ปากกา
เวลาอยู่ว่าง ๆ ผมมักจะนั่งเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยลงบนกระดาษ บางครั้งผมนั่งเขียนอะไรก็ไม่รู้ได้เป็นวัน ๆ ทั้ง ๆ ที่มันหาสาระประโยชน์อะไรไม่ได้เลย กลับมานั่งอ่านอีกทีมันไม่รู้เรื่องเอาซะเลย บางครั้งผมมานั่งย้อนดูคำผิดที่มีบนหน้ากระดาษ แม้มันจะมีไม่มากเท่าไร แต่มันก็มีให้เห็นประปราย คำผิดบางคำผมรู้ตั้งแต่เพิ่งเขียนเสร็จผ่านไปใหม่ ๆ แต่บางคำผมต้องไล่ย้อนกลับมาดูหลายตลบกว่าจะเจอคำผิดเล็ก ๆ คำนั้น
//
เวลาที่เราจรดปากกาลงบนหน้ากระดาษ มันก็เป็นดั่งการถ่ายทอดความคิดในสมองถ่ายทอดเปลี่ยนแปลงให้สมองสั่งการให้มือขยับร่างตัวอักษาลงไป...ก็ไม่ต่างอะไรที่เราพูดความคิดแปลงเป็นเสียงออกจากปากเรา แปลงเป็นสำเนียงภาษาให้คนฟังได้รับรู้ การพูดเป็นการสื่อสารชนิดหนึ่งที่เราทำเป็นประจำ อยู่ทุกวันในการติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา
เราพูดออกไปให้ผู้รับสารได้ฟัง รู้รับสารได้ฟังแล้วก็แปลความหมายของสารนั้นเป็นความเข้าใจว่าเราต้องการสื่ออะไร เราพูดอะไรออกไป ถ้าเราพูดจารู้เรื่อง รื่นหูน่าฟัง การพูดจากปากก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่บางครั้งที่เราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว การพูดของเราอาจจะเป็นการสื่อสารที่ทำลายความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับเวลาที่เราเขียนหนังสือเพลิน ๆ แล้วเกิดเขียนคำผิดขึ้นมาสักคำ หรือเผลอเขียนคำผิดสักคำที่ทำให้ความหมายของทั้งประโยคเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
แม้สมองจะคิดได้รวดเร็วขนาดไหน แต่บางครั้งการแสดงออกของเราก็ไม่ได้ทำตามที่สมองสั่งการทุกครั้งไป บางทีเราอาจจะเขียนหนังสือผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งเราอาจจะพลั้งพูดคำผิดออกมาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ คำ ๆ นั้นอาจทำให้คนฟังเข้าใจเราผิด คำ ๆ นั้นอาจทำให้คนสองคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก คนใกล้ชิดกันผิดใจกันอย่างร้ายแรง ทั้ง ๆ ที่มันคือความเผอเรอ ไม่ใช่ความตั้งใจให้มันเกิดขึ้นมา
บนหน้ากระดาษมีคำผิดจากรอยปากกา ความรู้สึกของคนฟังมีความบางหมาง เคลือบแคลงกับคำที่เราพูดออกไป
คำผิดจากปลาย ปาก-กา ของเราเอง
เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อคำผิดจากปลายปาก-กา ออกจากปากเรา เราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปล่อยให้มันกลายเป็นคำคาใจอยู่อย่างนั้น หรือว่าจะคิดหาวิธีแก้ไขให้คำผิดเหล่านั้นลบหายไป
เวลาเราเขียนคำผิดลงบนหน้ากระดาษ เราใช้ยางลบ ลบ  เราให้ลิกควิดป้ายทับคำผิด  แล้วเขียนคำที่ถูกต้องลงไป แล้วถ้าเวลาเราพูดผิดล่ะ เราจะลบคำพูดเหล่านั้นลงไปได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นเพียงลมจากปากที่ปล่อยออกไป แล้วก็หายไปกับอากาศ ไม่สามารถเรียกคืนได้
“ขอโทษ” คำ ๆ นี้คงไม่ได้เป็นคำลบคำผิดที่ยากเกินไปที่เราจะพูดออกมา เวลาเราทำผิด เวลาเราพูดจาอะไรไม่ดีออกไปให้ความสัมพันธ์มันมีรอยเปื้อน คำ ๆ นี้มันเป็นการแก้ไขที่ดี และไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เพียงเราใช้ใจกลั่นออกมาเป็นคำพูด สั่น ๆ ง่าย ๆ แต่จริงใจกับผู้ฟัง
คำขอโทษที่เป็นการแก้ไข ไม่ใช่เป็นการแก้ตัว เราพูดไปเพื่อแสดงเจตจำนงว่าต้องการยอมรับผิด ไม่ใช่พูดออกไปเพื่อกลบเกลื่อนว่า เราไม่ได้ผิด เราไม่มีวันผิด มันเป็นความผิดของทุกสิ่งบนโลกนี้ที่ไม่ใช่เรา
แม้การแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดลงบนหน้ากระดาษอาจจะทำให้เกิดรอยมลทินที่ไม่สวยงามบนนั้น แต่มันก็ยังดีที่อย่างน้อยเราทำสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นสิ่งที่ถูก
ความบาดหมางทางคำพูดที่พลั้งเผลอก็ไม่ต่างกัน ความรู้สึกไม่ดีต่อกันอาจจะกลบหายไปกับคำขอโทษที่พูดออกมา แต่ความรู้สึกกับคำผิดเหล่านั้นคงยากที่จะลบเลือนหายไป แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องลำบากใจอะไร ถ้าเราจะรู้จักขอโทษคนอื่น ในเวลาที่เราพูดอะไรผิด ๆ ออกไป ยืดอกยอมรับผิดกับคำพูดที่ตัวเองพูดออกไป
คำผิดบนหน้ากระดาษเราเยอะมากมายแค่ไหนแล้ว ? เราทำอย่างไรกับคำผิดเหล่านั้น ? เรารู้สึกอย่างไรเมื่อย้อนกลับไปอ่านคำผิดเหล่านั้น ? กระวนกระวาย - เฉย ๆ - พอใจ - ไม่พอใจ - ดีใจ - เสียใจ -  หรือว่า...ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว ?
รู้สึกดีกับตัวเอง...หรือว่า...รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ?
เพราะคนที่แก้ไขคำผิดเหล่านั้นได้ดีที่สุดไม่ใช่ใครเลยนอกจากตัวเราเอง
//
หน้าดาษตรงหน้าผมเรียงรายเต็มไปด้วยตัวอักษรที่เขียนผิดลงบนนั้น บางครั้งคนอื่นมาอ่านเจอก็หวังดีบอกกับผมว่าเขียนผิดนะ บางครั้งผมอ่านเจอผมก็เห็นว่ามันยังไม่ถูกต้องนะ คำผิดเหล่านั้นผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง
ทุกครั้งที่ผมเห็นคำผิดลงบนหน้ากระดาษ ผมหาวิธีแก้ไขมันด้วยวิธีง่าย ๆ ง่ายมาก แค่ลบมันออกไปแล้วก็เขียนคำใหม่ที่ถูกต้องลงไป
คำผิดกลายเป็นคำถูก สิ่งที่เคยผิดพลาดกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
วิธีง่าย ๆ แค่นี้เอง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น