ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic Baramos หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ปีสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด

    ลำดับตอนที่ #10 : ยมทูตตาแดง

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 53


    “ เอาเหอะฉันขี้เกียจจะทะเลาะกับแกแล้ว  เรื่องคู่หมั้นก็เลิกพูดแล้วกัน” เฟรินพูดเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง “ มาช่วยกันนึกซิว่าจะพูดเรื่องอะไรกันดี”

    “ นึกไม่ออกก็ไม่ต้องพูด” คำพูดเรียบ ๆจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล แต่คิลยิ้มขำ ๆ

    “ หรือจะพูดเรื่องผี”

    “ อย่าเลย  กลัวคนแถวนี้จะนอนไม่ หลับ” นักยั่วมือหนึ่งส่งไฟไปยังคนที่ดูไม่มีอารมณ์ร่วมที่สุดในห้อง

    “ หรือว่ากลัวว่าตัวเองจะนอนไม่หลับกันแน่”  คำย้อนเจ็บ ๆแสบ ๆ ตามนิสัย  คน ยั่วจึงิ้มแหย ๆ  นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนออกไปนอก หน้าต่าง

    แล้วใบหน้าที่มีแต่กระดูกก็ปรากฏในนัยน์ตาของเธอ นัยน์ตาที่ควรจะกลวงโบ๋กลับมีแสงสีแดงวาบออกมา

    เจ้าหญิงแสนอวดดีหวีดร้องลั่นไม่เหลือเค้าความอวดดีแม้ แต่น้อย

     

     

    “ เฟริน” เสียงสองเสียงดังแทบจะพร้อมกันก่อนที่เจ้าชายคนเก่งจะปราดเข้าไปหาหญิงสาว ที่ยังหลับตาปี๋ “ เฟรินเป็นอะไร”

    “ ตะ...ตา...แด....ย..ทู..ตะ...ยะ” เสียงตะกุกตะกักจนฟังไม่รู้เรื่อง

    คนกล้ากลายเป็นคนขี้ขลาด

    แต่ปฏิกิริยาแปลก ๆของเพื่อนสาวทำให้ยอดนักฆ่ารู้สึกแปลก ๆ แล้วตัดสินใจมองไปยังหน้าต่างที่แม่คนเก่งมองออกไปเมื่อครู่ 

    โครงกระดูกสวมชุดดำทั้งตัว ถือเคียวลอยอยู่ด้านนอก  แต่มันหันหลังให้ห้องนี้

    คิลเบิกตากว้าง ก่อนมองไปที่เพื่อนสาวที่ทำท่าราวจะควักลูกตาตัวเองออกมา

    “ บัดซบ!!” คำสบถของทายาทนักฆ่าทำให้คาโลหันกลับมามอง “ มีอะไร”

    “ ยมทูตตาแดง”  คำสั้น ๆของคิลไม่ได้ทำให้ความสงสัยของคาโลลดลงแม้แต่น้อย แต่คนอธิบายไม่อยู่ให้ถาม นักฆ่าแห่งซาเรสรีบวิ่งไปที่ประตูก่อนจะตะโกนดังลั่น

    “ ห้ามออกจากห้องเด็จขาด ปิดหน้าต่างให้สนิทแล้วเข้านอนให้หมด ถ้าฉันเห็นใครออกมาเพ่นพ่านหรือเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ได้เห็นดีกัน”

    เสียงโหวกเหวกโวยวายจึงได้เงียบกริบราวไม่เคยมีเสียง

    สู้กับนักฆ่า ฆ่าตัวตายชัดๆ...

    แต่คำห้ามของผู้พิทักษ์ป้อมก็ห้ามได้เพียงรุ่นน้องเท่า นั้นเพราะเพื่อนร่วมชั้นกลับไม่มีใครฟัทุกคนเดินตรงมายังห้องหัวหน้าป้อม พร้อมกันทันที

    “ เกิดอะไรขึ้น” คำถามจากมาทิลด้าแต่ไม่มีคำตอบจากคนตะโกน หญิงสาวผู้หมดความอดทนจึงเดินเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจนักฆ่าแห่งซาเรสที่ทำ หน้าเครียด  คนอื่นๆจึงเดินตามเข้าไป

    “ เกิดอะไรขึ้นคะคุณคิล” เรนอนเอ่ยขึ้นอย่างกังวล นัยน์ตาคมตวัดมาแวบหนึ่งก่อนจะหันไปทางอื่นแล้วพูดเสียงเครียดจัดไม่สมนิสัย

    “ ถ้าทุกคนรู้เรื่องแล้วฝากบอกให้ไปดูแลรุ่นน้องด้วย” พูดจบคนพูดก็หายไปอย่างรวดเร็วราวไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น  ดวง ตาคู่สวยฉายแววงุนงงก่อนจะเดินตามคนอื่นๆเข้าไปในห้อง

    “ เกิดอะไรขึ้นเธอเห็นอะไร” เสียงถามจากมาทิลด้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะคอกเมื่อคนถูกถามยังไม่เลิกเอามือ ปิดตาและทำท่าจะควักลูกตา  จนคาโลที่นั่งอยู่ข้าง ๆต้องรวบมือไว้ “ เอาแต่หลับตาแล้วมันจะไปได้เรื่องมั้ย”

    คนที่นั่งตัวสั่นอยู่ที่พื้นห้องเงยหน้าขึ้นมาเป็นครั้ง แรก  หน้าหวานซีดลงจากเดิมจนคนถามถึงกับผงะ  ปากซีดขยับเล็กน้อย  น้ำเสียงที่ เปล่งออกมาก็อู้อี้จนฟีงแทบไม่รู้เรื่อง

    “ ยมทูต...ตาแดง”

    “ ยมทูตตาแดง” เสียงทวนเบาๆจากโร เซวาเรส “ ไม่น่าเชื่อมันมาที่นี่ได้ยังไงกัน” นัยน์ตาสีเขียวฉายแววครุ่นคิดก่อนจะแสดงท่าทีตกใจแล้วมองไปยังร่างบางที่แทบ จะไม่มีแรงประคองตัวให้ตั้งตรง “ อย่าบอกนะว่านายไปสบตามันเข้า”

    เสียงกังวลจัดที่แทบไม่เคยได้ยินจากบุรุษนามโรเซวาเรส ทำให้คนที่ตัวสั่นอยู่แล้วสั่นยิ่งกว่าเดิมก่อนจะพยักหน้าช้าๆ  แต่ก็ทำให้คนฉลาดเริ่มนั่งไม่ติด  นัยน์ตา สีเขียวฉายแววเครียดจัด มือขาวกำแน่นสนิท

    “ มันเป็นตัวอะไร ทำไมพวกนายถึงทำท่าเครียดกันขนาดนั้น” คำถามตรงๆของครี๊ดถือว่าตรงกับความคิดของหลายๆคนมากเพราะทั้งห้องดูจะมีแค่ เฟรินกับโรเท่านั้นที่รู้

    เจ้าหญิงแห่งเดมอสกำมือแน่นก่อนจะเริ่มอธิบาย “ ยมทูตตาแดงเป็นปีศาจโครงกระดูกจากเดมอส” เฟรินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดคำต่อไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ ใครก็ตามที่ได้สบตากับมันจะตายทุกคน  เหมือนโดนตัด เส้นชีวิตให้สั้นลง”

    ราวกับลมหายใจของคนในห้องถูกขโมยไป แต่สำหรับคาโลราวกับมีคนเอามีดมาผ่ากลางหัวใจของเขา มือที่วางจับไหล่บางอยู่ก็จับแน่นกว่าเดิมร่างบางสั่นน้อยๆทำให้เขาอดไม่ได้ ที่จะสวมกอดหล่อนไว้

    “ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ  ฉัน จะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรแน่ ๆ” เฟรินแยกเขี้ยวอย่างฝืนๆ

    “ นายเห็นฉันขี้ขลาดขนาดนั้นเลยหรือไง  ฉัน ไม่ใช่คนที่อ่อนแอถึงขนาดต้องให้นายมาคอยปกป้อง  และ ที่สำคัญฉันก็ไม่คิดจะนอนรอความตายแน่ๆ” คำพูดที่แสดงถึงความมุ่งมั่นทำให้คาโลผละออกจากร่างบาง  นัยน์ตา สีฟ้ามองเข้าไปในตาโตแต่ก็พบเพียงความมุ่งมั่น คนตัวโตจึงถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปทางขอทานผู้รอบรู้

    “ แล้วมีทางแก้ไหม”

    “ ถ้ากำจัดยมทูตตาแดงตัวที่นายเจอได้ก็จะไม่เป็นไร  แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่มีใครเคยทำได้เพราะคนที่สบตามัน ไปแล้วครั้งหนึ่งถ้าสบอีกครั้งจะ... ไม่รอด” บรรยากาศวังเวงแผ่ไปทั่วห้องก่อนที่ความหวังจะกลับมาเมื่อได้ยินประโยคต่อไป จากสารานุกรมเคลื่อนที่แห่งป้อมอัศวิน  “ แต่ไม่จำเป็นว่าคนโดนสาปจะต้องกำจัดด้วยตัวเอง”

    คนโดนสาปรีบกลับพูดขัดทันที “ ฉันไม่อนุญาตให้พวกนายสู้กับเจ้าปีศาจนั่น ฉันจะจัดการเอง”

    “ จะบ้าหรือไง  แกสู้เองเกิดจ้อง ตามันอีกนี่ตายเลยนะเฟ้ย” ครี๊ดแย้งแต่คนต้นเรื่องกลับยิ้มยี่ยวน

    “ ของสนุกใครเขาจะอยากให้คนอื่นมาแย่ง”

    “ สนุกของนายนี่ถึงตายเลยเนี่ยนะ” เสียงจากเจค

    “ เค้าเรียกว่าน่าตื่นเต้นต่างหาก  เอา เป็นว่าถ้าห้ามใครจัดการมันเด็จขาดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยืนขึ้นโดยไม่สนใจแรงดึงที่ต้นแขนจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล นัยน์ตาสีน้ำตาลมองไปรอบๆก่อนจะฉายแววตกใจเมื่อมองไม่เห็นเพื่อนซี้คนสำคัญ

    “ คิลหายไปไหน...”

    “ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะแต่เห็นบอกว่าถ้าทุกคนรู้เรื่องแล้วให้ลงไปดูแลรุ่นน้อง ” เสียงหวานๆจากเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลทำเอาคนถามนิ่งสนิทก่อนจะหันไปสบกับ นัยน์ตาสีเขียวที่เริ่มฉายแววเครียด

    “ ไปนานหรือยัง” โรเอ่ยถาม

    “ ก็ตั้งแต่ที่พวกเราเข้ามาในห้องแล้วล่ะค่ะ”

    ยังไม่ทันจบคำเจ้าคนถูกสาปก็วิ่งพรวดออกไปราวติดจรวด แต่ยังไม่วายตะโกนด่าเพื่อนซี้ไปตลอดทาง

    “ ไอ้นักฆ่าน่าโง่ ”

    ทันทีที่เจ้าตัวยุ่งปราดออกไป  คา โลก็วิ่งตามออกไปติดๆ สมาชิกป้อมอัศวินมองตามอย่างไม่เข้าใจ  ก่อนจะหันไปทางคนที่ฉลาดที่สุดในห้องที่ทำท่าจะลุกตามเจ้าชายคนเก่ง แห่ง   คาโนวาลไป

    “ ทำไมมันต้องอยากจัดการขนาดนั้นแบ่งให้พวกเราเล่นบ้างก็ได้” กัส โทนีย่ายอดนักรบแห่งป้อมอัศวินเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีเขียวตวัดมามองก่อนปากบางจะยิ้มเหยียด

    “ นายคิดว่าเฟรินมันอยากจะสนุกคนเดียวงั้นหรือ” เหล่าผู้กล้าแห่งป้อมอัศวินพยักหน้าก่อนที่ซิบิลล์จะชะงักแล้วถามขึ้น

    “ หรือว่ายมทูตตาแดงนี่สามารถสาปคนได้ครั้งละหลายๆคน”

    “ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก  ต้องบอกว่า สาปทุกคนที่เผลอไปจ้องตาสีแดงของมันต่างหาก”

    “ งั้นที่เฟรินไม่อยากให้เราสู้ก็เพราะ...” แองเจลลีน่าพูดขึ้นเบาๆ

    “ อย่างที่คิด  หมอนั่นไม่อยาก ให้พวกเราเสี่ยงไปด้วย”

    ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วห้อง

    “ แทนที่จะมานั่งซึมแบบนี้สู้ไปช่วยมันไม่ดีกว่าหรือ” ทุกคนลุกพรวดขึ้นพร้อมกันแต่สาวงามผู้แสนรอบคอบกล่าวค้าน

    “ แบ่งคนไปคุ้มกันน้องๆด้วยดีไหมคะ เพราะพวกลิงทโมนก็ไม่น่าจะทนอยู่เฉยได้ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นในป้อม”

    มาทิลด้าพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะออกคำสั่ง

    “ ซีบิลล์ แองจี้ เรนอน เจคแล้วก็ครี๊ดไปคุ้มกันพวกลิงไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านอย่าให้มีใครได้รับ อันตรายอะไรเด็จขาด”

    “ สุดท้ายฉันก็ไม่ได้สนุกอีกแล้ว” เสียงบ่นจากครี๊ด ธันเดอร์ชายหนุ่มผู้รักความสนุกทำให้คนออกคำสั่งหันมายิ้มหวาน

    “ นายได้สนุกแน่กับการต้อนฝูงลิงทโมนเข้าคอก คราวนี้หน้าโหดๆของนายจะได้ใช้ประโยชน์เต็มที่”

    “ ฉันว่าเธอไปด้วยน่าจะดีกว่า  เพราะ พวกรุ่นน้องดูจะเกรงใจเธอมากกว่าคนอื่น ๆ ที่เธอส่งไปนะ” โรเอ่ยแย้ง  มาทิลด้านิ่งครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับคำ

    “ แต่ถ้าพวกนายจัดการไม่ได้  ฉัน จะออกไปช่วย”

    “ คงไม่ถึงมือเธอหรอก เธอก็รู้ว่าป้อมอัศวินเป็นพวกชอบซ่อนคม”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×