ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเล่ห์บุพเพลวง [พิมพ์คำ new star]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนพิเศษ : คนสุดท้าย...คนที่ใจบอกว่า ‘รัก’

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 59



     

    คนสุดท้าย

    คนที่ใจบอกว่า รัก

     

     

    ภาวิกาตื่นแต่เช้ามืดด้วยความกระปรี้กระเปร่าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับเต็มอิ่มตั้งแต่สี่ทุ่ม หากไม่ได้เป็นเจ้าสาวเองเธอคงไม่เชื่อว่าคืนแรกของการแต่งงานจะเหนื่อยสาหัสจนไม่สามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากอาบน้ำ เปลี่ยนชุดและปีนขึ้นเตียง

    งานวิวาห์ที่แต่เดิมคิดว่าจะจัดกันง่ายๆ เชิญแต่คนใกล้ชิดไม่กี่คนมาร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยานในการใช้ชีวิตร่วมกัน กลับกลายเป็นงานช้างเพราะคุณพรรษาอยากกู้หน้าให้ลูกชายที่เคยถูกเจ้าสาวทิ้งไปในวันแต่งงานคราวก่อน

    เธอทั้งเชิญผู้กำกับธงชัยมาเป็นเจ้าภาพฝ่ายเจ้าบ่าว คาดคั้นให้สารวัตรปริญญ์เกณฑ์ลูกน้องทั้งโรงพักมาร่วมงาน ให้โตมรปิดโรงงานหนึ่งวันหนึ่งคืนเพื่อพาคนงานมาร่วมฉลองความยินดี ยิ่งไปกว่านั้นยังขอให้หมออิสระชวนแพทย์และพยาบาลที่รู้จักมาร่วมงานให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    แรงสุดคือเชิญสื่อมาทำข่าวงานแต่งของนางเอกสาวเจ้าของวีรกรรมสุดแสบที่เป็นข่าวสะท้านวงการเมื่อหลายเดือนก่อน งานแต่งที่คิดว่าจะเล็กจึงใหญ่ยักษ์เกินความคาดหมายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวตัวจริงไปมากโข

    หญิงสาวถอนใจเบาๆ โล่งอกที่เอาชีวิตรอดและผ่านเมื่อคืนมาได้ พลิกตัวมองคนข้างๆ ก็เห็นคุณสามียังหลับอุตุโดยมีเจ้าหมาขนฟูสีขาวนอนขดเอาหัวชนกันอย่างน่ารัก อดไม่ได้ที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเก็บไว้ เธอตัดสินใจจะเก็บไว้ดูคนเดียวเพราะหากเตชิตเห็นเข้าต้องโวยวายหาเรื่องเอากับหมาอีกแน่ๆ ลำพังแค่เจ้าลัคกี้กระโดดขึ้นมานอนบนเตียงด้วยในคืนแต่งงานเขาก็หงุดหงิดมากพอแล้ว

    นึกถึงสีหน้าชายหนุ่มตอนเจ้าลัคกี้ตะกายประตูห้องหอขอมีส่วนร่วมในคืนแต่งงานของเจ้านายแล้วอดขำไม่ได้ทุกที

    บอกให้ผมสบายใจหน่อยได้ไหมว่าเจ้านี่จะไม่นอนในห้องหอกับเราด้วย

    เธอได้แต่ยิ้มประจบ กอดเจ้าลูกรักไว้แน่น

    แต่ฉันกับลัคกี้นอนด้วยกันทุกคืน จู่ๆ จะให้มันนอนตัวเดียวในบ้านที่ไม่คุ้นเคยได้ยังไง น่าสงสารออก

    ลัคกี้เป็นหมานะคุณ มันนอนที่ไหนก็ได้ ที่นอนมันก็มี แถมคืนนี้เป็นคืนแต่งงานของเราด้วยผู้ชายตัวโตเริ่มงอแง

    เธอคงทำเป็นไม่สนใจหากเมื่อคืนไม่ใช่คืนแต่งงาน เพื่อชดเชยความซวยของเขาที่มาตกหลุมรักสาวแสบอย่างเธอ ทำให้เกือบตายเสียหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ถอดใจ หญิงสาวจึงยอมประนีประนอมสักหน 

    ฉันยอมให้เอาลัคกี้ไปฝากไว้กับหมอและพี่โตระหว่างฮันนีมูนก็ได้ ถ้าคุณยอมให้มันนอนกับเราคืนนี้

    แต่ถ้าลัคกี้อยู่ในห้องด้วย คืนนี้เราก็...

    จะนอนให้เต็มอิ่มไปเลยเธอต่อให้อย่างชัดเจน เน้นหนักที่คำว่า นอนเป็นพิเศษ

    แต่นี่มันคืนแต่งงานของเรานะ เขาประท้วง ยังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว เริ่มถอดชุดสูทเจ้าบ่าวที่สวมใส่ออกทีละชิ้น เรียกว่าอ่อยกันสุดชีวิต

    หญิงสาวยิ้มกริ่ม ให้ลัคกี้นอนในห้องนี้ด้วย หรือจะให้เอามันไปเชียงใหม่ด้วย คุณเลือกก็แล้วกัน

    ด้วยข้อเสนอที่เขาไม่ค่อยมีทางเลือกสักเท่าไร ชายหนุ่มจึงยอมให้ลัคกี้นอนในห้องหอได้ แต่เขาไม่อนุญาตให้มันนอนบนเตียงด้วย ไม่รู้เจ้าตัวแสบแอบกระโดดจากที่นอนตัวเองขึ้นมาตอนไหน

    ภาวิกาสะกิดหัวลัคกี้เบาๆ หวังปลุกลูกรักให้ตื่นและลงไปนอนในที่ของตัวเอง ก่อนที่พ่อมันจะตื่นมาเจอเข้า เจ้าหมาขนฟูยกหัวขึ้น เหลียวมองเจ้านายสาว อ้าปากหาวหนึ่งทีแล้วหลับต่อ

    เธอขยี้หัวมันไปทีด้วยความหมั่นไส้ กำลังจะลากเจ้าตัวแสบลงจากเตียงแต่คนที่หลับอยู่ข้างลัคกี้ขยับตัว รวบกอดเจ้าหมาขนฟูเต็มอ้อมแขน มันเลยตอบแทนด้วยการเลียหน้าเขาด้วยความรัก

    “ตัวใครตัวมันนะลัคกี้ ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว” หญิงสาวครางก่อนจะรีบลุกจากเตียง ฉวยผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำอย่างไว พอปิดประตูเท่านั้นเสียงโวยวายจากคนเพิ่งตื่นก็ดังลั่นห้อง

    “เฮ้ย! ลัคกี้ แกขึ้นมานอนบนนี้ได้ไง ลงไปเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็หยุดเลียหน้าฉันได้แล้ว หยุด!

    เธอรีบเปิดน้ำจากฝักบัว ถูสบู่พลางฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข

     

    เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นชายหนุ่มนั่งกอดอก ทำหน้าบึ้งอยู่ที่ปลายเตียง ไม่มีวี่แววเจ้าลูกรักของเธอ อนุมานได้ว่าคงถูกพ่อมันถีบออกไปข้างนอกแล้ว

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หญิงสาวทักทายแจ่มใส

    “ท่าทางคุณอารมณ์ดีจังเลยนะ” เขากัดฟันตอบ ยังเจ็บใจไม่หายที่เผลอไปจูบกับลัคกี้เพราะคิดว่าเป็นคุณภรรยา

    ต้องมาเสียจูบแรกในเช้าหลังคืนแต่งงานให้หมา เฮ้อ...ชีวิต!

    “ก็วันนี้เราจะไปตั้งแคมป์กัน คุณเสนอเอง จำไม่ได้เหรอ”

    เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ค้นหาชุดที่จะใส่เดินทาง ส่วนกระเป๋าถูกจัดไว้เรียบร้อยก่อนงานแต่งงานเสียอีก

    เมื่อหญิงสาวพูดเรื่องฮันนีมูน อารมณ์เขาก็ดีขึ้นทันที

    “อยากเปลี่ยนแผนไปต่างประเทศไหม”

    เดิมทีโปรแกรมนี้เตชิตจะพาภาวิกาไปเดินเขาที่สหรัฐอเมริกาและแวะเที่ยวตามเมืองสำคัญต่างๆ ติดที่หญิงสาวยืนกรานจะหนีบลูกรักไปด้วย ทำให้ต้องพับเก็บโครงการด้วยความไม่สะดวกหลายประการ ถกเถียงกันอยู่นานสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าจะไปค้างบนยอดดอยที่เชียงใหม่สองคืน อีกห้าคืนก็พักรีสอร์ตที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้ ที่พักจึงจับจองและจ่ายเงินมัดจำไปเรียบร้อยแล้ว แต่หากจะเปลี่ยนแผนไปต่างประเทศตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง

    เธอหันมาสบตาชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มซนๆ “งั้นก็ต้องรอทำเรื่องอย่างน้อยสองสามวันเลยมั้ง คุณจะรอปะล่ะ?”

    เตชิตถอนใจเฮือกใหญ่

    แปลว่าระหว่างรอเดินทางก็จะมีจระเข้ขนฟูมานอนขวางคลองทุกคืนใช่ไหม ไม่เอาดีกว่า!

    “งั้นไปเชียงใหม่เหมือนเดิมนะ ไว้คราวหน้าผมจะชดเชยให้” เขาเดินมากระซิบข้างหูเธอพร้อมรั้งเอวบางเข้ามากอด เริ่มไต่จมูกไปตามเรือนผมหอมกรุ่นที่ทิ้งตัวยาวลงมาถึงกลางหลัง เลื่อนขึ้นไปจนถึงแก้มและทำท่าจะครอบครองริมฝีปากอิ่มเต็มของคนในอ้อมแขน

    หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ กดริมฝีปากร้อนๆ นั้นไว้ด้วยปลายนิ้ว “อาบน้ำแปรงฟันก่อน ฉันรู้นะว่าลัคกี้เลียปากคุณไปแล้ว”

    ชายหนุ่มกลอกตาเซ็ง แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ

    “ได้ แต่คืนนี้คุณไม่รอดแน่”

    ภาวิกาขบริมฝีปาก รู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้ม แต่ไม่ได้เถียงอะไรเขา

    ก็แล้วใครบอกล่ะว่าเธออยากรอด!

     

    เตชิตขับรถไปส่งลัคกี้ที่คอนโดมิเนียมของหมออิสระ โชคดีที่นี่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ แต่โชคร้ายของแฟนเก่าภาวิกาที่จะอดสวีตกับหวานใจสักพัก เพราะหญิงสาวย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าจู๋จี๋กันต่อหน้าลูกรักของเธอเด็ดขาด

    อันที่จริงจะฝากลัคกี้ไว้กับคนที่บ้านเตชิตก็ได้ แต่ภาวิกาอยากมั่นใจว่าลูกรักของเธอจะได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดีและมีทาสผู้ซื่อสัตย์คอยปรนนิบัติรับใช้ เธอจึงเจาะจงฝากลัคกี้กับคนที่ไว้ใจได้ว่าจะดูแลมันอย่างดีจริงๆ

    หลังส่งลัคกี้ไว้กับอดีตคนรักที่ไม่มีพิษมีภัยของภาวิกาเรียบร้อยแล้ว เตชิตก็นึกอะไรบางอย่างได้ เดิมทีโปรแกรมตั้งแคมป์เดินป่าจัดเพื่อรองรับการมีเจ้าตัวแสบด้วยจึงไม่ได้สนใจความเงียบสงบของบรรยากาศ แต่ในเมื่อตอนนี้กำจัดลัคกี้พ้นทางแล้ว ฮันนีมูนของเขาก็จะเป็นฮันนีมูนจริงๆ แล้วน่ะสิ

    “หน้าหนาวแบบนี้ใครๆ ก็เที่ยวเมืองเหนือ คนเยอะจะตาย ผมว่าเราไปทะเลดีกว่า ให้คุณเลือกเลยว่าอยากไปที่ไหน”

    “นี่ถามความเห็นฉันอยู่รึเปล่า?”

    เขายิ้มเผล่ ละสายตาจากถนนมามองเธอแวบหนึ่ง

    “เปล่า ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ทะเล”

    เธอไม่มีปัญหาเรื่องสถานที่ แค่รู้สึกหมั่นไส้เขาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะขัดใจเตชิตนัก จะว่าไปแล้วเขาทำอะไรเพื่อเธอตั้งหลายอย่าง ขณะที่เธอแทบไม่เคยทำอะไรเพื่อเขาเลย

    “มาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้ฉันคิดไม่ออกหรอก คุณคิดต่อแล้วกันว่าจะไปที่ไหน”

    ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างพึงพอใจ “งั้นกลับบ้านไปขนกระเป๋าขึ้นรถกัน ขับรถไปเองดีกว่า จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเช่ารถ”

    “งั้นก็ต้องรื้อกระเป๋าเดินทางนะ มีแต่เสื้อผ้าหนาๆ ใส่เดินทะเลไม่คล่องตัว”

    เตชิตยิ้มกริ่ม เอ่ยโดยไม่มองหน้าคนข้างๆ ว่า “อย่าเสียเวลาเลย ผมว่าเราคงไม่ต้องใช้เสื้อผ้าซักเท่าไหร่ในทริปนี้”

    ภาวิกาหน้าแดงแปร๊ด

    แต่เธอก็เห็นด้วยกับเขานะ งั้น...ว่าไงก็ว่าตามกันสิ!

     

    หัวหินเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในหัวเตชิตตอนนี้ เขายอมรับว่าสิ้นคิดแล้วจริงๆ ใจมันร่ำร่ำแต่จะหาบ้านพักที่สงบสักหลังแล้วดื่มด่ำกับน้ำผึ้งพระจันทร์ที่เฝ้ารอให้สาสมใจ ไหนๆ ก็สลัดลัคกี้ได้ตั้งหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แล้ว คราวนี้ต้องตักตวงเวลาแห่งความสุขให้คุ้ม

    เตชิตไม่เคยรู้ว่าตัวเองมียีนหื่นในตัวจนกระทั่งวันนี้ กว่าจะถึงหัวหิน กว่าจะหาที่พักถูกใจได้ กว่าจะผ่านมื้อเที่ยง กว่าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เขาก็แทบขาดใจตาย แต่แม่เจ้าประคุณยังมาร้องแง้วๆ ว่าอยากเล่นน้ำทะเล เห็นสายตาออดอ้อนที่นานๆ ทีแม่สาวจอมแสบอย่างภาวิกาจะนำมาใช้กับเขาก็ดันใจอ่อนซะอีก ชีวิตเขาต้องขึ้นอยู่กับผู้หญิงคนนี้จริงๆ ให้ตาย!

    “เพิ่งบ่ายสามเอง แดดแรงมากนะ รอให้แดดร่มลมตกค่อยไปเล่นน้ำไม่ดีกว่าเหรอ” นี่เป็นเหตุผลเดียวที่เขาจะใช้เป็นข้ออ้างถ่วงเวลาได้

    “ฉันมีครีมกันแดดตัวเทพ ไม่ต้องห่วงหรอก คุณคิดว่าคนอย่างฉันจะออกแดดทั้งที่ไม่ทาครีมกันแดดเหรอ อีกอย่างกำลังอยากมีผิวแทนพอดี แบบนี้เหมาะเลย”

    เธอยิ้มแฉ่งแข่งกับดวงอาทิตย์ที่สาดแสงจัดจ้า

    “ก็ตามใจ อย่ามาบ่นว่าตัวไหม้ทีหลังก็แล้วกัน”

    หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ส่งครีมกันแดดให้เขาแล้วบอกว่า “คุณทาก่อน เดี๋ยวเป็นมะเร็งผิวหนัง แล้วรีบตามฉันไปที่หาดนะ”

    ว่าแล้วก็วิ่งออกจากบ้านพักไปก่อน เห็นแต่มือที่โบกลาไหวๆ

    เตชิตโคลงศีรษะ เซ็งเบาๆ ที่ไม่เคยขัดใจภาวิกาได้สำเร็จ

    ชายหนุ่มละเลงครีมกันแดดบนแขนขาและเนื้อตัวเท่าที่จะทำได้ เขาไม่กลัวผิวคล้ำแต่มะเร็งผิวหนังไม่ใช่เรื่องสนุก

     

    ร่างสูงเดินเอื่อยๆ มาที่หาดทรายด้านหลังบ้านพัก หยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นชาวต่างชาติตัวโตยืนคุยกับภรรยาของเขา จะไม่เคืองสักนิดหากเจ้าหมอนั่นเป็นตาแก่พุงยื่น หรือเด็กชายตัวเล็กๆ แต่นี่ยังหนุ่มแน่น รูปร่างดี แถมหน้าตาก็จัดว่าดีมากอีกต่างหาก ซ้ำร้ายพ่อหนุ่มนั่นยังสวมกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว อวดรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม เห็นแล้วขุ่นเคืองใจเป็นที่สุด!

    ชายหนุ่มเดินดุ่มเข้าไปหาคนทั้งคู่ สีหน้าถมึงทึง ลมเพชรหึงรายรอบตัว ภาวิกาหันมาพอดี เธอโบกมือให้พร้อมรอยยิ้มสดใสแล้วหันกลับไปคุยอะไรบางอย่างกับหนุ่มต่างชาติ พ่อหนุ่มผมทองหันมาทางเขา ส่งยิ้มกว้างขวางมาให้อย่างเป็นมิตร อารมณ์กรุ่นๆ ในอกจึงคลายลงบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด

    ทันทีที่มาถึงตัวภรรยาเขาก็รีบโอบเอวบางแสดงความเป็นเจ้าของ

    “มีปัญหาอะไรกันเหรอครับ” เขาถามเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้อีกคนฟังรู้เรื่องด้วย นี่เป็นมารยาทพื้นฐานที่เตชิตรู้ดี

    “เขามาถามทางน่ะ” เธอตอบแค่นั้นแล้วรีบขอตัว ดึงชายหนุ่มให้ห่างออกมา

    “แค่นั้นแน่เหรอ ผมเห็นว่าเขาส่งกระดาษอะไรให้คุณด้วย” เตชิตดักคอ ถึงจะอยู่ไกลแต่เขาก็ไม่ได้สายตาสั้น

    “เห็นด้วยเหรอ” เธอทำหน้าเซ็ง

    ชายหนุ่มยื่นมือไปตรงหน้าหญิงสาว “ขอผมดูหน่อย”

    ภาวิกายักไหล่ ควักเอานามบัตรของหนุ่มอเมริกันคนนั้นที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมให้เตชิตดู

    “ไอ้หมอนั่นมันแจกเบอร์นี่นา” เขากัดฟันฮึ่มฮั่ม หรี่ตาจ้องจับผิดเธอ “บอกให้ผมสบายใจหน่อยซิว่าคุณบอกเขาเรื่องของเรา”

    เธอไหวไหล่ “เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง เขาไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันแต่งงานแล้ว”

    “ภาวิกา” ชายหนุ่มเรียกเต็มยศ

    “จริงๆ นะ มันไม่สำคัญเลยซักนิด”

    เขายกมือขึ้นกอดอก “นี่กำลังยั่วให้ผมหึงอยู่รึเปล่า?”

    หญิงสาวปั้นหน้านิ่ง สักพักก็หลุดหัวเราะคิกคักออกมา “แล้วหึงมั้ยล่ะ?”

    “มาก!” เขาเน้นเสียงจริงจัง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ

    ภาวิกาอมยิ้ม พอเห็นเขาขยับจึงเริ่มออกวิ่ง ชายหนุ่มวิ่งตามลงไปไล่จับคนขี้แกล้งในทะเล ไปๆ มาๆ เลยเปียกปอนด้วยกันทั้งคู่ ชุดคลุมก็ไม่ได้ถอด พอหญิงสาวจะสลัดมันออกเพื่ออวดบิกินี่ตัวใหม่ที่เพิ่งถอยมาสดๆ ร้อนๆ ในวันนี้ก็ถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้

    “อย่าถอดเลย ชุดนี้ใส่ให้ผมดูคนเดียวก็พอ” ว่าพลางกระชับสาบเสื้อคลุมของเธอเข้าหากัน มัดสายให้แน่นป้องกันการเลื่อนหลุดระหว่างเล่นน้ำ

    “โหย...งั้นก็เสียของแย่สิ อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” เธอแกล้งโอด พวงแก้มแดงปลั่งด้วยความสุขผสานความเขินอาย

    “ไว้ใส่ว่ายน้ำในสระที่บ้านพักก็แล้วกัน ผมหวงของผม” เขาบอกด้วยหน้านิ่งๆ แต่นัยน์ตาวิบวับแพรวพราว

    “ก็ได้ แต่คุณต้องเล่นน้ำกับฉันไปจนค่ำนะ ถ้าวันนี้ไม่ได้ผิวแทนฉันไม่ขึ้นแน่”

    “ไม่เคยรู้เลยว่าคุณอยากมีผิวสีแทน จริงๆ แล้วกำลังแกล้งผมอยู่ใช่ไหม?” เขาดักคออย่างรู้ทัน

    เมื่อก่อนภาวิกาเกลียดแดดจะตายไป แค่ขอให้ไปช่วยเลือกน้องหมาสักตัวที่ตลาดนัดจตุจักรยังแทบจะต้องลากกันไป จู่ๆ วันนี้ก็อยากมาเล่นน้ำตากแดด อยากมีผิวสีแทนซะงั้น น่าสงสัย 

    เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ความชอบของคนเรามันเปลี่ยนกันได้นะ คุณไม่รู้เหรอ”

    เตชิตแสร้งถอนใจเฮือกใหญ่ “แกล้งได้แกล้งไป ถึงเวลาเอาคืนเมื่อไหร่ผมจัดเต็มแน่!

    ภาวิกาขบริมฝีปาก ทั้งฉุนทั้งเขินกับคำขู่ของเขา แต่ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาเอาคืน งั้นเธอขอแกล้งเขาต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน

    หญิงสาววิ่งลงทะเลไปวิดน้ำเค็มใส่หน้าเขาแล้วหัวเราะชอบใจ

    “เล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้!

    ชายหนุ่มลุยน้ำตามลงไปเอาคืน สองสามชั่วโมงต่อจากนั้นจึงกลายเป็นเวลาแห่งการย้อนวัยสู่สงครามน้ำทะเล กว่าพระอาทิตย์จะคล้อยต่ำเล่นเอาทั้งคู่เกือบหมดแรง

    ผืนน้ำถูกย้อมด้วยลำแสงสุดท้ายของดวงตะวัน เตชิตกับภาวิกานั่งพักเหนื่อยให้คลื่นสาดซัดปลายเท้า เนื้อตัวเปียกปอน เหนียวเหนอะหนะ และเต็มไปด้วยเม็ดทราย

    เขามองเสี้ยวหน้างามของเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมไปกุมมือเล็กที่วางอยู่บนผืนทราย กระชับแน่น เธอหันไปมองหน้าเขา ถ่ายทอดความรู้สึกอ่อนหวานผ่านดวงตา เมื่อใบหน้าคมคายโน้มต่ำ เธอก็รู้ว่าหมดเวลาแกล้งเขาแล้ว

    หญิงสาวพริ้มตาหลับ รอรับจุมพิตแรกหลังการแต่งงานด้วยหัวใจเปี่ยมสุข

    ชายหนุ่มแตะริมฝีปากอิ่มนุ่มเพียงแผ่วเบาก่อนจะถอยออกมากระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงอันแผ่วพร่า “จะมืดแล้ว เข้าบ้านกันเถอะ ผมหิว”

    ไม่มีคำปฏิเสธ มีแต่มือที่เกาะเกี่ยวกันไว้อย่างเหนียวแน่นแทนคำมั่น

    จากนี้...ทุกๆ วัน เราจะเคียงข้างกันตลอดไป...

     

    เตชิตสูดดมกรุ่นกลิ่นหอมละมุนจากพวงผมของคนข้างกายเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากแตะกลางหน้าผากมน เปลือกตาบาง พวงแก้มแดงปลั่งทั้งสองข้าง ปลายคางมน และวนเวียนกลับขึ้นมาจบที่ริมฝีปากอิ่มนุ่มแสนหวาน ก่อนจะโอบกระชับอ้อมแขนรัดรึงร่างนุ่มนิ่มเข้ามาซุกที่อกอย่างหวงแหน

    ตอนเห็นผู้ชายมาคุยกับเธอก็รู้สึกว่าหวงนักหนาแล้ว ตอนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่เคยรู้เลยว่าความหวงของคนเราจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นได้ด้วย

    “ยังไม่หลับใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามอยู่ข้างหูด้วยเสียงเครียดๆ

    “อื้อ” หญิงสาวตอบรับสั้นๆ ยังดื่มด่ำเต็มตื้นกับการเป็นของเขาและได้เป็นเจ้าของเขาจนสมองแทบไม่ประมวลผล

    “ผมว่าเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหน่อยนะ”

    ชายหนุ่มคลายอ้อมแขน เท้าศีรษะบนหมอนเพื่อจะได้มองใบหน้างามชัดขึ้น

    ภาวิกากะพริบตาปริบๆ จ้องมองเขาอย่างมึนงงกึ่งขวยเขิน “เรื่องอะไร?”

    เขาชะงัก ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหาคำที่เหมาะสม จนแล้วจนรอดก็หาไม่ได้ สักพักจึงเริ่มด้วยความลำบากใจ “ผมนึกว่าคุณกับนนทวัช...”

    หยุดแค่นั้นเพราะรู้สึกว่าไม่ควรจะขุดมันขึ้นมาในเวลานี้ เวลาที่เธอควรจดจำแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และโยนอดีตทิ้งไป

    แต่เขา...ไม่เข้าใจ

    ภาวิการู้ทันทีว่าชายหนุ่มหมายความถึงเรื่องใด แก้มที่แดงปลั่งอยู่แล้วยิ่งแดงเป็นสองเท่า กัดริมฝีปากระงับความเขินอาย ก่อนจะอุบอิบบอกเขาว่า “คุณเข้าใจผิดไปเอง”

    “วะ...ว่าไงนะ?” เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งกลางเตียงอย่างตกตะลึง

    หญิงสาวพยักหน้ายืนยัน ขบริมฝีปาก กลั้นยิ้ม ก่อนจะอ้อมแอ้มบอกอีก “คุณก็พิสูจน์ไปแล้วนี่ เรื่องแบบนี้มันพิสูจน์ได้ครั้งเดียว คุณก็รู้” 

    ชายหนุ่มกะพริบตามึนงง ตั้งสติครู่ใหญ่จึงเข้าใจว่าถูกหลอกมาตั้งนานสองนาน

    “เดี๋ยวนะ ผมคิดมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นฝันร้ายของคุณ ตั้งใจจะลบบาดแผลนี้ไปจากความทรงจำของคุณให้ได้ แต่คุณสนุกมากเลยใช่ไหมที่ได้แกล้งให้ผมเป็นห่วงกังวลไม่เลิกแบบนี้”

    “ทำไงได้ ฉันชอบให้คุณเป็นห่วงนี่ รู้สึกดีจะตาย”

    รอยยิ้มซุกซนของยายตัวแสบทำให้เตชิตต้องกัดฟันฮึ่มฮั่มอย่างมันเขี้ยว

    ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยหยุดสร้างความแปลกใจให้เขาได้เลย เธอเป็นทั้งยายตัวแสบ จอมเจ้าเล่ห์ จอมกะล่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตกหลุมรักภาวิกาจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

    “แย่หน่อยนะ จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ผมคงต้องลงโทษคุณซะบ้าง ไม่งั้นก็จะหาว่าผมไม่แน่จริง”

    เขามองเธอด้วยแววตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์พร้อมกับโน้มตัวลงมาหา

    หญิงสาวกระถดหนีพร้อมหนีบผ้าห่มพันร่างไว้อย่างแน่นหนา “คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย?”

    ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยม แววตากระเหี้ยนกระหือรือเต็มสูบ “ก็ลงโทษภรรยาที่ชอบหลอกสามีครั้งแล้วครั้งเล่าไง จากนี้ไปอีก หลายๆวัน อย่าหวังว่าจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยที่รัก”

    ภาวิกาเบิกตาโต รีบใช้มือยันหน้าอกหนั่นแน่นของเขาไว้ ประท้วงเสียงหลง “ทำไมต้องลงโทษกันด้วย คุณไม่ชอบเหรอที่ฉันไม่เคยเป็นของคนอื่น”

    เขายิ้มใส่ตาเธอ คว้ามือเล็กนุ่มมาสอดประสานกับมือใหญ่ไว้อย่างแนบแน่น ก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาว “รู้อะไรมั้ย มันไม่สำคัญหรอกนะว่าผมจะเป็นคนที่เท่าไหร่ สำคัญตรงที่คนสุดท้ายของคุณต้องเป็นผมเท่านั้น โอเคนะ”

    เตชิตถอยใบหน้าออกมานิดเพื่อจะได้สบตาเธออย่างอ่อนหวาน ก่อนจะกดประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากอิ่มนุ่มของผู้หญิงคนเดียวที่เป็นทั้งรักแรกและรักครั้งสุดท้ายของเขา บอกให้เธอรู้ว่าเขารักเธอมากเพียงใดด้วยจุมพิตดูดดื่ม เร่าร้อน และเรียกร้อง ตักตวงความหอมหวานให้สาสมกับที่เฝ้ารอคอยและถนอมเธอมาจนถึงวันแต่งงาน

    ภาวิการู้ว่าคำพูดของเขาเชื่อได้ทุกคำ ไม่มีอะไรให้เธอต้องสงสัยเคลือบแคลง

    แต่...

    “พูดเล่นใช่ไหมที่บอกว่าจะไม่ให้ฉันเห็นเดือนเห็นตะวันอีกหลายวันน่ะ?” หญิงสาวรีบถามเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกไปและคืนลมหายใจให้กับเธอ

    อยู่ในอ้อมแขนเขามันก็วาบหวามซาบซ่านดีหรอกนะ แต่ถึงขนาดจะไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันนี่เธออาจจะขาดใจตายก่อนได้กลับไปหาลัคกี้ก็ได้นี่นา...

    ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ยืนยันหนักแน่น “จริง!

    ภาวิกาหมดสิทธิ์ยิงคำถามหลังจากนั้น ไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อรองว่ายังไม่พร้อมจะทำหน้าที่แม่ในปีนี้เพราะเขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้ แถมยังตั้งอกตั้งใจปั๊มเจ้าตัวเล็กตลอดช่วงฮันนีมูน

    สองเดือนต่อมาหญิงสาวก็ต้องร้องกรี๊ดลั่นบ้าน ในมือมีที่ตรวจครรภ์ซึ่งปรากฏขีดแดงสองขีด ใบหน้าสะสวยงอง้ำเมื่อเห็นคุณสามีเปิดประตูห้องนอนเข้ามา

    “ผลงานของคุณ ดูซะ”

    เตชิตรับสิ่งที่ภรรยาโยนใส่หน้าเขามาดูให้เต็มตา พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็วางหน้าเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ เดินผิวปากออกจากห้องนอน ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แล้วเอาที่ตรวจครรภ์ไปอวดคนทั้งบ้าน!

     

     

     

    -Happy ending-

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×