ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 We ^^

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 60.23K
      371
      23 ธ.ค. 53

     





    ตอนที่ 14
     


     
    วันนี้วันศุกร์ ผมกับเดอะแก๊งมานั่งแกร่วอยู่แถวๆโรงอาหารวิศวะในเวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ บรรยากาศโรงอาหารยามเย็นไม่วุ่นวาย มีนักศึกษาไม่กี่กลุ่มที่ยังไม่กลับบ้าน รวมทั้งพวกผมถึงแม้จะเรียนเสร็จกันหมดทุกนายแล้ว ก็ยังไม่กลับเหตุก็เพราะว่าเชี่ยแทนมันต้องรอไอ้ฟ่างเพราะฟ่างยังเรียนไม่เสร็จ มันเลยบังคับพวกผมมาอยู่เป็นเพื่อน
     
     แถมสู่รู้อีกต่างหากว่ายังไงผมก็ต้องรอไอ้คนที่มันกำลังจีบผมอยู่แล้ว ใช่ครับผมต้องรอภูมิเพราะมันสั่งไว้ ตกลงว่าภูมิจีบผมหรือผมจีบมันกันแน่วะ แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้คือไอ้ภูมิมันจะเรียนเอาโล่แข่งกับพี่ชายมันครับ
     
    “ไอ้ภูมิกับไอ้มิคเรียนแล้วทำไมมึงไม่เรียนวะแทน มึงเรียนวิดวะด้วยกันจริงป่ะเนี่ยหรือมึงโดด”
    พวกมันทั้งสี่ตัว ไอ้ปัน ไอ้เชน ไอ้แทน และไอ้คิว มองผมเหมือนผมเป็นเศษถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว โดยเฉพาะไอ้แทนมองเหมือนผมมีความผิดติดตัวมาแต่กำเนิด
     
     “กูน่ะวิดวะเต็มตัวไอ่สัด แต่กูเรียนวิดวะคอม ส่วนไอ้มิคกับว่าที่ผัวมึงมันเรียนโยธา วิชานี้กูไม่ได้เรียนกับมัน ทีนี้มึงเก็ทรึยังครับ เพื่อนตัวเองเรียนอะไรยังไม่รู้ ห่า” ไอ้คิวชูนิ้วโป้งให้ไอ้แทน และเอียงหัวด็อกแด็กๆแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมทั้งที่ลูกชิ้นเต็มปาก ไอ้นี่มันมีหัวใจสี่ห้องและมีสี่กระเพาะ จะบ่ายจะค่ำมันก็ต้องมีของกระแทกปาก และอันต่อไปที่จะฟาดปากมันน่าจะเป็นลำแข้งผมนี่แหละ
     
    “เออกูรู้ แต่กูแค่ลืม”ผมก็ลืมนึกไป เลยโดนไอ้แทนด่าซ้า แทนมันก็พูดนั่นพูดนี่กวนตีนผมไปเรื่อย ส่วนไอ้เวรคิวพอเยาะเย้ยผมจนสาแก่ใจมันก็กลับไปกินเกาเหลาเนื้อเปื่อยต่อ ไอ้เชนมันก็เล่นเกมส์ในมือถือ
     
    ส่วนไอ้ปันนั่งพิมพ์งานแต่เท่าที่ผมเห็น หน้าต่างที่มันเปิดตอนนี้หน้าตาไม่เหมือนWord 2007เลยครับ เหมือนมันกำลังโหลดอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้พวกผมน้ำลายฟูมปากได้ทั้งโต๊ะ
     


    “กูสงสัยมานานแล้ว”อยู่ๆไอ้คิวก็เงยหน้าจากชามเกาเหลามามองหน้าพวกผม
    “ว่า”
     
    “ทำไมเราต้องกินของคาวกับของหวานคนละครั้งด้วยวะ” มันก้มลงคุยสบตากับชามเกาเหลาและถ้วยน้ำแข็งใสของตัวเอง

    “หือ
    ???” เชี่ยคิวมึงจะทำอะไรอี๊ก
     
    “มึงไม่สงสัยหรอเชน มึงเรียนหมอ”

    “กูเรียนหมอฟัน” ไอ้เชนส่ายหน้าเอือมๆไม่สนใจ แล้วหันไปเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ต่อ
     
    “จะหมออะไรมันก็เหมือนกันแหละ แล้วมึงอ่ะปัน สงสัยมั้ยวะ”
    “อือ สงสัยๆ” เอ๊าไอ่นี่ดันบ้าจี้ไปกับมันซะงั้นแต่จริงๆมันก็น่าสงสัยนะครับ เพราะกินไปก็ไปอยู่ในกระเพาะเหมือนกัน เวลาออกก็มาทางเดียวกัน แล้วทำไมเราไม่กินมันพร้อมกันเลยละอืมมันก็น่าคิด
     
    “กินเข้าไปก็ไปอยู่ในกระเพราะเหมือนกัน” น่าน เสือกคิดตรงกูอีก ใครที่คิดอะไรเหมือนไอ้คิว ร้อยละเก้าสิบเก้าฟันธงเลยครับว่าใกล้บ้าแล้ว แสดงว่าผมก็ใกล้แล้วสินะ ไอ้คิวมันเลื่อนชามเกาเหลากับถ้วยน้ำแข็งใสมาใกล้กัน “จริงๆมันก็เป็นของกินทั้งคู่”มันพูดกับชามเกาเหลาไปเอียงคอไปครับ
     
    “มันก็น่าจะกินพร้อมกันได้” มันพยักหน้าให้กับตัวเอง

    และ

    พรึ่บ
     
    “เฮ้ย!!!” เย้ดเข้ มันเทน้ำแข็งใสลงไปรวมกับเกาเหลาครับ เสร็จแล้วมันก็คนๆจนเกือบเป็นเนื้อเดียวกันมันเงยหน้ามายิ้มอวดเขี้ยวและสบตากับพวกผมทีละคน
     
     “อ่ะ แดก!!!
     
    ผมไอ้ปัน ไอ้เชน ไอ้แทนส่ายหัวพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย พวกเราก้มเอาหัวชนกันเพื่อดูชามตราไก่ใบนั้น กูพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเราต้องกินของคาวกับของหวานคนละครั้ง ก็นี่มัน อ้วกชัดๆ


    “ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำล้าง เป็นการช่วยลดโลกร้อน แหม่ นักศึกษาตัวอย่างจริงๆกู หึหึ มากินเร็วเพื่อนๆ”
     
    “แดกไปคนเดียวเหอะ แค่ดูกูก็คลื่นไส้” ไอ้ปันยี้หน้าลูบคอ มันรีบลากแมคสีขาวบางๆขยับออกห่างจากไอ้คิวแทบจะทันที

    “เฮอะ เรียนรัฐศาสตร์แล้วหยิ่งหรอเชี่ย ภายภาคหน้ามึงจะเป็นส
    ..นะเว้ยปัน ถ้าไปเจอชาวบ้านมึงก็ต้องปรับตัวให้ได้ ต้องอยู่ง่าย กินง่าย”แต่ที่มึงทำมันก็ง่ายเกินไปนะคิว

    “ครวย ใครบอกมึงว่ากูจะเป็น ส
    .. กูเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกูจะสมัคร อบต ต่างหาก ฮะๆ”เอา เอาเข้าไป เพี้ยนกันให้หมด เมื่อไอ้คิวล่อลวงไอ้ปันไม่สำเร็จมันก็เริ่มมองหาเหยื่อรายใหม่ และผู้โชคดีคนนั้นก็คือ
     
    “เชน มึงเห็นไอโฟน4ดีกว่าเพื่อนมึงหรอ เงยหน้า แดกเกาเหลาผสมน้ำแข็งใสแล้วไปตายซะ”มันต้องเป็นดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะไม่ใช่หรอคิว
     
    “ฮุ”ไอ้เชนส่งเสียงเซ็งๆ “ใครจะแดกลง ดูหน้าตาอาหารมึงดิ ทับทิมกรอบลอยคู่ถั่วงอกเลยสัด”
     
    “มึงก็อย่าดูแค่หน้าตามันดิวะ สังขารมันเป็นสิ่งไม่เที่ยง ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ไม่จีรัง พระพุทธองค์ทรงสอนว่าอย่ายึดติดรูปกายภายนอก” หน้าไอ้คิวเหมือนคนที่เข้าถึงรสพระธรรมมาก
     
    “ซอรี่วะ พอดีกูเป็นคริสต์ไม่ค่อยสนิทกับพระพุทธองค์” พอถูกไอ้เชนปฏิเสธ ไอ้คิวก็บ่นงุบงิบๆคล้ายท่องคาถาแล้วเป่าใส่หน้าไอ้เชน
     
    “เชี่ยแทน!!! มึงชื่อแทน มากินแทนเพื่อน” ไอ้แทนที่กำลังแอบย่องออกไปถึงกับสะดุ้ง มันส่ายหน้าคอแทบหลุด
     
    “ฮื่อ กูรักฟ่าง กูอยากอยู่กับฟ่าง กูไม่อยากให้มันเป็นหม้าย” กลัวตายเหมือนกันนี่หว่า เมื่อบังคับไอ้สามตัวนั้นไม่ได้ ไอ้คิวก็เริ่มเบนเข็มมาที่ผม ชิบหายแล้วกู
     
    “งั้นมึงแดกเลยไอ้พีม แค่ดูให้มันเป็นศิลปะ”

    “กูดูไม่ได้วะคิว ใครจะไปกินลงวะหรือมึงกินลง ลองกินให้กูดูหน่อยสิ เลิกเล่นๆเอาไปทิ้งไป”

    “ฮึ๋ย พวกไม่เห็นคุณค่า”
    แล้วมันก็บ่นๆก่อนจะยอมเอาชามไปเก็บ ผมกับไอ้แทนได้แต่มองหน้ากันปลงๆ
    กูอยากพาเพื่อนไปบำบัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
     
     
    หลังจากอาการคุ้มคลั่งของไอ้คิวกลับสู่สภาวะปกติทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม พวกผมก็นั่งเล่นไปเรื่อย
    ซักพักปันก็ต้องไปจัดรายการวิทยุของมหาลัย ส่วนไอ้คิวผมเห็นมันคุยโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นไม่นานมันก็เดินผิวปากควงกุญแจรถออกไป เลยเหลือผมที่นั่งขีดๆเขียนๆรูปในสมุดสเก็ต กับไอ้เชนไอ้แทนที่นั่งแชทคุยกันทั้งที่มันนั่งข้างๆกัน
     
    “เชี่ย หึหึ”

    “ไอ่เวร” พวกมันเป็นแบบนี้มาซักพักใหญ่ๆแล้วครับ มันด่าออกอากาศทีไร ผมก็ตกใจทุกที ก็อยู่เงียบๆพอมันสองตัวด่าโพล่งขึ้นมา ผมก็ถึงว่าแม่งด่าผม  แต่ไม่ใช่ครับมันด่ากันเองเพราะพิมพ์ไม่ทัน
    ห่า สร้างสรรค์จริงๆ
     
    “ไงแทน รอกูนานมั้ยวะ”เสียงคุณชายข้าวฟ่างทักมาแต่ไกลพร้อมกอดคอไอ้เชนแล้วยิ้มกวนตีน เชี่ยแทนมองตาเขียวปั๊ด เหมือนอยากจะขว้างโทรศัพท์ใส่หน้าหล่อๆของไอ้ฟ่าง “อ้าวผิดคน โทษทีๆเชน กูเห็นหน้าคล้ายๆ นึกว่าแทน ฮ่าๆ”ฟ่างมันหัวเราะชอบใจ อามรมณ์ดีจังนะมึง ที่ให้พวกกูต้องมานั่งรอมึงเนี่ย
     
    “เดี๋ยวจะโดนฟ่าง เดี๊ยะๆ” ไอ้แทนส่งสายตาพิฆาตให้แฟนมัน ฟ่างมันยังหัวเราะไม่สนใจ แต่ก็ยอมย้ายมานั่งข้างๆไอ้แทนจริงๆแล้วถูกไอ้เชนถีบไป
     
    “พวกมึงนั่งรอกูหรอวะ”

    “เออดิ นานเป็นชาติ จะกลับไปนอนอ่านหนังสือก็ไม่ได้กลับ พรุ่งนี้กูสอบโคตรตระกูลฟันทุกซี่”
     
    “ตกลงมึงจะไปนอนหรือจะไปอ่านหนังสือ เอาให้แน่ เนอะแทนเนอะ”ไอ้ฟ่างดึงแก้มแฟนมันที่ดูจะนอยส์กับเรื่องเมื่อครู่ไม่หาย ไอ้แทนมันปัดมือไอ้ฟ่างออก ฟ่างเลยล็อคคอไว้
     
    “ไปอ่านหนังสือเว้ย กูเครียดวะมึง แม่งเรียนหนักขึ้นทุกวัน”
     
    “เออน่า ทนๆหน่อย กว่ามึงจะสอบเข้ามาได้ แถมเรียนมาได้ตั้งสองปี อีกแค่สี่ปีจิ๊บๆ แต่ถ้ามึงเครียดก็ฟันแก้เครียดไปพลางๆดิ ถนัดไม่ใช่หรอวะ”
     
    “หึหึ เลวนะมึงเชี่ยฟ่าง เออๆงั้นกูกลับแล้ว เจอกันพรุ่งนี้ว่ะ พีมมึงกลับพร้อมกูมั้ย อ่อ ลืมไปรถกูมันก็แค่มินิ คงสู้เมอร์ซิเดสไม่ได้ งั้นกูไปนะ ฮะๆๆๆ”สาดดดดดดดดเชน
     

    “กูขอแช่งให้ฟันมึงร่วงหมดปาก ไอ้หมอฟันดะ”มันหัวเราะยักไหล่พร้อมโบกมือให้พวกผม ผมมองตามไอ้เชนอยากลุกไปตบหัวแม่ง แต่พอหันกลับมาผมแทบจะมุดโต๊ะหนี ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างจะสิงกันแล้ว อายคนบ้างเถ๊อะ
     

    “เออ ไอ้ภูมิละ น้องกูอยู่ไหน มึงแดกน้องกูแล้วใช่มั้ย”
    ขอบใจนะที่ยังมีกะจิตกะใจนึกถึงกู ผมชูรูปสัตว์สี่เท้าเล็มหญ้าที่ผมเพิ่งวาดเสร็จใส่หน้าพวกมัน มันสองตัวขำคิกคัก
     

    “เราอย่าไปสนใจพวกมันเลยฟ่าง ป่ะ กลับบ้าน”
    แล้วแม่งก็กอดคอกันไปเฉยเลย เฮ้ยทำไมทิ้งกูไว้แบบนี้วะหมา มึงมันหมาชัดๆไอ้แทน ทำคุณบูชาโทษโปรดเหี้ยแล้วอารมณ์เสียจริงๆเลยกู
     

    “ไอ้ปัน ไอ้เชี่ย สาดดดดด กูจะฆ่ามึง ” ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก ไอ้มิควิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา “อยู่ไหนวะ พวกมันละ ไอ้เชี่ยปันมันไปไหน บอกกูมาพีม”

    “เฮ้ย อะไรมิค มึงเป็นไร”
     
    “กูมาฆ่าไอ้ปัน มันอยู่ไหน”

    “ไอ้ปันมันไปจัดรายการแล้ว มึงมีเรื่องอะไรกันวะ”
     
    “โธ่  ก็กูอยากฆ่ามัน ทำไมมันไม่รอวะ”ไอ้มิคทรุดตัวลงนั่งและดึงทึ้งผมตัวเองแล้วดิ้นพล่านๆ

    “ว่าไง มึงมีเรื่องไรกันถึงต้องแหกปากตามฆ่ามันแบบนี้” ไอ้มิคตวัดตามามองผมแบบเคืองๆ
     
    “เลว ไอ้เพื่อนเลว มันแกล้งกู มัน มัน ให้กูจีบผู้หญิงปลอม ฮึ๋ย”แล้วไอ้มิคก็ก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาผม

    “ห๊ะ ผู้หญิงปลอม
    ?
     
    “เออ”

    “ผู้หญิงปลอมคืออะไรวะ หุ่นหรอมึง”

    “หุ่นพ่อง กระเทยโว๊ยยย มึงรู้จักมั้ย สาดดดดดดดด กูอยากตาย กูจะเอาหน้าไปเก็บไว้ไหนพีม กูอายยยยย”
    วินาทีนี้ผมอยากจะหัวเราะให้ดังๆ เรื่องแกล้งคนไอ้ปันเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ผมไม่คิดว่ามันจะแกล้งไอ้มิคที่บ้าๆเหมือนมันได้ลงคอ แถมวิธีนี้ ฮ่าๆๆๆไอ้เชนก็เคยเจอมาแล้ว
     
    “มึงไม่ดูดีๆก่อนวะ หึหึ”ผมพยายามกลั้นก๊ากสุดชีวิต เพราะถ้าหัวเราะมันตอนนี้ไอ้มิคคงของขึ้น แล้วอาจเตะปากผมก็เป็นได้
     
    “ก็ใครจะเป็นรู้วะ แม่งสวยเว่อร์ สวยโคตรๆ นางเอกละครยังอายอ่ะมึ้ง พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจกูหรอกพีม พี่เค้าโคตรตรงสเป็คกูเลย อกเป็นอก เอวเป็นเอว ที่สำคัญ….” มันหันมาทำหน้าจริงจัง มันเอามือช้อนใต้หน้าอกตัวเองทำท่าประกอบยกขึ้นยกลง “ใหญ่มว๊าาก มึงขีดเส้นใต้ ทำตัวหนาเลยสัด ว่าใหญ่มากๆ” นี่คือประเด็นใช่มั้ยมิค
     
    “หึหึ เออน่าหาใหม่ หล่อๆอย่างมึงไม่นานก็ได้ เออ แล้วทำไมมาคนเดียว ไอ้ภูมิละ”มัวแต่ฟังไอ้มิคเพ้อ ผมก็เพิ่งนึกได้ว่ามันมาคนเดียว
     
    “อ้าว มันออกมาก่อนกูนิ คงไปเข้าห้องน้ำมั้ง งั้นกูนั่งรอไอ้ภูมิเป็นเพื่อนมึงนะ กูจะได้ปรับทุกข์ด้วย เนี่ยๆมึงรู้ป่าวคราวที่แล้วกูจีบดี้ คราวนี้กูไปม่อกระเทย แม่งโลกเอียงไม่เข้าใจกู ”    ผมยิ้มฝืดๆอย่าว่าแต่โลกเลยมิค ตัวกูเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจมึงเท่าไรเลย สมแล้วที่มันกับไอ้ปันจะเป็นดูโอ้คู่เพี้ยน แต่กลับโดนเล่นซะงั้น หึหึ แม่งฮาวะ อยากเห็นหน้าพี่คนนั้นคงสวยมากแน่ๆ
     

    ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพวกไอ้คิว ไอ้มิคคงเละไม่เหลือซากแน่ๆ ผมเลยต้องกลั้นไว้ค่อยไปขำทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ(เลว) แต่มีไอ้มิคก็ดีเหมือนกัน ผมไม่ต้องนั่งรอภูมิคนเดียวแล้ว เพราะมีมันที่นั่งจิตหลุดเสียเซลฟ์อยู่เป็นเพื่อนผม ตอนแรกก็เหมือนจะดี แต่ตอนนี้มันชักจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วครับ
     
     “พีม กูว่าช่วงนี้ดวงเนื้อคู่กูคงถูกดาวเสาร์โคจรเข้าแทรกวะ แล้วถูกดาวหางฟาดเคราะห์ใส่ ตามมาด้วยดาวหมีใหญ่ สงสัยจะออกนอกทางช้างเผือกแล้วไปโดนดาวนพเคราะห์” และอีกสารพัดดาว ตั้งแต่ดาวลูกไก่ยันดาวซินโดมไอ้มิคลากเข้าสู่วงโคจรชีวิตมันหมด
     
    จากที่มันพล่ามเรื่องดาวอยู่ดีๆ ตอนนี้แม่งเปลี่ยนไปถึงเรื่องแห่นางแมวแล้วครับ ผมไม่คิดเลยว่ารอบตัวผมจะมีเพื่อนเพี้ยนๆอยู่ยั๊วเยี๊ยะขนาดนี้
     
    ภูมิมึงอยู่ไหน เมื่อไรมึงจะมา ภูมิช่วยกูด้วย กูรับไอ้มิคไม่ได้ กูรับเพื่อนมึงไม่ได้ แต่ไอ้มิคก็ไม่ได้สนใจอาการหวาดกลัวของผมเลยแม้แต่น้อย มันยังสติลบ่นงุ้งงิ้งของมันต่อไป
     
    “พีม”เสียงเรียกไม่ดังมาก แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน ผมหันหลังกลับไปหาเสียงนั้น ไอ้ภูมิมาแล้ว มันถือหนังสือกับสมุดแลคเชอร์สองสามเล่มเข้ามา แต่ไอ้มิคมันยังไม่หยุดพล่ามเลยครับ ไม่รู้ด้วยว่าเพื่อนตัวเองมาแล้ว
     
    “กูว่านะถ้าแห่แมวไม่ได้ผล เราน่าจะแห่สิงโต จับสิงโตมาแล้วก็แบกรอบหมู่บ้าน คราวนี้ละมึงเอ๊ย ฝนตกเจ็ดวันเจ็ดคืน รับรองไม่มีแล้ง ฮี่ๆ” นอกจากจะไม่แล้งแล้วก็น่าจะไม่เหลือด้วย หมายถึงคนนะที่ไม่เหลือ ตายหมดแหละกูว่า ถูกสิงโตฉีกกินทั้งตำบล
     
    “มึงเป็นไรมิค” ไอ้ภูมินั่งลงข้างๆผมก่อนจะถามอาการเพื่อนมัน นั่นแหละไอ้มิคถึงได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของไอ้ภูมิ
     
    “เชี่ยภูมิ สาดดดด มึงรู้มั้ยกูไปเจออะไรมา มึงต้องช่วยกูนะเว้ย กูเสียใจ”ไอ้มิครีบฟ้องเลยครับ ภูมิมันส่ายหน้าเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
     
    “รอนานมั้ย“

    “ไม่น๊าน กูรอได้ ก็แค่เกือบๆสองชั่วโมงเอง”

    “หึ เว่อร์แล้ว” มันจะเอาหนังสือเคาะหัวผม แต่ผมหลบทันแล้วยิ้มยักคิ้วกวนตีนมัน แต่

    “ภูมิ
    !!! หน้ามึงไปโดนอะไรมา”ผมเพิ่งสังเกตหน้าไอ้ภูมิ ผมจับหน้ามันมาดูใกล้ๆ มุมปากมันแตกช้ำเลือด

    “ไม่มีอะไร แค่มีเรื่องนิดหน่อย”มันฝืนหน้าออกจากมือผม

    “ทำไมทำแบบนี้วะ ที่นี่มหาลัยนะเว้ย มึงเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ”

    “มันควบสองสถานะมึงไม่รู้หรอ” ไอ้มิค มึงไม่ต้องสอดได้มั้ย ไอ้ภูมิเงียบมันถอนหายใจเหมือนรำคาญ กล้ารำคาญกูหรอ กูนั่งรอมึงแต่มึงกลับไปมีเรื่องมา สมควรมั้ย

    “กูจะไม่ห้ามเพราะไม่มีสิทธิ์ แต่กูขอได้มั้ยวะ”

    “ชีวิตเพื่อฆ่า หัวใจเพื่อเธอ ถ้ามันจะหยุดมันก็หยุดตั้งแต่แม่มันบอกแล้วมึง” ไอ้นี่ก็ทำหน้าที่ตัวประกอบได้ดีสมราคาค่าตัวจริงๆ

    “ได้มั้ยภูมิ” ผมไม่สนใจไอ้มิค ยังคงจ้องหน้าไอ้ภูมินิ่ง

    “ก็ไอ้เหี้ยนั่นมันกวนตีน แม่งมองหน้ากู”
     
     
    “เชี่ยเอ๊ย นี่หรอเหตุผลของมึง ทำไมมึงไม่คิดบ้างว่ามันอาจจะถูกชะตา หน้ามึงเหมือนพ่อมัน มึงหล่อ มันอยากรู้จักเลยมอง ถ้าแค่มองหน้ากันแล้วต้องมีเรื่อง คนไม่ยิงกันทิ้งวันละหลายหมื่นหรอวะ ถ้างั้นตอนนี้ที่กูมองหน้ามึง มึงก็จะต่อยกูงั้นสิ”

    “ถึงต้องตาย ก็จะไม่ทำร้ายเธอให้เจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม”

    “มึงหุบปากไปเลยมิค เดี๋ยวกูลากคอไปให้ผู้หญิงปลอมลงแขกเลยสัด”
     
    “เชี่ยปากหมา กูเกลียดมึงแล้วไอ้พีม ไอ้เบียร์ละภูมิ มันไปช่วยมึงใช่มั้ย มันอยู่ไหนมันจะกลับพร้อมกูมั้ย”
    ไอ้มิคมองผมตาเขียว มันลุกขึ้นยืนแล้วรีบถามหาตัวช่วย อ๊อ ไอ่เบียร์ก็เอาด้วย เรียนนิติซะเปล่าแม่งชอบใช้กำลัง หรือมันคิดจะใช้อำนาจกฎหมายหาช่องทางรังแกชาวบ้าน
     

    “มันเคลียร์ซากไอ้พวกนั้นอยู่ มึงกลับไปก่อนไปมิค”

    “เออก็ดี กูจะรีบไปเผาบ้านไอ้ปัน แม่ง” ตอนนี้เหลือแค่ผมกับภูมิ และนักศึกษาวิศวะอีกประปรายที่นั่งทำรายงาน บางคนก็ใส่ชุดเหมือนเตรียมไปเตะบอล ไปออกกำลังกาย แต่ไม่มีใครสนใจผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่


    “ภูมิ”


    ……………………….”

    “วันนี้แค่ชก มึงอาจจะแค่ปากแตก แต่ถ้าวันนึงมันมากกว่านี้ละ ถ้าพวกมันลอบกัดอยากเอาคืนมึงบ้าง ถึงขั้นเอาชีวิต แล้วจะทำยังไง คิดบ้างดิวะ”

    “เออๆ กูไม่รับปากแต่จะพยายาม กลับบ้านได้แล้ว” มันพูดเสียงเรียบๆแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปที่รถ ผมได้แต่มองแผ่นหลังของมันแล้วก้มหน้าพูดกับตัวเอง


    “กูก็แค่ห่วงมึง”
    ขาที่ก้าวได้แค่ก้าวเดียวของมันหยุดลง ภูมิหันกลับมาหาผมพร้อมกับดึงแขนให้ลุกเดินไปด้วยกัน



    “อย่าห่วงเลย เพราะถ้ากูยังไม่ได้บอกรักมึง กูไม่ตายง่ายๆหรอกพีม”


    แล้วถ้ากูกลั้นใจตายเพราะประโยคนี้ของมึงล่ะ แสรดดดดดดดด กูไม่ห้ามก็ได้ กูตามใจมึงทุกอย่างเลย
     
     

    ……………………………………………….
     



    ช่วงนี้
    ชีวิตสามในสี่ของผมติดแหง๊กอยู่กับไอ้ภูมิแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง เลยทำให้ผมได้รู้ได้เห็นในอีกหลายๆด้านของมัน มุมที่สาวสวยทั้งหลาย ที่เคยอะบะซะระแฮ่มกับมันไม่มีวันได้รับรู้ด้านนี้แน่นอน ผมจะแฉครับ หึหึ เชี่ยภูมิมันติดการ์ตูนทั้งช่องเก้าโมเดิร์นไนน์ ทรู เคเบิ้ลทั้งหลายแหล่มันดูหมด


    ที่สำคัญมันคลั่งเท็ดดี้แบร์ และมุมนี้คงถือเป็นมุมน่ารักของมันละมั้ง
    มันชอบมีเรื่องกับคนอื่นไปทั่ว ชอบความเร็ว ชอบแข่งรถมันจะลากผมไปด้วยหลายครั้งแต่ผมปฏิเสธเต็มที่ เคยไปกับพวกไอ้แทนไอ้คิวครั้งนึง ตอนปีหนึ่ง รู้สึกว่าผมจะไม่ถูกกับกลิ่นควันยางเท่าไร
     

    ภูมิมันจะเงียบขรึมดูน่ากลัวเมื่ออยู่ท่ามกลางคนไม่รู้จัก เหมือนมันสร้างกำแพงบางอย่างกั้นตัวเอง แต่มันมักจะมีรอยยิ้มเวลาอยู่กับเพื่อน มันปากร้ายแต่ก็ใจดี มันไม่รังแกใครก่อนแต่ถ้าถูกระรานมันก็สู้แค่ตาย
     

    สำหรับผมไอ้ภูมิไม่ถือว่าเป็นคนเจ้าชู้ ไม่รู้สิ คำว่าเจ้าชู้ของผมคือคนที่คบใครหลายคนในเวลาเดียวกัน(อาทิเช่น ไอ้เชน ไอ้คิว ไอ้มิค เป็นต้น) ผมก็ไม่เจ้าชู้นะครับ แค่ชอบมองสาวน่ารักๆแค่นั้นเอง หึหึ ส่วนภูมิ ผมก็เห็นมันคบทีละคน แต่อาจจะเปลี่ยนคนเร็วไปหน่อยเพราะมันเป็นคนขี้เบื่อ
     

    ที่สำคัญผู้หญิงก็เป็นฝ่ายเข้าหามันก่อน แล้วชายภูมิเขาเป็นคนถนอมน้ำใจคนไงครับ เสนอมาอ้ายก็สนองตอบ แต่ถ้าดูจากคุณสมบัติของมันจะทำแบบนั้นก็คงไม่เสียหาย รูปหล่อพ่อมีเงิน จะฟันทีเดียวสามคนติดก็ย่อมได้
     

    ไอ้แทนบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีนิตยสารดาราแนวกอสซิบฉบับนึง ลงข่าวว่านางเอกสาวดาวรุ่งควงหนุ่มหล่อไฮโซดูหนัง กินข้าว จู๋เล็กเอ๊ยจู๋จี๋กลางห้างดัง หึ ไอ้หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ
    ก็เชี่ยภูมินั่นแหละ
     
    และเรื่องนี้ก็ทำผมหวั่นๆอยู่เหมือนกัน ภูมิมันเคยเปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้า มีคนเข้าหาตลอด แม้แต่ตอนนี้ที่มันบอกว่าชอบผมก็มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาด

    แล้วผมมันก็แค่คนธรรมดา ภูมิมันจะจริงจังกับผมซักแค่ไหนกันนะ
     นี่กูชอบมันจนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลยหรอวะ  แม่งเรื่องสำคัญซะด้วยสิพีมเอ๊ย
     
    แต่พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ผมกับมันกำลังจะฆ่ากันตาย คืออย่างนี้ครับวันนี้วันเสาร์ภูมิมันพาผมมานั่งๆนอนๆ เล่นเกมส์อยู่ที่คอนโดมัน แต่พอผมจะกลับมันก็ไม่ให้กลับ ยกเว้นว่าจะให้มันไปด้วย
     
    ไม่ใช่ผมรังเกียจไม่อยากให้มันไป แต่แค่นี้ก็โดนพวกไอ้คิวแซวจนไม่เหลือพื้นที่จะอายแล้ว พวกมันหาว่าผมทำของใส่ไอ้ภูมิจนมันไม่ยอมห่าง ผมเลยอยากห่างมันบ้างซักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี
     

    “มึงจะไปทำไม กาแฟแถวนี้ก็มี ขับรถไปขับรถมาเหนื่อยเปล่าๆนะเว้ย”
     
    “ก็กูจะไป กูจะกินกาแฟร้านมึงอ่ะมีปัญหามั้ย มึงยอมกูดีๆซักครั้งมันจะตายให้ได้เลยใช่มั้ยพีม แม่งเรื่องมากน่ารำคาญวะ”

    “มึงก็ตลอด ด่ากูตลอด” สาบานเถอะ ว่าคนจีบกันเขาพูดกันแบบนี้

    “แล้วมันน่าด่ามั้ย จะขัดใจกูทำไม ก็รู้ว่าถ้ากูโมโหคนที่ซวยก็คือมึง” พูดจาดูดีมีเหตุผล เสมือนว่าห่วงใยในตัวกู แต่สรุปคือเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าไม่เคยใช้สายตาเอือมระอาในเลเวลสูงขนาดนี้มองใครหน้าไหนมาก่อน แค่กาแฟมึงต้องถ่อไปกินไกลขนาดนี้เลยหรอ จะตามไปบงการชีวิตกูมากกว่าละมั้ง
     

    มึงอย่าทำให้กูรู้สึกว่าขาดมึงไม่ได้เลยนะภูมิ
     
    แต่ในที่สุดผมก็ต้องยอมลงให้มัน ไอ้ภูมิดี๊ด๊าลากผมลงคอนโดแทบไม่ทัน คำว่าตกเป็นเบี้ยล่างมันเป็นแบบนี้นี่เอง
     

    นี่แหละครับการจีบของภูมิ วันธรรมดาถ้าอยู่มหาลัยมันก็จะโทรมาจิกทุกๆครึ่งชั่วโมง ตอนเที่ยงมากินข้าวด้วย ตอนเย็นมารับ ส่วนเสาร์อาทิตย์ถ้าผมไม่มาคอนโดมัน มันก็จะไปหาผมที่บ้าน จากนั้นมันก็ขลุกอยู่กับพี่ๆที่ร้าน

    เพราะตอนนี้มันได้กลายเป็นที่นิยมของคนในร้านมากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะอาปุ้ยเอ็นดูมันมาก แหงละ นางแพ้ทางคนหล่อ กับไอ้ภูมิเลยเข้าแกวกันถึงขั้นได้ขึ้นหิ้งเป็นหลานรักแล้วครับ มึงตกกระป๋องแล้วเชนเอ๊ย
     
    ผมแนะนำว่าภูมิเป็นเพื่อนไอ้แทน รู้จักกันนานแล้วแต่ไม่เคยพามา ผมก็พูดความจริงนิ ไม่ได้โกหกแค่บอกไม่หมดว่า มันจีบผมอยู่ ขืนบอกไปได้หัวใจวายกันทั้งร้าน ครั้งแรกที่อาปุ้ยเจอไอ้ภูมิ เธอก็เป็นแบบนี้ครับ

    “โอ้ววววคุณพระช่วย เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นไหนจ๊ะ หื้มพ่อคุณ ถึงได้หล่อลากมากด้วยออร่าเช่นนี้ลูก”
     

    ส่วน พี่ๆในร้านก็รักและเอ็นดู ดูแลมันราวกับไข่ในหินงอกหินย้อย น้องๆวัยมัธยมหรือแม้กระทั่งสาวมหาลัยก็หลั่งไหลมาใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียน นั่งจิบนมชื่นชมบาริสต้าหน้าหล่อคนใหม่ เรียกว่ามีไอ้ภูมิคนเดียวช่วยให้กิจการรุ่งเรืองยิ่งกว่านางกวักสิบองค์อีกครับ

    และคงไม่แปลกถ้าตอนนี้น้องภูมิจะกลายเป็นขวัญใจมหาชนชาวร้านสวนกาแฟ ผมเองก็ปลื้มจนไม่รู้จะปลื้มยังไงเลยเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้แม่งเลย
     
     
     
    ……………………………………………….
     
     
    “พีมมาแล้วคร้าบบบ สาวๆ”

    “อ้าวน้องภูมิ พวกพี่กำลังบ่นคิดถึงอยู่พอดีเลยคะ” ผมเหวอแดกเลยครับ ผมเดินเข้ามาก่อนภูมิ ผมเป็นคนที่ยกมือไหว้ทักทายพี่ๆก่อนมัน แต่สาวๆเขาดันเห็นแค่หัวไอ้ภูมิ เห่อกันเข้าไป๊ เมื่อไรจะเลิกเห่อว๊ะ เห็นหล่อๆหน่อยรักไวจริงๆ แม่ง
     
    “ว๊ายยย ลูกชายสุดหล่อของอามาแล้ว” อาปุ้ยปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหางไอ้ภูมิเหมือนมันเป็นลูกหมาตัวน้อยๆ สรุปมีใครเห็นผมบ้างมั้ย

    “มาๆนั่งลูกนั่ง อากำลังจะออกไปหาเพื่อนพอดี ไม่งั้นคงอยู่เล่นกับน้องภูมิด้วย”อาปุ้ยดึงแก้มมันเล่น มันก็ไม่ว่าอะไรเอาแต่ยิ้มประจบอย่างเดียว ตอแหลวะ ชิชิชิ
    >o<
     
     อาปุ้ยคุยนั่นนี่สั่งงานกับพี่หนิงเสร็จ ล่ำลาไอ้ภูมิเสร็จ ซักพักก็ออกไป อาผมช่างมีบุญญาบารมีได้บริวารอุปถัมภ์ดีจริงๆ ถ้าลูกน้องไม่ดีมีเจ้งนะครับเพราะเจ้าของอยู่ไม่ติดร้าน
     
    ขณะนี้น้องภูมิของทุกคน ได้สวมใส่ผ้ากันเปื้อนลายลูกหมีสีขาวน่ารักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันพร้อมแล้วที่จะช่วยพี่ๆในร้าน ผมเห็นมันเดินไปเดินมา เสิร์ฟบ้าง คิดเงินบ้าง พยายามชงกาแฟด้วย และยังทำบุญทำทานทางสายตาให้แก่เด็ก ผู้หญิง คนชรา และสตรีมีครรภ์ได้ชื่นชมความหล่อของมัน
     
    ช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ ว่าคนอย่างมันจะมาทำอะไรแบบนี้ ตอนนี้มันกำลังยืนดูพี่หนิงชงกาแฟ ท่าทางตั้งอกตั้งใจน่าดูส่วนผมน่ะหรอก็นั่งสิงสถิตอยู่แถวๆเคาเตอร์ใกล้ๆมันนี่แหละ
    กำลังเล่นเกมส์ในคอมฯอาปุ้ยไงละ เต่าเก็บเหรียญ ฮ่าๆ
     
    “น้องภูมิทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก นิสัยก็ดี ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีมากเลยคะ” มือผมชะงัก เต่าผมถูกดอกไม้ปีศาจงับตายเลยครับตรงไหนที่น่ารัก ตรงไหนที่นิสัยดีครับ พี่หนิงถูกมันเสกมนต์ดำบังตาแน่ๆ


    “หรอครับ แต่ภูมิว่าไม่จริงหรอก ไม่งั้นคนแถวนี้คงรับภูมิเป็นแฟนแล้ว”มันตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จกับพี่หนิงแต่เหล่ตามามองหน้าผม เหี้ย เยอะนะมึง

    “น้องภูมิหมายถึงพี่หรอคะ ลองขอสิพี่จะถอนหมั้นแฟนเลย ฮะๆ” พี่หนิงหัวเราะอารมณ์ดี หยิกแก้มด้วยความหมั่นไส้ แล้วเสียงสรรเสริญเยินยอน้องภูมิก็มีมาเข้าหูผมเรื่อยๆ กูไม่สนใจกูจะผจญภัยกับน้องเต่า
     
    “อ่ะ” อยู่ๆก็มีแก้วกาแฟหอมๆมาวางลงต่อหน้าผม

    “หืม อะไรมึง”กาแฟแก้วเล็กน่ารักมีรูปหัวใจบนฟองนมด้วย
     
    “ชงให้” ผมเงยหน้ามองภูมิ มันถูจมูกตัวเองเบาๆ แต่ไม่ยอมมองหน้าผม เฮ้ย ไอ้ภูมิเขิน แม่เจ้า น่ารักวะ

    “หึหึ กินได้แน่นะ มึงวางยากูรึเปล่าวะ”
    อย่าว่าแต่มันเลย ผมเองก็แถแก้เขินอยู่เนี่ย
     
    “ปากดี ไม่ต้องกิน” มันทำท่าจะดึงแก้วกลับ ไอ้แก้มแดงๆหายไปแล้วเหลือแต่ตาคมดุๆ

    “ฮ่าๆๆ อะไรวะให้แล้วให้เลยดิ เอามาๆ ชิมหน่อย เผื่อฝีมือเข้าท่าจะได้รับเข้าทำงาน”
    ผมลองจิบกาแฟที่มันชงให้ รสชาติก็ธรรมดาประสาคนไม่เคยชงเอาไปสองเต็มสิบ แต่ว่าคะแนนพิศวาสคนชงเอาไปสิบเต็ม หึหึ
     
    “อืม รสชาติก็โอเค ชื่ออะไรนะเรา ได้ยินพี่ๆเขาเรียกน้องภูมิใช่มั้ย งั้นน้องภูมิช่วยไปเอาบัตเตอร์เค้กให้พี่พีมหน่อยสิครับ”
     
    “มากไปๆ”มันเขกหัวผมก่อนจะนั่งลงข้างๆแล้วยื่นหน้ามามองในจอว่าผมทำอะไร “หึ ปัญญาอ่อนวะพีม”
     
    “เขาเรียกว่าผ่อนคลายสมองเว้ย มึงดูๆ กูเก็บเหรียญได้แสนกว่าแล้ว” แล้วมันก็แย่งผมเล่น แม่งโคตรเทพ
    แต่เมื้อกี้หมาตัวไหนมันด่ากูปัญญาอ่อนฟระ
     
     “น้องพีมคะ ช่วยไปซื้อนมสดที่แฟมิลี่มาร์ทให้พี่หน่อยได้มั้ยคะ”พี่อ้อมเดินหน้ายุ่งมาหาผมกับภูมิ
     
    “อ้าว ของหมดหรอครับ”
     
    “คะ เมื่อวานพี่ยังเห็นเหลือตั้งสองแพ็ค มาดูอีกทีหมดแล้ว รบกวนน้องพีมไปซื้อให้หน่อยนะคะ”
     
    “โหย ไม่รบกวนหรอกครับ แล้วจะเอาเท่าไรอ่ะพี่อ้อม”
     
    “ห้ากระป๋องก็พอคะ เพราะพรุ่งนี้พี่ต้องไปซื้อของเข้าร้านอยู่แล้ว วันนี้รบกวนหน่อยนะคะน้องพีม”

    “คร้าบๆ ไม่เป็นไร”ผมรับเงินจากพี่อ้อม แต่พอเดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกเหมือนมีสายตาใครซักคนมองตาม ผมเลยหันกลับไปมองผู้ชายหน้าหล่อที่ทำหน้าเหมือนหมาเหงา “ไปด้วยกันมั้ยภูมิ”
     
    “อื้อ ไป”แล้วหมาตัวนั้นก็ตาวาว ถอดเสื้อกันเปื้อน แล้ววิ่งชูหางอารมณ์ดีมากอดคอผม

    “ไปจักรยานนะ อยู่ใกล้แค่นี้”
     

    “อืม กูปั่นเอง” จักรยานโบรานฮ่างๆ
    (ซับไตเติ้ล ฮ่าง เป็นภาษาแถบตะวันออก(เฉียงเหนือ)เป็น adjectiveแปลว่า เก่าหรือพัง ฮ่างๆจึง=เก่าๆพังๆ) ต้องมารับน้ำหนักผู้ชายสองคน ทนหน่อยนะน้องนะ พอได้ซ้อนท้ายจักรยานยามเย็นๆแบบนี้ ผมขอร้องเพลงนี้ได้มั้ยครับ อ้ายคนจนจำต้องปั่นรถถีบ จะไปจีบอิน้องคนงาม พอไปถึงอ้ายก็เพ้อเอิ้นถาม อิย๊ะ โดนได้อีก กรั่กๆ ผมก็ฮัมเพลงนี้ไป ไอ้ภูมิมันก็ขำไป
     
    ลมเย็นๆพัดเอากลิ่นน้ำหอมเท่ห์ๆจากตัวภูมิมาติดจมูกผม ผมมองแผ่นหลังมัน คราวที่แล้วขี่ซี คราวนี้ขี่จักรยาน หวั่นใจว่าคราวต่อไปอาจมีเดินครับ ตั้งแต่มีไอ้ภูมิเข้ามาชีวิตผมดูถดถอยเนอะ แต่เหมือนจะเป็นผมมากกว่านะที่พามันมาลำบาก มึงก็ทนหน่อยนะภูมินะ อ้ายมันจนจำต้องทนปั่นรถถีบ กร๊ากกก ชอบวะ
     
    “ไม่กอดเอวกูละ”
     
    “หึหึ เชี่ย เดี๋ยวฟ้าได้ผ่ากลางถนน” ผมแค่จับชายเสื้อมัน แค่นี้คนก็มองแล้ว มองออร่าไอ้ภูมิมั้ง คงคิดว่าลูกเศรษฐีที่ไหนมาตกอับตกยากปั่นจักรยานให้ยาจกซ้อนท้ายแบบนี้ “เหนื่อยมั้ยมึง เปลี่ยนกันก็ได้นะ”
     
    “นั่งเฉยๆไปเหอะ”มันไขว้แขนกลับมาข้างหลังแล้วผลักหัวผม “แฟมิลี่มาร์ทไกลมั้ย”
     
    “ไม่ไกล นู้น เห็นป้ายอยู่ลิบๆ เฮ้ย เชี่ยภูมิ ขี่ดีๆ” อยู่ๆมันก็หักรถเลี้ยวไปเลี้ยวมาซิกแซกเหมือนโชว์เอ็กซ์ตรีมขี่จักรยานผาดโผนเล่นกายกรรมกวางเจา พอผมโวยวายมันก็ยิ่งทำ ถึงมันจะเป็นซอยเล็กๆไม่ใช่ถนนใหญ่แต่ก็มีรถสวนมาเป็นระยะ กูยังไม่อยากตายนะเฮ้ย
     
    “จะได้ถึงไวๆ”

    “ถึงนรกไวนะหรอ ห่า” มันหัวเราะเลิกแกล้งผมแล้วกลับมาปั่นในจังหวะปกติ แม่งใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรวะ หอมติดจมูกกูดีแท้
     
    “ภูมิมึงชอบกูจริงๆหรอ”

    “ทำไมชอบถามบ่อยๆวะ กูทำขนาดนี้ ถ้ามึงไม่โง่ก็น่าจะดูออก” นี่ตกลงกำลังบอกชอบกูหรือจะด่ากูกันแน่
     
    เรื่องที่ผมควรจะใส่ใจมันกำลังตกเป็นตะกอนในใจผมแล้วตอนนี้ ถึงผมจะชอบมันแล้วมันเองก็บอกว่าชอบผม แต่โปรไฟล์ความเป็นมาอันโชกโชนของมัน หนึ่งในบรรดาคนฟันแล้วทิ้ง ไอ้ภูมิก็เป็นหนึ่งในตองอู
    แล้วผมจะมั่นใจอะไรได้ ไอ้เรื่องฟันแล้วทิ้งผมไม่กลัวหรอก กลัวแต่จะถูกทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ฟันนี่สิ ฮ่าๆ
    แม่งเลอะเทอะวะพีม
     

    “แล้วแฟนมึงละ มาบอกว่ชอบกูจีบกู แต่ยังคบผู้หญิงเป็นฝูงก็ไม่ไหวนะเฮ้ย”
    “กูไม่มีแฟน”
     
    “อ้าว แล้วหม่อมละ”
    “เลิกกันแล้ว”
     
    “เพราะกูรึเปล่า” ผมก้มลงมองมือตัวเองที่กำชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของมัน ถึงผมจะมีความสุขแต่ถ้ามันต้องแลกด้วยน้ำตาผู้หญิง ผมก็คงเหี้ยเกินไป หน้าสวยๆแก้มใสๆของหม่อมผมยังจำได้ดี
    “ก็มีส่วน”
     
    “กี่ส่วน”
    “ส่วนน้อย”
     
    “น้อยเท่าไร คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ดิ๊”
    “เจ็ดสิบ สามสิบ”
     
    “สัด พ่อมึงสิน้อย ตั้งเจ็ดสิบ”
     
    “ถึงจะไม่ใช่เพราะมึง กูกับหม่อมก็ต้องเลิกกันอยู่ดี แต่ดีแล้วละที่เป็นมึง”

    ……………………..”

    “กูเลิกหมดแล้วพีม เคลียร์ทุกอย่าง”

     “แน่ใจแล้วหรอ ว่าเป็นกู”
     
    “แน่ซะยิ่งกว่าแช่ผ้า”

    “แช่แป้งมั่งเหอะภูมิ มุกหรือโง่วะ ฮะๆ”
     

    ……………….” มันเงียบแสดงว่ามันโง่จริงๆ ฮ่าๆ
     
    “แอบหัวเราะกูใช่มั้ย”

    “เปล่าค๊าบบบ” ไอ้ภูมิพยายามยื่นมือกลับมาผลักหัวผม ผมหัวเราะลั่นเอียงตัวหลบมันได้อย่างสบายๆก็มันไม่มีตาหลังนี่ หึหึ
     
    “พีม”ไอ้ภูมิเลิกยุ่งกับหัวผมเพราะมีมอไซต์สวนมามันเลยต้องจับจักรยานให้มั่น

    “หึหึ เออๆ ไม่ได้หัวเราะมึงหรอก”
     
    “พีม”
    “หื้ม”
     
    “พีม”
    “อือ”
     
    “พีม”
    “เออ”
     
     
     
     
     

    “เป็นแฟนกูนะ”
     


    …………………”
     
    หัวใจผมทำงานหนักอีกแล้ว มันเต้นถี่รัวไร้จังหวะ ตอนนี้ระบบประสาท ระบบหายใจ ระบบเลือด ระบบสืบพันธ์กำลังประสานงานกันมั่วซั่วไปหมด


    “นะพีม”
     

    “อืม”
    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ภูมิมันทำหน้ายังไง แต่ผมอมยิ้มจนปวดแก้ม แม่งเขินโว้ยยยย ผมโขกหัวลงกับหลังมันซ้ำๆอย่างคนที่ไม่รู้จะแก้เขินยังไง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะ หึหึ ในลำคอของมันแว่วๆก็ยิ่งเขิน และเหมือนมันจะจอดจักรยาน
     

    “เฮ้ยๆอย่าจอดนะมึง ห้ามจอดนะ ขี่ไป อย่าหันมาด้วย”
     
    “ก็กูอยากมองหน้าแฟนกู”
     
    “เชี่ย แม่ง”
    ผมกลิ้งหน้าอยู่บนหลังภูมิ เสียงหัวเราะของมันเหมือนสียงดนตรีที่ไพเราะ คนเล่นก็มีความสุขคนฟังก็สุขใจ
     
    “เป็นแฟนกันแล้วนะ”
     
    “เออ”
     
    “สำนึกไว้ด้วยว่ากูขี้หวง”
     
    “มึงบอกตัวเองเถอะ ถ้านอกใจกู มึงจะเจอจุดจบสองอย่าง คือตายกับตายสนิท”ไอ้ภูมิชูนิ้วโป้งกลางอากาศเลยครับ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือทาทายังมีตุ๊กกี้ เหนือภูมินทร์ยังมีพีระณัฐมั้ง
     
    อ๊ากกกกก แฟนหรอ แฟน เราเป็นแฟนกัน ผมกับภูมิเป็นแฟนกันแล้วครับ
     

    “จับมือกันนะ” ภูมิยื่นมือซ้ายกลับมาข้างหลังอีกครั้ง ผมก้มมองมือเรียวขาวข้างนั้น เรื่องราวต่างๆระหว่างเราย้อนกลับมาในความคิด แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แม้ผมกับมันจะไม่ได้เรียนรู้กันมากนัก แต่ผมก็ไม่ได้อยากเรียนรู้มันให้นานหรือมากไปกว่านี้
     
    เพราะผมอยากใช้เวลาต่อจากนี้เพื่ออยู่ข้างๆภูมิและอยากรับรู้เรื่องราวต่างๆไปพร้อมกัน  ผมยื่นมือข้างขวาวางลงบนมือซ้ายของภูมิ ก่อนที่มือนุ่มๆของมันกับมือของผมจะจับกันไว้แน่น
     

    อุ่นดีแฮะ
     
     

    ผมเองก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอะไรอีกบ้าง  แต่วันนี้ผมเลือกแล้ว เลือกคนที่กำลังปั่นจักรยานให้ผมซ้อนท้าย คนคนนี้ที่ทำให้ผมอยากจะอยู่กับมัน อยากอยู่ข้างๆ ไม่อยากให้มันเจ็บ ไม่อยากเห็นมันเหงา และผมก็โคตรโชคดีที่มันก็คิดแบบเดียวกัน นับจากนี้ไปเราจะจับมือกันและก้าวเดินไปด้วยกัน
     
    นะภูมิ
    ^_^
     
     
     
    แต่หล่อๆอย่างมันจะรู้มั้ย ว่าผมชอบมันก่อนที่มันจะมาจีบผมอีก หึหึ
     
     
    ใครกันแน่ที่บื้อ หมาภูมิเอ๊ย^^
     
     
     
    TBC>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     
     
    ……………………………………………….





    Talk :
    เป็นแฟนกันแล้วคร๊า เร็วไปมั้ย ไม่เร็วหรอกเนอะ ถ้าอย่างงั้นเรามากระโดดดีใจกับทั้งคู่ดีมั้ยคะ ปีใหม่นี้อิชั้นคงได้รับสินปัจจัยค่าเหนื่อยจากน้องภูมิหลายตังค์ที่ทำให้มันสมหวังซะที ฮ่าๆเป็นแฟนกันแล้ว แฮปปี้เอนดิ้งแล้ว ก็จบแค่นี้ดีมั้ยคะ ฮ่าๆ บ้าเหรอตัว ชีวิตนี้ยังอีกยาวไกล ยังไงก็ติดตามต่อไปด้วยนะคะ
    ปล ขอโทษที่เสียคำพูดนะคะ ทั้งที่บอกว่าจะมาหลังปีใหม่ ฮี่ฮี่ แอบหลบหนังสือสอบมาลงคะ อร๊ายย เยาวชนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างเน้อ สอบเสร็จ 28 ตอนหน้ามา 30 จร้า
    ขอบคุณทุกคอมเม้นอีกครั้ง อยากจะจิ้มทุกคน จึกจึก นี่แน่ะๆ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×