ประตู
ทำไมโลกนี้ต้องมีความลับ : ผมถามเพื่อน
อาจเป็นเพราะความลับนั้นเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับการต้องอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ : เพื่อนตอบ
แล้วทำไมมนุษย์ถึงต้องการอยากรู้อยากเห็นความลับล่ะ : ผมสงสัย
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน รวมทั้งแก : เพื่อนตอบ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าเรื่องไหนเป็นความลับเรื่องไหนไม่ได้เป็นความลับ : ผมถามต่อ
ง่ายมาก ถ้าเป็นเรื่องลับ ๆ มันมักจะถูกซ่อนไว้เป็นความรักไม่ให้คนอื่นได้รับรู้ : เพื่อนตอบ
มันจะถูกซ่อนไว้ที่ไหนล่ะ :  ผมถามด้วยความอยากรู้
ความลับ บอกไม่ได้ : เพื่อนตอบอย่างไม่สนใจ
ทำไมบอกไม่ได้ : ผมเซ้าซี้
เพราะแก้ต้องค้นหาเอง : เพื่อนตอบเป็นปริศนา
//
ธรรมชาติของประตูคือกั้นกลางระหว่างห้องสองห้อง เมื่อเราเปิดประตูเราก็จะเห็นดินแดนอีกแห่งที่หลังประตู เมื่อเราก้าวพ้นประตูเราก็จะก้าวข้ามไปสู่ดินแดนอีกแห่ง เราจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังประตูถ้าเราไม่เปิดมันดู ประตูจะไม่มีทางเปิดรอต้อนรับเราเลยถ้าเราไม่รู้จักเดินเข้าไปเปิดมัน
ในโลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่เราไม่รู้ มีเรื่องราวมากมายที่ถูกปิดไว้กลายเป็นความลับสำหรับเรา บางครั้งที่เราไม่สนใจ เราอาจจะไม่เคยต้องการรับรู้เรื่องใด ๆ เลยนอกจากเรื่องของเรา คงเป็นเพราะว่าเราไม่ต้องใส่ใจสิ่งใด ๆ ที่ถูกขีดออกปิดกันไม่ให้เราได้รับรู้ที่หลังประตู
เราอาจจะเคยชินอยู่ในห้องส่วนตัว ห้องที่เราพอใจที่จะมีความสุขอยู่กับมัน พอใจที่จะอยู่กับความจำเจเดิม ๆ ในชีวิตที่เรียบง่ายปกติ โดยไม่ต้องการไขว้คว้าและรับรู้อะไรนอกเหนือไปจากนี้ เพราะคิดว่าการอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ตรงนี้มันก็ไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนอะไร
การใช้ชีวิตแบบนี้มันเคยทำให้เรารู้สึกซ้ำซากจำเจบ้างหรือเปล่า ?
ในชีวิตสั้น ๆ ของมนุษย์มีสิ่งสวยงามมากมายให้เราเดินไปค้นหา มีความลับมากมายรอให้เราพิสูจน์รับรู้ มันจะเป็นสิ่งที่ยุติธรรมสำหรับหรือ ถ้าในทุก ๆ วันเรามัวแต่นั่งนิ่งเฉย ๆ อยู่ในห้องเดิม ๆ อยู่กับชีวิตเดิม ๆ เป็นประจำ โดยไม่คิดที่จะออกไปแสวงหาความแปลกใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชีวิต
อย่ามัวคิดกังวลไปว่าความแปลกใหม่ที่เราจะเปิดใจเปิดรับเข้ามานั้นจะทำร้ายชีวิตเราย่อยยับ อย่าไปมัวกังวลว่าประสบการณ์จะทำให้เราท้อแท้สิ้นหวัง อย่าหลงคิดว่าความลับที่หลังประตูนั้นจะเป็นหนามแหลมทิ่งแทงใจเรา
ความลับจะเป็นความลับตลอดไปถ้าเราอยากให้มันเป็นอย่างนั้น เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่หลังประตูนั้นมีแสงสว่างหรือว่าความมืด ถ้าเราไม่เปิดมันดูให้เห็นกับตา
ถ้าประตูที่เราเปิดมันเป็นความมืดกว่าที่เรายืนอยู่ เราปิดมันแล้วกลับมายืนที่เดิม แม้เราจะคิดว่าไม่ได้อะไรจากการเปิดประตูบานนั้น แต่ที่จริงแล้วเรากลับได้ความลับที่หลังประตูนั้นกลับมาให้เราได้รู้
ไม่ต่างกับชีวิต มีเรื่องราวหลายอย่างที่เราคิดจะทำแต่เรายังไม่ลงมือทำ เราได้แต่คิด แต่พอถึงวันหนึ่งเราเปิดประตูความคิดบานนั้นดู เราก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่อยากจะทำนั้นความจริงมันเป็นอย่างไร แม้สิ่งนั้นมันอาจจะไม่ดีอย่างที่เราคิด เราบอบช้ำกลับมาอย่างไม่ได้อะไรมีแต่เสียกับเสีย แต่อย่างน้อยเราก็ได้ความลับที่เราข้องใจมานานกลับมา ไว้ใช้เป็นประสบการณ์ในการใช้ชีวิตต่อไป แต่บางครั้งความลับที่เราอยากรู้นั้นมันอาจจะเป็นเรื่องดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่หลับประตูนั้นมีแสงสว่างซ่อนอยู่ แสงสว่างทำให้เรารู้สึกดีกับความอบอุ่นในนั้น เรื่องเหล่านี้มันจะเป็นแรงเสริมผลักดันให้เราก้าวเดินต่อไปข้างหน้า สู่ประตูบานต่อไป
ประสบการณ์ได้มาจากการเรียนรู้ มันจะมีสุขบ้างทุกข์บ้างก็ไม่แปลกอะไร แต่เราจะไม่เคยรู้สึกความสุขหรือความทุกข์สักครั้งเลย ถ้าเราไม่รู้จักหาประสบการณ์
ทุก ๆ คำตอบที่เราอยากรู้ มันอยู่รอบ ๆ ตัวเรานี้เอง...ที่หลังประตูทุกบาน
//
แกชื่ออะไร : ผมถามเพื่อน
......  : (เพื่อนเงียบ)
แกหน้าตาเป็นอย่างไร สูงต่ำดำขาว : ผมถามอยากรู้
................... : (เพื่อนเงียบ)
แกกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมเงียบไป : ผมอยากรู้จนกระวนกระวาย
......................... : (ไม่มีคำตอบกลับมา)
นานเท่านานจนผมอดทนไม่ไหว
แกยังอยู่หรือเปล่า : ผมถามเสียงดัง
อยู่ : เพื่อนตอบเบา ๆ กลับมา
ทำไมเงียบไปล่ะ!!! : ผมถามด้วยความโมโห
ขี้เกียจตอบ : เพื่อนตอบ
ทำไม ?  : ผมถามซักไซ้
อยากคุยกันอย่างนี้ตลอดไป หรือว่าอยากเปิดประตูมาคุยกัน : เพื่อนตอบ
ก็... : ผมยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าประตู
ประตูล๊อคหรือเปล่า ?  : ผมถาม
แกจะรู้ได้ยังไงว่าประตูล๊อคทั้ง ๆ ที่แกไม่เคยเอามือจับลูกบิดสักครั้ง : เพื่อนตอบ
ความเงียบฝังอยู่ในหัวผมนานเท่านั้นที่หน้าประตู
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น