนคลับแทนฟ่างอย่าได้น้อยใจนะคะ ของดีต้องรอนานๆ ฮี่ฮี่


    สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกกำลังใจทุกคำติชมนะคะ ขอบคุณจริงๆคะ ตั้งใจว่าเรื่องนี้จะจบที่สามสิบตอน แต่นี่ คงอยู่ด้วยกันอีกยาว อย่าเพิ่งเบื่อหนุ่มๆแก็งค์นี้นะคะ จุ๊ฟ





     อันนี้ก็คิดซะว่าเค้านอนซบกัน ฮี่ฮี่



     




    ส่วนรูปนี้ พีมเดินมาคุยโทรศัพท์กับคุณแฟน



     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×