ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 สบตา

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 55






    ตอนที่
    6


     
    เผลอแปบเดียวเทศกาลสอบไฟนอลก็เข้ามาเซไฮ อะไรกันเนี่ยหนังสือยังไม่ได้อ่านซักตัวผ่านมาเทอมนึงแต่รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรลงไปในสมองเลยครับ ทว่าผมก็ไม่ซีเรียสกับการสอบอยู่แล้วเพราะเรียนศิลปกรรมเอกทัศนศิลป์งานปฏิบัติก็ถือเป็นแหล่งสะสมคะแนนชั้นยอด


    บางวิชาทำโปรเจคท์พรีเซนต์ก็ถือเป็นการสอบ ไม่ต้องท่องหนังสือมาก(เหรออออ)เฮ้ยโปรเจคท์
    !!!งาน!!! ตายห่าละกู ลายเส้นก็ยังไม่ส่ง เขียนแบบก็ยังไม่เสร็จ ตาย ตาย Y__Y  T_T
     


    "พีมกูยืมคัตเตอร์หน่อยดิ๊" ผมเงยจากการร่างภาพมามองหน้าไอ้คิว มันเดินอ้อมสระน้ำข้างตึกวิทยาศาสตร์มาหาผมที่อยู่อีกฝั่งเพื่อจะมายืมคัตเตอร์เนี่ยนะ โหย ไอ่โง่จะถ่อมาไกลเพื่อ ผมส่ายหน้าหน่ายๆแล้วยื่นคัตเตอร์สีขาวให้มัน
     


    "กะอีแค่คัตเตอร์มึงยืมใครก็ได้นิหว่า เดินมาซะไกล"


    "ทำมะก็กูอยากยืมมึง มีปัญหาหรอไอ่งก" มันตั้งอกตั้งใจเหลาดินสอและต่อว่าผมไปด้วย ผมยักไหล่แล้วก้มลงเขียนภาพต่อ ซักพักก็ได้กลิ่นบุหรี่  ผมเงยหน้ามองหาที่มาของกลิ่นก็เจอไอ้คิวยักคิ้วกวนตีน มือมันกำลังคีบบุหรี่ส่วนปากมันก็พ่นควันสีขาว ว่าแล้วไง แม่รงเดินหาที่อัดบุหรี่นี่เอง
     


    "เอามั้ยมึง" มีรึจะปฏิเสธ ผมรับซองบุหรี่กับไฟแช็คมาอย่างว่อง ซองบุหรี่ไอ้คิวเป็นอะไรที่กิ๊บเก๋มาก เคยเห็นใช่มั้ยครับข้างซองที่มันจะมีรูปชวนสยอง

    แต่เพื่อนผมคิดใหม่ทำใหม่ใช้ความรู้ด้านศิลปะที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์มันตัดกระดาษแข็งทำเป็นซองขนาดมาตฐานซองบุหรี่แต่มีคำว่าลดโลกร้อน อีกด้านเป็นนางแบบปฏิทินเบียร์ข้างล่างเขียนว่า ควันมหาเสน่ห์ สร้างสรรค์จริงๆ
     

    ผมจัดการจุดและอัดมะเร็งเข้าปอด ไม่เป็นไรหรอกน่าพวกผมไม่ได้ติด สูบแค่ตอนกินเหล้ากับตอนเครียดๆหรือเวลาเขียนรูปสร้างอารมณ์ติสให้สมอง ไม่นานเท่าไรก็เหมือนแมลงวันได้กลิ่นขี้


    ไอ้เพื่อนทั้งหลายที่ได้กลิ่นนิโคตินหลอนนาสิกประสาทก็เดินมาหลบมุมสูบกันยกคลาส  สรุปคือผมได้มุมนั่งที่อับเหมาะแก่การซ่องสุม ปกติพวกผมไม่ค่อยแคร์หรอกครับ อยากสูบก็สูบแต่วันนี้มานั่งเขียนรูปนอกสถานที่ ก็ต้องให้เกียรติคณะอื่นเขาบ้าง
     

    "ไงมึง ถึงไหนแล้ว โหสวยดีนี่หว่า มุมกูต้นไม้บังวะ" ไอ้โจเพื่อนร่วมคลาสของผม มันยืนจ้องกระดาษของผมนิ่ง ไอ้นี่มันอาร์ตตัวพ่อหนุ่มศิลปกรรมตัวจริง ผมยาวมาเลย
     
    "ต้นไม้บังมึงก็บอกมันหลบดิวะ"ไอ้หนึ่งที่นั่งยองๆอัดบุหรี่เอาเป็นเอาตายเงยหน้าขึ้นมายิ้มตอแหลใส่ไอ้โจ


    "เออว่ะ กูก็นั่งโง่ตั้งนานคนจะเขียนรูปเสือกมายืนบังอยู่ได้ ถุยไอ้หนึ่ง" พวกผมขำเอิ้กอ้ากกันตามประสา ไอ้หนึ่งมันเป็นพวกกวนตีน จริงๆแล้วเพื่อนรุ่นผมก็แบบนี้กันหมดแหละแม้แต่ผู้หญิงยังเป็นเลย หรือจะพูดให้ถูกคือเป็นกันทั้งเอก


    คนอื่นมักมองว่าพวกผมแปลก คิดอะไรทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ติส สกปรก ซกมก พูดจาไม่รู้เรื่อง หารู้ไม่พวกผมนี่แหละบรรพบุรุษแห่งความเป็นมนุษย์ผู้เข้าใจในธรรมชาติ สิ่งที่เที่ยงแท้และเป็นจริง???การอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่งความสมดุลของหยินหยาง???ท้องฟ้ากับทะเล?? ความเวิ้งว้างไร้แก่นสารของจักรวาล???(ปกติมาก)
     

    "ไอ้คิว ได้ข่าวแดกเด็กทันตะหรอมึง" ไอ้โจหันไปถามไอ้คิวที่ทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วเอาปลายเท้าขยี้ มันหันมายิ้มมุมปากเลวๆอวดความแน่ให้เพื่อนๆอิจฉา ห่า อย่าให้กูมีบ้างแล้วกัน
     

    "กูว่าไอ้เชี่ยคิวจะกินครบทุกคณะแล้ววะ แบ่งๆพวกกูบ้างเหอะไอ้หล่อ"


    "หึ คือคนมันหน้าตาดีอ่ะครับเพื่อน ไม่ได้หาด้วยครับ มาเองครับมึง" พวกผมโห่มันเลย ไอ้หนึ่งทนไม่ไหวเตะขาไอ้คิวด้วยความหมั่นไส้


    "ห่า เตะมาได้เดี๋ยวกางเกงกูเปื้อนเมียซักรีดให้นะเฟ้ย"

    “เมียคนไหนวะ สงสัยคงแบ่งรีดคนสองเซนถึงจะครบ”

    "หมั่นไส้ว่ะแม่ง รวยแต่ไม่หล่ออย่างกูเมื่อไรจะได้ซั่มสาวสวยๆบ้างวะ" คราวนี้ไอ้หนึ่งโดนโห่ยิ่งกว่าไอ้คิวอีกครับ


    "พูดมาได้ไม่อายปาก แล้วเมื่อวานวรนุชที่ไหนมันหิ้วเด็กขึ้นคอนโดวะ" พอไอ้โจพูดจบพวกผมก็หันมาไล่บี้ไอ้หนึ่งทันที ไอ้หนึ่งตีหน้าโหดยังกับจะจกไส้ไอ้โจมาแดก ฮ่าๆ ถึงไอ้หนึ่งมันจะไม่หล่อจนคนเหลียวหลัง แต่เงินมันถึงแถมคารมณ์ดีอีกต่างหาก ไอ้ที่มันบอกว่าไม่เคยซั่มอ่ะมันตอแหลครับ
     

    "อุบอิบพวกกูหรอมึง"

    "อิ๊บห่าไร กูแค่ชวนน้องเค้าไปศึกษาสไตล์การตกแต่งห้องแล้วก็ลายกระเบื้องโว้ย"

    "ส้นตีน" ผมด่าแล้วผลักหัวไอ้หนึ่งขำๆ ห่า คิดได้นะมึง

    "แล้วเป็นไง ลายลูกไม้หรือจีสติง"

    "ลูกไม้สีขาววะ หึหึ"

    "สาดดดดดดดดด" ทุกคนร่วมลงแขกด่ามันครับ

    "เด็กมันสวยมั้ยวะโจ"ไอ้คิวนี่ก็เสรือกเหลือเกิน

    "สวยห่าไรละผู้ชายเว้ย แต่ก็น่ารักดีอ่ะนะกูว่าไม่ม.5ก็ม.6ใช่มั้ยหนึ่ง"


    "สาดดดดดดกินเด็ก"กินเด็กมันจะคล้ายๆอินเดกครับศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุด กร๊ากกก ไม่เกี่ยวแระๆพวกผมไม่แปลกใจหรอกครับที่ไอ้โจบอกว่าไอ้หนึ่งพาผู้ชายขึ้นห้อง เพราะไอ้หนึ่งมันประกาศอย่างแมนๆ(?)เลยว่ามันบริโภคได้ทั้งชายและหญิง ใช่ครับมันเป็นไบ


    "ระวังจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์นะมึง หึหึ”ไอ้คิวเตือนสติไอ้หนึ่งในฐานะที่มันเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการการซั่มเด็ก


    “แหมมึง ขาวๆซิงๆเป็นมึง มึงทนได้หรอวะ อีกอย่างกูว่าจะลองคบน้องเขาดู นิสัยน่ารักดีกูชอบ”เออเว้ยบทจะลงหลักปักฐานก็มาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเลยเพื่อนผมแถมเป็นเด็กผู้ชายอีกต่างหาก แน่มาก 


    พวกผมก็เฮฮา ฝอยแตกจนลืมไปว่ามาเขียนรูป เหอๆ มัวแต่เล่นจะมีงานกลับไปส่งอาจารย์มั้ยเนี่ย ภาพสระน้ำที่มีฉากหลังเป็นตึกคณะวิทย์ของผมเพิ่งได้แค่30เปอร์เซนต์เอง สงสัยวันเสาร์อาทิตย์นี้ต้องมามอซะแล้ว ไม่งั้นไม่มีงานส่งแน่ๆ
     


    "มึงๆนั่นไอ้ภูมิเดือนวิศวะป่ะ" แกร๊ก ดินสอแทบร่วง ผมหันมองตามวิถีปลายนิ้วที่ไอ้โป้งมันชี้ไป เวร ใช่มันจริงๆด้วย โลกกลมหรือผมซวยวะเนี่ย อุตส่าห์รอดมาได้ตั้งหลายวัน ตั้งแต่วันที่ไปค่ายมวยและหลังจากกินหมี่เกี๊ยวเสร็จมันก็ไปส่งผมที่บ้าน


    ไม่ต้องตาโตหลงผิดคิดว่ามันพิศวาสอะไรผมหรอกนะ  มันแค่ไปเอาของมันที่ผมหอบกลับบ้านเมื่อคราวก่อน แต่คุณชายท่านก็ไม่ยอมเสด็จลงจากรถนะครับต้องให้กระผมเอาลงมาถวายให้ถึงรถกันเลยทีเดียว


    แต่ดีหน่อยที่มันเริ่มมีวิวัฒนาการเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้นเพราะรู้จักขอบใจ ถึงจะห้วนและสั้นแต่ก็สมเป็นมัน ก็อย่างที่บอกหล่ะครับว่าหลังจากวันนั้นมันก็ยังเรียกผมไปสนองปากสนองมือเหมือนเดิม
     

    แต่ก็มีบางครั้งที่ผมตอแหลรอดไปได้อย่างสวยงามจนหลังๆมันไม่ค่อยเรียกใช้แล้ว คงเพราะช่วงนี้ใกล้สอบด้วยมั้งมันเลยเอาเวลาไปท่องหนังสือ วิศวะนะครับไม่ใช่ศิลปกรรมถึงจะมาชิลล์แบบผม


    ผมเองดีใจจนน้ำตาแทบไหลที่ได้กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ แล้วทำไมเวลาแห่งอิสรภาพมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ว่าแล้วผมก็ทำการหลบครับเอาหลังไอ้ต๊ะเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายในการรักษาชีวิต
     

    "คนอะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้วะ หล่อเสัดแถมรวยอีกต่างหากถ้ากูได้ซักเซี้ยวมันนะกูจะฟันหญิงแล้วทิ้งวันละสามคนเลย" ผมเบ้ปากทำท่าสำรอก หมั่นไส้เว้ย ทำไมไอ้ภูมิมันดังขนาดนี้วะเนี่ย ขนาดพวกชนบทหลังเขาเต่ามะเฟืองแห่งเกาะกาลาปากลอสอย่างไอ้โจยังรู้จัก แล้วคนอื่นในมหาลัยไม่รู้ไปถึงเจ้าคุณปู่คุณหลวงของไอ้ภูมิเลยหรอ
     

    "มันเป็นเพื่อนมึงนิ ใช่มั้ยคิว"

    "อืม"

    "เขาร่ำลือกันหนักหนาว่ามันโหด จริงหรอวะหน้าใสๆแบบนั้นอ่ะนะ" อึหือออออ อย่าให้เซดพรรณาสามวันยังไม่หมดไอ้ความเชี่ยโหดเลวทรามของมันเนี่ย กูเจ็บกูเจอมาเยอะ


    "หึ ไม่รู้วะแต่มีคนไปพิสูจน์มาแล้วมึงลองถามดูดิ" ห่าคิว มันยักคิ้วแล้วพยักหน้ามาทางผมไอ้สันขวานเอ๊ยพอมันทิ้งระเบิดไว้ให้ผมเสร็จแม่รงก็เดินเข้าไปหาไอ้ภูมิเฉย สาดดดดดดดดด กูหลบมันอยู่เนี่ย
     

    "ไอ้พีม มึงไปพิสูจน์อะไรไอ้ภูมิวะ เงียบเชียวนะมึง"


    "พิสงพิสูจน์เหี้ยไร เชื่อไอ้คิวก็หมาแล้ว ไอ้หนึ่งมึงมานี่ดิ๊แสงเข้ากูแรเงาไม่ถูก" บ้าแล้วมึงไอ้พีมวาดยังไม่เสร็จแรเงาแมร่งเลยแล้วกันแถมใช้ไอ้หนึ่งบังแสงอีกต่างหาก ไอ้ภูมิจะได้มองไม่เห็นผม ส่วนไอ้หนึ่งมันก็บ่นอุบอิบตามประสา คนอื่นๆก็กลับไปเขียนรูปต่อกันหมด
     

    "มึงจะแรเงาทำส้นตีนไรเนี่ย ป๋าให้ลงแค่ลายเส้น”

    “อ้าว เหรอๆ กูแค่ลองดู เออน่าบังให้กูแปบเดียว”

    “แต่กูจะไปทำงานของกูต่อ"

    "เออๆแปบๆ" ผมแอบเหล่ไอ้ภูมิกับไอ้คิว โอย เมื่อไรจะไปวะคุยห่าอะไรกันนักหนา ข้างๆไอ้ภูมิมีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ ดูจากโหงวเฮ้งเรียนหมอชัวร์เพราะขาวสวยสะอาดบริสุทธิ์ซะขนาดนั้น

    ไอ้ภูมิตบไหล่ไอ้คิวสองสามทีในที่สุดพวกมันก็ได้ฤกษ์ร่ำลากันแต่มิวายไอ้ภูมิเสืรอกหันกลับมามองทางนี้ซะงั้น ผมเสียวเยี่ยวแทบราดลุ้นยิ่งกว่าบอลโลกตอนเยอรมันแข่งกับสเปนอีก
     

    "มึงเป็นไรวะพีม ทำหน้าทำตาตอแหล"

    "หน้ามึงดิตอแหล จะไปไหนก็ไปเลยไป"

    "อ้าวไอ่ห่านี่ เมื่อกี้ละขอกูยิกๆ"โดนไอ้หนึ่งโบกกบาลผมอีกรอบ แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะรอดจากไอ้ภูมิ เฮ้อ จะรอดไปซักกี่น้ำวะไอ้พีมเอ๊ย เมื่อไรจะสองเดือนแว๊ ปวดจิตโว้ยยยยยยยยยยย
     
     
     
     


    …………………………………………………



     
     
     
     วันนี้เป็นวันศุกร์วันปล่อยผีของพวกผมครับ ลืมไปเลยว่าอยู่ในช่วงสอบ หึหึ ชิลล์ไปมั้ยชีวิตเยาวชนไทย วันนี้ผมจะเมาจะเอาให้ลืมเรื่องเครียดๆไปเลยวันนี้ไม่เมาไม่ต้องเรียกผมว่าไอ้พีม แล้วเรียกไรฟระ ฮ่าฮ่า

     ผับเดิมที่พวกผมมาจนสนิทกับพี่เจ้าของร้านแต่จริงๆพี่แกเป็นญาติไอ้ปันด้วยแหละพอก้าวเข้ามาก็เจอกับแสงสีเสียงและบรรดาผีกลางคืนทั้งหลายทำเอาผมเริ่มยิ้มออก อยากดิ้นอยากดริ้งเว้ย
     


    "พี่ไนล์!!! พี่ไนล์!!! หวัดดีพี่!!!"พวกผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดั่งฮึ่มๆ


    "อ้าว ไอ้เด็กเวรเพิ่งมาหรอกูนึกว่าโต๊ะพวกมึงจะเป็นหมันซะอีก" ทั้งที่อยู่ใกล้ๆแต่ก็ต้องตะโกนอยู่ดีพี่ไนล์หนุ่มฮิพฮอพเจ้าของผับถึงจะได้ยินเสียงเรียกของไอ้ปัน

    "รถติดนะพี่ ฮั่นแน่คนใหม่หรอพี่ไนล์ แม่รงแจ่มวะ" ไอ้ปันแซวพี่ไนล์ถึงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆ เฮียแกก็ยักคิ้วเจ้าเล่ห์ตามสไตล์หนุ่มเพล์บอย

    "เออๆ แก้วแตกได้ ล้มโต๊ะได้ แต่อย่าให้แขกคนอื่นเจ็บ โอเค๊"

    "รับทราบครับผม"

    "เออ ขอให้สนุกมีไรก็บอกเด็กๆละกัน"พูดเสร็จพี่ไนล์ก็โอบเอวสาวสวยหุ่นอึ๋มไปนอกผับ พวกผมก็เดินไปนั่งโต๊ะประจำ
     

    แต่พอมาถึงโต๊ะ ผมแทบเก็บความคิดทั้งหมดที่จะมันส์ที่จะเมาเอาพับเก็บกลับบ้านทันที นรกเหอะ
    ไอ้ภูมิตัวหล่อๆนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกผม
     


    ทั้งที่ผมหลบมันทั้งวันอุตส่าห์ดีใจที่ไม่มีโทรศัพท์มันเข้ามาก่อกวน สุดท้ายก็ต้องมาเจอจนได้ มิน่าตาขวากระตุกยังกับรัวกลองยาว ไอ้ภูมิมันเงยหน้ามามองผมนิ่งๆแต่แค่เสี้ยววินาที สาบานให้ไอ้คิวจู๋เล็กผมเห็นมันเหยียดยิ้มชั่วร้าย คืนนี้ความลับของผมจะแตกมั้ยครับคุณๆทั้งหลาย
     

    "ไงพวกมึง มานานยังวะ" ไอ้เชนทักไอ้ภูมิกับเพื่อนมันอีกสองคน ผมจำได้มันคือไอ้เบียร์กับไอ้มิค


    "ก็ซักพัก ว่าแต่พวกมึงมัวทำไรอยู่วะ มาช้าโคตร" ไอ้มิคหันมาถามไอ้เชน ไอ้เชนนั่งข้างไอ้หล่อคุณชายที่ชื่อเบียร์ ไอ้คิวนั่งข้างไอ้ภูมิ ผมกับไอ้ปันนั่งตรงข้ามกับพวกมัน  แจ๊คพอต ผมได้นั่งตรงกับไอ้ภูมิ แล้วพวกมันก็ไม่พูดพร่ำทำสากกระเบือจัดการเรียกหาแก้วเหล้าทันทีทำเหมือนไปตายอดตายอยากมางั้นแหละทั้งที่แดกกันวันเว้นวัน
     

    "จะไม่ช้าได้ไงก็รอคุณชายพีมแต่งตัวกว่าจะออกจากบ้านได้นานเป็นชาติ"ไอ้คิวกระแทกแก้วเปล่าลงเพราะมันเพิ่งกระเดือกเหล้าเพียวๆลงท้องไปก่อนจะหัดมาทำหน้าง๊องแง๊งใส่ผม ช่างกล้านะมึง กูไม่ใช่หรอที่รอมึงเซตผมน่ะ

    "อ้าวตัวเธอคนนั้นนิ"ไอ้มิคหันมามองผมตาโตแล้วหันไปมองไอ้ภูมิ ประมานจะถาม ใช่ไอ้ที่อัดมึงวันนั้นป่าวไอ้ภูมิมันทำหน้าเอือมๆเซ็งๆ หึหึ อายละซี้มึง
     

    "พวกมึงยังไม่รู้จักกันใช่มั้ย มาๆเดี๋ยวป๋าแนะนำนี่ไอ้พีมเพื่อนพวกกู พีมนี่ไอ้มิคกับไอ้เบียร์เพื่อนกูเหมือนกันและพวกมึงก็เป็นเพื่อนกันซะ ส่วนไอ้ภูมิมึงสองคนคงรู้จักกันดีแล้ว…ใช่มั้ย"พวกมันห้าตัวหัวเราะลั่น ผมอยากเอาขวดโซดายัดปากไอ้คิวจริงๆแมร่ง
     

    “หวัดดีๆ กูชื่อมิค มึงคงเห็นใช่มั้ยว่ากูหล่อแค่ไหน ไม่ต้องเสียใจนะที่หล่อสู้กูไม่ได้ กูไม่อยากรู้สึกผิด” เอ่อ สีหน้ามันจริงจังมากจนผมด่าไม่เป็นเลยครับ ไม่อยากบอกว่ากูรู้จักมึงเคยเจอมึงแล้ว ตอนที่มึงยืนดูลูกน้องซ้อมคนน่ะ

    “หวัดดี กูเบียร์” ไอ้รูปหล่อมาดคุณชายหันมายิ้มทักทายผมอย่างเป็นมิตรดูใกล้ๆยิ่งหล่อ ผู้ชายไรวะทำให้ผู้ชายด้วยกันประหม่าเขินได้เนี่ย มันยิ้มให้ผมยิ้มทั้งปากยิ้มทั้งตายิ้มแมร่งทั้งหน้า ถึงผมจะแมนทั้งลำแต่มาทำตาเยิ้มตาหวานใส่ก็เขินนะเว้ยเฮ้ย

    “อืม หวัดดี กูพีม”

    “ดีๆๆเป็นเพื่อนกันไว้ ไอ้พีมมันเป็นเพื่อนสนิทพวกกูนี่แหละ แต่มันเป็นคนแคระท่ามกลางเทพบุตรพวกกูเลยไม่พกมันไปที่ๆอันตรายๆไม่งั้นพวกมึงคงรู้จักกันนานแล้ว”ไอ้ปันพูดด้วยความชื่นมื่นแต่มันคือประโยคบอกเล่า หยามเหยียด ดูถูก หรืออะไรวะปัน ผมควรโกรธมันมั้ยเนี่ย
     

    “นั่นน่ะสิ กูก็นึกว่ามีพวกมึงแค่สี่คน ที่แท้ก็แอบซุกไข่ไว้ด้วยอีกฟอง” ภาษามึงห่างไกลคำว่าปกติมากเลยมิคมิน่าถึงคบกับไอ้ปันได้ ผมได้แต่นั่งฟังพวกมันฝอยพยายามไม่สนใจสายตาดุๆของไอ้ภูมิ

    บรรยากาศแบบนี้ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยให้ตาย ตอนนี้ผมกับมันคงเหมือน เหมือนอะไรนะ อ๋อ คนแปลกหน้าที่รู้จักกันดีหรือไม่ก็ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
     

    "เออ พูดถึงเรื่องไข่ มึงรู้มั้ยภูมิกูโคตรเซอไพร์เลยวะที่มึงไม่เอาเรื่องไอ้พีม มึงนี่คนดีจริงๆเลยเพื่อนรัก"ไอ้ปันปั้นยิ้มชื่นชมไอ้ภูมิยกใหญ่ ห่า ใครบอกว่ามันไม่ทำอะไรกูแล้วมึงเอาโคโมโซมตัวที่เท่าไรคิดถึงได้เห็นว่ามันเป็นคนดีอ่ะ
     
    แล้วทำไมพูดเรื่องไข่แล้วต้องคิดถึงไอ้ภูมิด้วยวะ โว๊ย ตอนนี้ผมโคตรเซ็งจิตเลยอยากกลับบ้านมากๆไม่มีอารมณ์กินเหล้าแม่รงแล้ว ขืนอยู่ต่อไปคาดว่าผมอาจจะฆ่าล้างโคตรเพื่อนตัวเองได้ไม่ยาก
     

    "หึ มึงเพิ่งรู้หรอ "ไอ้นั่นก็ยื่นหน้ามารับคำชมแถมยังตวัดสายตามาที่ผมอีก ฟวยยย ดีตายแหละมึงอ่ะ
    "กูว่าถ้าเป็นคนอื่นไอ้ภูมิเอาตาย ดีนะที่ตัวเทอเป็นเพื่อนไอ้พวกนี้ จริงๆกูเคยฟังเรื่องตัวเทอจากไอ้พวกนี้นะ ตัวจริงไม่หล่อเท่าที่คิดไว้ แต่น่ารักกว่าที่คิดเยอะเลย ตัวเทอ…"
     

    "สัด เลิกเรียกกูตัวเทอซักที" ไอ้มิคเอ๋อแดกเลยครับมันเหวอเลยที่โดดผมด่า ก็ตั้งแต่มามันก็เอาแต่เรียกผม ตัวเธอๆ ช่วยเบิ่งตาได้มั้ยว่ากูใส่กางเกง กูระเบิดหู กูมีลูกกระเดือก กูมีดุ้น


    "ไงละมึง เพื่อนกูปากหวานอย่างที่กูเคยบอกไว้มั้ย หึหึ"ไอ้เชนยิ้มๆแล้วยกแก้วเหล้ากรอกปาก ไอ้มิคแลบลิ้นใส่ผมไอ้นี่ท่าทางจะติงต๊องกว่าที่คิดแฮะ

    จากนั้นพวกมันก็ดื่มก็คุยกันไป ผมก็ดื่มบ้าง คือมันไม่มีอารมณ์ ถึงแม้ว่าโต๊ะของพวกผมจะกลายเป็นจุดสนใจของสาวแท้สาวเทียมก็ตาม ก็ดูหนังหน้าแต่ละคนดิ จะถูกปล้ำทางสายตาอยู่แล้ว
     

    "เป็นไรมึง ทำหน้าเหมือนเมนไม่มา"ไอ้ปันหันมาถาม

    "เมนหน้ามึงดิ กูเบื่อ อยากกลับ"เหวี่ยงครับเหวี่ยง

    "อ้าว ไหนบอกวันนี้ไม่เมาไม่กลับไง เป็นไรของมึงเนี่ย"

    "ไม่รู้ กูอยากกลับ ปันมึงไปส่งกูหน่อยดิ"

    "มึงหงุดหงิดที่ถูกผู้ชายจีบหรอ ฮ่าๆยังไม่ชินอีกแหงะ เอาน่าๆอย่าไปสนใจ ชนแก้วกับกูนี่มา" มันจับแก้วยัดใส่มือผมแล้วเอามาชนกัน ผมเลยยกรวดเดียวหมดแก้ว เรื่องที่ถูกผู้ชายจีบก็ส่วนนึงคือว่ามีผู้ชายเข้ามาขอเบอร์ผมดูออกเลยว่าเก้งตัวแม่

    แต่ประเด็นที่ทำให้ผมนอยส์แด๊กคือไอ้หน้าหล่อที่นั่งหน้านิ่งตรงข้ามต่างหากถึงมันจะหันไปยิ้มให้กับสาวสวยที่เดินมาชนแก้วบ้างแต่บางครั้งผมกับมันก็เผลอจ้องตากัน มันมองเหมือนผมทำความผิดอะไรซักอย่างบอกตามตรงผมไม่ชอบแล้วก็อึดอัดมากๆด้วย แต่จะให้โวยวายคงดูไม่ดีเดี๋ยวจะพาลทำให้เพื่อนเสียบรรยากาศเปล่าๆ เอาวะ ทนๆหน่อยไอ้พีม
     

    "ห่าแทนมันไปมุดหัวอยู่ไหนวะ เมื่อไรจะมา"ไอ้เชนเริ่มเอะอะ เออจริงสิมัวแต่อารมณ์เสียลืมเลยว่าเพื่อนหายไปหนึ่งชีวิตไอ้แทนไปไหนวะ


    "เดี๋ยวมันก็มา"ไอ้เบียร์บอกแล้วหันไปโปรยยิ้มหวานต่อไอ้นี่ก็เซอราวคอตัวเองแจกยิ้มทั่วผับ เอาเข้าไปบ้ากันซะให้พอนะพวกมึง
     

    "ไอ้เบียร์ หล่อนะมึงยิ้มมั่วๆเดี๋ยวก็ติดกลับบ้านเป็นฝูงหรอกมึง"ไอ้คิวบอกแล้วชงเหล้าให้ไอ้เบียร์ อี๋ มันเอานิ้วคนเหล้าอ่ะครับ แต่ไอ้เบียร์มันก็ยกซดเพราะกำลังเมายิ้มตัวเองเลยไม่ดูว่าไอ้คิวได้กระทำการอุบาทว์ลงในแก้วของมัน และระหว่างที่ไอ้เชนกำลังวิจัยก้อนน้ำแข็งว่าจะทำปฏิกิริยากับฟันซี่ไหนมากที่สุด

    ไอ้เบียร์ที่โปรโมทโฆษนายาสีฟันตรายิ้ม ไอ้มิคที่ทดลองประสิทธิภาพของโซดาด้วยการแหย่นิ้วลงไปในขวดแล้วเอาขึ้นมาจิบ ไอ้คิวที่แอบเอานิ้วจุ่มแก้วชาวบ้าน ไอ้ปันที่กำลังจะอภิปรายการเปิดสมัยประชุมและไอ้ภูมิที่กำลังจะประสาทแดกเพราะถูกไอ้ปันบังคับให้เป็นฝ่ายค้าน มันก็มีเหตการณ์นี้เกิดขึ้นครับ
     

    "มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะฟ่าง" เสียงคุ้นๆเหมือนต้นเสียงจะอยู่ใกล้ๆพวกผมหันไปมอง บิงโกไอ้แทนมาแล้วแต่ว่ามากับใครก็ไม่รู้เหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่

    "มึงรู้หรอ ว่ากูคิดอะไร"คนคนนั้นพูดแบบเหวี่ยงๆ

    "โธ่~ฟ่าง~" เฮ้ย ทำไมต้องจับมือวะ แล้วทำไมไอ้แทนต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับผู้ชายด้วย

    ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบครับ
    everybodyกำลังเพ่งกระแสจิต วิญญานและสายตาไปที่ไอ้แทนและผู้ชายคนหนึ่งซึ่ง ขาวมาก ในผับมืดๆแต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนมีแสงออกมาจากตัว ขาวเว่อร์ที่สำคัญหล่อลาก มันสูงแต่เตี้ยกว่าไอ้แทนนิดหน่อย มันสองตัวยืนจ้องหน้ากัน แต่สีหน้าต่างกันมากคือผู้ชายคนนั้นมองไอ้แทนนิ่งๆส่วนไอ้แทนทำเหมือนจะลงไปกราบตีนเค้าอยู่ทุกวินาที
     

    "ฟังแทนก่อนดิฟ่าง"

    "เงียบเหอะแทน กูไม่อยากฟัง"


    "ข้าวฟ่างครับ"

    "กูบอกว่าหุบปากไง แม่รง สัดคิวหลบดิ" พวกผมได้แต่มองไอ้แทนตาปริบๆไม่ใช่สิต้องบอกว่ามีแค่ไอ้เชน ไอ้
    ปัน ไอ้คิว แล้วก็ผมที่ดูจะงงๆไอ้สามตัวนั้นก็ยังปกติดี

    ผู้ชายคนนั้นเข้าไปนั่งแทรกระหว่างไอ้คิวกับ ไอ้เบียร์ ส่วนไอ้แทนก็เดินหน้าหงอยๆมานั่งข้างๆผม ระหว่างที่พวกผมกำลังมึนว่าเกิดอะไรขึ้น ประโยคเด็ดของไอ้มิคเลยช่วยให้อะไรๆมันชัดเจนจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋แบ๋ไต๋ไก่แจ้แก้ (เฮ้ย พอ เอาฮาไปไหนวะ)
     

    "สม ถูกเมียเมินละสิมึง หึหึ สมไอ้แทน"

    "เมีย!!???!"พวกผมแหกปากตะโกนพร้อมกัน

    OoO

    YoY

    "สัดมิค ไอ้ผีเจาะปากมาพูด" ไอ้คนที่พวกผมกำลังเข้าใจว่าเป็นเมียไอ้แทนเขวี้ยงน้ำแข็งใส่ไอ้มิค เฮ้ย โหดไปป่ะโดนขึ้นมาจริงๆเจ็บใช่เล่นนะนั่น แต่ดีที่ไอ้มิคมันหลบทันแล้วหัวเราะคิกคัก พวกผมเลิกสนใจไอ้มิคแล้วหันมาจ้องหน้าไอ้แทน มันก็หันมามองพวกผมด้วยสีหน้าแบบอยากขอลาตาย
     

    "พวกมึง กู คือ กู…"

    "มึงไม่ต้องพูดเลย สัดแทน!!" ไอ้ปันชิงพูดก่อน ไอ้นี่มันจะอ่อนไหวกับเรื่องเพื่อนมาก แล้วอยู่ๆมารู้ว่าไอ้แทน เอ่อ คบผู้ชายผมก็ไม่แน่ใจน่ะนะแต่มันก็น่าจะเป็นอย่างที่คิดแหละ ไอ้ปันมันก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
     
    ผมเองยังงงๆเลย แล้วบรรยากาศฮาเฮเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที ไอ้ปันชะโงกหน้าข้ามผมไปจ้องหน้าไอ้แทนอย่างเอาเป็นเอาตาย ไอ้คิวก็ก้มหน้าคนน้ำแข็งในแก้วเล่น ส่วนไอ้เชนมันกอดอกแล้วแสร้งมองไปทางอื่น
     
    ผมก็ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหน ยอมรับว่าตกใจมาก จะหันไปมองไอ้แทนที่นั่งข้างๆก็ไม่กล้า มองไปที่ไอ้เบียร์ไอ้มิคพวกมันก็ดูปกติดี ส่วนคนที่เป็นชนวนก็เหมือนไม่สนใจโลกนั่งซดเหล้าอย่างเดียว สุดท้ายผมก็เผลอไปสบตากับไอ้ภูมิ หน้ามันยังคงนิ่งแต่เสรือกแลบลิ้นใส่ผม ห่า ใช่เวลามั้ย


    "ปัน กู กูขอโทษ คือ"

    "ขอโทษ?ขอโทษทำไม มึงทำไรผิด" ไอ้นี่ก็เหลือเกิน ฟังมันก่อนเหอะ ไอ้คิวเอื้อมมือมาผลักหัวไอ้ปัน แล้วพยักหน้าให้ไอ้แทนพูดต่อ ไอ้แทนกับไอ้คิวเป็นดูโอ้ที่ซ่าส์พอกันพวกมันแค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไอ้ปันมันขี้โวยวายเป็นเด็กๆ ไอ้เชนก็จะออกแนวนิ่งซะมากกว่า ส่วนผมนะเหรอบางครั้งก็ยอมรับนะว่าเอ๋อๆตามพวกมันไม่ค่อยทันอาศัยว่าปากหมาเลยพอจะข่มพวกมันได้บ้าง
     
    ผมไม่ได้โกรธที่ไอ้แทนมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ตกใจมากกว่า
     ผู้ชายที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟกมีสาวล้อมหน้าล้อมหลังไม่เคยเว้น แล้วอยู่ๆมาบอกว่าคบผู้ชาย อีกอย่างมันก็บอกผมว่าเพิ่งจะพาคนที่มันจริงจังเข้าบ้าน เฮ้ย
    อย่าบอกนะว่าคนๆนั้นคือผู้ชายหน้าหล่อผิวโอโม่คนนี้

    ผมไม่โกรธมันก็จริงแต่ที่ผมไม่พอใจเพราะมันไม่ยอมบอกว่าคบใครทั้งที่พวกเราจะคุยกันทุกเรื่อง ไม่เคยมีความลับต่อกัน (แต่ผมกำลังทำอยู่ งามไส้จริงๆกู) ถึงแม้จะเป็นเรื่องขี้เล็บเล็กแค่ไหนพวกผมก็จะปรึกษากันตลอด แล้วนี่ไอ้แทนมันคิดส้นตีนไรอยู่ถึงมาปิด
     

    "ที่กูไม่บอก เพราะ…กูกลัว" มันก้มหน้า แต่สุดท้ายก็ยอมเงยขึ้นมาสบตา

    "กลัวส้นตีนไร" คราวนี้เป็นผมที่ดีดหน้าผากไอ้ปัน จะสอดทำซากไรวะ ไอ้ปันลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆแล้วก็ยื่นหน้าไปจ้องหน้าไอ้แทนอีกครั้ง ไอ้แทนมันถอนหายใจแล้วหันไปมองหน้าผู้ชายคนที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองหน้ามันนิ่งเช่นกัน
     

    "กลัวว่าพวกมึงจะรับไม่ได้ ที่กู…กูคบผู้ชาย กูกลัวว่าพวกมึงจะเลิกเป็นเพื่อนกับกู" เสียงเพลงในผับยังคงครึกครื้นบีบจังหวะหัวใจแต่ภายในโต๊ะกลับเงียบ นานทีเดียวที่ไม่มีใครพูดอะไรเหมือนกำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
     

    "คิดได้แค่นี้ใช่มั้ย" ไอ้คิวพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองไอ้แทน

    "แต่กูไม่ได้คิดจะปิดบังนะเว้ย ก็รอให้พร้อมก่อนกูตั้งใจว่าจะบอกพวกมึงจริงๆวันนั้นกูจะพาฟ่างมาให้
    ไอ้พีมรู้จัก แต่ก็เกิดเรื่องไอ้ภูมิซะก่อน" ไอ้แทนมันพูดเสียงอ่อนไม่เหลือน้ำเสียงที่ชอบกวนประสาทฟังแล้วขัดหูแปลกๆผมไม่ชอบเลย
     
    แล้วโต๊ะก็เงียบอีกครั้งจนน่าอึดอัด หวังว่ามิตรภาพที่พวกผมบูชารักษากันมาหลายปีคงไม่จบลงเพราะไอ้แทนมีแฟนเป็นผู้ชายหรอกนะ

     
    "มึงดูถูกพวกกูมากนะแทน กะอีแค่มึงมีแฟนเป็นผู้ชายที่หล่อสูสีกับกู ทำไมกูจะรับไม่ได้" อยู่ๆไอ้ปันก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาหัวใจผมโล่งเบาไปทั้งอก

    "กูจะรับไม่ได้ก็ตรงนี้แหละ" ไอ้เชนส่ายหน้าขำๆพวกผมรุมเล่นหัวไอ้ปัน มันหัวเราะคิกคักแล้วโต๊ะเราก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง ผมหมั่นไส้ไอ้แทนเลยหันไปตบหลังมันแรงๆโทษฐานปิดบังมาได้ตั้งนาน มันกอดคอผมล็อกซะแน่น แล้วก็เริ่มยิ้มได้
     

    "พวกมึงไม่โกรธกูแล้วใช่ป่ะ"น้ำเสียงสดใสของมันเริ่มกลับมาแล้ว

    "ถ้าโกรธ แล้วมึงจะยอมเลิกกับไอ้ฟ่างมั้ย"พวกผมหันพรึ่บไปมองหน้าไอ้เชน

    "สัด ปากหมา"ไม่ใช่เสียงไอ้แทนครับ แต่เป็นเสียงของผู้ชายหน้าหล่อพ่วงตำแหน่งแฟนไอ้แทน เพื่อนผมก็ยิ้มร่าเลย สงสัยจะลืมมั้งว่ายังทะเลาะกันอยู่ แต่ไอ้เชนนี่ลงไปนอนขำ

    “หน้ามึงฮามากฟ่าง เสร็จไอ้แทนแล้วดิ”

    “จะเหลือไว้ทำพ่อหรอ”เป็นเสียงไอ้มิคครับที่ตอบ เลยโดนตีนไอ้ฟ่างซะหนึ่งดอก
     
    "ถ้าพวกมึงโกรธกูก็จะง้อจนหาย แต่จะไม่ยอมเลิกกับไอ้ฟ่างเด็ดขาดเพราะกูรักมัน"พวกผมโห่เลยครับแต่ผมก็แอบจั๊กจี๋นิดหน่อยเพราะคนที่ไอ้แทนพูดคำว่ารักด้วยมีทุกอย่างเหมือนผม

    หมายถึงเป็นผู้ชายเหมือนกันน่ะครับ แต่แววตาและน้ำเสียงไอ้แทนจริงจังซะจนผมต้องยิ้มออกมา คนคนนี้คงใช่สำหรับมึงแล้วสินะเพื่อน
     

    "เออๆคราวหน้าคราวหลังมีอะไรก็หัดง้างปากบอกพวกกูซะบ้างรู้ทีหลังแม่งอดแซว" พอไอ้คิวพูดจบไอ้แทนก็กระโดดกอดทุกคน ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้แทน เหตุผลเดียวที่ผมไม่โกรธมันเพราะเราเป็นเพื่อนกัน แค่นี้พอมั้ยครับ^______^
     


    "คร้าบบเพื่อน กูรักพวกมึงนะ พวกมึงด้วย แต่รักข้าวฟ่างมากกว่า" มันบอกพวกผม พวกไอ้ภูมิแล้วก็ไปจบที่สุดที่รักมัน ยิ่งดูหน้าไอ้ฟ่าง จริงๆมันชื่อข้าวฟ่างแต่เพื่อนชอบเรียกฟ่างเฉยๆมันหล่อมากเลยนะครับ

    ไอ้แทนนี่บอกไปหลายรอบแล้วว่าหล่อแค่ไหน แล้วแบบมันมาคบกันเองอ่ะ แม่ง พระเจ้าจอชช่วยทอดกล้วย ทรัพยากรชายที่น่าหวงแหนและน่าเสียดายที่สุดมาแดกกันเองกูอยากจะบ้า เฮ้อ
     
    แต่ไอ้แทนมันบอกว่ามันไม่ได้มีอารมณ์กับผู้ชายคนอื่นคือถ้าไม่ใช่ไอ้ฟ่างมันบอกว่ามันเอาไม่ลงแล้วมันก็พร้อมที่จะเอาผู้หญิงเหมือนเดิมแต่ต้องรอให้ไอ้ฟ่างเผลอ ซึ่งผมคิดว่าถ้าไอ้แทนแอบไปมีหญิงตอนไอ้ฟ่างไม่เผลอละก็อาจมีการตายเกิดขึ้นได้ครับ

     
    "กูว่าผู้ชายคนสุดท้ายที่จะเป็นเกย์คือมึงเลยนะฟ่าง" ไอ้เชนพูดขึ้น ผมก็เพิ่งรู้ว่าไอ้ฟ่างมันเป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มไอ้ภูมิแต่ที่ผมไม่เคยเห็นเพราะมันเพิ่งกลับจากงานศพญาติที่อิตาลี

    "หึ แล้วไง แสดงว่ากูไม่ใช่คนสุดท้ายใครจะเป็นก็รีบๆนะมึงเ ดี๋ยวโลกแม่งแตกก่อน" ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรที่บรรยายยากมากมันเป็นคนที่นั่งอยู่เฉยๆก็ทำให้คนรู้สึกกลัวได้ ยิ่งตาโตๆคู่นั้นมองแต่ละที ยังกับรู้ทุกอย่าง


    "ห่าเอ๊ย ผู้ชายหล่อๆสองคนมาเอากันเอง ไม่สงสารผู้หญิงบ้างหรอมึง"

    "ให้กูเอาผู้หญิงตอนนี้ก็ได้นะ"

    “น้อยๆหน่อย เห็นหัวกูบ้างไอ่สัด”ไอ้ฟ่างเอาเสื้อแจ๊คเก็ตที่ถอดออกก่อนหน้านี้อุดปากไอ้แทนแล้วก็หันไปสนใจเหล้าต่อ

    "แล้วแบบพวกมึงเค้าเรียกอะไร เพราะเกย์คือผู้ชายที่ชอบผู้ชายรู้สึกกับผู้ชายด้วยกัน"

    "เรียกอะไรก็ช่างแม่งเหอะ สนทำไม กูรักไอ้ฟ่างไอ้ฟ่างรักกูรู้แค่นี้พอ" ซึ้งเชี่ยๆ เท่ห์โคตรวะแทน

    "มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยวะแทน มิน่าหลังๆมานี่ก็ชวนไปติดอ่าง ชิ่งกูตลอด"ไอ้แทนไหวไหล่แล้วโอบไหล่
    ไอ้ฟ่างแทน มันเนียนไปนั่งข้างกันตอนไหนวะ
     
    แต่จะว่าไปไอ้แทนก็เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี ไอ่แทนยิ้มแป้น ส่วนไอ้ฟ่างก็เบนสายตามาที่ผม ตามันสวยมากแต่ดุไปหน่อย แต่ดูคุ้นๆวะ


    "นี่ใครวะ"

    "อ๋อ กูลืมแนะนำ พีมนี่ไอ่ฟ่างเป็นเพื่อนพวกเราแต่เป็นแฟนกู ฟ่างนี่พีมเพื่อนกูที่เคยเล่าให้ฟัง"

    "พีม คนนี้ใช่มั้ยที่สอยไอ้ภูมิร่วง ฮ่าฮ่า”อืม กูสอยมันร่วงเลยถูกมันด้นถอยหลังอยู่นี่ไง ไอ้ภูมิหันมองไอ้ฟ่างตาขวางแล้วเอาแต่ฟึดฟัด ซึ่งผมค่อนข้างจะแปลกใจเพราะถ้าเป็นปกติมันต้องประเคนตีนไปให้แล้ว
     
    “กูพีม ยินดีที่รู้จัก”

    “กูฟ่าง มึงนี่เจ๋งดีวะ หึหึ แต่หน้าหวานไปนิดไม่งั้นกูจะยัดเมียไอ้ภูมิให้มึงเลย" มาว่ากู หน้ามึงนี่ไม่หวานเลยเนอะฟ่าง

    จากนั้นพวกผมก็กินก็คุยกันไปจนผมเริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่อีกสามคน ก็ผู้ชายน่ะนะเหล้าเข้าปากคุยถูกคอแปบเดียวก็จูนกันติด และแม้ว่าผมจะสนิทกับไอ้มิคไอ้เบียร์ไอ้ฟ่างภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ผมกับไอ้ภูมิกลับไม่ได้คุยกันแม้แต่คำเดียว ไม่รู้จะมีใครสังเกตเห็นรังสีมาคุระหว่างผมกับมันรึเปล่า
     
    บรรยากาศระหว่างผมกับมันเป็นอะไรที่อึดอัดมากหรือบางทีอาจจะมีผมคนเดียวก็ได้ที่รู้สึกแบบนั้นเพราะไอ้ภูมิก็ดูปกติดี ถึงจะอย่างงั้นก็เหอะจะให้ผมคิดน้อยได้ไงละผมกลัวความลับแตกนิ เกิดมันบ้าเลือดขึ้นมาสั่งผมตอนนี้ไม่จบหรอชีวิต
     
     พอพวกผมเริ่มกึ่มได้ที่ไอ้มิคไอ้คิวไอ้เชนก็ออกล่าเหยื่อ ทั้งที่มีเหยื่อเดินมาหาถึงที่แต่ไม่เสรือกแดก บอกไม่ใช่แนว ชอบออกหาเอง เหลือไอ้เบียร์ที่นั่งตาหวานโปรยเสน่ห์หายาแฝดบ้าบอของมันไป ปกติตามันก็หวานน่าหลงอยู่หรอกแต่พอมีแอลกอร์ฮอลเข้าร่างตามันเชื่อมยังกับดูดเนื้อมา หวั่นว่ามดจะกัดตามันได้


    ส่วนไอ้ปันก็อ้อแอ้ชวนไอ้ภูมิถกปัญหายุบสภา ไอ่นี่เมาทีไรวิญญานนักปกครองออก ส่วนไอ้ฟ่างกับไอ้แทนจะสิงกันแล้วครับ ผู้หญิงครึ่งผับนั่งซับน้ำตากันเป็นแถวดูผู้ชายหล่อลากสองคนไซร้กัน
     

    "อื้อ แทนอย่ากัด ไอ่แทนกูเจ็บ ไอ้แทน!!" ไอ้ฟ่างถีบไอ้แทนออกจากคอ ฟ่างมันดุจริงเว้ยมิน่าถึงเอาไอ้แทนอยู่ ไอ่ฟ่างมองไอ่แทนตาขวางแต่ไอ้แทนมองไอ้ฟ่างตาเยิ้มเริ่มเมาแล้วมั้งมัน
     

    "เพื่อนมึงเป็นหมา มึงรู้มั้ย" ไอ่ฟ่างหันมายักคิ้วให้ผม

    "กูรู้มานานแล้ว แต่เพิ่งรู้ว่าเป็นหมาบ้าเซกส์"ไอ้แทนไม่ได้สนใจที่เพื่อนกับแฟนรุมด่าเพราะมันมัวแต่เอาหัวไปซุกคอไอ่ฟ่าง รอบนี้อาจจะไม่ใช่แค่ถีบแต่อาจเจอเตะก้านคอด้วยก็ได้นะเพื่อนแทน ผมเลิกสนใจฉากเรทเบาๆของมันสองตัว มองสาวๆโยกย้ายส่ายสะโพกแจ่มลูกตากว่ากันเยอะ แอบเห็นไอ้คิวป้อสาวอยู่มุมใกล้ๆด้วย


    "พีม" ไอ้เบียร์เรียกผมเสียงหวานพอๆกับตามัน นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะคงอ่อนระทวยยอมเป็นเมียมันแม้มันจะไม่เอ่ยปากขอ ไม่แปลกใจเลยที่พี่ท่านจะได้เบอร์สาวๆทั้งที่นั่งอยู่กับที่

     "ไรมึง อยากได้แซมบัคทาตาหรอ"

    "เชี่ย กูจะถามมึงว่าผู้หญิงโต๊ะนั้นมองกูหรือมองไอ้ฟ่าง"

    "ไหนวะ โต๊ะไหนๆ"ผมก็มองตามพิกัดที่ไอ้เบียร์มันบอก

    "นั่นไง ที่นั่งกันอยู่สามคน เห็นมั้ยคนที่ใส่เสื้อกล้ามน่ะ"

    "อ๋อออ อืมกูว่ามองทั้งคู่มองไอ้ฟ่างแบบเสียดายแต่มองมึงแบบอยากเสียตัว"สาวสวยผมยาวเป็นลอนคลื่น หุ่นดีแต่หน้าอกไซส์ประถมกำลังนั่งทอดสะพานจนเหลืองเกรียมไว้รอไอ้เบียร์ข้ามไปแดก

    "หึหึ ตาถึงๆ นั่นเมียเก่าไอ้ภูมิ" น้ำแข็งเกือบติดคอผมครับ ไอ้เจ้าของชื่อก็เลิกมองโต๊ะที่ไอ้ปันใช้เป็นศาลเตี้ยพิณาร่างรัฐธรรมนูญ มันหันมามองไอ้เบียร์

    "เรียกกูหรอ"
     

    "เปล่า กูแค่ชี้เมียเก่ามึงให้ไอ้พีมดู พี่ไอซ์ดาวบัญชีปีสาม คุ้นมะ" ไอ้ภูมิขำหึในคอ มันมองผ่านไปยังผู้หญิงโต๊ะนั้น แล้วหันมามองหน้าผม ผมอ่านสายตามันไม่ออกเลยจริงๆคงจะอวดมั้งว่าเมียเก่าเด็ด เฮอะ ไม่เห็นแคร์

    และแล้วราตรีแห่งสีสันก็ผ่านพ้นไปช้าๆทว่าเต็มไปด้วยความสุขสนุกสุดเหวี่ยง ยิ่งดึกก็ยิ่งมันส์ ยิ่งมันส์ก็ยิ่งมั่ว จนเข็มนาฬิกาชี้มาที่เลขหนึ่งแล้ว ได้เวลาบอกลาน้ำเมาและสาวสวยแล้วสิ
     

    "เฮ้ยคิว มึงขับรถไหวมั้ยวะ" ไอ้เชนหิ้วปีกไอ้ปันที่ชี้ไม้ชีมือพยายามพูดกับกระเป๋าเสื้อตัวเองหมดสภาพมากไอ่คออ่อนเอ๊ย ส่วนไอ้มิคลงไปนอนเกาะขาไอ้ฟ่างมันท่องสูตรแคลห่าไรไม่รู้ผมกับไอ้เบียร์ต้องดึงมันขึ้นมายืน 

    ไอ้คิวมันไม่เมาเท่าไรแต่ก็ไม่น่าจะขับรถไหว เพราะมันกำลังโก่งคออ้วกอยู่ข้างๆล้อบีเอ็มคันงามของตัวเอง มีอย่างเดียวที่ทำให้มันไม่เหมือนหมาคือการยกมือขึ้นมาสบัดกลางอากาศ เป็นสัญญานว่ากูไม่ไหว
     

    “เอาไงวะพวกมึง”ไอ่ฟ่างที่พยุงไอ้แทนและต้องแกะไอ้มิคออกจากขามองหน้าคนที่ยังเหลือสติอยู่อย่างขอความเห็น


    “มึงพาไอ้ปันกลับคอนโดนะเชน ส่วนไอ้คิวกับไอ้มิคเดี๋ยวกูจะพากลับเอง ส่วนพวกมึงสองผัวเมียก็กลับไปได้แล้วไป ห่าแทนจะตายแล้ว”ไอ้เบียร์เสนอ ปกติไอ้แทนไม่ใช่คนที่จะเมาง่ายๆแต่วันนี้มันดีใจที่ได้เปิดตัวแฟนให้เพื่อนรับรู้แถมเพื่อนยังเข้าใจอีกมันเลยฉลองให้ตัวเองยังกับอาบเหล้า ความซวยเลยมาตกที่ไอ้ฟ่าง

    "อ้าว แล้วกูละ" คือผมมากับไอ้คิว ไอ้ปันมากับไอ้เชนแล้วแบบนี้ผมจะกลับยังไง

    “มึงก็กลับกับไอ้เบียร์ดิ เบียร์มึงไปส่งไอ้พีมด้วยนะ”

     
    "เดี๋ยวกูไปส่งมันเอง" อยู่ๆคนที่เพิ่งกลับจากการเคลียร์บิลล์ก็ออกมาพูดประโยคเด็ดทำเอาทุกสายตาจับจ้องไปที่มันอย่างไม่อยากจะเชื่อ โดยเฉพาะผม มันเมาหรือเปล่าวะ

    “ทำไม มองไร”ไอ้ภูมิมองกราด มันรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าตัวเองพูดอะไรออกมา

    “เออๆงั้นเอาตามนี้ไอ้พีมมึงกลับกับไอ้ภูมินะ ปัน ไอ้ปันลุกเว้ย” ไม่นะเชน มึงอย่าปล่อยกูไว้กับปีศาจนะเพื่อน ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนขอความเมตตาไปให้ไอ้เชนแต่มันก็ไม่สนใจเพราะมัวแต่จะแงะไอ้ปันออกจากประตูผับ
     
    ไอ้ฟ่างกับไอ้แทนก็ขึ้นรถขับออกไปแล้ว ตัดช่องน้อยแต่พอตัวจริงๆไอ้คู่นี้  ไอ้เบียร์ก็ต้องรับศึกหนักทั้งหิ้วไอ้มิคไหนจะต้องลากไอ้คิวขึ้นรถอย่างทุลักทุเลผมเลยต้องเข้าไปช่วยยัดเพื่อนใส่ในรถ ลากันสองสามคำไอ้เบียร์ก็ต้องรีบออกรถเพราะไอ้มิคจะกระโดดลงมาเตะบอล

    เฮ้อ กูเหนื่อยแล้วนะไอ้พวกเพื่อนเวร แต่ผมยังไม่ได้กลับง่ายๆหรอกครับเหลือไอ้ปันที่ยังไม่ยอมพรากจากประตูผับง่ายๆ ผมกับไอ้เชนอายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจนอยากกระทืบไอ้ปันให้มันนอนตายอยู่ตรงนี้


    “ปัน ไอ้ปันเว้ย ลุกดิวะ เร็วๆกลับบ้าน”ผมคุกเข่าลงข้างๆมันแล้วตบแก้มมันแรงๆ

    “อือออออ”

    “ปันลุก ไม่งั้นกูปล่อยไว้นี่จริงๆนะ”ไอ้เชนใช้เท้าเขี่ย สารพัดวิธีที่พวกผมใช้ปลุกไอ้ปันแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะลืมตาขึ้นมาแต่อย่างใด

    “เออ ไม่ตื่นใช่มั้ยมึง พีมหลบ”คราวนี้ไอ้เชนถีบเลยครับ แต่ไอ้ปันก็ยังไม่หลุดจากประตูผับไอ้ภูมิที่เพิ่งไปเอารถมาเลยต้องมาช่วยอีกแรงแต่ก็ไม่เป็นผล พวกเราสามคนถึงกับหอบแดกกันเลย นี่หรอที่เค้าเรียกว่าฤทธิ์คนเมา พวกผมเลยได้แต่ยืนดูไอ้ปันทำปฏิกิริยากับประตู จนปัญญากับมันจริงๆ


    “ปัน ไอ้ปัน …อ่าวเฮ้ย”ไอ้เชนมันเหนื่อยเลยเอานิ้วชี้จิ้มไหล่ไอ่ปันแต่มันเสืรอกหลุดจากประตูซะงั้น ไอ่ควายยยยยยยยยยย ทีตอนถีบตอนดึงละไม่สะดุ้งสะเทือนหรอกแต่พอถูกสะกิดดันหลุดซะได้ หรรษาดีจริงๆชีวิตเพื่อนกูแต่ละคน หรือจะจริงที่มันไม่นิยมความรุนแรง

    แต่กว่าจะพามันขึ้นรถได้ผมสามคนก็เพลียไปตามๆกัน ไอ้เชนโบกมือให้ผมกับไอ้ภูมิแล้วขับรถออกไป ผมก็ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง แต่พอคิดได้ผมกลับรู้สึกห่วงตัวเองมากกว่า ให้ผมกลับด้วยก็ได้นิหว่า ทำไมทิ้งกันแบบนี้วะ
     

    “จะกลับได้หรือยัง ยืนเป็นกุมารทองขวางทางชาวบ้านอยู่ได้”ไอ้ภูมิยืนเท่ห์กอดอกพิงรถ เฮอะถ้าผมเป็นกุมารทองจริงๆผมจะสิงมันคนแรกเลย

    “เออ”

    “พี่ครับ ซื้อดอกกุหลาบให้แฟนมั้ยครับ”ก่อนที่เรา แหวะ เปลี่ยนๆ ก่อนที่ผมกับมันจะก้าวขึ้นรถก็มีน้องผู้ชายตัวเล็กหอบกุหลาบมายื่นขาย เล่นเอาผมกับไอ้ภูมิงง คิ้วไอ้ภูมิเริ่มขมวดนิดๆผมละสงสารน้องตัวเล็กนี่จริงๆไอ้ภูมิมันต้องตะเพิดเด็กแน่ ผมกำลังจะอ้าปากบอกให้น้องรีบไปก่อนจะถูกไอ้ภูมิแดกหัว แต่อยู่ๆมันก็ยกมือขึ้นลูบหัวน้อง เฮ้ย ผมเมาจนตาลายป่ะวะ

    “พี่ไม่มีแฟนหรอก”

    “ก็พี่คนนั้นไง”เฮ้ย!!!น้องแมร่งชี้มือมาที่ผมเว้ย OoO

    “เฮ้ย ไม่ใช่ๆ พี่เป็นผู้ชายครับน้องพี่ไม่ใช่แฟนมัน” ผมรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน เชี่ยภูมิมันเหยียดยิ้มแล้วควักตังแบงค์พันเพื่อแลกกับดอกกุหลาบสิบกว่าดอก

    “พี่เหมาหมดเลยแล้วกัน”

    “หมดนี่แค่สองร้อยครับพี่”

    “ไม่เป็นไร วันนี้พี่ถูกหวย” น้องยื่นดอกกุหลาบให้ไอ้ภูมิ แถมยังยกมือไหว้ก่อนรับเงินพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ผมมองน้องด้วยความสงสารและชื่นชมตัวเล็กแค่นี้แต่ต้องมาทำงานหาเงินดึกๆดื่นๆ

    เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองโตเป็นควายขนาดนี้ยังไม่เคยหาตังเองเลยซักบาท แต่ภาพไอ่ภูมิกับเด็กก็น่ามองไปอีกแบบแฮะ น้องไหว้ไอ้ภูมิอีกครั้งก่อนจะวิ่งจากไป อยากให้น้องเจอลูกค้าแบบไอ้ภูมิทุกวันจัง

    “อ่ะ” อยู่ๆมันก็ยื่นดอกกุหลาบมาตรงหน้าผม งงสิครับ

     “อะไร”

    “ดอกกุหลาบไง มึงไม่รู้จักหรอ”

    “รู้จักโว้ย แต่มึงเอามาให้กูทำไม”

    “ขี้เกียจเดินไปทิ้งขยะ หรือไม่เอาจะได้ทิ้ง”ปากกับมือมันไวพอกันเลยครับ ไอ้ภูมิทำท่าจะเขวี้ยงดอกกุหลาบลงพื้นผมคว้าไว้แทบไม่ทัน

    “เฮ้ยๆเอาๆทิ้งได้ไงวะสงสาร”ผมรีบตะครุบดอกไม้กำนั้นมาไว้ในกำมือ มันยิ้มมุมปากเลวๆแบบที่มันชอบทำก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ




    ..............................................................................




    ตลอดทางกลับบ้านไอ้ภูมิก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับผมเลยซักคำ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วมันเป็นคนยังไงกันแน่แต่ถ้าพวกไอ้คิวไอ้แทนคบมันเป็นเพื่อนได้ก็แสดงว่ามันก็น่าจะดีพอตัว ซึ่งบางครั้งผมเองก็พอจะสัมผัสได้แหละนะ
     

    อย่างตอนที่มันซื้อดอกกุหลาบจากน้องคนนั้นทั้งแววตาที่ดูอ่อนโยนและการลูบหัวเหมือนเอ็นดูที่ทำเอาผมอึ้งไปสามสิบแปดวินาที แต่บางทีมันก็เย็นชา บางครั้งก็กวนตีน หรือบางทีมันก็น่ากลัวจนแทบคาดไม่ถึง เฮ้อ แล้วทำไมผมต้องมาทำความเข้าใจมันด้วยละเนี่ย


    หรือเป็นเพราะดอกกุหลาบสิบดอกในมือนี่แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ผมอยากเข้าใจภูมิผมว่ามันก็คงไม่สำคัญมากไปกว่าดอกกุหลาบในมือที่ทำให้ผมยิ้มได้และยอมรับตรงๆเลยว่าผมกำลังปลื้มใจมากๆ
     

    "มองไร"

    "หา?"

    "กูถามว่ามองกูทำไม"

    "กูเปล่ามองเหอะ อย่าหลงตัวเอง"

    "หึ หลงความหล่อกูแล้วละสิ" ผมหันไปจ้องหน้ามัน ที่ทำหน้ายียวนกวนตีนอยู่

    "อื้มมมม หล่อมาก หล่อที่สุด สุดจะหล่อแล้วมึงน่ะ" มันยักไหล่ผมเลยหันออกไปมองนอกรถ ไม่มองก็ได้ ชริส์แค่นี้ทำเป็นหวง

    "เฮ้ย ไม่ใช่ทางกลับบ้านกูนิ"

    "ใช่ก็แปลกเพราะกูจะกลับคอนโดกู"
     

    "งั้นมึงจอดเลยๆ กูจะกลับบ้าน ไอ่เวรแล้วก็ไม่บอก กูจะได้ลงตั้งแต่ราชเทวีแม่รงเลยมาซะไกล อ่าวเฮ้ยจอดดิวะ"ผมโวยวายลั่นรถที่ไอ้ภูมิไม่ยอมจอดให้ผมลง มันขับเลยมาตั้งไกลกว่าผมจะหารถกลับได้คงถึงบ้านตอนหกโมงเช้า


    "กูบอกตอนไหนว่าจะให้มึงกลับ"

    "อ่าว"ผมงงมากเลยตอนนี้ แรมอืดแล้ว ไม่ให้ผมกลับแล้วจะให้ผมไปไหน
     

    "คืนนี้ไปนอนคอนโดกู" OoO เย้ดเข้ ผมถูกผู้ชายหิ้วขึ้นคอนโด กูว่าแล้วทำมาเป็นให้ผมเป็นเบ๊งั้นงี้ ที่จริงมันแอบชอบผมแล้วหวังฟันผมแหง แสรดดดดดดดดดดดดด เลว

    "เลิกทำหน้าบ้าเหมือนพวกเมากัญชาซะที ที่กูให้มึงไปนอนคอนโดกูเพราะวันหลังจะได้มาถูก มึงต้องมาทำความสะอาดห้อง อย่าบอกนะว่าลืม" ผมกัดฟัดกรอดๆอายสิครับงานนี้คิดอารายออกไปไอ้พีม ห่าภูมิก็นะยังกับมันนั่งทางในแม่งรู้ไปซะทุกเรื่อง

    ก็ในเมื่อมันต้องการแบบนี้ผมจะค้านอะไรได้ละครับเลยต้องโทรไปบอกอาปุ้ยว่าจะนอนห้องเพื่อนเพราะต้องอยู่ทำรายงานตอนเช้า หึหึ โกหกอีกแล้ว แถมผมยังเลือกใช้topicยอดฮิต ติดทำรายงาน อาครับพีมขอโทษ Y__Y

    ไม่นานเมอร์ซีเดสคันงามก็เข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโดหรูใจกลางย่านธุรกิจ ผมพาร่างกายที่มึนๆอึนๆเดินตามไอ้ภูมิขึ้นลิฟต์ ดีว่ามีผู้หญิงสองคนเข้ามาด้วยผมเลยไม่ต้องทนอึดอัดเท่าไร พี่ผู้หญิงสองคนกดชั้นหกแต่ผมเห็นไอ้ภูมิกดชั้นสิบห้า ว้าว อยู่ชั้นสูงสุดเลยนะมึง
     

     ติ้ง~~
     แล้วลิฟต์อันไฮโซโก้หรูก็เปิดออกให้เท้าของผมได้สัมผัสกับพื้นคอนโดชั้นสิบห้า


    "ออกมาดิ หรือจะนอนในลิฟต์" ไรวะก็คนมันง่วงขอพักสายตาบ้างสิ คือผมไม่เมาก็จริงครับ แต่รู้สึกมึนเวียนหัวและง่วงชิบหาย เลยเดินตามคุณชายภูมิไปแบบงงๆจนมาถึงห้องที่มีตัวเลข1501 แกะสลักไว้กลางประตูบานใหญ่
     

    "โหหหหหห หรูโคตร"ทันทีที่มันเปิดประตูเข้ามาผมก็ต้องตะลึงคือรู้แหละว่าไอ้ภูมิรวยแต่ไม่รู้ว่าจะขนาดนี้นี่มันอะไรกัน มันห้องอะไรทำไมทั้งหรูทั้งกว้างขนาดนี้ ผมแอบทุบหัวมันแล้วยกเค้าคงรวยไปสิบชาติ ฮี่ฮี่

    มัวแต่ยืนชื่นชมความหะหรูหะหรา อยู่ๆก็มีอะไรซักอย่างลอยมาปิดหน้า ชะรอยว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัวและแล้วผมก็เดาถูก มันใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นอะไรวะหอมอ่ะ
     

    "ยืนเอ๋ออยู่ได้ ไปอาบน้ำดิ นั่นเสื้อผ้า"ผมเบะปากใส่มันแล้วเดินไปหาแจกันปักดอกกุหลาบก่อนจะหยิบชุดนอนซึ่งน่าจะเป็นของมันเข้าห้องน้ำ โอ้วว ผมว่าห้องน้ำไอ้ภูมิใช้เป็นที่จัดงานกาล่าดินเนอร์ได้สบายๆเลยนะเนี่ย ที่ขี้ของคนรวยมันสวยอย่างนี้เลยหรอวะ เมื่อชื่นชมความงามของห้องน้ำจนสาแก่ใจผมจึงจัดการเปลื้องผ้า อิอิ เลือกใช้คำได้แหล่มมากมึงไอ่พีม กรั่กๆ^o^


    ผมใช้เวลาอาบน้ำเกือบๆยี่สิบนาที น้ำอุ่นๆช่วยคลายอาการแฮ้งค์สุราได้ดีมากเลยครับ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ อาบเสร็จก็ขอยืนชื่นชมความหล่อของตัวเองหน้ากระจกอีกนิดหน่อยละกัน

    ผมมองตัวเองในคราบชุดนอนที่สะท้อนอยู่ในกระจก โคร่งมากต้องพับแขนเสื้อกับขากางเกงสามสี่ทบ ทำไมผมต้องตาโตด้วยวะ ทำไมต้องปากสีแดงๆส้มๆด้วย ทำไมต้องตัวขาวด้วย ทำไมต้องเตี้ยด้วย ทำไมกูไม่หล่อ ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกกกก
     

    ปัง ปัง

    “เฮ้ย ไอ้เตี้ยตายยังวะ” ก่อนที่ผมจะบ้าก็มีเสียงมารมาขัด ฮึ๋ย

    “เออๆเสร็จแล้ว”ผมตะโกนตอบพร้อมกระชากประตูออกมา ไอ้ภูมิก็อยู่ในคราบชุดนอนเหมือนกัน มันก้มลงมองผมดุๆ

    “นาน”
    “กูขี้อยู่ แล้วนี่มึงเปลี่ยนชุดนอนอาบน้ำยังวะ ยี้ ซกมกน้ำไม่อาบแต่เปลี่ยนชุด โอ๊ย ตีกูทำไม”ไอ่ภูมิดีดหน้าผากผม แรงไปแล้วนะเฟ้ย


    “กูอาบแล้วเหอะ ห้องน้ำในห้องนอนกูมี บ้านนอก”


    "เออกูมันบ้านนอกแล้วไม่ทราบว่าคุณชายจะให้ไอ้บ้านนอกอย่างกูนอนไหนครับ" นิ้วชี้ยาวๆขาวๆเรียวๆของเชี่ยภูมิเลยผ่านหน้าผมไปในระดับสายตาผมค่อยๆหันมองตามนิ้วมันอย่างสโลโมชั่น เพื่อ??  

    รู้มั้ยครับว่านิ้วชี้กระแดะๆของมันไปหยุดไว้ตำแหน่งไหนของห้องสุดหรูแห่งนี้ โซฟาครับพี่น้อง ตามที่ผมคิดไว้เปะ ก็ยังดีละว๊า โซฟามันออกจะนุ่มจะกว้าง ผมนอนได้สบายๆอยู่แล้ว

    “งั้น บ๊ายบายราตรีสวัสดิ์” ผมตบหน้าอกมันสองสามทีประกอบกับทำหน้ากวนตีนอีกเล็กน้อยแล้วค่อยลอยละล่องมาปิดไฟแต่เสืรอกกดผิดสวิชต์กลายเป็นเปิดไฟห้องครัวซะงั้นแอบได้ยินเสียงหมามันหัวเราะเยาะด้วย ทำไมละ ก็ไม่ใช่ห้องผมอ่ะ หน้าแตกอีกแล้วกู  งั้นไม่ปิดแล้วแม่ง
     

    ผมล้มตัวลงนอน อายครับอาย ไม่นานนักไฟห้องนั่งเล่นก็ดับลงพร้อมๆกับเสียงปิดประตูไอ่ภูมิมันคงเข้าห้องนอนไปแล้ว ทั้งที่ง่วงแต่ผมกลับนอนไม่ค่อยหลับอาจเพราะมันแปลกที่มั้งครับอีกอย่างคือหนาวด้วย


    ผมเป็นพวกความดันต่ำขี้หนาวแล้วห่าภูมิแม่งเปิดแอร์ยังกับมันเป็นนกแพนกวิน สาดด มึงจะบิ้วว่าอยู่ขั้วโลกเหนือรึไง
     

    ผมปรับสายตาให้ชินกับความมืดซึ่งจริงๆก็ไม่มืดเท่าไรเพราะมีแสงเหลืองนวลจากโคมไฟตรงบาร์ห้องครัวพอทำให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ผมเดินไปปรับแอร์แล้วกลับมานอนก็ยังนอนไม่หลับ

    หมาภูมิใจคอมึงจะไม่เอาผ้าห่มให้กูเลยใช่มั้ย ตอนแรกผมแค่หนาวซักพักผมเริ่มหนาวสั่น จนต้องโอบกอดตัวเองรู้สึกว่าตัวผมเย็นเฉียบ
     

    ~ฟลุ่บ ~


    อยู่ๆก็มีผ้านวมผืนนุ่มลอยมากองบนตัวผม ผมลุกขึ้นมองเห็นไอ้ภูมิยืนกอดอกพิงประตูอยู่
     


    "เดี๋ยวมาตายในห้องกู"

    "เพิ่งคิดได้นะมึง ไอ้คนใจดำ ใจร้าย"

    "มึงกล้าด่า..."

    " เฮ้ย!!!/เฮ้ย!!!"
    ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือไอ้ภูมิมันเดินเข้ามาจะเอาเรื่องผมแล้วจากนั้นก็มีอะไรนิ่มๆมาโดนแก้มผม แว้กกกกกกก ปากไอ้ภูมิ หัวใจผมเต้นจนแทบระเบิด มันสูบฉีดยังกับไปวิ่งรอบสนามมาสิบแปดรอบ

    แล้วต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่รู้รู้แต่ตอนนี้ไอ้ภูมิล้มมาคร่อมอยู่บนตัวผมแล้วปากหรือไม่ก็จมูกมันทิ่มแก้มผมเต็มๆ จากนั้นก็เหมือนฉากในละครน้ำเน่าหลังข่าวทั่วไปคือเราสบตากัน


    ผมสบตาคมโตสีดำขลับคู่นี้แล้วเหมือนใจมันเต้นแปลกๆมันเต้นแรงมากและที่สำคัญผมละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
     

    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรที่หัวใจผมยังเต้นคร่อมจังหวะ นานเท่าไรที่ผมกับภูมิไม่คิดจะผละออกจากกัน มัน นาน เกิน ไปแล้วโว้ยยยยยยยย
     


    "ละ ละ ลุกดิสัด กูหนัก แม่งทับมาได้" พอได้สติผมก็ผลักมันออกทันทีดีนะที่มีผ้านวมผืนโตกั้นเราเอาไว้ ไม่อย่างนั้นละก็ไอ้พีมเอ๊ย ตัวต่อตัว
     


    ห๊ะ
    ? เมื่อกี้ผมคิดอะไรนะ ผมรู้สึกอะไรวะ
     
     


    เวรแล้วไง ผมใจเต้นกับผู้ชายด้วยกัน ผมใจเต้นกับไอ้ภูมิ โอ้ก๊อด เกิดอะไรขึ้นกับโผ้มมมมมมมมมม


    Y __Y
     
     


     TBC>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     


    ..........................................................
     



     Talk: อ่านกันตาแหกเลยทีเดียว ยาวยิ่งกว่ารางรถไฟแม่สาย-สุไหงโกลกอีกนะคะพี่น้อง
    ตอนนี้นายพีมของเราชักจะยังไงๆแล้วสิคะ ส่นตอนที่แล้วแอบฮามีแต่คนด่าพระเอก ไอ้คุณภูมิมันเครียดนะนั่นเห็นบ่นๆว่ากลัวรีดเดอร์จะเอาเปลือกทุเรียนดักปาหัวแล้วลากไปข่มขืน ฮ่าฮ่า แต่คงไม่ใช่ใช่มั้ยคะ เพราะ
    รีดเดอร์เค้าออกจะเรียบร้อย มาแบบนิ่งๆกันทุกคนหรือซุ่มวะคะ หึหึ

    สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยอ่านไปก็ฮาไปแต่ละคนใส่อารมณ์ยิ่งกว่าคนแต่งซะอีก แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการนะคะ ^__________^
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×