ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เปิดโอน [fic EXO] คนคุก (LuMin, KaiHun)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่4.2

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 57


    ในคุกไม่ได้แย่ขนาดที่ใครๆคิด...บางทีนะ

     

     

     

    บทที่4.2

     

    ลู่หานส่งซองจดหมายให้ผู้คุมตรวจ เมื่อผู้คุมเห็นว่าไม่ได้เขียนอะไรที่ผิดกฎเช่นเขียนขอเงินมากๆ หรือขอให้ส่งของเข้ามาอะไรเทือกนั้นก็พับจดหมายแล้วใส่ซองตามปรกติ พร้อมกับพับแบบฟอร์มขอเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดใส่ให้ด้วย

    ลู่หานเขียนไปบอกว่าย้ายที่เรียบร้อย แล้วก็ขอที่อยู่เรือนจำจากผู้คุมพร้อมแผนที่แบบคร่าวๆด้วย เผื่อแม่จะมาไม่ถูก...ทั้งที่ลู่หานเองยังไม่รู้ว่าแม่จะมาหรือเปล่า

     

    “เป็นไร?”ลู่หานถามคนตัวเล็กที่มองมาที่เขา มินซอกส่ายหน้าแล้วอ้อมแอ้มบอกว่าเปล่า นี่ล่ะคิมมินซอก ทำไมต้องทำเหมือนตัวเองมีความลับอะไรมากมายแบบนั้น ลู่หานไม่เข้าใจ

    ที่อยู่ด้วยกันมานี่ นอกจากชื่อและอายุแบบคร่าวๆ ลู่หานก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเด็กคนนี้เลย พูดถึงเรื่องอายุ ลู่หานไม่เคยถามเลยว่าจริงๆมินซอกอายุเท่าไหร่?

    “นี่มินซอก...เราอายุเท่าไหร่แล้ว?”ดวงตากลมๆนั่นเหลือกขึ้นด้วยความงง ริมฝีปากขยับมุบมิบเหมือนคำนวณอะไร ก่อนจะยกนิ้วมือขึ้นมาชู

    “19ฮะ...”

     

    ลู่หานเบิกตากว้าง 19เนี่ยนะ! ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าคงไม่ห่างกันมาก แต่มินซอกอายุเด็กกว่าลู่หานไปถึงสามปี ลู่หานเคยถามจงอิน ไอ้หมอนั่นก็ 22 แล้วเช่นกัน

    “เรียกฮยองสิ...”มินซอกยกคิ้วงงๆ ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ลู่หานพยักหน้า ก็อายุมากกว่าถึงสามปี ต้องเรียกฮยองนั่นถูกแล้วไม่ใช่เหรอไง เหมือนมินซอกจะขัดเขิน ดวงหน้ากลมๆก้มคางชิดอกพูดมาเพียงแผ่วเบา

     

    “...ลู่หานฮยอง”

     

    ลู่หานหัวเราะ ขยี้ผมนิ่มให้ฟุ้งกระจาย บอกว่าทุกคนในนี้คงแก่กว่ามินซอกกันทั้งนั้น หัดเรียกฮยองเรียกพี่เอาไว้ จะได้มีคนเอ็นดูมินซอกเยอะๆ

    มินซอกพยักหน้าเข้าใจ แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำของคิมจงอินก็แหวดังลั่นให้ลู่หานไปช่วยยกลังใส่อะไหล่มอเตอร์ไซค์ที่ถูกส่งมาซ่อม วันนี้โดนเวียนมาลงงานแผนกซ่อมบำรุง มินซอกถูกบอกให้ไปนั่งเป็นกำลังใจให้เฉยๆ แม้ผู้คุมจะคิ้วกระตุกกับสิทธิพิเศษของเด็กใหม่ตัวเล็กก็ตามที แต่ก็ต้องปล่อยไปเพราะนักโทษคนอื่นเห็นดีเห็นงามกับการที่มินซอกนั่งเฉยๆมากกว่า ไอ้อูฮยอนบอกกลัวมินซอกจะมาปวกเปียกทำให้งานล่าช้า ผู้คุมถึงยอมเออออด้วย

    ดูๆไปไอ้คิมอูฮยอนนี่ท่าว่าจะสปอยล์คนตัวเล็กเต็มที่เลยล่ะ เห็นตั้งแต่มันถามเรื่องต้นไม้ละ แล้วแววตาที่มองนี่ออกจะหวานหยาดเยิ้มไปนิด ลู่หานก็ได้แต่ดูๆไป คำพูดของไอ้จงอินที่บอกในคุกไม่มีผู้หญิงก็ต้องเอาผู้ชายมันแว๊บขึ้นมา

    ก็ถ้ามันจะทำอะไรมินซอกลู่หานคงไม่ยอม และไอ้จงอินก็คงไม่ยอมเหมือนกัน

    ให้เปรียบเทียบจากครอบครัวหนึ่ง ตอนนี้ไอ้จงอินแม่งเหมือนพ่อตัวโตเป็นหมีควายแล้วลู่หานเป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องหนูตัวเล็ก ก็เห็นมาตั้งแต่ถูกศาลตัดสิน ก็คอยดูแลเด็กนี่มา...

     

    ยอมรับว่าห่วง...

     

     

    “คุยเหี้ยไรกะมินซอก ไอ้สัด เดี๋ยวนี้ลักลอบใกล้ชิดนะ”ไอ้เหี้ยจงอินกระแซะ กวนตีนกูจังเดี๋ยวปล่อยกล่องร่วงทับตีนเลยสัด

    “คุยเรื่องชื่อพ่อมึงมั้ง รีบๆขนเหอะ ไอ้ส้นตีน”ด่าแม่งไปที เห็นมันขมุบขมิบปากด่ากลับ ทำไมไม่ด่าให้มีเสียงล่ะไอ้เหี้ย

     

    รถมอเตอร์ไซค์ที่ส่งมาครั้งนี้เป็นทรงแบบเฉี่ยว เปรียว ไม่ใช่พวกเวฟแม่บ้าน ผู้คุมบอกว่าให้รื้อโครงกับอะไหล่บางส่วนออกแล้วยัดตัวใหม่เข้าไป มีอะไหล่หลายชิ้นถูกซื้อมาพิเศษ ดูก็รู้ว่าแม่งให้แต่งรถให้ ท่อไอเสียถูกปรับให้เหลือเล็กนิดเดียวแถมรูปร่างก็เฉี่ยวบาดใจ เวลาเบิ้ลเครื่องที่คงหนวกหูฉิบหาย

    เพราะการแต่งรถมันต้องใช้เวลา กลุ่มของลู่หานเลยต้องปักหลักที่ซ่อมบำรุงสักสองถึงสามวัน จะให้กลุ่มอื่นมาต่อแม่งก็จะไม่ไฟน์ แม่งจะไม่เข้าใจว่ากลุ่มก่อนหน้าทำอะไรกันแล้วบ้าง เรื่องแต่งรถแม่งละเอียดอ่อน เมื่อตอนอยู่ข้างนอกลู่หานเองก็เคยแต่งรถพวกนี้เหมือนกัน แต่ไม่เท่าไหร่ก็เลิก แม่งสิ้นเปลือง ส่งยาทีใช้รถตำรวจแม่งก็รู้ สู้เดินเงียบๆส่งเงียบๆดีกว่าเยอะ

    “มึงเพ้นท์เก่งป่ะ”คิมชินอูหันมาถาม พร้อมชูกระป๋องสี ลู่หานบอกทำอะไรก็ได้ มันก็ยื่นลังสีมาให้เลย บอกให้พ่นโครงให้หมด กระดาษหนังสือพิมพ์ปึกหนาถูกส่งมาให้รองพื้นก่อน

    ไอ้เชี่ยจงอินไปวุ่นกับการตั้งศูนย์ล้อโน่นแล้ว ลู่หานเลยหนีบมินซอกที่นั่งดูตาแป๋วมาช่วยกางหนังสือพิมพ์

    วางโครงรถลงบนหนังสือพิมพ์แล้วบอกให้คนตัวเล็กไปยืนต้นลมกันกลิ่นสีและละอองกระเด็นโดน มองซ้ายขวาแม่งไม่มีห่าอะไรปิดจมูกได้สักอย่าง ตะโกนถามไอ้อูฮยอนถึงพวกมาสก์ปิดหน้าแม่งก็บอกว่าหมด ลู่หานเลยจำต้องถอดเสื้อยืดที่ตัวเองใส่ ขึงตรงส่วนคอให้อยู่ตรงจมูกแล้วมัดแขนเสื้อไว้ด้านหลังหัวเป็นหน้ากากอนามัยชั่วคราว

    “ลู่หาน...ฮยอง...ไม่ร้อนเหรอ”มินซอกเรียกลู่หาน แล้วเหมือนจะนึกได้จึงลงท้ายด้วยฮยองเสียงแผ่ว ลู่หานมองพระอาทิตย์ที่อยู่ตรงหัว เพราะพ่นสีสเปรย์แม่งพ่นในร่มไม่ดี แม่งจะฟุ้งเข้าหน้าเข้าตา อีกทั้งตรงนี้ทำเลดีลมถ่ายเทสะดวก แม้จะมีแดดกวนใจนิดหน่อย

    พื้นเพลู่หานเป็นคนผิวขาว แม้จะเป็นรอยคาดที่ต้นแขนเพราะชอบออกแดดก็ตามที

    “ไม่ร้อนอ่ะ ชินละ”เขาบอก เขย่ากระบอกสีสเปรย์ไปมา

    “เอาเสื้อผมไปใส่ไหมฮะ?”ลู่หานหันขวับเมื่อเสียงเล็กนั่นพูดจบ ชี้นิ้วใส่หน้าคนตัวเล็กที่จับๆชายเสื้อตัวเองเหมือนจะอยากถอดมันออก แหม...เป็นไอ้เหี้ยจงอินหรือนักโทษคนอื่นลู่หานก็อยากจะรับน้ำใจหรอกนะ

    “ใส่เสื้อของนายไว้บนตัวนายนั่นล่ะ คิมมินซอก แล้วก็ถ้าจะอยู่ช่วยพ่นสีอ่ะ ปิดจมูกด้วยก็ดี”พูดจบก็กดพ่นสเปรย์ไปยังโครงที่วางไว้ เริ่มจากบังโคลนหน้าเป็นส่วนแรก นึกชมคนที่ออร์เดอร์เข้ามาว่าแม่งเลือกสีเจ็บฉิบหาย จะแดงไปไหน แดงสดๆค่อนไปทางส้ม ดูแล้วแสบตาเหี้ยๆ

    ถึงจะเป็นแค่การพ่นสีธรรมดา แต่แม่งก็หินไม่ใช่เล่นนะ เพราะถ้าปล่อยน้ำหนักมือไม่สมดุลแม่งจะเกิดสีหนาขึ้นทันที คราวนี้ล่ะเหี้ยของแท้ เพราะสีสเปรย์ไม่ใช่สีชอล์คสีเทียนที่ไม่พอใจก็ขูดออกได้ แต่ถ้าสีสเปรย์รถแม่งพลาดคือการเริ่มใหม่ที่แสนเจ็บปวด

    ลู่หานพยายามกดหัวสเปรย์ให้น้ำหนักคงที่ จนพ่นทั่วทั้งบังโคลนแล้วจึงปล่อยให้แห้ง ลมไม่แรงมากไม่ต้องกังวลเรื่องเศษดินปลิวมาติดให้เกิดปัญหา

    “ฮยอง...”ลู่หานผละจากการสนใจในการเขย่ากระป๋องสีไปมองคนที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ มินซอกยื่นแก้วน้ำแดงมาให้แล้วควักมือเชิงบอกให้เข้าไปกินน้ำก่อน ลู่หานปาดเหงื่อบนใบหน้าออก ก็ดีเหมือนกัน อากาศร้อนฉิบหาย

    รับแก้วน้ำมาดื่มก่อนจะคว้าขวดน้ำเปล่ามากรอกอีกเพราะความกระหาย

     

    “ผมก็อยากทำงานบ้าง”ลู่หานส่ายหน้าหวือ บอกให้ไปขอไอ้พวกที่เบิ้ลเครื่องมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงนั้นสิ คิมมินซอกหน้ายู่ลงเล็กน้อยแล้วบอกว่าพวกนั้นไม่ให้ทำ

    “ผมกำลังจะเป็นง่อย”ลู่หานหัวเราะ เออเนาะ ไปทางไหนก็ไม่มีใครให้ทำอะไร ลงเกษตรกรรมก็ทำไม่ไหว มาประกอบอะไหล่ก็ทำไม่ได้ คงต้องรอไปลงคหกรรมนู่น ลงงานคหกรรมด้วยกันแค่สองครั้งแต่คิมมินซอกได้สูตรขนมมาจากซึงฮยอนเยอะเลยล่ะ

    “ลองพ่นสีไหมล่ะ”เขาถามแล้วส่ายกระป๋องตรงหน้า มินซอกครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า

    “มืออาจเปื้อนนะเว้ย ไม่มีถุงมือให้หรอก”เขาบอก เพราะมือของตนเองก็เปื้อนสีแดงไปบ้างแล้ว มินซอกยิ้มน้อยๆ บอกไม่เป็นไร

    “ต้องถอดเสื้อมาปิดจมูกเหมือนฮยองไหม?”ถามเหมือนจะซื่อหรือโง่ลู่หานไม่แน่ใจ ทำท่าจะถอดเสื้อออกจริงๆแต่ลู่หานก็คว้ามันไว้ก่อน แก้ปมแขนเสื้อที่มัดอยู่ของตัวเองออกแล้วดึงเสื้อที่กองอยู่ที่คอเพราะดึงลงกินน้ำเมื่อครู่ออก ดมเล็กน้อยก็ยังไม่ได้กลิ่นเหม็นเท่าไหร่

    “เอาอันนี้”ว่าแล้วสวมผลุบเข้าที่หัวอีกคน ดึงให้คอเสื้อคั่นอยู่ที่ดั้งจุ๋มจิ่ม แล้วหมุนตัวอีกคนกลับหลังหันมามัดแขนเสื้อ ถามว่ารัดแน่นไปไหมมินซอกก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่

     

    “ลองพ่นอันเล็กๆแล้วกัน”ลู่หานบอกแล้วจับกระจังหน้าวางลงกับกระดาษหนังสือพิมพ์ มินซอกเขย่ากระบอกสเปรย์เหมือนที่ลู่หานทำ

    “พ่นเบาๆก่อนแล้วค่อยลงน้ำหนักมือลงไปให้คงที”ร่างเพรียวคอยบอกอยู่ใกล้ๆ มินซอกค่อยๆกดมือลงก่อนในทีแรก ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือขึ้นเรื่อยๆตามคำบอก สีแดงสดเป็นละอองถูกพ่นทับบนกระจังหน้าสีเดิม

    “พ่นให้ทั่วอย่าเพิ่งปล่อยมือนะ รักษาน้ำหนักไว้”เสียงลู่หานยังบอกต่อเนื่อง มินซอกยังไม่ปล่อยนิ้วออกแขนเล็กเคลื่อนวนรอบชิ้นกระจังหน้ารถจนเมื่อมันเรียบเสมอกันด้วยสีแดงนั่นล่ะ มือเล็กถึงผ่อนแรงออก

    รอยยิ้มเผยเล็กๆใต้เสื้อยืดที่ปิดอยู่ พอใจกับผลงานตัวเอง ลู่หานปลดกระป๋องสีจากอีกคนมา เทียบสองชิ้นแล้วก็ถือว่าโอเคอยู่ แม้มินซอกจะพ่นเบากว่าเขาไปหน่อยก็ตาม ลู่หานยกแขนข้างหนึ่งปิดจมูกแล้วกดสเปรย์ไปบนชิ้นกระจังหน้าบางๆซ่อมส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยดีให้สมบูรณ์

     

    “โอเคไหมฮะ?”เสียงเล็กๆเอ่ยถาม ลู่หานยกนิ้วทำท่าโอเค “ก็ใช้ได้ แต่ทุกชิ้นสีมันต้องเท่ากัน น้ำหนักมือเรามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว เพราะงั้นเดี๋ยวนายไปนั่งรอดีกว่า พ่นแป๊บเดียวเท่านั้นล่ะ”ลู่หานบอก มินซอกก็เข้าใจดี คนตัวเล็กปลดเสื้อยืดของอีกคนออกแล้วส่งคืนให้ลู่หานไปพันหน้าแทน ตัวเองเดินมานั่งใต้ต้นไม้ที่เดิม

     

    ส่วนตัวถังเป็นส่วนต่อไปที่ลู่หานเลือกจะพ่น ลองเขย่ากระบอกสีดูแล้วเหมือนจะใกล้หมดเต็มทีจึงต้องเอากระบอกใหม่มาเปิด ถ้าเกิดสีหมดก่อนที่จะพ่นเสร็จอาจจะทำให้สีไม่กลืนกัน ตอนที่เปลี่ยนกระป๋อง สีเก่าอาจจะแห้งไปบางส่วน ยากจะแก้ให้กลืนกันได้

     

    “มินซอกแกะกระบอกที่เหลือรอไว้สักสองอันสิ”ลู่หานตะโกนบอกคนที่นั่งใต้ต้นไม้ มินซอกเลยแกะพลาสติกแรปกระบอกสีสเปรย์ออกให้ตามคำสั่ง

     

    ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์อันแล้วอันเล่าถูกพ่นทับสีเดิมด้วยสีใหม่ที่แสนจะร้อนแรง ลู่หานปาดเหงื่อ เดินไปดื่มน้ำบ้างบางครั้งแล้วก็ต้องรีบกลับมาพ่นสีเหมือนเดิม ดูท่าลมจะใกล้หมดเต็มที ไม่เช่นนั้นเวลาพ่นจะไม่มีทิศทางที่สเปรย์จะปลิว มันจะอัดเข้าตัวคนพ่นเอง

     

    “พรุ่งนี้ก็ทำได้นี่นา”มินซอกร้องบอก แต่ลู่หานกลับส่ายหน้า เขาไม่อยากให้มันค้างคานาน พรุ่งนี้กะจะไปทดลองเครื่องที่พวกไอ้จงอินทำเสียหน่อย อีกอย่างไอ้โครงพวกนี้อาจต้องเพ้นท์เพิ่มหรือติดลายเข้าไป ไม่มีใครจะมาขี่รถมอเตอร์ไซค์สีโล้นแบบนี้หรอกใช่ไหมล่ะ?

     

    ร่างเล็กยกมือมาเท้าคางมองแผ่นหลังเปลือยเปล่ากระทบกับแดดจนเป็นกระกาย ท่าทางของลู่หานกระฉับกระเฉงดีแม้จะไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่ก็ทำงานได้ทุกอย่าง

    ดูลักษณะคล้ายใครบางคน...

     

    มินซอกปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมา พอคิดถึงคนๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องไห้ออกมา ถึงจะรู้ว่าต่อให้ร้องไห้ขนาดไหน...คนๆนั้นก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้ ไม่มีทางที่คนตายจะฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งได้เลย...

     

     

    ไม่มีทาง...

     

     

     

     

    TBC.

     

     

    ตอนนี้น้อยง่อว์ มันหมดแล้วเจรงๆ เนื้อถ้าเอามายัดมันจะไม่ฟลิน 55555

    น้องติ๋มเริ่มจะพูดมากขึ้นแล้วนะ นางเริ่มมีบทเว้ย ก๊ากกก

    ส่วนตัวเราก็ชอบคาแร็กเตอร์จงอินนะ แม่งเท่ว่ะ ตัวดำๆหัวเกรียนๆ คิดถึงพี่แบ้งค์วงแคลช (เอ่อะ)

     

    ส่วนเรื่องดอกไม้ ฟอร์เก็ตมีนอตกับดาวกระจายฝรั่งนี่มันก็ไม่ได้แพงอะไรอ่ะค่ะ

    ฟอร์เก็ตมีน็อตเอาจริงๆซื้อตลาดต้นไม้ก็35บาท 3ต้น100ก็มี แต่เพราะมันตายง่าย น้องติ๋มเลยคิดว่าเสียตังค์ที่ต้องคอยปลูกน่ะค่ะ 555 อันนี้คือฟอร์เก็ตมีน็อตบ้านเรานะ ไม่ใช่ฟอร์เกตมีน็อตฝรั่ง แต่ราคาก็ไม่น่าจะห่างกันมากหรอกค่ะ

    ส่วนดาวกระจายฝรั่งก็ซองละ20ปลูกได้เป็นแปลงแล้ว เพราะฉะนั้น...น้องติ๋มไม่ได้รวยแต่อย่างใดนะคะ 5555555555

     

    #พี่ลู่คนคุก นะจ๊ะนะ

     

    เม้นก็ดีนะ เม้นเหอะ *บูชาด้วยพี่ลู่*

     

     

     

     

    แมลงจี่...

     
    ลบตอนเอาไปแก้คำผิดมา มันเยอะมากเหอะ เเกรซซซซซซซซซซซซซซซ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×